สมาร์ตวอตช์ (Smart Watch) หรือ นาฬิกาอัจฉริยะ อีกหนึ่ง Gadget ที่คนรักสุขภาพต้องมี! ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่เป็นมากกว่าแค่บอกเวลา! แต่ยังมีฟีเจอร์การออกกำลังกาย ฟีเจอร์เกี่ยวกับสุขภาพ สามารถตรวจสอบคุณภาพการนอนหลับ วัดค่าออกซิเจนในเลือด และเช็กความเครียดของคุณได้ง่าย ๆ และเชื่อมต่อ Bluetooth รองรับการรับสาย โทรออก รับข้อความ หรือ GPS ได้ด้วย
ปัจจุบันสมาร์ตวอตช์มีให้เลือกมากมาย หลากหลายแบรนด์ หนึ่งในแบรนด์ที่หลายคนน่าจะรู้จัก และนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ คงจะหนีไม่พ้น นาฬิกา Amazfit ที่มีตัวเลือกในช่วงราคาที่หลากหลาย เรียกได้ว่ามีเยอะจนไม่รู้ว่าจะเลือก Amazfit รุ่นไหนดี
ดังนั้น Shopee จึงได้รวบรวม 10 นาฬิกา Amazfit รุ่นไหนดี รุ่นยอดนิยมและน่าซื้อใช้! มาแนะนำให้เพื่อน ๆ ที่กำลังมองหานาฬิกา Amazfit มาดูกัน

Cr: freepik.com
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
มารู้จัก นาฬิกา Amazfit กันเถอะ!
หลายคนที่สงสัยกันว่า Amazfit ประเทศอะไร ต้องบอกว่า Amazfit เป็นแบรนด์นาฬิกาอัจฉริยะ จากประเทศจีน ซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัท Zepp Health Corporation (มีชื่อเดิมคือ Huami Technology) ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 โดย Wang Huang วิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านเซ็นเซอร์และปัญญาประดิษฐ์
จุดเริ่มต้นของ Huami ไม่ใช่การทำนาฬิกาอัจฉริยะโดยตรง แต่จะเป็นการพัฒนาชิปเซ็ต ซอฟต์แวร์สำหรับการติดตามสุขภาพและกิจกรรม และเมื่อตลาดนาฬิกาอัจฉริยะโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หันมาทำธุรกิจนาฬิกาอัจฉริยะ จนกลายมาเป็น Amazfit จากผู้ผลิตชิปก้าวเข้าสู่แบรนด์สมาร์ตวอตช์ชั้นนำระดับโลก มีจุดเด่น คือ นวัตกรรม ฟีเจอร์ที่ครบครัน และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย จึงทำให้แบรนด์ Amazfit ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ
ซีรีส์นาฬิกา Amazfit ที่ได้รับความนิยม
อย่างที่รู้กันดีว่านาฬิกา Amazfit ที่มีตัวเลือกในช่วงราคาที่หลากหลาย จึงทำให้ออกมาหลากหลายซีรีส์ โดยแต่ละซีรีส์ของ Amazfit มีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกนาฬิกาที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณของตนเองได้ง่ายขึ้น ฉะนั้น ก่อนจะไปดูรีวิว Amazfit รุ่นไหนดี เรามาดูกันสิว่ามีซีรีส์อะไรบ้างที่ได้รับความนิยม
1. Amazfit GTR Series: หรูหรา คลาสสิก พร้อมด้วยแบตเตอรี่สุดอึด
ซีรีส์แรก คือ Amazfit GTR โดดเด่นด้วยดีไซน์หน้าปัดวงกลมที่ดูคลาสสิก หรูหรา และพรีเมียม วัสดุที่ใช้มักจะเป็นโลหะคุณภาพสูง ให้ความรู้สึกเหมือนนาฬิกาข้อมือทั่วไป แต่จะแฝงด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ อีกทั้งยังขึ้นชื่อว่าแบตเตอรี่อึดเป็นพิเศษ สามารถใช้งานได้นานหลายสัปดาห์ต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียว
เหมาะกับใครคนที่ชื่นชอบดีไซน์นาฬิกาแบบดั้งเดิม หรือคนที่ชอบแบตเตอรี่อึด ๆ ใช้งานได้นาน ไม่ต้องชาร์จบ่อย ๆ และสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน หรือออกกำลังกาย
