หากพูดถึงเมนูขนมหวานที่คลาสสิกและค่อนข้างทำได้ง่ายขั้นตอนไม่ยุ่งยากก็คงหนีไม่พ้นเจ้า “บานอฟฟี่ ” (ฺBanoffee) ที่แทบจะทุกคาเฟ่ หรือร้านเบอเกอรี่มีเมนูนี้วางขาย แต่วันนี้ Shopee เราจะมาทาเลนซ์แจกสูตร วิธีทำบานอฟฟี่ แบบปังกรุบเอาใจเหล่าสายหวานที่จัดเต็มมาให้ตั้งแต่การเตรียมสูตร อุปกรณ์ พร้อมวิธีการทำแบบไ่ม่ต้องง้อเตา พร้อมสูตรอื่น ๆ ให้นำไปทำบานอฟฟี่ทานกันที่บ้านได้ง่าย ๆ ซึ่งถ้าหากพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย!
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
สูตรบานอฟฟี่จากไมโครเวฟ
เริ่มกันที่แรกสูตรแรกบอกได้เลยว่าง่ายมาก แถมอุปกรณ์ไม่เยอะเอาใจชาวคอนโด หรือชาวหอที่อยากทำบานอฟฟี่ทานเองแบบไม่ต้องง้อร้านที่มาพร้อมวัตถุดิบและขั้นตอนในการทำดังนี้
Cr: Freepik
วัตถุดิบการทำบานอฟฟี่
- แครกเกอร์รสจืด 100g
- เนยละลาย 50g
- น้ำตาลทราย 40g ( 10 g สำหรับผสมแครกเกอร์ ส่วน 30g สำหรับทำคาราเมล)
- น้ำเปล่า 20g
- น้ำร้อน 20g
- นมข้นหวาน 60g
- กล้วยหอมหั่นพอดีคำ 2 ลูก
- วิปปิ้งครีมแช่เย็นจัด 150 กรัม
- ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนการทำบานอฟฟี่แบบง่าย
- เริ่มจากการเตรียมถุงชิปล็อค เปิดปากถุงแล้วนำแครกเกอร์มาใส่ในถุงจากนั้นทุบให้ละเอียด
- เมื่อละเอียดแล้วให้เติมน้ำตาลและเนยที่ละลายแล้วลงไปพร้อมกับเขย่าเบา ๆ ให้เข้ากันเล็กน้อย
- แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดเทใส่ในภาชนะเพื่อนำเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟให้อุ่นร้อนประมาณ 1 นาที (ุ700 – 800 วัตต์) และตั้งทิ้งไว้ให้เย็น
- ในระหว่างที่รอให้ทำซอสคาราเมลโดยใส่น้ำและน้ำตาลพยายามคนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนนำภาชนะที่ทนความร้อนเข้าไปในไมโครเวฟโดยใช้ไฟประมาณ 800 วัตต์ที่ 2 นาที หรือจนกว่าน้ำตาลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม (แต่อย่าให้ไหม้)
- จากนั้นให้เติมน้ำร้อนและนมข้นหวานลงไปแล้วทำการคนให้เข้ากัน แค่นี้ก็จะได้เป็นซอสคาราเมลหอม ๆ
- ต่อมาให้นำวิปปิ้งมาใส่ภาชนะแล้วตีให้ฟู พร้อมกับนำไปผสมกับแครกเกอร์ที่เตรียมไว้ เมื่อได้ที่แล้วให้วางลงในแม่พิมฑ์ที่เป็นวงกลม
- จากนั้นให้ยกแม่พิมพ์ออกแล้วให้ใส่กล้วยที่หั่นไว้วางให้สวยงามพร้อมราดซอสคาราเมลและตักแบ่งตามความต้องการ หรือเสิร์ฟทานได้เลย
สูตรบานอฟฟี่พาย
บานอฟฟี่พายแบบไม่ง้อเตาอบ พร้อมซอสคารเมลที่ทำเองซึ่งเป็นซอสคาราเมลหวาน หรือที่เขาเรียกว่า Dulce de Leche ที่มักจะนิยมกันในต่างประเทศซึ่งขั้นตอนในการเตรียมก็แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือสำหรับตัวเนื้อบานอฟฟี่และการทำซอสโดยมาพร้อมวัตถุดิบและขั้นตอนในการทำดังนี้
Cr: freepik
วัตถุดิบสำหรับทำบานาฟฟี่พาย
ซอสคาราเมล Dulce de Leche
- นมสด 1 ลิตร
- น้ำตาลทราย 150 กรัม (หากใครชอบรสหวานสามารถเพิ่มปริมาณ)
- เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
- เกลือเล็กน้อยประมาณ 1/8 ช้อนชา
- กลิ่นสังเคราะห์ วานิลลา 1 ช้อนชา หรือจะใช้อบเชยก็ได้คะ
บานอฟฟี่
- กล้วยหอม 4 ผล
- น้ำมะนาวประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
- บิสกิต 300 กรัม
- เนยจืด 100 กรัม
- ซอสคาราเมล Dulce de Leche 250g
- วิปปิ้งครีม 300-400 ml.
