อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยระวังเป็นภูมิแพ้กันด้วยน้า เพราะเดี๋ยวนี้คนไทยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี โดยโรคภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายไวต่อสารก่อภูมิจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเรา โดยทั่วไปสารเหล่านี้ก็จะไม่เป็นอันตรายกับคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติ แต่คนที่เป็นโรคภูมิแพ้จะไวต่อสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในอากาศได้ง่าย ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น คัดจมูก น้ำมูกใส คันหัวตา คันตามตัว ฯลฯ ใครมีอาการคล้ายกับโรคภูมิแพ้แต่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ การตรวจโรคภูมิแพ้จึงเป็นวิธีสำคัญที่จะช่วยค้นหาสาเหตุของอาการแพ้ได้ วันนี้ Shopee อยากแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจภูมิแพ้มีกี่แบบ ตรวจแบบไหนได้บ้าง ตรวจอะไรได้บ้าง พร้อมแนะนำแพกเกจตรวจที่ไหนดี ไม่รอช้า…ตามเราไปดูกัน
Cr: freepik
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
รู้จักกับ “ภูมิแพ้” คืออะไร
ภูมิแพ้ คือปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ (Allergen) เป็นสารที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนทั่วไป แต่สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้นั้นจะเข้าใจผิดว่าสารเหล่านี้เป็นอันตราย ทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีชนิด IgE ขึ้นมา เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้เดิมอีกครั้งแอนติบอดี IgE ก็จะกระตุ้นให้เซลล์ในร่างกายหลั่งสารเคมี เช่น ฮิสตามีน ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการแพ้ต่าง ๆ
ประเภทสารก่อภูมิแพ้
สำหรับประเภทของสารก่อภูมิแพ้ ประกอบด้วย 2 ประเภท ได้แก่
- สารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อมและอากาศ เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ ละอองเกสร เชื้อรา แมลงสาบฯลฯ
- สารก่อภูมิแพ้ประเภทอาหาร เช่น นมวัว นมถั่วเหลือง ไข่ ถั่ว แป้งสาลี อาหารทะเล ฯลฯ
อาการของโรคภูมิแพ้
อาการภูมิแพ้ของแต่ละคนมีอาการแตกต่างกันและความรุนแรงไม่เท่ากัน ซึ่งขึ้นอยู่กับของสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับและการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคลต่างกัน โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ระบบทางเดินหายใจ : น้ำมูกไหล จาม คัดจมูก คันจมูก คันตา น้ำตาไหล ไอ หายใจมีเสียงหวีด และมีอาการหอบหืด
- ผิวหนัง : ผื่นแดง ผิวหนังอักเสบ คัน และลมพิษ
- ระบบทางเดินอาหาร : ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ และอาเจียน
ตรวจภูมิแพ้ คืออะไร และมีกี่แบบ
เป็นการทดสอบเพื่อระบุสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ต่อร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งสารเหล่านี้ก็จะมีหลากหลายชนิด เช่น ฝุ่น ละอองเกสร สารเคมี รวมถึงอาหารที่รับประทานทั่วไป การตรวจถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่มีอาการ ภูมิแพ้ ทำยังไงดี จะได้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อสามารถหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างถูกต้อง และเลือกใช้วิธีรักษาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งการตรวจสามารถทำได้หลายวิธี และที่นิยมมี 2 วิธี คือ การทดสอบผิวหนัง (Skin Prick Test) และการเจาะเลือด (Blood Test) โดยแต่ละวิธีการตรวจก็จะแยกย่อยออกไปอีก ดังนี้
1.การทดสอบทางผิวหนัง (Skin Test)
การทดสอบทางผิวหนังเป็นวิธีตรวจที่ง่ายที่สุด รวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายน้อย ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้เข็มสะกิดผิวหนัง การฉีดยาเข้าในชั้นผิวหนัง หรือการแปะสารก่อภูมิแพ้ที่ผิวหนัง หากแพ้ ผิวหนังบริเวณนั้นจะเกิดปฏิกิริยาบวมแดงขึ้น
ขั้นตอนการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
- ทำความสะอาดผิวหนังที่จะทดสอบ (บริเวณท้องแขนหรือหลัง)
- แพทย์จะหยดน้ำยาซึ่งสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ลงบริเวณที่ต้องการทดสอบ
