สุขภาพช่องปากเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการรับประทานอาหาร พูดคุย และการมีลมหายใจสดชื่น การแปรงฟันเป็นประจำทุกวันเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลช่องปาก และแน่นอนว่า “แปรงสีฟัน” คืออุปกรณ์ที่สำคัญในการทำให้การดูแลช่องปากเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบัน นอกจากแปรงสีฟันธรรมดาที่คุ้นเคยแล้ว ยังมีแปรงสีฟันไฟฟ้าที่เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสามารถทำความสะอาดช่องปากได้อย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบธรรมดา หากคุณกำลังพิจารณาซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้า บทความนี้อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
credit : pixabay.com
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ความแตกต่างระหว่างแปรงสีฟันไฟฟ้าและแปรงสีฟันธรรมดา
แปรงสีฟันธรรมดาเป็นเครื่องมือทำความสะอาดช่องปากแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน แต่แปรงสีฟันไฟฟ้านั้น กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ด้วยการที่แปรงสีฟันไฟฟ้าใช้เทคโนโลยีการสั่นหรือหมุนเพื่อขจัดคราบบนฟัน โดยไม่ต้องใช้แรงในการขยับมือมากนัก ต่างจากแปรงสีฟันธรรมดาที่ต้องอาศัยแรงจากการขยับมือไปมาซ้ายขวา ทำให้แปรงสีฟันไฟฟ้าช่วยลดภาระในการแปรงฟันและยังช่วยให้การทำความสะอาดฟันเป็นไปอย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
ประเภทของแปรงสีฟันไฟฟ้า
ในท้องตลาดมีแปรงสีฟันไฟฟ้าหลายรุ่นให้เลือก ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักตามลักษณะการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น
1. แปรงสีฟันไฟฟ้าแบบชาร์จไฟ
แปรงสีฟันไฟฟ้าชนิดนี้ มาพร้อมกับฐานชาร์จ ซึ่งทำให้สะดวกในการใช้งานต่อเนื่อง หัวแปรงสามารถถอดเปลี่ยนได้ และควรเปลี่ยนทุก 3 เดือน เพื่อรักษาความสะอาดและประสิทธิภาพการทำงาน แปรงชนิดนี้มีความหลากหลายในด้านของรูปแบบการทำงาน เช่น ระบบสั่นหรือระบบหมุน และบางรุ่นใช้เทคโนโลยีคลื่นโซนิคเพื่อการทำความสะอาดที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น
2. แปรงสีฟันไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่
แปรงสีฟันไฟฟ้าชนิดนี้ ใช้พลังงานจากถ่าน AA ซึ่งทำให้สามารถพกพาได้ง่าย แต่ต้องคอยเปลี่ยนถ่านเป็นระยะเมื่อถ่านหมด แปรงประเภทนี้ ประสิทธิภาพการทำงานนั้นจะขึ้นอยู่กับแรงสั่นจากพลังงานของแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยให้การทำความสะอาดฟันนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแปรงธรรมดา
ข้อดีและข้อเสียของการใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ที่ควรรู้ก่อนซื้อ
แปรงสีฟันไฟฟ้ามีข้อดีมากมายที่ทำให้หลายคนเลือกใช้ แต่ก็มีข้อเสียบางอย่างที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อด้วยเช่นกัน เช่น