- น้ำตาลไอซิ่ง 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงช็อกโกแลต
ขั้นตอนการทำบานอฟฟี่พาย
ซอสคาราเมล Dulce de Leche
- ใส่นมลงในหม้อใบใหญ่แล้วตั้งเตาให้นมพออุ่นแล้วใส่ส่วนผสมของแบคกิ้งโซดา ตามด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ
- โดยขณะต้มให้ใช้ไฟกลางและต้องคอยคนตลอดเวลา ถ้านมใกล้ฟูขึ้นจะล้นหม้อให้ทำการยกหม้ออกจากนั้นทำการคนเบา ๆ ให้นมยุบตัว แล้วค่อยกลับไปตั้งใหม่
- ทำการเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนสีน้ำนมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนให้ทำการคนไปเรื่อย ๆ จนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม
- จากนั้นให้เบาไฟลงแล้วเติมกลิ่นวนิลาลงไป พร้อมกับคนต่อไปให้มีเนื้อเหนียวเป็นสีน้ำตาลเข้ม
- เมื่อได้ที่ให้ทำการปิดไฟแล้วยกลงจากเตาแล้วคนต่อเพื่อให้เนื้อซอสเนียนนุ่มและเย็นตัวลง (ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 1 เดือน)
วิธีทำบานอฟฟี่
- นำบิสกิตมาบด หรือใส่ถุงซิปล็อคแล้วทุบให้ละเอียด
- นำเนยที่ละลายในไมโครเวฟ หรือบนเตาสัก 1 นาทีแล้วนำมาผสมให้เข้ากับบิสกิต
- จากนั้นให้ใส่ในฟอร์มที่มีกระดาษไขรอง พร้อมกับเกลี่ยให้ทั่วฟอร์มและพยายามกดฐานให้แน่นทั้ง
- แล้วทำการเทซอสคาราเมลนมหวาน Dulce de Leche ลงไปพร้อมกับเกลี่ยให้ทั่วแล้วนำไปแช่ในตู้เย็นจนกว่าซอสจะจับตัวเหนียว
- ก่อนจะรับประทานให้นำวิปปิ้งมาตีแล้วใส่ถุงบีบลงให้ทั่วฟอร์ม หรือปาดหน้าเค้กให้ทั่ว
- ตกแต่งหน้าบานอฟฟี่พายด้วยกล้วยที่หั่นไว้เป็นชิ้น ๆ โรยด้วยผงช็อกโกแลตและใบเปปเปอร์มิ้นต์พร้อมตัดเสิร์ฟได้ทันที
สูตรบานอฟฟี่ทาร์ต
จะเป็นอีกสูตรยบานอฟฟี่ที่มีขนาดกะทัดรัด พอดีคำในการรับประทานที่ยังให้รสสัมผัสของกล้วยและคาราเมลอันหอมหวานในองค์ประกอบของแป้งทาร์ตที่เข้ามาเพิ่มลูกเล่นและให้อรรถรสที่ต่างจากไปจากบานอฟฟี่ธรรมดาซึ่งมีวัตถุดิบและขั้นตอนในการทำดังนี้
Cr: freepik
วัตถุดิบสำหรับทำบานอฟฟี่ทาร์ต
- น้ำตาลทราย 280g
- น้ำเปล่า 50g
- วิปครีมชนิดจืด 700 g (ซอส 230g ครีมทอฟฟี่ 470)
- เนยสดชนิดเค็ม 40g
- ทอฟฟี่ซอส 1 ถ้วยตวง
- เจลาตินแผ่น 1 แผ่น
- กล้วยหอมหั่นชิ้น 5 ลูก
- ทาร์ตสำเร็จรูป
ขั้นตอนการทำบานอฟฟี่ทาร์ต
- เริ่มทำซอสด้วยการนำน้ำตาลไปผสมให้กับน้ำเปล่าให้เข้ากัน จากนั้นนำไปตั้งไฟเคี่ยวจนสีเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทองแล้วค่อยยกลงจากเตา
