หลายคนหันมาสนใจเข้าครัวทำอาหารกันมากขึ้น ถือว่าเป็นการหากิจกรรมอีกอย่างที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดระหว่างกักตัวไม่ให้ตัวเองว่าง ได้ทั้งสมาธฺิและอิ่มท้อง วันนี้เลยรวบรวมอาหารจานเด็ด จานดัง คุ้นหูคุ้นตากันดีกับเมนูต้มๆ ไม่ว่าจะเป็น เมนูต้มจืดจานฮิตของทุกบ้าน เมนูไก่ต้มสูตรโบราณ เมนูต้มตุ๋นขาหมู เมนูต้มกระดูกหมูแซ่บๆ และปิดท้ายด้วยเมนูผักต้มกะทิ ซึ่งสูตรที่นำมาอัพเดตในวันนี้ทุกคนสามารถฝึกและเรียนรู้นำไปฝึกทำได้ตามแบบสบายๆ แถมยังสามารถนำไปปรับแต่งให้รสชาติถูกปากยิ่งขึ้นได้อีก
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
รวม 5 เมนูต้มรสชาติถูกปาก ใครกินก็ติดใจ
เมนูต้มจืด
เมื่อพูดถึงอะไรต้ม ๆ จะขาดเมนูสามัญประจำบ้านแบบเมนูต้มจืดไปไม่ได้ ด้วยวิธีการทำที่แสนง่าย รสชาติไม่จัดจ้าน สามารถกินได้ทุกวัย เป็นเมนูอาหารเด็กก็ได้ หลากหลายไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย เมนูต้มจืดจึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของทุกบ้าน ซึ่งแต่ละบ้านก็จะมีสูตรต้มจืดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ใครชอบทานรสไหน วัตถุดิบอะไรก็ใส่ได้ตามต้องการ มีหลากหลายสูตรให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ต้มจืดตำลึงเต้าหู้ หรือต้มจืดวุ้นเส้นหมูสับ และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกว่าสามารถนำวัตถุดิบต่าง ๆ มาผสมผสานกันเพื่อทำให้ดูน่าทานมากยิ่งขึ้นได้อย่างลงตัว
ส่วนประกอบ
- หมูสับ 150 กรัม
- เต้าหู้ไข่หั่นท่อน 1 หลอด
- ผักกาดขาวหั่นท่อน 100 กรัม
- พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา
- น้ำปลา (1) 1/4 ช้อนชา
- กระเทียมทุบ 3 กลีบ
- รากผักชีทุบ 1 ราก
- น้ำปลา (2) 2 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
- เกลือป่นหยาบ 1/8 ช้อนชา
- ต้นหอมหั่นท่อน 2 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีหั่นท่อน 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมเจียวสำหรับโรยตามใจชอบ
วิธีการทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับ
- เริ่มนำส่วนผสมมาหมักรอทิ้งไว้ก่อนตั้งน้ำ นำหมูสับกับพริกไทยป่น ซีอิ๊วขาว น้ำปลา ในปริมาณพอดีและคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งรอไว้ประมาณ 15-20 นาที
- ต่อมาตั้งหม้อต้มน้ำเปล่า รอน้ำเดือด ใส่รากผักชี กระเทียม พอเดือด ให้จัดการปั้นหมูสับที่หมักไว้เป็นก้อน ๆ พอดีคำหย่อนลงต้มพอสุก ใส่เกลือป่นคอยช้อนฟองออกเพื่อทำให้น้ำใส ไม่ขุ่น น่ากิน
- ปรุงรสด้วยเกลือ คนพอเข้ากัน ใส่ผักกาดขาว เต้าหู้ไข่ คนพอเข้ากันพอสุก ตักใส่ภาชนะโรย กระเทียมเจียว ต้นหอม ผักชี เหยาะพริกไทยเล็กน้อยพร้อมใส่ถ้วยจัดเสิร์ฟ