ข้อดีของแปรงสีฟันไฟฟ้า
- ทำความสะอาดช่องปากได้ลึกกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่าแปรงสีฟันธรรมดา
- ลดความเสี่ยงในการเกิดคราบหินปูนและช่วยดูแลสุขภาพเหงือกได้ดี
- ใช้งานง่าย ไม่ต้องออกแรงมาก และมีฟังก์ชันเสริม เช่น ระบบจับเวลาและการแจ้งเตือนเมื่อแปรงแรงเกินไป
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลช่องปากอย่างละเอียด โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเหงือกร่น
ข้อเสียของแปรงสีฟันไฟฟ้า
- ราคาสูงกว่าแปรงสีฟันธรรมดา
- ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่หรือเปลี่ยนถ่านอย่างสม่ำเสมอ
- การพกพาอาจไม่สะดวกเท่าแปรงสีฟันธรรมดา และมีความเสี่ยงต่อการเสียหายหากทำตกหล่น
credit : www.freepik.com
วิธีเลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้าให้เหมาะสำหรับตัวเองมากที่สุด
เอาล่ะ!! เมื่อรู้ข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวกับแปรงสีฟันไฟฟ้าไปพอสมควรแล้ว ใครอยากจะลองซื้อมาใช้กันบ้าง เรามีวิธีเลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้ามาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อได้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
1. ประเภทแปรงสีฟันไฟฟ้า
สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อเลย คือให้เลือกว่าอยากได้แปรงสีฟันไฟฟ้าประเภทไหน อยากได้ตัวแปรงชาร์จไฟ หรือพลังงานแบตเตอรี่ เพราะทั้งสองประเภทนี้จะมีเทคโนโลยีการทำงานที่ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าทั้งสองประเภทแตกต่างกันอย่างไร แนะนำให้ไปดูรีวิวแปรงสีฟันไฟฟ้าก่อนตัดสินใจซื้อ
2. ขนาดของหัวแปรง
ขนาดของหัวแปรง คือ อุปกรณ์ส่วนที่สำคัญมาก ๆ เนื่องจากจะเป็นตัวที่เข้าไปทำความสะอาดฟันทุกซี่ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งควรเลือกขนาดหัวแปรงให้เหมาะกับตัวเอง แนะนำให้เลือกขนาดหัวที่กว้างประมาณ ½ -1 นิ้ว และมีความยาวประมาณ 1 นิ้ว แต่ถ้าเลือกขนาดหัวแปรงที่ใหญ่จนเกินไป อาจจะทำความสะอาดช่องปากได้ไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะตรงบริเวณด้านข้างหรือด้านหลังของฟันกราม
3. ขนของแปรง
แนะนำให้เลือกขนแปรงที่มีความนุ่มและอ่อนตัวได้ดี ซึ่งปัจจุบันขนแปรงมีให้เลือกหลายระดับ ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ โดยมีขนแปรงตั้งแต่ระดับอ่อนนุ่ม นุ่มพิเศษ และนุ่มปานกลาง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมสภาพฟันของแต่ละคน ซึ่งขนแปรงที่อยากแนะนำสำหรับผู้ใหญ่ ควรเลือกขนแปรงที่ผลิตจาก ไนลอน พีบีที (Polybutylene Terephthalate: PBT) เนื่องจากมีความอ่อนนุ่ม ปลายขนแปรงโค้งมนเล็กน้อย สามารถใช้ทำความสะอาดได้อย่างดี
4. ด้านจับแปรงสีฟัน
ให้เลือกด้ามจับแปรงสีฟันที่มีความยาวกำลังพอเหมาะ สามารถใช้จับได้อย่างถนัดมือ ซึ่งขนาดด้านแปรงต้องไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ด้านมีความแข็งแรง และที่สำคัญต้องไม่เปราะหรือหักได้ง่าย