2. Amazfit GTS Series: ดีไซน์ทันสมัย บางเบา ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
จุดเด่นของซีรีส์นี้คือมีดีไซน์หน้าปัดสี่เหลี่ยมคล้ายกับ Apple Watch จึงทำให้ดูสวย ทันสมัย บางเบา และยังมีสีสันให้เลือกหลากหลาย พร้อมหน้าจอ AMOLED สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ แสดงผลข้อมูลได้ชัดเจน และยังมีโหมดออกกำลังกายกว่า 100 โหมด, GPS ในตัว, มีแบตเตอรี่ใช้งานได้นานหลายวันถึง 2 สัปดาห์ และกันน้ำได้ด้วย
เหมาะกับคนที่ต้องการสมาร์ตวอตช์ที่เข้ากับสไตล์แฟชั่น สามารถใส่ได้ทุกโอกาสและรู้สึกสบายข้อมือตลอดวัน แม้จะมีขนาดบางเบา แต่ยังจัดเต็มด้วยฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย
3. Amazfit Bip Series: แบตอึด ราคาประหยัด คุ้มค่า
สำหรับซีรีส์ Bip เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในเรื่องของความคุ้มค่า และราคาที่เข้าถึงได้ง่ายมากที่สุด ในบรรดาซีรีส์หลักของ Amazfit แม้ว่าจะมีราคาที่ไม่แพง แต่ฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานที่จำเป็นมีครบ ทั้งการติดตามสุขภาพและกิจกรรม พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งบางรุ่นสามารถใช้งานได้นานถึง 45 วันหรือมากกว่านั้น
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพพื้นฐาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จเลย และคนที่มีงบน้อยแต่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะที่มีฟังก์ชันพื้นฐานครบ
4. Amazfit T-Rex Series: แกร่ง อึด ถึก ทน เหมาะกับสายลุย
Amazfit ซีรีส์ T-Rex ออกแบบมาเพื่อสำหรับคนรักการผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์ที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน และได้ผ่านมาตรฐานทางทหาร (MIL-STD-810G) ทำให้สามารถทนทานต่ออุณหภูมิที่รุนแรงแรงกระแทก และสภาพแวดล้อมที่ท้าทายได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังมี GPS ที่แม่นยำสูง และฟังก์ชันที่รองรับการใช้งานในป่าเขาหรือพื้นที่ห่างไกล
เหมาะสำหรับคนที่ชอบผจญภัย, นักเดินป่า, นักเดินทางไกล, นักกีฬาที่ฝึกซ้อมในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบัน รวมถึงคนที่ต้องการนาฬิกาที่ทนทานมากเป็นพิเศษ
5. Amazfit Active Series: ฟีเจอร์ AI Fitness Coach เพื่อการฝึกที่ชาญฉลาด
สุดท้ายกับซีรีส์ Active เป็นรุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์ยุค AI ที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยการรวมเอา AI Fitness Coach (Zepp Coach) เข้ามาช่วยวางแผน และแนะนำการออกกำลังกายที่ปรับแต่งตามเป้าหมายและสภาพร่างกายของแต่ละคน พร้อมกับฟีเจอร์ Readiness ช่วยประเมินความพร้อมของร่างกายในการออกกำลังกายแต่ละวัน ซึ่งฟีเจอร์หลัก ๆ ของซีรีส์นี้คือ Zepp Coach AI, Readiness score, การติดตามสุขภาพขั้นสูง และมี GPS ที่แม่นยำ
เหมาะมากสำหรับคนที่อยากมีโค้ชส่วนตัวบนข้อมือ หรือคนที่ต้องการการออกกำลังกายให้มีระบบมากขึ้น
เปรียบเทียบให้ชัด! 10 Amazfit รุ่นไหนดี น่าซื้อใช้!