Credit : magazine.foodpanda.co.th
เมนูต้ม ไก่ หรือ ซุปไก่ต้ม
เปิดเคล็ดลับที่ไม่ลับกับการทำ “ต้มไก่สูตรโบราณ” เมนูอาหารอร่อยแบบไทย ๆ หอมกลิ่นสมุนไพรต่าง ๆ รสแซ่บ ทำง่าย กินง่าย ซดคล่องคอ ส่งกลิ่นหอมชวนรับประทาน ปรุงรสเล็กน้อยให้กลมกล่อมตามใจชอบแล้วเตรียมปะทะความอร่อยได้เลย
ส่วนประกอบ
- ไก่ 1 ตัว
- พริกแดงแห้ง 10-15 เม็ด (ตามความชอบ)
- หอมแดง 3-5 หัว
- ตะไคร์ 2-3 ต้น
- ข่า 5 แว่น
- ใบมะกรูด 5 ใบ
- มะขามเปียก 3-4 ฝัก
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น
- เห็ดฟาง
- ผักชีฝรั่ง
วิธีการทำต้มไก่สูตรโบราณ
- นำไก่มาหั่นไก่เป็นชิ้นๆ พอดีคำ ล้างน้ำเปล่าให้สะอาด ล้างรอบที่สองให้ล้างด้วยเกลือ ให้ใช้เกลือป่นมาทาให้ทั่วตัวไก่แล้วนวดเบาๆ ทั้งด้านในและด้านนอก เพื่อเป็นการขจัดกลิ่นคาวอันไม่พึงประสงค์ออกไป หลังจากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดอีก 2-3 รอบ
- นำเห็ดฟาง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบผักชีฝรั่ง ล้างและหั่นเตรียมไว้ให้เรียบร้อย
- เริ่มใส่น้ำเปล่าลงในหม้อพอประมาณแล้วใส่มะขามเปียกลงไป ประมาณ 4 ฝัก รอน้ำเดือด
- ระหว่างรอน้ำเดือดนำหอมแดง 2-3 หัว พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด (มากกว่านี้ได้หากชอบรสจัด) คั่วในกระทะให้สุกหอม ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยเพื่อที่จะได้กลิ่นหอมดั่งน้ำพริกเผา หลังคั่วสุกแล้ว นำมาโขลกแค่พอแตก ไม่ต้องโขลกให้แตกละเอียด โขลกเสร็จพักไว้ก่อน
- เมื่อน้ำเดือดจัดๆ แล้วให้ใส่เนื้อไก่ที่ล้างสะอาดแล้วลงไปเลย จากนั้นให้หรี่ไฟลงทันที ให้เหลือไฟอ่อนกลางๆ เพื่อเคี่ยวเนื้อไก่ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง การเปิดไฟอ่อนๆเคี่ยว น้ำสต๊อกไก่จะดูใสและน่ากิน และเนื้อก็จะไม่ยุ่ย จะทำให้รสกลมกล่อมอร่อยยิ่งขึ้น
- หลังจากเคี่ยวเนื้อไก่จนได้ที่ ทุบข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดแบบหยาบๆ ใส่ลงไปเลย ตามด้วยเห็ดฟาง ปรุงรสด้วยเกลือป่น และน้ำปลาเพื่อให้มีกลิ่นหอม จัดแต่งรสตามชอบ หากได้ความเปรี้ยวพอแล้ว ตักมะขามเปียกออกได้เลย เหลือไว้แค่ 2 ฝักก็พอ
- ต่อจากนั้นใส่พริกแห้งคั่วกับหอมแดงที่โขลกไว้ ตักใส่ลงไป สีสันจะดูเริ่มเป็นต้มยำไก่มากขึ้น สุดท้ายนำผักชีฝรั่งหั่นเป็นท่อนๆ ใส่ลงไป จากนั้นปิดไฟพร้อมรับประทานได้เลย
Credit : it.udontech.ac.th
เมนูต้มกระดูกหมู
เตรียมจดสูตรอาหารไทยทำง่ายกับเมนูต้มกระดูกหมูแบบแซ่บๆ ความอร่อยเข้มข้นในทุกคำที่ได้ลิ้มลอง เป็นอาหารไทยรสจัดจ้านที่แค่เห็นภาพก็ชวนน้ำลายสอแล้ว ใส่เห็ดฟางเคี้ยวกรุบ ๆ เพื่อช่วยเติมเต็มความอร่อยให้กับอาหารจานนี้ให้อร่อยเด็ดมากขึ้น พร้อมน้ำซุปใส ๆ อร่อยจนต้องยกถ้วย กลายเป็นต้มกระดูกหมูรสแซ่บที่ใครชิมก็ต้องไม่ลืมแน่นอน!
