หากคิ้วคือมงกุฎของหน้าตาแล้ว นาฬิกาก็คงจะเป็นเครื่องประดับที่จะช่วยให้ดูดีมีระดับมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะแต่งตัวเนี๊ยบ เก๋ ดูดี หรือสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงขนาดไหน หากข้อมือขาดนาฬิกาแบรนด์ดี ๆ สักเรือนก็คงจะดูเรียบ ๆ ไป เพราะนาฬิกาจะช่วยเสริมให้บุคลิกดูดีมีออร่ามากขึ้น หรือเป็นการสร้างความเนี๊ยบ เรียบหรู ให้ดูเด่นขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
วิธีเลือกนาฬิกาจากการใช้งาน
1. เลือกนาฬิกาแบรนด์จากรูปแบบของหน้าจอ
- Analog แบบเข็ม ซึ่งหน้าปัดของนาฬิกาแบบนี้จะดูสบายๆ เรียบง่าย แต่หรูหรา เหมาะกับใส่การใส่ทำงาน ซึ่งบางแบบอาจไม่มีตัวเลข แต่ใช้จุดหรือขีดแทนแล้วแต่ดีไซน์ของแต่ละยี่ห้อนาฬิกา
- Digital หรือ Smart Watch โดยแบบนี้จะเป็นนาฬิกาที่เสริมเทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ มากมาย ซึ่งก็มีทั้งแบรนด์นาฬิกาที่มีชื่อเสียง และยังมีการแบรนด์ที่ต้องใช้คู่กับสมาร์ตโฟน
- LCD จะเป็นแบบตัวเลขดิจิตอล ที่มีความทันสมัย บ่งบอกถึงบุคลิกภาพของผู้สวมใส่ซึ่งจะมีความขี้เล่น สนุกสนานและชอบเทคโนโลยี ซึ่งนอกจากตัวเลขดิจิทัลแล้ว ก็ยังมีลูกเล่นอื่นผสมเข้าไปอีก
2. รูปแบบของการใช้พลังงาน
- แบบแบตเตอรี่ ซื่งนาฬิกาแบบนี้เราเรียกว่านาฬิกาควอต ซึ่งแบบนี้จะสะดวกสบายและใส่ได้นานกว่าที่แบตเตอรี่จะหมด ซึ่งราคาในการเปลี่ยนถ่านนาฬิกาแต่ละครั้งก็อยู่ประมาณ 80-200 บาทเท่านั้น
- แบบออโตเมติค แบบนี้อาศัยแรงเหวี่ยงจากกลไกภายในไปหมุนลาน ทำให้นาฬิกานั้นเดิน หากไม่มีการเหวี่ยงหรือเราไม่ได้ใส่นาฬิกาสักระยะหนึ่งจะทำให้นาฬิกาไม่เดิน ทำให้เราต้องมาคอยตั้งเวลาให้นาฬิกาของเราใหม่อยู่บ่อยๆ อีกแบบคือระบบไขลาน ซึ่งนาฬิกาแบบนี้ไม่ค่อยพบมากเท่าใดนักในปัจจุบัน อีกรูปแบบหนึ่งคือระบบพลังงานแสงอาทิตย์ครับ
3. เลือกลักษณะการดีไซน์กับสาย
- สายสเตนเลส หรือ ไทเทเนียม จะทำความแข็งแรงและทนทาน ดูเนี๊ยบและหรูหรามากกว่า โดนน้ำได้แต่ราคาก็จะสูงกว่าแบบอื่น
- สายซิลิโคน จะมีนำน้ำหนักที่เบากว่าสำหรับบางคนอาจจะชอบที่ดูมีความทะมัดทะแมง ออกแนวสปอร์ต ลุยได้ทุกที่
- สายหนัง ดูหรูและมีความนุ่มสบาย ไม่ทำร้ายผิว และไม่ควรโดนน้ำ หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดเหงื่อ เพราะจะทำให้มีกลิ่น
4. เลือกให้เหมาะกับขนาดข้อมือ
- ข้อมือเล็ก ควรเลือกหน้าปัดนาฬิกาให้มีขนาดเล็กทรงกลม ให้หลีกเลี่ยงหน้าปัดสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพราะจะยิ่งทำให้ข้อมือดูเล็กลงไปอีก
