ความดันสูงได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรเงียบคร่าชีวิตคนในแต่ละปีไปมากมาย โดยในปี 2000 มีประชากรโลกที่มีอาการความดันสูงที่ราวร้อยละ 26.4 ของประชากรทั้งหมดและมีผู้ป่วยขึ้นทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี ในประเทศไทยมักพบผู้ป่วยเป็นความดันสูงในประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งโรคนี้ยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงที่สุดมากยิ่งกว่าการสูบบุหรี่และโรคไขมันในเลือดสูงเสียอีก อาการความดันสูงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ผู้ที่มีความดันสูงอ่อน ๆ หรือปานกลางมักไม่รู้ตัวจนก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนตามมา บทความนี้เราจึงชวนเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักอาการความดันสูง เพื่อดูแลตนเองและคนที่รักให้ดียิ่งขึ้นกัน
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ยังไงถึงเรียกว่าอาการความดันสูง
อาการความดันสูงเกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจ ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะวัดค่าความดันได้ 2 ตัว คือ
- ความดันช่วงบน หรือ ความดันซิสโตลี (Systolic blood pressure) คือ แรงดันโลหิตตอนที่หัวใจบีบตัวเต็มที่ ซึ่งมีค่าปกติอยู่ที่ 120-129 มิลลิเมตรปรอท
- ความดันช่วงล่าง หรือ ความดันไดแอสโตลี (Diastolic blood pressure) คือ แรงดันโลหิตตอนที่หัวใจคลายตัวเต็มที่ ซึ่งมีค่าปกติอยู่ที่ 80-84 มิลลิเมตรปรอท
หากมีระดับความดันโลหิต 120-139/ 80-89 นั้นแสดงว่าเริ่มมีอาการความดันค่อนข้างสูง และควรตรวจเช็กความดันเพื่อติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับโรคความดันโลหิตสูง คือ จะมีการบ่งชี้อาการตั้งแต่มีการวัดค่าความดันตัวบนได้สูงเกิน 140 มิลลิเมตรปรอท และตัวล่างสูงเกิน 90 มิลลิเมตรปรอท แต่หากความดันเริ่มสูงเกิน 160 จะสามารถเป็นอันตรายจนอาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ ซึ่งเป็นความดันสูงในระดับนี้ผู้ป่วยควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยปกติค่าความดันในร่างกายของเราจะไม่คงที่ตลอดเวลา และจะมีการเปลี่ยนแปลงตามอิริยาบทรวมถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งเราจะทราบค่าความดันได้ก็ต่อเมื่อมีการใช้เครื่องวัดความดันได้ทั้งแบบมาตรฐานและแบบอีเลคโทรนิคส์ ซึ่งในปัจจุบันเรายอมรับว่าค่าความดันทั้งตัวบนและตัวล่างมีความสำคัญนำมาใช้ชี้วัดค่าความดันสูงได้ เนื่องจากไม่ว่าค่าความดันตัวใดสูงผิดปกติก็สามารถทำให้เกิดโรคต่อหัวใจ สมอง ไตได้มากกว่าคนปกติทั้งนั้น
ความดันสูงเกิดจาก
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดันสูงที่ทราบสาเหตุนั้นมีจำนวนไม่มาก คิดเป็นราว 5-10% ของผู้ป่วยเป็นโรคความดันสูงเท่านั้น โดยผู้ป่วยเป็นโรคความดันสูงชนิดที่ทราบสาเหตุมักเกิดจาก
โรคความดันสูงชนิดทราบสาเหตุ เกิดจาก
- โรคไต เช่น โรคไตเรื้อรัง กรวยไตอักเสบเรื้อรัง หน่วยไตอักเสบ โรคถุงน้ำไตชนิดหลายถุง ฯลฯ