ยี่ห้อ/รุ่น | จุดเด่น | ขนาดหน้าจอแสดงผล | น้ำหนัก | มาตรฐานการกันน้ำ | ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องสูงสุด | ราคา |
---|---|---|---|---|---|---|
Amazfit Bip 5 Unity | ดีไซน์สวยทันสมัย หน้าจอใหญ่ แบตเตอรี่ อึดถึกทน และฟังก์ชันการออกกำลังกายกว่า 120 โหมด | 1.91 นิ้ว | 25 กรัม | 5ATM | 11 วัน | 2,290 บาท |
Amazfit Bip 6 | ดีไซน์พรีเมียม หน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ พร้อม GPS ที่แม่นยำ สามารถควบคุมด้วยเสียง | 1.97 นิ้ว | 27.9 กรัม | 5ATM | 14 วัน | 2,660 บาท |
Amazfit Active | หน้าจอ AMOLED สวยคมชัด ฟีเจอร์เพื่อสุขภาพที่จัดเต็ม มีโหมดออกกำลังกายมากกว่า 120 โหมด | 1.75 นิ้ว | 24 กรัม | 5ATM | 14 วัน | 3,510 บาท |
Amazfit Active 2 | ดีไซน์สวยงาม ทนทาน ฟังก์ชันติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายที่ครอบคลุม มีโหมดกีฬา 164 โหมด | 1.32 นิ้ว | 29.5 กรัม | 5ATM | 19 วัน | 3,610 บาท |
Amazfit Active Edge | เปลี่ยนหน้าปัดได้กว่า 100 รูปแบบ แบตเตอรี่สามารถใช้ได้นาน 16 วัน และกันน้ำได้ถึงระดับ 10 ATM | 1.32 นิ้ว | 34 กรัม | 10ATM | 16 วัน | 3,610 บาท |
Amazfit Cheetah Pro | ดีไซน์เบาพิเศษ มีจอ AMOLED HD ขนาดใหญ่ ระบบตำแหน่งดาวเทียม 6 ระบบ และตรวจจับสุขภาพ 24 ชม. | 1.45 นิ้ว | 34 กรัม | 5ATM | 14 วัน | 6,720 บาท |
Amazfit Balance | นาฬิกาคลาสสิกที่ทนทาน สามารถโทรออก-รับสายได้ ระบบ Bluetooth 5.0 รองรับชุดหูฟังสเตอริโอ | 1.50 นิ้ว | 35 กรัม | 5ATM | 14 วัน | 6,830 บาท |
Amazfit T-Rex 3 | กันน้ำ 10ATM ใช้ได้อุณหภูมิ -30 องศา เหมาะสำหรับนักผจญภัยและคนชอบออกกำลังกาย รองรับโหมดกีฬามากถึง 177 โหมด | 1.50 นิ้ว | 68.3 กรัม | 10ATM | 27 วัน | 7,090 บาท |
Amazfit GTS 3 | หน้าจอทรงเหลี่ยม เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ มีโหมดกีฬาให้เลือกมากถึง 150 ประเภท สวมใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย | 1.75 นิ้ว | 24.4 กรัม | 5ATM | 12 วัน | 7,499 บาท |
Amazfit T-Rex Ultra | วัสดุสุดพรีเมียม หน้าจอสว่างคมชัด ระบบ GPS ที่แม่นยำ แบตเตอรี่อึดทน พร้อมฟีเจอร์สุขภาพและออกกำลังกายที่ครบครัน | 1.39 นิ้ว | 89 กรัม | 10ATM | 20 วัน | 14,290 บาท |
คัดให้แล้ว 10 Amazfit รุ่นไหนดี ฟีเจอร์โดนใจ สายสุขภาพต้องมี!
นาฬิกา Amazfit ที่มีตัวเลือกเยอะมาก ๆ เพราะมีหลากหลายซีรีส์ และราคาก็หลากหลาย เริ่มตั้งแต่หลักร้อยขึ้นไปจนถึงหลักหมื่น เรียกได้ว่าเอาใจคนที่อยากได้นาฬิกา Amazfit มาก ๆ ใครกำลังมองหานาฬิกา Amazfit แต่ไม่รู้ว่าจะเลือก Amazfit รุ่นไหนดี เพราะมีให้เลือกเยอะเกิ๊น! เพื่อช่วยให้ตัวเลือกเหลือน้อยลง และตัดสินใจเลือกซื้อนาฬิกา Amazfit รุ่นไหนดี ได้ง่ายขึ้น ช้อปปี้จึงคัดมาให้แล้ว 10 นาฬิกาอัจฉริยะ Amazfit รุ่นไหนดี ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด มาดูกัน
1. Amazfit Bip 5 Unity

ใครอยากมี Smart Watch ดีไซน์เก๋ ๆ ในราคาสบายกระเป๋า ต้องรุ่นนี้เลย Amazfit Bip 5 Unity มาพร้อมกับตัวเรือนสเตนเลสสตีล (Stainless Steel) คุณภาพสูง ช่วยยกระดับรูปลักษณ์นาฬิกาให้ดูพรีเมียม หรูหรา และทนทานมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่น Bip 5 จอภาพ LCD สีสันสดใสขนาด 1.91 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง ช่วยให้การแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งฟีเจอร์ด้านสุขภาพ ยังรองรับโหมดกีฬามากกว่า 120 โหมด ครอบคลุมทั้งการวิ่ง, เดิน, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, โยคะ และมี GPS ในตัว อีกทั้งยังสามารถรับสายและโทรออกได้โดยตรงจากนาฬิกา ผ่าน Bluetooth ได้อีกด้วย