5. ฟังก์ชันการทำงาน
แน่นอนว่าแปรงสีฟันไฟฟ้า ย่อมมีฟังก์ชันการใช้งานต่างไปจากแปรงสีฟันธรรมดา ไหน ๆ ซื้อใช้ทั้งที แนะนำให้เลือกแปรงสีฟันไฟฟ้ารุ่นที่มีฟังก์ชันพิเศษเยอะ ๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานได้มากที่สุด อาทิเช่น มีระบบการจับเวลาในการทำความสะอาด สามารถถอดเปลี่ยนหัวแปรงได้ และระดับความแรงการสั่นในการแปรง เป็นต้น
เปิด 10 อันดับ แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ใช้งานง่าย แปรงสะอาด
ส่วนใครสนใจอยากหาซื้อมาใช้กันบ้าง แต่เลือกไม่ถูกว่าจะซื้อ แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี เนื่องจากตามตลาดที่วางขายมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ รุ่นต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย จนตัดสินใจไม่ได้ ถ้างั้นก็ปักหมุด! บทความนี้ไว้ได้เลย เราได้คัดแปรงสีฟันไฟฟ้าตัวเด็ด ยี่ห้อดัง มาแนะนำกันเพียบ จะมีอะไรบ้างตามเรามาดูกัน
1. แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral B
ถ้าพูดถึงยี่ห้อแปรงสีฟันก็ต้องนึกถึง Oral-B เป็นแบรนด์ดังที่ได้รับความนิยมไว้วางใจ และมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปากให้เลือกทั้งยาสีฟันและแปรงสีฟัน ส่วนใครกำลังมองหา แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี แนะนำให้ยี่ห้อ Oral-B ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรุ่นมาก ๆ ทั้งหัวแปรงทำความสะอาดแบบ 2D และ 3D ยังสามารถถอดเปลี่ยนหัวได้ มีขายทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนราคามีหลายระดับตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน พร้อมฟังก์ชันการทำงานครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการจับเวลาแปรงฟัน ใช้งานง่ายมาก ๆ เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าใหม่ ๆ แนะนำให้เลือกซื้อใช้ยี่ห้อ Oral-B รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน!
2. แปรงสีฟันไฟฟ้า Xiaomi
มาต่อกันด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้า จากแบรด์ Xiaomi ซึ่งจุดเด่นของแบรนด์นี้คือมีดีไซน์สวย ทันสมัย สีสันสดใสน่าซื้อมาใช้สุด ๆ ราคาเอื้อมได้ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งบางรุ่นสามารถผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เพื่อความสะดวกสบายในการใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า Xiaomi ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายได้ด้วย ถือว่าเจ๋งสุด ๆ ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีกับยุคสมัยนี้ แถมยังมีประสิทธิภาพการใช้งานค่อนข้างสูง ช่วยลดคราบหินปูน และทำความสะอาดช่องปากได้อย่างทั่วถึง ขนแปรงก็มาจากสหรัฐอเมริกา หัวแปรง 3D ความหนาแน่นสูง ใช้งานง่าย มีแบตเตอรี่ที่อึดใช้งานได้นานหลายชั่วโมง พร้อมด้วยฟังก์ชันอีกมากมาย ถ้าใครที่ชอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยากลองอะไรที่ไม่เคยใช้ แนะนำให้เลือก แปรงสีฟันไฟฟ้า Xiaomi ถูกใจแน่