- เนื้องอกในสมองที่ทำให้ความดันในกระโหลกเพิ่มสูงขึ้น
- หลอดเลือดแดงไตตีบ (Renal artery stenosis)
- หลอดเลือดแดงใหญ่ตีบ (Coarctation of aorta)
- เนื้องอกบางชนิดของต่อมหมวกไต หรือต่อมใต้สมอง
ซึ่งผู้ป่วยเป็นโรคความดันสูงที่ทราบสาเหตุก็สามารถเยียวยาและรักษาที่ต้นเหตุเพื่อรักษาอาการความดันโลหิตสูงได้ แต่ผู้ที่ป่วยเป็นความดันสูงส่วนใหญ่เกินกว่าร้อยละ 95 มักไม่ทราบสาเหตุ จึงมักกล่าวกันว่าเป็นอาการความดันสูงเกิดจากพันธุกรรม ซึ่งหากพ่อแม่มีประวัติเป็นความดันสูง ลูกก็มีโอกาสเป็นความดันสูงได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคความดันสูงได้มากกว่าปกติ
โรคความดันสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เกิดจาก
- โรคเบาหวาน เพราะก่อให้เกิดการอักเสบตีบแคบของหลอดเลือดต่าง ๆ รวมทั้งหลอดเลือดของไต
- โรคอ้วน เพราะมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดตีบจากไขมันที่ไปเกาะผนังหลอดเลือดได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความดันสูงได้
- การขาดการออกกำลังกาย
- การรับประทานอาหารเค็มอย่างต่อเนื่อง ความเค็มจะทำให้ร่างกายต้องปรับสมดุลด้วยการเพิ่มปริมาณน้ำในเลือดเพื่อเจือจางโซเดียมลง และส่งผลให้ความดันเลือดเพิ่มขึ้น
- การสูบบุหรี่ สารพิษจากบุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบตัน ทำให้ความดันเพิ่มสูงขึ้น
- การดื่มแอกอฮอล์ เพราะส่งผลให้หัวใจเต้นแรงกว่าปกติทำให้มีโอกาสเป็นความดันสูงมากกว่าคนปกติทั่วไป
อาการของโรคความดันสูง
ผู้ที่มีความดันสูงมักไม่ปรากฏอาการผิดปกติภายนอก ผู้ที่มีอาการความดันสูงเฉียบพลันอาจมาพร้อมกับสัญญาณเตือนอย่าง เจ็บหน้าอกรุนแรง เหนื่อยง่าย ใจสั่น เลือดกำเดาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดท้ายทอย หรือปวดหัวตุบ ๆ คล้ายปวดไมเกรน อาจมีการอาเจียนร่วมด้วย ซึ่งจะเป็นในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วหายกลับเป็นปกติได้เอง หรือแพทย์มักให้คำแนะนำในการลดความดันด้วยตัวเองโดยการนอนราบให้ร่างกายได้ผ่อนคลายและลดความดันในร่างกายให้ต่ำลง
แต่หากมีสัญญาณเตือนแบบนี้แล้วยังปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา ปล่อยให้เกิดภาวะความดันสูงนาน ๆ ก็อาจเป็นสาเหตุให้อวัยวะสำคัญในร่างกายอย่าง สมอง หัวใจ ไต หลอดเลือด และตา ถูกทำลายลงไปอย่างช้า ๆ ได้รับเลือดไปเลี้ยงได้น้อยลง ทำให้อวัยวะเหล่านี้ทำงานผิดปกติจนอาจเสียชีวิตได้
ความเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนของอาการความดันสูง
ความน่ากลัวของโรคความดันสูงไม่ได้อยู่ที่ตัวอาการความดันสูงเอง แต่เนื่องจากระบบหมุนเวียนโลหิตนั้นส่งผลกระทบกับอวัยวะสำคัญอื่น ๆ ในร่างกายเช่น หัวใจ สมอง ไต ซึ่งจะเป็นอวัยวะสำคัญที่จะพลอยได้รับผลกระทบจากภาวะความดันสูงตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ป่วยจึงควรระวังโรคแทรกซ้อนอย่าง
- หัวใจโต มีอาการเหนื่อยง่าย อาจมีอาการเหนื่อยหอบอย่างเฉียบพลัน
- หลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน ซึ่งจะพบได้บ่อยมากกว่าคนปกติ
- เส้นเลือดสมองตีบหรือแตก พบได้บ่อยมากกว่าคนปกติ
- การทำงานของไตจะเสื่อมลงเร็วกว่าคนปกติ ที่ไม่ได้เป็นความดันโลหิตอ และเป็นสาเหตุของโรคไตวายชนิดเรื้อรัง
- สมอง อาจทำให้เส้นโลหิตในสมองตีบหรือแตกได้ ทำให้เป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
- หัวใจ อาจทำให้เกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ เกิดอาการเจ็บหน้าอกและกล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือหากหลอดเลือดที่หัวใจอุดตัน เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอทำให้หัวใจวายได้
- ไต โรคความดันโลหิตสูงมานาน ก็จะทำให้หลอดเลือดเสื่อมทั่วร่างกาย ทำให้คนไข้ซีด ขาบวม เหนื่อยง่าย และอาจเกิดภาวะไตวายได้
- ตา ตาจะมัว
- ความดันโลหิตสูงในหญิงตั้งครรภ์จะมีอันตรายทั้งเด็กและแม่ อาจทำให้คลอดก่อนกำหนดหรือชักได้
- อัมพาต อัมพฤกษ์
โรคความดันสูง อาหารควรเลือกทานอย่างไร
เนื่องจากโรคความดันสูงไม่มีวิธีรักษาที่หายขาด ผู้ป่วยจำเป็นต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอยู่เสมอแม้ไม่มีอาการ ดังนั้นการดูแลสุขภาพควบคู่ไปด้วยจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- ผู้ป่วยเป็นความดันสูงควรดูแลอาหาร โดยเน้นการบริโภคอาหารควบคุมความดัน (Dietary approaches to stop hypertension–DASH Diet) เช่น อาหารประเภทผักผลไม้ที่มีกากใยสูง ผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันต่ำ อาหารจากธัญพืชและถั่วต่าง ๆ ที่มีโปรตีนและกากใยสูง ทานสมุนไพรลดความดัน และควรลดการบริโภคเนื้อสัตว์ใหญ่ แป้ง น้ำตาล อาหารมัน-เค็ม และลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงอาจจำเป็นต้องลดกาแฟที่มีฤทธิ์ทำให้ความดันสูงได้ชั่วคราวด้วย
- งดการสูบบุหรี่ รวมถึงการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดบางชนิด
- ลดน้ำหนัก ให้มีดัชนีมวลกาย (BMI) น้อยกว่า 25 กก./ม.2
- หมั่นออกกำลังกาย แบบแอโรบิกเพื่อเผาผลาญไขมันในร่างกายและบริหารการทำงานของหัวใจและปอด เช่น เดินเร็ว ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ วันละ 30 นาที
- รักษาสุขภาพจิตให้ดี ไม่เครียด บริหารสุขภาพจิตอยู่เสมอ เช่น การสวดมนต์ หรือหางานอดิเรกที่ผ่อนคลายอารมณ์ จะช่วยรักษาระดับความดันโลหิตไว้ได้
ด้วยสาเหตุความดันสูงที่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างไลฟ์สไตล์การรับประทานอาหารรวมถึงการใช้ชีวิต ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาอาการนี้ให้หายขาดได้ ทำให้โรคความดันสูงกลายเป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ สะสมอาการให้เกิดขึ้นจนเป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญต่าง ๆ การดูแลสุขภาพและหมั่นสังเกตอาการที่เป็นสัญญาณเตือนต่าง ๆ จะช่วยให้เราป้องกันอาการนี้ได้ รวมทั้งการดูแลสุขภาพ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ก็จะช่วยชะลออาการนี้ได้ด้วยเช่นกัน
แหล่งข้อมูล : si.mahidol