รายละเอียด Amazfit Bip 5 Unity
- ฟีเจอร์เด่น: ดีไซน์สวยทันสมัย หน้าจอกว้างขนาดใหญ่ แบตเตอรี่ อึดถึกทน พร้อมฟังก์ชันการออกกำลังกายกว่า 120 โหมด
- จำนวนโหมดการออกกำลังกาย: 120 โหมด
- ขนาดหน้าจอ: 1.91 นิ้ว
- น้ำหนัก: 25 กรัม
- มาตรฐานการกันน้ำ: 5ATM
- ความจุแบตเตอรี่: 300mAh
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด: 11 วัน
- ราคาประมาณ 2,290 บาท (ราคาเดิม 3,590 บาท)
2. Amazfit Bip 6

มาต่อกันที่ Amazfit Bip 6 นาฬิกา Amazfit รุ่นใหม่ล่าสุด! ดีไซน์พรีเมียม น้ำหนักเบา ตัวเรือนอะลูมิเนียมสุดบางเบา พร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.97 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต ช่วยให้มองเห็นชัดเจนทุกสภาพแสง มี GPS ที่แม่นยำมากกว่าเดิม! จัดเต็มด้วยฟังก์ชันติดตามสุขภาพพร้อมดูแลให้ 24 ชั่วโมง มีทั้งติดตามการนอนหลับ, ติดตามการเต้นหัวใจ วัดค่าออกซิเจนในเลือด วัดความเครียด และการคำนวณการเกิดประจำเดือนของผู้หญิง เป็นต้น ส่วนการออกกำลังกายมีทั้ง indoor และ outdoor ที่มีให้เลือกมากถึง 140 รูปแบบ
พร้อมผู้ช่วย AI ช่วยแนะนำการออกกำลังกายให้อีกด้วย สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายผ่าน Bluetooth 5.2 รองรับทั้ง Android 7.0 และ iOS 14 ขึ้นไป และรองรับการแจ้งเตือน และรับสายโทรเข้าออกได้ และติดตั้ง GPS ในตัว ช่วยในการระบุตำแหน่งที่แม่นยำ แบบไม่ต้องเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน ถ้าอยากได้รุ่นใหม่ ราคาไม่แพง ฟังก์ชันที่จัดเต็ม แล้วไม่รู้ว่าจะเลือก Amazfit รุ่นไหนดี แนะนำรุ่นนี้เลยใหม่ล่าสุด
รายละเอียด Amazfit Bip 6
- ฟีเจอร์เด่น: ดีไซน์พรีเมียม หน้าจอใหญ่ พร้อม GPS ที่แม่นยำ มีโหมดกีฬากว่า 140 และตรวจจับสุขภาพ 24 ชั่วโมง
- จำนวนโหมดการออกกำลังกาย: 140 โหมด
- ขนาดหน้าจอ: 1.97 นิ้ว
- น้ำหนัก: 27.9 กรัม
- มาตรฐานการกันน้ำ: 5ATM
- ความจุแบตเตอรี่: 340mAh
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด: 14 วัน
- ราคาประมาณ 2,660 บาท (ราคาเดิม 3,690 บาท)
3. Amazfit Active

ขยับราคาขึ้นมาอีกนิดกับ Amazfit รุ่นไหนดี แนะนำเป็น Amazfit Active อีกรุ่นที่น่าสนใจ! ที่มาพร้อมฟีเจอร์ด้านสุขภาพครบครัน มีทั้งวัดอัตราการเต้นหัวใจ, วัดความเร่ง, วัดอุณหภูมิ, วัดระดับออกซิเจนในเลือด, วัดการเปลี่ยนแปลงหลอดเลือดฝอย, วัดระดับความเครียด และวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ครบจบเรื่องสุขภาพได้ในหนึ่งเดียว ถ้าจะเป็นโหมดออกกำลังกายก็มีให้เลือกมากถึง 120 โหมดรูปแบบ แถมยังสามารถเชื่อมต่อเพื่อปรับแต่งได้ผ่านแอป Zepp อีกทั้ง ยังสามารถดู GPS ได้ด้วย มีมาตรฐานการกันน้ำ 5ATM
หน้าจอขนาด 1.75 นิ้วแบบ AMOLED สวยงามคมชัด สามารถเลือกหน้าปัดสวย ๆ ได้มากกว่า 100 รูปแบบ ยังรองรับการรับสาย/วางสาย ข้อความ หรือเปลี่ยนเพลงได้เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนได้ด้วย ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุด 30 วันในโหมดประหยัดแบตเตอรี และ 14 วันสำหรับการใช้งานทั่วไป ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ทุกรูปแบบจริง ๆ