3. แปรงสีฟันไฟฟ้า Philips
ชวนคุณมาเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ การแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้า Philips เทคโนโลยีโชนิคของแปรงสีฟันไฟฟ้า สามารถขยับขนแปรงด้วยความถี่สูงถึง 62,000 ครั้งต่อนาที จึงทำให้เกิด Dynamic Cleaning Action เพื่อสามารถทำความสะอาดช่องปากได้ทั่วถึงทุกซอกฟัน ซึ่งมีประสิทธิภาพการใช้งานค่อนข้างสูง เพียงกดเบา ๆ ระบบมอเตอร์ทำงานแรงสั่น ทำให้ขจัดคราบจุลินทรีย์ได้ดี พร้อมฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย ใช้งานง่าย และมีแบตเตอรี่คงทนยาวนานถึง 10 วัน จุดเด่นของแปรงสีฟันไฟฟ้า Philips คือออกแบบหัวแปรงให้สามารถใช้กับแปรงสีฟันไฟฟ้าทุกรุ่นของ Philips Sonicare ถ้าใครกำลังมองหาแปรงสีฟันไฟฟ้า คุณภาพดี ใช้งานง่าย ราคาสบาย ๆ แนะนำยี่ห้อ Philips
4. แปรงสีฟันไฟฟ้า Sparkle
ใครกำลังมองหาแปรงสีฟันไฟฟ้าคุณภาพดี ฟังก์ชันจัดเต็ม ใช้งานง่าย และราคาถูก ขอแนะนำ แปรงสีฟันไฟฟ้า Sparkle เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าสนใจ ด้วยด้วยเทคโนโลยีขจัดคราบคราบพลัคและหินปูนด้วยพลังการสั่น หัวแปรงทำงานสูงสุด 40,000 ครั้งต่อนาที มีขนแปรง Spiral สามารถซอกซอนฟันได้ดีเยี่ยม ทำให้ฟันขาวสะอาด และทำความสะอาดช่องปากได้อย่างล้ำลึกและนุ่มนวล เพิ่มความมั่นใจทุกลมหายใจกลิ่นหอมสดชื่น ซึ่งแปรงสีฟันไฟฟ้า Sparkle มีให้เลือกหลากหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นมีฟังก์ชันการใช้งานต่างกันไป เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาสุขภาพช่องปากที่ไม่เหมือนกัน โดยจะมีแปรงสีฟันไฟฟ้าให้เลือกทั้งแบบที่ใช้งานได้โดยการชาร์จไฟ และใช้งานได้ด้วยการใส่ถ่าน AA ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยขึ้นไป แปรงสีฟันไฟฟ้า Sparkle เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการทำความช่องปากอย่างล้ำลึก
5. แปรงสีฟันไฟฟ้า Foreo
แปรงสีฟันไฟฟ้า Foreo ตอบโจทย์ทุกเรื่องความสะอาดในช่องปาก ด้วยเทคโนโลยีไฟฟ้า จึงเป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดฟันได้อย่างยอดเยี่ยม เปิดประสบการณ์การแปรงฟันใหม่ ๆ แบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแล้วคุณจะลืมการแปรงแบบเดิม ๆ แปรงสีฟันไฟฟ้า Foreo มีให้เลือกหลายรุ่น เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของทุกคน ซึ่งด้ามแปรงมีขนาดเล็กกะทัดรัด จับถนัดมือ ใช้งานง่าย มาพร้อมสีสันสดใส มีให้เลือกหลายสี น่าใช้มาก ๆ ยิ่งถ้าเด็กใช้ก็ต้องชอบการแปรงฟันแน่นอน โดยคุณสมบัติหลัก ๆ ของของแปรงสีฟันระบบไฟฟ้าโซนิค Foreo ISSA มีขนแปรงซิลิโคนอ่อนนุ่ม มีความยืดหยุ่นได้ดี ทำให้ไม่เกาะเคลือบฟันหรือทำลายเนื้อเยื่อเหงือก น้ำหนักเบา ทำให้พกพาได้สะดวก และที่สำคัญระบบยังกันน้ำเข้าตัวเครื่องแปรงสีฟันได้อีกด้วย หรือใครสนใจอยากซื้อมาใช้ สามารถไปหารีวิวแปรงสีฟันไฟฟ้ามาดูก่อนก็ได้น้า