- ข้อมือใหญ่ สามารถจะใส่นาฬิกาได้ทุกแบบ ทั้งหน้าปัดนาฬิกา รูปทรงการดีไซน์เพียงแค่เลือกเหมาะสมกับการแต่งกายก็จะทำให้ดูดีขึ้นได้
5. เลือกตามสีผิวของตัวเอง
- ผิวขาวเหลืองหรือขาวอมชมพู ควรเลือกสีโทนอ่อน เช่น สีขาว สีโกโก้อ่อน สีฟ้าอ่อน สีทองเมื่อสวมใส่แล้วจะช่วยขับสีผิวให้ดูมีออร่า
- ผิวขาวซีด ควรเลือกนาฬิกาแบรนด์ที่สีเข้ม เช่น น้ำเงินเข้ม แดงเข้ม สีน้ำตาลไหม้ สีเหลืองอมน้ำตาล จะทำให้สีผิวเข้มขึ้น
- ผิวสีน้ำผึ้ง สำหรับผิวสีนี้ โทนสีที่ควรจะเลือกมาใช้ ควรจะเป็นสีน้ำตาลอมแดง สีชมพูหม่น สีฟ้าอมเขียว สีชมพูอมส้ม จะช่วยเพิ่มออร่า
- ผิวแทน ควรเลือกยี่ห้อนาฬิกาที่มีโทนสีกลาง ๆ ไม่อ่อนหรือเข้มเกินไป เช่น สีน้ำตาล สีม่วง สีเขียวเข้ม สีเทา จะช่วยให้สีผิวสว่างขึ้น
6. เลือกนาฬิกาให้เหมาะกับวัย
- วัยรุ่น ควรเลือกนาฬิกา ที่มีดีไซน์ทันสมัยสีสันสดใส และมีฟังก์ชันในการใช้งานที่หลากหลายใช้ได้ยาว ๆ ก็คุ้มดี
- วัยทำงาน ควรเลือกนาฬิกาที่มีดีไซน์เรียบหรู มีระดับเพิ่มความภูมิฐาน ควรจะเป็นสายสเตนเลสจะเป็นสีเงิน สีทอง สีโรสโกลด์ก็ได้
7. เลือกซื้อยี่ห้อนาฬิกาให้เหมาะกับการใช้งาน
ในแต่ละแบรนด์นาฬิกาก็จะมีการดีไซน์ที่แตกต่างกันออกไป และมักจะใช้เวลาในการผลิตที่ค่อนข้างนานและประณีตพอสมควร โดยแบรนด์ก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกัน นอกจากการบอกเวลาแล้วยังช่วยเสริมบุคลิกภาพ และสามารถจะตอบโจทย์ได้กับทุกสถานการณ์ โดยนาฬิกาประเภทต่าง ๆ จะมีดังนี้
- Dress Watch เป็นนาฬิกาแบรนด์ดังที่มีความเรียบหรู เน้นการใช้งานที่เป็นทางการ นาฬิกาในกลุ่มจะมีลักษณะตัวเรือนที่ไม่หนามาก และโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ในระดับไม่เกิน 40 มิลลิเมตร
- Diving Watch จะเป็นนาฬิกาที่ใช้สำหรับงานใต้น้ำ ก็จะมีฟังก์ชันจับเวลา สำหรับกิจกรรม Scuba Diving หรือมีแบบกระจกลดการสะท้อนแสง รวมทั้งมีพรายน้ำเรืองแสง เพื่อจะได้สามารถดูเวลาได้อย่างชัดเจนกว่า
- Pilot Watch คุณสมบัติของนาฬิกาที่เรียกว่า B-Uhr เพื่อใช้ในการจับเวลาสำหรับกองบินทิ้งระเบิด โดยรูปแบบและหน้าตาของนาฬิกาประเภทนี้จะมีหน้าปัด 2 แบบ และไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อนาฬิกาไหน ก็ยังคงไว้ด้วยหน้าจอแบบเดิม
- A Type มีตัวเลขอารบิก 1 ถึง 11 และสามเหลี่ยมพร้อมจุดสองจุดที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา
- B Type ลูกศรสามเหลี่ยมชี้ขึ้นในตำแหน่งเลข 60 และตัวเลขบอกชั่วโมงตัวเล็กอยู่วงในตั้งแต่ 1 ถึง 12