รายละเอียด Amazfit Active
- ฟีเจอร์เด่น: หน้าจอ AMOLED สวยคมชัด พร้อมฟีเจอร์เพื่อสุขภาพที่จัดเต็ม มีโหมดออกกำลังกายมากกว่า 120 โหมด และใช้งานทั่วไปได้ยาวนานถึง 14 วัน
- จำนวนโหมดการออกกำลังกาย: 120 โหมด
- ขนาดหน้าจอ: 1.75 นิ้ว
- น้ำหนัก: 24 กรัม
- มาตรฐานการกันน้ำ: 5ATM
- ความจุแบตเตอรี่: 300mAh
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด: 14 วัน
- ราคาประมาณ 3,510 บาท (ราคาเดิม 4,990 บาท)
4. Amazfit Active 2

สำหรับ Amazfit Active 2 รุ่นใหม่ล่าสุด เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน บอกเลยว่ารุ่นนี้มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.32 นิ้ว ขนาดกะทัดรัด ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป และทางแบรนด์ยังได้เคลมว่ารุ่นนี้สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 10 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง! ตัวหนาจอเป็นทรงกลม ดีไซน์สวยดูทันสมัย ตัวเรือนจะมีปุ่มควบคุมสองปุ่ม มีโหมดออกกำลังกายให้เลือกใช้งานมากถึง 164 โหมด รวมถึงการฝึกความแข็งแรง, Hyrox race, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ และอื่นๆ รวมถึงมีฟีเจอร์มากมาย เช่น การติดตามรอบเดือน, การติดตามการนอนหลับ, การตรวจวัดระดับความเครียด พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อนั่งนานเกินไป แจ้งเตือนสายโทรเข้า ข้อความ SMS การแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ และยังมีฟังก์ชันควบคุมกล้อง ควบคุมเพลง และ Find My Phone และมีระบบสั่งงานด้วยเสียงได้ด้วย
รายละเอียด Amazfit Active 2
- ฟีเจอร์เด่น: ดีไซน์สวยงาม ทนทาน ฟังก์ชันติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายที่ครอบคลุม และมีโหมดกีฬา 164 โหมด พร้อมจดจำอัจฉริยะ 25 ท่าฝึกกล้ามเนื้อ และ 8 ท่ากีฬา อีกทั้งมี GPS ในตัว
- จำนวนโหมดการออกกำลังกาย: 164 โหมด
- ขนาดหน้าจอ: 1.32 นิ้ว
- น้ำหนัก: 29.5 กรัม
- มาตรฐานการกันน้ำ: 5ATM
- ความจุแบตเตอรี่: 270mAh
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด: 19 วัน
- ราคาประมาณ 3,610 บาท (ราคาเดิม 4,990 บาท)
5. Amazfit Active Edge

ใครที่มีงบพอประมาณและต้องการนาฬิกาอัจฉริยะที่ไม่เพียงแต่เท่ ทันสมัย ใส่ได้ทุกเพศทุกวัยเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมความสามารถที่ครบครัน ทั้งหน้าจอสวย คมชัด กันน้ำได้ลึก แบตเตอรี่สุดอึด และฟังก์ชันการติดตามต่าง ๆ ครบครัน ควรเลือก Amazfit รุ่นไหนดี ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ครบ! ขอแนะนำ Amazfit Active Edge พร้อมรูปทรงที่มีความเท่ ทันสมัย มีความโดดเด่นด้วยหน้าปัดทรงกลม จอแบบ LCD ขนาดใหญ่ 1.32 นิ้ว เป็นระบบสัมผัส Multi-Touch ตัวเรือนเป็นพลาสติก เป็นสาย TPU มีสีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเขียวมินท์ สีดำ และสีม่วง
นอกจากนี้ยังสามารถการตรวจจับ Tracking ต่าง ๆ มาพร้อมความสามารถในการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) ติดตามการออกกําลังกาย ด้วยโหมดกีฬา ที่มีมากกว่า 120 โหมด มี GPS สามารถติดตามตำแหน่งได้ โดยใช้ระบบดาวเทียม 5 ระบบ ผู้ช่วยในการออกกําลังกายอย่าง Zepp Coach AI และกันน้ำระดับ 10 ATM หรือลงน้ำได้ลึกถึง 100