ส่วนประกอบ
- กระดูกอ่อนหมู 200 กรัม
- น้ำ 500 มิลลิลิตร
- ข่าแก่ หั่นแว่น 5 ชิ้น
- ตะไคร้ หั่นเฉียง 1 ต้น
- ใบมะกรูด ฉีกก้านกลาง 3 ใบ
- เห็ดฟาง ผ่าครึ่ง 100 กรัม
- มะเขือเทศราชินี ผ่าครึ่ง 50 กรัม
- หอมแขก ซอยบาง 1 หัว
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น ตามชอบ
- ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
- ใบโหระพา 10 ใบ
- ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำต้มแซ่บกระดูกหมู
- ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดลงต้มจนเดือดอีกครั้ง
- ใส่กระดูกอ่อนหมูลงต้มจนสุกและเปื่อย
- ใส่เห็ดฟาง มะเขือเทศ และหอมแขกซอยลงต้ม
- ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลทราย คนผสมจนเข้ากันดี ยกลงจากเตา ตักใส่ชาม เติมน้ำมะนาว พริกป่น ข้าวคั่ว และผักชีฝรั่ง ชิมรสตามชอบ โรยด้วยใบโหระพา ก็จะได้เมนูต้มกระดูกหมูสุดแซ่บแล้ว
เมนูต้มกะทิผักรวม
ขอนำเสนอวิธีการทานเมนูผักให้ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป กับเมนูผักต้มกะทิ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการรับประทานผักให้อร่อย ผักกูดถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยคุณประโยชน์มากมายอย่างธาตุเหล็กและเบต้า – แคโรทีน อันมีสรรพคุณบำรุงสายตา บำรุงโลหิต เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และยังมีสรรพคุณแก้ไข้ตัวร้อน พิษอักเสบ การนำมาลวกกะทิ จึงช่วยทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากผักกูดอย่างเต็มที่ ยอดอ่อนๆ นำมาลวกกะทิ ได้รสชาติหวานมันของผักกูด ที่เข้ากันได้ดีกับกุ้ง ผสมด้วยความหวานมันจากกะทิสด เป็นอีกเมนูหนึ่งที่ถูกอกถูกใจสายสุขภาพและทุกคนที่ได้ลิ้มลอง
ส่วนประกอบ
- กะทิกล่อง 3 ถ้วย
- น้ำเปล่า 300 มิลลิลิตร
- หัวหอมแดงบุบพอแตก 3-5 หัว
- กุ้งสดแกะเปลือกไว้หาง 300 กรัม
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 1 ช้อนชา
- ผักกูดหั่นท่อน 4 ถ้วย
วิธีการทำผักกูดต้มกะทิ
- ต้มกะทิกับน้ำเปล่า 100 มิลลิลิตรให้เดือด ใส่หัวหอมทุบ 5 หัวและกุ้งลงไปลวกพอกุ้งสุก ตักกุ้งขึ้น ทิ้งหัวหอมไว้ในหม้อ
- พอกะทิเดือดอีกครั้งลวกผักกูด ต้มพอสุก และใส่กุ้งสด ตักขึ้นใส่ภาชนะ ใส่น้ำกะทิลงไปให้เกือบท่วม วางกุ้งที่ลวกไว้บนผัก ปรุงรสด้วย เกลือป่น น้ำปลา
- จัดเสิร์ฟขณะร้อนจัด จะได้กลิ่นหอมของกะทิน่ารับประทาน
Credit : health.mthai.com
วันนี้เข้าครัวแบงปันสูตรทำอาหารเมนูต้ม พร้อมเตรียมข้าวสวยร้อน ๆ ซดพร้อมกับอาหารสุดพิเศษของมื้อนี้ และชวนเนรมิตรเมนูต้มที่มาพร้อมวิธีทำที่ทำตามได้ไม่ยาก เป็นเมนูอาหารไทยที่คุ้นเคยตั้งแต่เด็ก อร่อยไม่มีเบื่อ ได้คุณประโยชน์ครบถ้วน ถูกใจทุกเพศทุกวัย อย่าลืมจดสูตรไว้ทำตามกัน!