6. แปรงสีฟันไฟฟ้า Colgate
หากมีปัญหาสุขภาพช่องปากไว้ใจ Colgate ได้ ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดี เพราะแบรนด์นี้ไม่ได้มีดีแค่เรื่องของยาสีฟันเท่านั้น แต่ยังมีแปรงสีฟันธรรมดาและแปรงสีฟันไฟฟ้าได้รับความนิยมเช่นกัน ซึ่งมีรุ่นต่าง ๆ ออกมาวางขายมากมาย ทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งจุดเด่นของแบรนด์นี้ มีดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อน มือใหม่ก็สามารถใช้ได้สบาย ขนแปรงมีความนุ่มกำลังดีเวลาแปรงจะไม่ทำร้ายฟันและเหงือก ยังมีขนาดเล็กพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก สามารถหัวแปรงเปลี่ยนถอดได้ มีให้เลือกทั้งแบบชาร์จด้วยไฟและใส่ถ่าน พร้อมด้วยเทคโนโลยีการทำความสะอาดหลายทิศทาง ช่วยขจัดคราบพลัคและคราบหินปูน และมีฟังก์ชันการใช้งานอื่น ๆ อีกมากมาย ใครกำลังคิดว่าจะซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้าดีไหม ลองเปิดใจซื้อมาใช้ก่อนแล้วคุณจะติดใจลืมการแปรงฟันแบบเดิมไปเลย
7. แปรงสีฟันไฟฟ้า Systema
แปรงสีฟันไฟฟ้า Systema แบรนด์จากญี่ปุ่น อยู่ภายใต้เครือบริษัทไลอ้อน ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ และเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมใช้กันเยอะมากเป็นอันดับต้น ๆ ของคนไทย ซึ่งผลิตออกมาหลากหลายรุ่น เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่เพิ่งหัดใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าครั้งแรกก็ใช้ได้สบาย หรือใครดัดฟันมีปัญหาในการแปรงฟันก็ใช้ได้เช่นกัน จุดเด่นแปรงสีฟันไฟฟ้า Systema จะมีขนแปรง Soft & Slim ที่มีขนแปรงปลายเรียวแหลมและนุ่ม เข้าซอกซอนทำความสะอาดฟันได้ทุกซี่อย่างล้ำลึก ยังรู้สึกปากสะอาดได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ด้วยนวัตกรรมเพื่อดูแลสุขภาพช่องปากอย่างอ่อนโยน มีน้ำหนักเบา จับถนัดมือ คอแปรงดูเรียวยาง และใช้ง่ายมาก ๆ
8. แปรงสีฟันไฟฟ้า Usmile
แปรงสีฟันไฟฟ้า Usmile ดีไซน์หรูหรา สุดพรีเมี่ยม พร้อมเทคโนโลยีการสั่นด้วยคลื่นโซนิคที่ล้ำหน้าสุดทันสมัย มีให้เลือกหลายรุ่น หลายดีไซน์ แต่ขอบอกเลยว่าสวยเด็ดโดนใจทุกรุ่นแน่นอน พร้อมฟังก์ชันการใช้งานง่ายมาก ใครก็สามารถใช้ได้ ตัวด้ามแปรงขนาดกำลังดีเหมาะสำหรับผู้ใหญ่ ถอดเปลี่ยนหัวแปรงได้เมื่อต้องการ ขนแปรงก็นุ่มช่วยถนอมเหงือกและฟันได้ดี ตรงหัวแปรงปรับมุมได้ 45 องศา ทำให้สามารถเข้าซอกซอนทำความสะอาดฟันทุกซี่ได้ทั่วถึง ส่วนด้ามแปรงมีความแข็งแรง ทนทาน กันน้ำเข้าตัวเครื่องได้ด้วย ซึ่งแปรงสีฟันไฟฟ้า Usmile จะใช้ทำงานได้ด้วยชาร์จไฟ โดยชาร์จครั้งเดียวใช้งานได้นานนับ 10 วัน และราคาแอบสูงไปนิด ซึ่งถ้าใครไม่ติดปัญหาเรื่องงบแนะนำให้ซื้อรุ่นนี้มาใช้