- Aviation Watch เป็นนาฬิกาที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานทางด้านการบินโดยเฉพาะการบิน โดยความโดดเด่นจะอยู่ที่ขอบสเกลบนหน้าปัดที่จะมีสิ่งที่เรียกว่า Slide Rule ซึ่งถือเป็นเครื่องคิดเลขสำหรับนักบินในการคำนวณค่าต่าง ๆ
- Sport Watch เป็นนาฬิกาแบรนด์ที่มีการออกแบบมาเพื่อการใช้งานหรือการแต่งตัวที่ไม่เป็นทางการ และยังมีการเพิ่มลูกเล่นเข้าไปอีกทั้งขนาดตัวเรือนก็จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็จะอยู่ที่ 43-46 มิลลิเมตร
- Chronograph Watch นาฬิกาที่มาพร้อมกับกลไกจับเวลา จะมีทั้งแบบหน้าปัด 2 หรือ 3 วงย่อย ขึ้นอยู่กับการออกแบบและโดยส่วนใหญ่แล้วจะมาพร้อมกับสเกล Tachymeter เพื่อช่วยในการจับเวลาหาระดับความเร็วที่กำลังเคลื่อนที่อยู่
- Beater Watch นาฬิกาที่คุณสามารถสวมใส่ได้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใด ไม่ต้องกังวลเรื่องความทนทานหรือรอยขูดขีดข่วน นาฬิกาประเภทนี้จึงอาจจะขึ้นอยู่กับงบประมาณ หรือความพึงพอใจกับนาฬิกาแบรนด์ที่ชื่นชอบอยู่แล้ว
10 นาฬิกาแบรนด์ดัง เสริมบุคลิกที่ใครเห็นก็ต้องมองตาม 2021
1. นาฬิกา SEIKO sport 5 Auto
ราคา 15,000 บาท
สำหรับแบรนด์นาฬิกาดังรุ่นนี้เพื่อคุณผู้ชายโดยเฉพาะ แบบถ้านึกถึงนาฬิกาก็จะต้องนึกถึง SEIKO ซึ่งได้ใจมาอย่างยาวนานมาก จะมีเอกลักษณ์ที่เป็นกลไกควอตซ์แบบ Kinetic ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ SEIKO และในปัจจุบันก็มีกลไกนี้ติดตั้งบนนาฬิกาในหลาย ๆ รุ่นและหลายแบบด้วยกัน พร้อมทั้งยังมีการปรับเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้ทันในยุคดิจิทัลอีกด้วย จะแต่งตัวแนววินเทจ หรือแต่งตัวแนวสตรีทก็รอด
2. Garmin Foreunner 245 Music
ราคา 11,750 บาท
สำหรับนาฬิกาแบรนด์ดังรุ่นนี้ จะเป็นรุ่นยอดนิยมในกลุ่มนักวิ่ง เพราะมีฟังก์ชันการติดตามการวิ่งได้อย่างครบครัน ช่วยในการวิเคราะห์ฟอร์มการวิ่งและยังให้ข้อมูลพิกัดตำแหน่งได้อย่างแม่นยำด้วยการเชื่อมต่อกับระบบนำทางถึง 3 ระบบ สามารถนำไปปรับแผนฝึกซ้อมและพัฒนาการวิ่งได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับนักกีฬา เพื่อนเป็นการพัฒนาทักษะการวิ่งได้ อีกทั้งยังสามารถฟังเพลงได้ โดยมีที่จัดเก็บเพลงได้สูงสุดถึง 500 เพลง หรือถ้าจะซิงค์เพลย์ลิสต์จากแอปพลิเคชันอย่าง Spotify ก็ยังได้
3. Garmin Venu SQ
ราคา 8,490 บาท