รายละเอียด Amazfit Active Edge
- ฟีเจอร์เด่น: โหมดการเล่นกีฬามากกว่า 130 โหมด สามารถปรับเปลี่ยนหน้าปัดได้มากกว่า 100 แบบ แบตเตอรีสามารถใช้ได้นาน 16 วัน และกันน้ำได้ถึงระดับ 10 ATM
- จำนวนโหมดการออกกำลังกาย: 130 โหมด
- ขนาดหน้าจอ: 1.32 นิ้ว
- น้ำหนัก: 34 กรัม
- มาตรฐานการกันน้ำ: 10ATM
- ความจุแบตเตอรี่: 37mAh
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด: 16 วัน
- ราคาประมาณ 3,610 บาท (ราคาเดิม 5,990 บาท)
6. Amazfit Cheetah Pro

ขยับมากันที่ Amazfit Cheetah Pro นาฬิกาตัว Top เรือธงสาย Performance ด้วยดีไซน์เบาพิเศษ เพียงแค่ 34 กรัม ตัวกรอบเรือน กรอบไทเทเนียมอัลลอย แข็งแรง ทนทาน มีหน้าจอ AMOLED HD ขนาดใหญ่ หน้าจอระบบสัมผัส กระจกนิรภัย Corning Gorilla Glass 3 ติดตั้ง GPS ในตัวติดตามการวิ่งด้วยความแม่นยำสูงผ่านระบบตำแหน่งดาวเทียม 6 ระบบ พร้อมโหมดออกกำลังกายและกีฬามากมาย ทั้งวิ่งกลางแจ้ง, ลู่วิ่ง, เดินในร่ม, ปั่นจักรยานกลางแจ้ง, ปั่นจักรยานในร่ม, ว่ายน้ำในสระ, ว่ายน้ำกลางแจ้ง และปีนเขา ฯลฯ รวมมากกว่า 150 โหมดกีฬา อีกทั้งยังรองรับฟังก์ชัน Smart recognition ของการออกกำลังกายแบบ Strenght Training ได้ถึง 25 รูปแบบ และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 14 วัน
รายละเอียด Amazfit Cheetah Pro
- ฟีเจอร์เด่น: ดีไซน์เบาพิเศษ พร้อมจอ AMOLED HD ขนาดใหญ่ ระบบตำแหน่งดาวเทียม 6 ระบบ ตรวจจับสุขภาพ 24 ชม. และโหมดการออกกำลังกายและกีฬากว่า 150 โหมด
- จำนวนโหมดการออกกำลังกาย: 150 โหมด
- ขนาดหน้าจอ: 1.45 นิ้ว
- น้ำหนัก: 34 กรัม
- มาตรฐานการกันน้ำ: 5ATM
- ความจุแบตเตอรี่: 450mAh
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด: 14 วัน
- ราคาประมาณ 6,720 บาท (ราคาเดิม 9,990 บาท)
7. Amazfit Balance

Amazfit รุ่นไหนดี ฟังก์ชันครบ ราคาคุ้มค่า ต้องนี่เลย Amazfit Balance สมาร์ทวอทช์เรือธง ที่มาในราคาสุดคุ้ม ด้วยหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.5 นิ้ว กระจกหน้าจอ Tempered Glass เป็นระบบสัมผัส Multi-Touch มีตัวเรือนอะลูมิเนียม สายไนลอน/ซิลิโคน, มี GPS, Wi-Fi, NFC, Bluetooth 5.0, พร้อมเซ็นเซอร์หลากหลาย ทั้งการตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ, ไจโรสโคป, เคลื่อนไหว, คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า, ความดันอากาศ ยังสามารถติดตามคุณภาพการนอนได้ด้วย มีฟังก์ชันแจ้งเตือน, รับสาย, ลำโพง, ไมโครโฟน, ออกกำลังกาย, ควบคุมเพลง, ชำระเงิน, ตรวจออกซิเจนในเลือด, ติดตามความเครียด รองรับระบบ Zepp OS 3.0 กันน้ำได้ในระดับดี และแบตเตอรี่ใช้งานได้ 5 วัน หรือถ้าใช้โหมดประหยัดพลังงานก็ใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด 14 วัน
รายละเอียด Amazfit Balance
- ฟีเจอร์เด่น: ดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูทันสมัย น้ำหนักเบา แต่ทนทาน ฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ครบครัน
- จำนวนโหมดการออกกำลังกาย: 150 โหมด
- ขนาดหน้าจอ: 1.5 นิ้ว
- น้ำหนัก: 35 กรัม
- มาตรฐานการกันน้ำ: 5ATM
- ความจุแบตเตอรี่: 475mAh
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด: 14 วัน
- ราคาประมาณ 6,830 บาท (ราคาเดิม 13,990 บาท)