- จากนั้นให้ทำการเติมวิปครีม เนยสดแล้วคนทั้งหมดให้เข้ากันและนำไปพักไว้ให้เย็น
- ถัดมาจะทำครีมทอฟฟี่ด้วยการแช่เจลาตินในน้ำเย็นจัดแล้วนำขึ้นมาตุ๋นบนน้ำอุ่นให้ละลาย
- แล้วตีวิปครีมโดยใช้ความเร็วสูง พอขึ้นฟูตั้งยอดแล้วเติมทอฟฟี่ซอสและเจลาตินละลายลงผสมให้เข้ากัน
- จากนั้นบีบวิปครีมลงบนทาร์ตสำเร็จรูปที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยกล้วยหอมแล้วราดด้วยซอสทอฟฟี่เคลือบบาง ๆ เพียงแค่นี้ก็พร้อมรับประทาน หรือถ้าใครอยากกินแบบเย็น ๆ ก็สามารถนำไปแช่เย็นแล้วค่อยหยิบมารับประทานก็ได้
สูตรบานอฟฟี่มัทฉะ
ทิ่งท้ายด้วยสูตรบานอฟฟี่มัทฉะที่นำมาเอาใจสายชาเขียวกับสูตรดัดแปลงบานอฟฟี่ที่พลิกจากการใช้ซอสคาราเมลมาเป็นการใช้มัทฉะเป็นส่วนผสมหลักแทนที่ฟังดูแล้วจะมองภาพไม่ออก แต่รับรองได้ว่าอร่อยไม่แพ้บานอฟฟี่สูตรปกติ โดยมีวัตถุดิบและขั้นตอนในการทำดังนี้
Cr: freepik
วัตถุดิบสำหรับทำบานอฟฟี่มัทฉะ
- โอริโอ้ 100g
- เนยสดชนิดเค็มที่ละลายแล้ว 60g
- เนยสดชนิดเค็ม 25g
- น้ำตาลทรายแดง 40g
- นมข้นจืด 25ml
- วิปปิ้งครีม 20ml
- กล้วยหอม 2 ลูก
- ผงมัทฉะ
ขั้นตอนการทำบานอฟฟี่มัทฉะ
- เริ่มที่นำโอริโอ้ไปบด หรือใส่ถุงแล้วทุบให้ละเอียด ตามด้วยเนยสดที่ละลายแล้วนำไปผสมคนให้เข้ากัน
- นำบิสกิตที่ได้เทลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ เกลี่ยให้ทั่วแล้วนำไปแช่เย็นจนเป็นทรงตัวดี
- จากนั้นให้ตั้งหม้อแล้วใส่น้ำตาลทรายแดง แล้วคนให้น้ำตาลละลาย ตามด้วยเนยเค็ม วิปปิ้งครีมและนมข้มจืดแล้วคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเดือดและนำไปพักไว้ให้เย็น
- ระหว่างรอให้ตีวิปปิ้งครีม แล้วใ่ส่น้ำตาล พร้อมผงมัทฉะ พร้อมทั้งตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนวิปปิ้งฟู
- นำกล้วยที่หั่นเป็นชิ้นไว้เรียบร้อบแล้วมาเรียงให้ใส่เต็มฐาน แล้วราดซอสคาราเมลลงไป พร้อมบีบวิปครีมมัทฉะให้ลงไปเต็มแล้วใช้ช้อปปาดหน้าวิปครีมให้เสมอและโรยผงมัทฉะ แค่นี้ก็พร้อมทาน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับทั้ง 4 สูตรบานอฟฟี่ที่นำมาฝากโดย 2 สูตรแรกเหมาะสำหรับคนที่พักอยู่คอนโด หอพัก หรือไม่มีเตาอบให้ใช้ไมโครเวฟทำบานอฟฟี่ไว้ทานเล่นที่บ้านได้ง่าย ๆ ส่วน 2 สูตรต่อมาจะอัพเลเวลมานิดนึงเหมาะกับคนมีเตาอบและมีเวลา หรืออาจชื่นชอบดัดแปลงสูตรใหม่ๆ เพราะบานอฟฟี่ วิธีทําก็ไม่ซับซ้อนเลย ใครที่มีเวลาว่าง อยากหาอะไรทำในช่วงวันหยุด หรือไม่อยากออกไปซื้อข้างนอกก็ลองเก็บทั้ง 4 สูตรไปลองทำกินกันที่บ้าน