ยี่ห้อนาฬิกาสำหรับ Smart Watch รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีระบบ Garmin Pay ที่เป็นระบบเทคโนโลยีที่รองรับการจ่ายเงินด้วย Visa และ Mastercard โดยจะสามารถจับจ่ายสินค้าที่ต้องการได้ทุกที่ทุกเวลา และยังเป็นรุ่นที่เหมาะกับคุณสุภาพสตรีเป็นอย่างมาก เพราะมีฟังก์ชันไดอารี่สำหรับผู้หญิงที่จะช่วยบันทึกและนับวันที่เกี่ยวกับรอบเดือนได้ อีกทั้งยังมีระบบ SOS ที่จะช่วยให้สามารถจะแจ้งเตือนคนในครอบครัวให้ทันท่วงที หากรู้สึกถึงภัยอันตรายที่อาจจะมาถึงตัวได้
4. นาฬิกา Seiko รุ่น Turtle & Samurai
ราคา 7,560 บาท
นาฬิกาแบรนด์ดัง Seiko (ไซโก) จะมีหลายรุ่นด้วยกัน โดยรุ่น เต่า Turtle มีรูปทรงของนาฬิกา คล้ายคลึงกับเต่าซึ่งเป็นสัตว์ทะเลแสดงถึงความสมบูรณ์ทางใต้น้ำ รุ่นซามูไร Samurai จะดูด้านข้างของขอบ Bezel จะมีลวดลายเหมือนลายด้ามของดาบญี่ปุ่น แบบข้าวหลามตัด รุ่น Monster หน้าปัดเหมือนปีศาจแยกเขี้ยว เมื่อมองในที่มีแสง จะเหมือนมองไปตรงกลางทะเลทราย เข็มชั่วโมงจะคล้ายกับกรงเล็บของปีศาจ รุ่น Tuna can ปลากระป๋องพร้อมเสิร์ฟ จะมีรูปทรงเหมือนปลาทูน่ากระป๋องเป็นเกราะหุ้มอยู่ สำหรับรุ่น Shogun โชกุน ตัวเรือนจะมีความคล้ายคลึงกับชุดเกราะ ของท่านโชกุน
5. Hamilton Ventura XXL Elvis รุ่น H24585331
ราคา 43,520 บาท
เวนทูรา (Ventura) เป็นแบรนด์นาฬิการุ่นแรกที่ใช้แบตเตอรี่ และมีการดีไซน์หน้าปัดให้เป็นทรงสามเหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ของเวนทูราโดยเฉพาะ อีกทั้งยังเป็นรุ่นดั้งเดิมของแบรนด์นี้ที่ดูล้ำสมัยและน่าประทับใจมีการออกแบบโดยริชาร์ด อาร์บิบ (Richard Arbib) ตั้งแต่ปี 1957 ซึ่งเป็นนักออกแบบอุตสาหกรรมชื่อดังของอเมริกา ถึงแม้ว่าการดีไซน์ของนาฬิกาซีรีส์นี้จะดูแตกต่างไปจากรูปทรงของนาฬิกาทั่วไป แต่ก็เป็นรุ่นคลาสสิกที่มีรูปทรงเก่าแก่แต่โดนใจมาถึงปัจจุบัน และน่าใช้อย่างมาก
6. G-SHOCK นาฬิกาข้อมือ รุ่น AWR-M100SAR-1ADR
ราคา 5,525 บาท
เป็นนาฬิกาแบรนด์ยอดนิยมที่การออกแบบมาได้เท่ และมีฟังก์ชันครบครันโดยหน้าปัดของรุ่นนี้จะมีความกว้าง แถมยังเป็นการผสมผสานกันระหว่างระบบแอนาล็อกและดิจิทัล ขีดบอกเวลาและเข็มนาฬิกามีความเงางาม ช่วยให้อ่านเวลาง่าย กรอบกับสายใช้วัสดุจากเรซิ่นเหมือนกัน ทำให้มีความทนทานสูง เหมาะกับการใส่ในการทำกิจกรรมแบบลุย ๆ นอกจากนี้ยังมีระบบไฟเปิด-ปิด อัตโนมัติ หน้าปัดสามารถเรืองแสงในที่มืดได้ มีระบบแสดงเวลาโลก จับเวลาได้ กันน้ำได้ถึง 200 เมตร และยังทนทานต่อคลื่นแม่เหล็ก
7. GUESS นาฬิกาข้อมือผู้หญิง รุ่น W1290L2
ราคา 3,160 บาท
