น้ำมันปลา (fish oil) ถือเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับร่างกายชนิดหนึ่ง ซึ่งมนุษย์สามารถสกัดได้จากบริเวณหนัง หัว หาง และเนื้อของปลาทะเลน้ำลึก โดยสายพันธุ์ปลาที่นิยมนำมาสกัดน้ำมันปลา เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาเฮอร์ริง ฯลฯ สกัดออกมาเป็นน้ำมันปลาที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือที่เรารู้จักในชื่อ กรดไขมันโอเมก้า 3 นั่นเอง เรามาดูสรรพคุณของน้ำมันปลา วิธีการทาน และถ้าจะซื้อ จะเลือกซื้อน้ำมันปลายี่ห้อไหนดี
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
น้ำมันปลา สรรพคุณ
- น้ำมันปลามีประโยชน์ต่อระบบเลือด ช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์ และความดันโลหิต ป้องกันหลอดเลือดสมองอุดตัน
- น้ำมันปลามีประโยชน์ต่อหัวใจ ช่วยในเรื่องอาการเจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ และบรรเทาอาการเสี่ยงต่าง ๆ หลังการปลูกถ่ายหัวใจ
- น้ำมันปลามีประโยชน์ต่อไต ช่วยในเรื่องไตล้มเหลว หรือภาวะแทรกซ้อนไตที่เกี่ยวกับโรคเบาหวาน
- น้ำมันปลามีประโยชน์ต่ออาการตาแห้ง ต้อกระจก ต้อหินในผู้สูงอายุ
- น้ำมันปลาช่วยในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร รวมถึงอาการลำไส้อักเสบ
- น้ำมันปลาช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ปวดเต้านม ช่วยบำรุงร่างกายคุณแม่ขณะตั้งครรภ์และลูกในครรภ์
- น้ำมันปลาช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ทำให้ความจำและความสามารถในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น
น้ำมันปลา กินตอนไหน
ควรกินน้ำมันปลาหลังอาหารเพื่อการดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรบริโภค 1,000 – 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน
7 แบรนด์ น้ำมันปลายี่ห้อไหนดี
1. Mega Fish Oil 1000 มก.
สำหรับน้ำมันปลายี่ห้อแรกที่เราหยิบยกมาแนะนำเลยก็คือ Mega Fish Oil จาก Mega We Care ผลิตจากโรงงานผลิตยาในประเทศไทย ภายในกระปุกบรรจุ 30 เม็ด ปริมาณ 1000 มิลลิกรัมต่อแคปซูล ซึ่งน้ำมันปลาของทาง Mega We Care ประกอบไปด้วยกรด DHA 120 มก. กรด EPA 180 มก. ยังมีวิตามินอี 1.4 มิลลิกรัมที่ช่วยในเรื่อง Antioxidant
2. Vistra Salmon Fish Oil 1000 มก.
สำหรับน้ำมันปลายี่ห้อ Vistra เป็นยี่ห้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่คุ้นตาทั้งวิตามินรวมยี่ห้อไหนดี และวิตามินตัวอื่น ๆ แต่น้ำมันปลาของทาง Vistra เป็นน้ำมันปลาแซลมอนชนิดแคปซูล จำนวน 45 แคปซูลขนาด น้ำมันปลาต่อ 1 แคปซูลอยู่ที่ 1000 มิลลิกรัม ซึ่งประกอบไปด้วยกรด DHA 120 มก. กรด EPA 180 มก. ยังมีวิตามินอี 9.09 มิลลิกรัม
3. Blackmores Fish Oil 1000 มก.
อีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าเชื่อถือในด้านผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สำหรับ Blackmores Fish Oil จะมีทั้งหมด 80 แคปซูล ประกอบไปด้วยกรด DHA 120 มก. กรด EPA 180 มก. ยังมีวิตามินอี 10 IU. แต่อาจทานยากนิดหน่อย สำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นคาวปลา เนื่องจากน้ำมันปลาตัวนี้มีกลิ่นค่อนข้างชัด
4. Giffarine Fish Oil 500 มก.
น้ำมันปลายี่ห้อ กิฟฟารีน ช่วยเรื่องไขมันในเส้นเลือด บำรุงสมอง และระบบประสาท แต่ปริมาณน้ำมันปลาต่อหนึ่งแคปซูลอาจจะน้อยกว่ายี่ห้ออื่น อยู่ที่ 500 มิลลิกรัมต่อแคปซูล สามารถทานได้วันละ 2 แคปซูลขึ้นไป 1 แคปซูลประกอบไปด้วย กรด DHA 60 มก. กรด EPA 90 มก. และยังมีวิตามินอี
5. Nutri Master Fish Oil 1000 มก.
สำหรับน้ำมันปลา Nutri Master เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเราอาจจะไม่ค่อยคุ้นตากันเท่าไหร่ เป็นน้ำมันปลาชนิดแคปซูล ปริมาณน้ำมันปลาต่อ 1 แคปซูลอยู่ที่ 1000 มิลลิกรัม และยังประกอบไปด้วย กรด DHA 120 มก. กรด EPA 180 มก. รวมไปถึงวิตามินอี 5.5 หน่วยสากล บรรจุ 100 แคปซูลต่อกระปุก
6. Puritan’s Pride Fish Oil 1200 มก.
Puritan’s Pride Fish Oil เป็นน้ำมันปลาที่มีปริมาณมากที่สุดต่อ 1 แคปซูล น้ำมันปลาอยู่ที่ 1200 มิลลิกรัม ช่วยบำรุงร่างกาย สมอง สายตา ประกอบไปด้วย กรด DHA 204 มก. กรด EPA 318 มก. แต่ตัวนี้ไม่มีในส่วนของวิตามินอีเพิ่มเข้ามา 1 กระปุกจะบรรจุ 100 แคปซูลด้วยกัน
7. DHC Fish Oil 1000 มก.
ปิดท้ายที่น้ำมันปลายี่ห้อของญี่ปุ่นอย่าง DHC เป็นน้ำมันปลาบรรจุ 60 เม็ดต่อซอง ทานวันละ 3 เม็ด ปริมาณน้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัมต่อ 1 แคปซูล ประกอบไปด้วยกรด DHA 510 มก. กรด EPA 110 มก. และวิตามินอีกอีก 60 กรัม ลักษณะเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ ทานง่าย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นน้ำมันปลาที่เรานำมาแนะนำ มีทั้งน้ำมันปลาทะเลน้ำลึก หรือบางแบรนด์ที่เจาะจงไปเลยว่าน้ำมันปลาแซลมอน ที่ประกอบไปด้วยกรดไขมันสำคัญในปริมาณที่แตกต่าง ทั้งนี้ผู้ที่มีอาการแพ้อาหารทะเลก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทาน เรื่องของอาหารเสริม เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในโภชนาการของเรา แต่อย่างไรก็อย่าลืมทานอาหารหลักให้หลากหลาย และในปริมาณที่เหมาะสมกันด้วยนะ สามารถอ่านบทความรีวิวอาหารเสริมเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นซิงค์ ยี่ห้อไหนดี ยาบำรุงเลือดยี่ห้อไหนดี ฯลฯ ได้ที่ Shopee Blog
ที่มา: honestdocs.co