9. แปรงสีฟันไฟฟ้า Sonicare
มาต่อกันด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้า Sonicare ซึ่งเป็นอีกรุ่นหนึ่งของแบรนด์ Philips ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของแบรด์ก็ว่าได้ เพราะแปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Sonicare จะช่วยให้สุขภาพในช่องปากของคุณมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เพื่อความทันสมัย ใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น เช่น รุ่น Sonicare 9900 Prestige จัดว่าเป็นรุ่นระดับ Top มีราคาสูงเฉียดหมื่น เพราะมีการนำเทคโนโลยี SenseIQ มาใช้ ทำให้กลายเป็นแปรงสีฟันที่ล้ำสมัยที่สุด สามารถตรวจจับความแรงดันในการสั่น การเคลื่อนไหว รวมถึงการควบคุมต่าง ๆ ได้มากถึง 100 ครั้งต่อวินาที ถ้าคุณออกแรงแปรงมากเกินไปก็จะมีสัญญาณแจ้งเตือน ยังมีขนแปรงเพื่อช่วยให้ขจัดคราบหินปูนได้มากกว่า 20 เท่าแม้ในบริเวณที่เข้าถึงยาก แต่แปรงสีฟันไฟฟ้า Sonicare ก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย และทำงานร่วมกับแอป Philips Sonicare ถือว่าทันสมัยสุด ๆ
10. แปรงสีฟันไฟฟ้า Kemei
สุดท้ายกับคำถามว่า แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี มีคุณภาพ ใช้งานดี ราคาไม่แรง แนะนำเป็น แปรงสีฟันไฟฟ้า Kemei ซึ่งแปรงสีฟันไฟฟ้าแบบไร้สาย สามารถทำงานได้ด้วยการชาร์จไฟระบบอัลตร้าโซนิค เพียงแค่เสียบกับปลั๊กติดกับผนังห้อง เมื่อต้องการใช้ดึงออกมาสามารถใช้งานได้ทันที ซึ่งตัวแปรงถูกออบแบบหลากหลายดีไซน์ ด้ามจับขนาดกำลังพอเหมาะ ไม่เล็กหรือจนใหญ่จนเกินไป จับใช้งานได้ถนัดมือ ขนาดเล็ก น้ำหนักเบาพกพาได้สะดวก ฟังก์ชันการใช้งานก็ง่ายมาก ๆ แค่กดเพียงปุ่มเดียวตัวเครื่องก็ทำงานได้ทันที ด้วยคุณสมบัติพิเศษของขนแปรงที่กันน้ำได้ 100% เมื่อใช้งานเสร็จนำไปล้างทำความสะอาด ก็จะไม่มีน้ำและคราบยาสีฟันติดตามซอกขนแปรง เพิ่มความสะอาดให้กับตัวแปรงได้อีกด้วย
ถูกใจซื้อเลย! แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี คัดมารุ่นเด็ด โดนใจมาไว้ให้แล้วที่นี่!!
จากที่ได้อ่านมาตั้งแต่จนจบ น่าจะพอตัดสินใจกันได้แล้วว่าจะเลือกซื้อ แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด โดยแปรงสีไฟฟ้าที่ได้คัดเลือกนำมาฝากนั้น ล้วนเป็นยี่ห้อยอดนิยม ที่มีแปรงสีฟันไฟฟ้าให้เลือกหลายรุ่น หลายราคา มีทั้งของเด็กและผู้ใหญ่สามารถไปหาซื้อมาใช้กันได้ ซึ่งการดูแลรักษาความสะอาดสุขภาพช่องปาก นอกจากการเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสมแล้ว ควรที่จะใส่ใจเลือกยาสีฟันให้ตรงกับปัญหาสุขภาพช่องปากของตัวเอง เช่น มีปัญหาการเสียวฟันควรเลือกใช้ยาสีฟันที่ช่วยลดการเสียวฟัน หรือใช้เป็นยาสีฟันสมุนไพร เป็นต้น หรือถ้ามีกลิ่นปากก็ใช้สเปรย์ระงับกลิ่นปากในระหว่างวันได้ ทั้งนี้ อย่าลืมหมั่นไปตรวจสุขภาพช่องปากประจำปี เพียงแค่นี้คุณก็จะมีสุขภาพฟันที่ดีและฟันขาวยิ้มสวยได้อย่างมั่นใจ