แบรนด์นาฬิการุ่นนี้เป็นนาฬิกามีการออกแบบและดีไซน์เพื่อเอาใจคุณผู้หญิง ที่ชอบสีชมพูโรสโกลด์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นสาย ตัวเรือน หรือว่าหน้าปัด ที่ล้วนให้มีสีชมพูโรสโกลด์และยังมาพร้อมพลอย Rhinestone ประดับรอบตัวเรือนที่จะเพิ่มความหรูหราให้กับตัวเรือนมากยิ่งขึ้น สายนาฬิกาเป็นลายสานเข้ากันกับตัวเรือนและหน้าปัดได้เป็นอย่างดี พื้นหลังของหน้าปัดมีสัญลักษณ์ Guess ซึ่งเหมาะกับการแต่งตัวได้ทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบทางการ หรือจะใส่แบบลำลอง
8. Wise Easier นาฬิกาข้อมือผู้หญิง
ราคา 2,250 บาท
Wise Easier นาฬิกาแบรนด์ของคนไทย ดีไซน์ที่แปลกใหม่ตอบโจทย์ทุก Lifestyle ตัวเรือนและ สายทําจากวัสดุคุณภาพดี Stainless Steel รุ่นนี้หน้าปัดเป็นแบบ Half-Face ครึ่งบนเป็นลายตารางสามเหลี่ยม ส่วนครึ่งล่างเป็นลายหน้าปัดเรียบแต่ดูหรู สุขุมนุ่มลึก และยังมาพร้อมพรายน้ำ Super-Luminova C3 เห็นชัดเจนแม้เวลาอยู่ในที่มืดและยังกันน้ำลึกได้ถึง 50 เมตร
9. MICHAEL KORS นาฬิกาข้อมือผู้หญิง รุ่น MK2583 Lake Silver Glitz
ราคา 3,680 บาท
จะเป็นหน้าปัดแบบแอนาล็อก สายหนัง มีกรอบสี่เหลี่ยมที่ตกแต่งประดับด้วยเพชร สามารถจะกันน้ำลึกได้ถึง 50 เมตร จะเป็นแบรนด์นาฬิกาที่จะประดับให้ข้อมือของคุณผู้หญิงดูดี มีเสน่ห์ ดึงดูดทุกสายตา ตัวเรือนสเตนเลสสตีล หน้าปัดประดับด้วยคริสทัลจะให้ความหรูหรา เหมาะกับข้อมือ อีกทั้งกันน้ำได้ ใส่แล้วดูดีสามารถใส่ทำงาน หรือใส่เที่ยวได้
10. Timex Camper Camo TM-TWLB14100/TM-TWLG00100
ราคา 1,925 บาท
นาฬิกาแบรนด์ Timex (ไทม์เม็กซ์) ก็เป็นของไทยอีกหนึ่งแบรนด์ กับคอลเลกชั่นล่าสุด เป็นการเอาใจแฟนแบรนด์ไทยโดยเฉพาะ กับ Thailand Edition CamouFlage (คาโมฟราจ) ที่ Timex จัดทำพิเศษ สำหรับรุ่นนี้มาพร้อมหน้ากับปัดลายพราง และสายไนลอนที่มีความยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี มีความทนทาน โดยจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ สีดำ สีน้ำเงิน และสีเขียว
จะเห็นว่านาฬิกาแบรนด์ในแต่ละรุ่น จะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้กับผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี โดยแต่ละยี่ห้อนาฬิกาจะออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานที่อาจจะเหมือนหรือแตกต่างกันก็ได้ การดีไซน์จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกซื้อแบบไหนที่ชอบ หรือที่เหมาะกับตนเองและการใช้งาน รวมไปถึงงบประมาณที่ตั้งไว้ด้วยเช่นกัน