8. Amazfit T-Rex 3

คราวนี้เราขอมาเอาใจสาย Adventure ที่กำลังมองหา Amazfit รุ่นไหนดี อึดทึกทน ฟังก์ชันครบ พร้อมลุยทุกกิจกรรมกลางแจ้ง ต้องนี่เลย Amazfit T-Rex 3 ด้วยตัวเรือนสแตนเลสสตีล 316L มีความแข็งแรงและทนทาน สายนาฬิกาปรับได้ สวมใส่สบายขณะทำกิจกรรม แถมทุกชิ้นส่วน และปุ่มกดสามารถกันโคลน แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นานสูงสุด 27 วัน มี GPS ในตัว แผนที่มีความละเอียดสูง บันทึกเส้นทางกิจกรรม หรือดาวน์โหลดแผนที่ออฟไลน์และแชร์ไปยังแอปอื่นๆ ได้
พร้อมฟีเจอร์ออกกำลังกายที่ครบครัน โหมดออกกำลังกายกว่า 177 โหมด ยังรองรับ Hyrox Race, Ultramarathon, วิ่งเทรล, Hiking, Freediving ฟีเจอร์ Readiness ตรวจวัดสุขภาพแบบเรียลไทม์ ยังมีไมโครโฟนและลำโพง รองรับ Alexa, ผู้ช่วยเสียงออฟไลน์ และการโทรผ่าน Bluetooth ได้ด้วย
รายละเอียด Amazfit T-Rex 3
- ฟีเจอร์เด่น: หน้าจอ AMOLED 1.5 นิ้ว โหมดกีฬา 177 ประเภท พร้อม Smart Recognition จดจำอัตโนมัติ 25 ท่าฝึกความแข็งแรง และ 8 โหมดกีฬา กันน้ำลึกสูงสุด 100 เมตร และได้มาตรฐานความทนทาน MIL-STD-810G
- จำนวนโหมดการออกกำลังกาย: 177 โหมด
- ขนาดหน้าจอ: 1.50 นิ้ว
- น้ำหนัก: 68.3 กรัม
- มาตรฐานการกันน้ำ: 10ATM
- ความจุแบตเตอรี่: 700mAh
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด: 27 วัน
- ราคาประมาณ 7,090 บาท (ราคาเดิม 12,990 บาท)
9. Amazfit GTS 3

รีวิว Smart Watch กันต่อกับ Amazfit GTS 3 ที่คนรักสุขภาพควรต้องมี! ดีไซน์สวยทันสมัย มีขนาดกะทัดรัด แต่จัดเต็มด้วยฟังก์ชันการใช้งาน ที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ สามารถใส่ได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นทำงาน, เที่ยวเล่น หรือ Hang Out เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ตัวเรือนผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ด้วยอะลูมิเนียมอัลลอยด์มาตรฐานอากาศยาน ที่ให้ความแข็งแรงทนทาน
พร้อมตัวเรือนหนาเพียง 8.8 มิลลิเมตร และน้ำหนักรวมเพียง 24 กรัมเท่านั้น สายนาฬิกาซิลิโคน มีความยืดหยุ่น เช็ดทำความสะอาดได้ มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี สวยทุกสีเลย มีโหมดออกกำลังกายมากกว่า 150 ประเภท และเทคโนโลยี BioTracker วัดค่าแม่นยำ เชี่ยวชาญเรื่องสุขภาพ สามารถชาร์จได้ด้วยแท่นชาร์จแม่เหล็ก แบตเตอรี่ความจุ 250mAh และรองรับการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน เวอร์ชั่นแอนดรอยด์ตั้งแต่ 7.0 และ iOS 12 ขึ้นไป
รายละเอียด Amazfit GTS 3
- ฟีเจอร์เด่น: ดีไซน์น่ารัก ๆ มากับหน้าจอทรงเหลี่ยม เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ มีโหมดกีฬาให้เลือกมากถึง 150 ประเภท สามารถสวมใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย
- จำนวนโหมดการออกกำลังกาย: 150 โหมด
- ขนาดหน้าจอ: 1.75 นิ้ว
- น้ำหนัก: 24.4 กรัม
- มาตรฐานการกันน้ำ: 5ATM
- ความจุแบตเตอรี่: 250mAh
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด: 12 วัน
- ราคาประมาณ 7,499 บาท
10. Amazfit T-Rex Ultra

Amazfit รุ่นไหนดี ตอบโจทย์นักผจญภัยและผู้รักกิจกรรมหนัก ๆ สำหรับสาย Sport & Outdoor แนะนำเป็น Amazfit T-Rex Ultra รุ่นนี้เลย ที่ครบเครื่องฟีเจอร์สุดพรีเมียม จุดเด่นที่ทำให้เป็นสมาร์ทวอทช์สายลุยตัวจริง! ตัวเรือนทำจากสเตนเลสสตีล 316L เกรดพรีเมียม ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง หนักแน่น และทนทาน พร้อมเคลือบผิวแบบด้าน ช่วยลดรอยนิ้วมือและเพิ่มความหรูหรา
ผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810G ที่รับประกันความทนทาน แบบขั้นสุด ที่สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 70 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำได้ถึง -40 องศาเซลเซียส รวมถึงความชื้นการสั่นสะเทือนและอื่นๆ กันน้ำลึก 10 ATM และรองรับการดำน้ำ มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ให้สีสันที่สดใส คอนทราสต์สูง และภาพคมชัด แถมยังมีแบตเตอรี่โคตรอึด พร้อมลุยได้นานสูงสุด 20 วัน และมีฟีเจอร์สุขภาพและการออกกำลังกายที่ครบครัน
รายละเอียด Amazfit T-Rex Ultra
- ฟีเจอร์เด่น: ดีไซน์เท่ วัสดุระดับพรีเมียม หน้าจอที่สว่างคมชัด ระบบ GPS แม่นยำขั้นสุด แบตเตอรี่ที่อึดทน พร้อมฟีเจอร์สุขภาพและโหมดออกกำลังกายที่ครบครัน
- จำนวนโหมดการออกกำลังกาย: 160 โหมด
- ขนาดหน้าจอ: 1.39 นิ้ว
- น้ำหนัก: 89 กรัม
- มาตรฐานการกันน้ำ: 10ATM
- ความจุแบตเตอรี่: 500mAh
- ระยะเวลาการใช้งานสูงสุด: 20 วัน
- ราคาประมาณ 14,290 บาท (ราคาเดิม 27,690 บาท)
คุณสามารถเลือกซื้อ Amazfit รุ่นไหนดี ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และตอบโจทย์การใช้งาน
- หากต้องการนาฬิกา Amazfit หน้าจอขนาดใหญ่ มองเห็นได้ชัด พร้อมแบตเตอรี่ที่อึดทน แนะนำเป็น Amazfit Bip 5 Unity , Amazfit Bip 6 , Amazfit Active และ Amazfit GTS 3 ซึ่งมีหน้าจอใหญ่อยู่ที่ประมาณ 1.75 – 1.97 นิ้ว
- ใครงบน้อยอยากได้นาฬิกา Amazfit เพื่อสุขภาพ มีโหมดกีฬาและโหมดออกกำลังกายหลายรูปแบบ แนะนำเป็น Amazfit Bip 5 Unity , Amazfit Bip 6 ทั้งสองรุ่นนี้ราคาไม่แพง 3,000 บาท
- สายกิจกรรมอยากได้ Amazfit รุ่นไหนดี ที่อึดทึกทน แข็งแรง ทนทานได้ดี พร้อมฟังก์ชันที่ครบจบในเครื่องเดียว ต้องนี่เลย Amazfit T-Rex Ultra ผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810G พร้อมรับประกันความทนทาน แบบขั้นสุด
- ใครชอบออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเยอะ ๆ อยากได้นาฬิกา Amazfit มีโหมดกีฬาหลากหลายรูปแบบ แนะนำให้เลือกรุ่น Amazfit Active 2 , Amazfit T-Rex 3 หรือ Amazfit T-Rex Ultra ทั้ง 3 รุ่นนี้มีโหมดกีฬามากกว่า 150 รูปแบบเลย
และนี่ก็คือรีวิว 10 Amazfit รุ่นไหนดี ที่เรานำมาแนะนำกันในบทความนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังมองหานาฬิกา Amazfit รุ่นไหนดี ต้องบอกว่าแต่ละรุ่นมีดีไซน์ คุณสมบัติ ฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันไป รวมถึงราคาก็ไม่เท่ากัน ใครชอบแบบไหน หรือมีงบเท่าไหร่ ก็สามารถเลือกจากที่เรารีวิวกันได้เลย เมื่อตัดสินใจเลือก นาฬิกา Amazfit รุ่นที่ต้องการ
สามารถสั่งซื้อผ่านออนไลน์บน Shopee ได้รวบรวมร้านขายนาฬิกา Amazfit มีทั้งร้านค้าในประเทศและร้านค้าต่างประเทศ มีสินค้าให้เลือกเยอะมาก พร้อมด้วยโปรโมชั่นและแจกโค้ดส่วนลดตลอดทั้งปี หรือใครที่อยากจะอ่านบทความรีวิวสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ตวอตช์รุ่นไหนดี ฟังก์ชันเกินคุ้มตอบโจทย์การใช้งาน , นาฬิกายี่ห้อไหนดี ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ , เทคนิควิธีการเลือกนาฬิกาข้อมือผู้หญิง หรือบทความอื่น ๆ ติดตามอ่านได้ที่ Shopee Blog