- ใช้ปลายเข็ม Sterile สะกิดเบา ๆ ที่ชั้นหนังกำพร้าโดยไม่ให้มีเลือดออก รอผล 15 – 20 นาที
- หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะเช็ดทำความสะอาด ด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์อีกครั้ง แล้วจะทาครีมทับเพื่อลดอาการคันหรือแดง
- บริเวณที่ทำการทดสอบ อาจจะมีจุดแดงเล็ก ๆ ซึ่งอาจจะคงอยู่ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง จะหายไปเอง
ข้อดีและข้อเสียการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
- ข้อดี : รู้ผลการทดสอบได้ภายใน 15 นาที และสามารถทดสอบสารก่อภูมิแพ้ได้หลายชนิดพร้อมกัน
- ข้อเสีย : ต้องหยุดยาแก้แพ้ทุกชนิด เป็นเวลาอย่างน้อย 7 – 10 วัน
2.การเจาะเลือด (Blood Test)
การตรวจเลือดหาภูมิต้านต่อสารก่อภูมิแพ้ จะเป็นการตรวจหาปริมาณแอนติบอดี IgE จำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้ในเลือด โดยวิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่สามารถทำการทดสอบทางผิวหนังได้ เช่น คนที่มีผื่นผิวหนังอักเสบ หรือคนที่ใช้ยาบางชนิด หรือเด็กเล็ก
ขั้นตอนการทดสอบด้วยการเจาะเลือด
- แพทย์จะสอบถามข้อมูลเบื้องต้นของผู้ที่ต้องการตรวจ เช่น ประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้
- แพทย์จะเริ่มต้นด้วยตรวจร่างกายเบื้องต้น เพื่อจะค้นหาความผิดปกติที่ปรากฎหรือซ่อนอยู่
- จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการเจาะเลือดตรวจภูมิแพ้ โดยเจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวหนัง และใช้สายรัดรัดตรงที่จะเจาะเก็บเลือด เพื่อให้เห็นเส้นเลือด แล้วใช้เข็มเล็ก ๆ สอดเข้าไปในเส้นเลือด โดยส่วนใหญ่จะเจาะแขนด้านในบริเวณข้อศอก หรือหลังมือ
- เมื่อได้เลือดตามที่ต้องการแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำตัวอย่างเลือดไปตรวจในห้องปฏิบัติการ โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการรอผลเลือดประมาณ 7 – 14 วัน
ข้อดีและข้อเสียการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
- ข้อดี : ไม่จำเป็นต้องงดอาหารและน้ำ แต่จะต้องงดยาแก้แพ้ทุกชนิด ก่อนตรวจอย่างน้อย 7 – 10 วัน
- ข้อเสีย : ไม่สามารถรู้ผลได้ทันทีจะต้องรออย่างน้อยประมาณ 3 – 4 วัน และมีค่าใช้จ่ายสูง
การตรวจแบบทดสอบผิวหนัง VS แบบเจาะเลือด ต่างกันอย่างไร
ตรวจแบบทดสอบผิวหนัง | ตรวจแบบเจาะเลือด |
---|---|
งดยาแก้แพ้ทุกชนิด ทุกประเภท ก่อนตรวจ อย่างน้อย 7 – 10 วัน | ไม่จำเป็นจะต้องงดน้ำ อาหาร และยาแก้แพ้ทุกชนิด |
หยดน้ำยาที่สกัดจากสารก่อภูมิแพ้ แล้วใช้เข็มสะกิดผิวหนัง สามารถทราบผลทันทีภายใน 15 – 20 นาที | เจาะเลือดครั้งเดียวสามารถทราบการแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ได้หลายชนิด มากถึง 40 ชนิดในครั้งเดียว |
สามารถทดสอบสารก่อภูมิแพ้ทางอากาศและอาหาร | หลังจากเจาะเลือดจะต้องรอผลอย่างน้อย 3 – 4 วัน |
ราคาถูก | ราคาสูง |
การตรวจภูมิแพ้ สามารถตรวจอะไรได้บ้าง
การตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไร้ฝุ่น ละอองเกสร ขนแมว ขนสุนัข เชื้อรา และยังสามารถตรวจทั้งภูมิแพ้อาหาร เช่น นมวัว ไข่แดง ไข่ขาว แป้งสาลี ถั่ว ฯลฯ รวมถึงตรวจการแพ้ยาบางชนิดได้ด้วย
ประโยชน์จากการตรวจอาการภูมิแพ้
การตรวจภูมิแพ้เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างมาก เพราะการตรวจจะช่วยให้หมอวินิจฉัยได้เจาะจงได้เลยว่าตัวเราแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใด และสาเหตุของอาการเกิดภูมิแพ้ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงสารเหล่านี้และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการแพ้ได้ รวมถึงวางแผนการรักษา เช่น กินยาภูมิแพ้ และป้องกันอาการแพ้ในอนาคตได้อีกด้วย
คัดมาให้ 6 แพกเก็จจากสถานพยาบาลชั้นนำ
อาการภูมิแพ้สามารถแสดงออกได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ทางใด และอวัยวะใดที่ได้รับผลกระทบ ใครที่มีอาการคัดจมูก คันจมูก จาม น้ำมูกไหล เจ็บคอ คันคอ คันตา แสบตา น้ำตาไหล ตาแดง หรืออาการอื่น ๆ ที่บ่งบอกว่านี่เป็นอาการภูมิแพ้ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม อยากจะไปไปตรวจ แต่ไม่รู้ว่าจะตรวจภูมิแพ้ ที่ไหนดี ซึ่งเราได้คัดมาให้แล้วกับ 6 แพ็กเกจ ตรวจภูมิแพ้ แต่ละโรงพยาบาลมาแนะนำให้กับเพื่อน ๆ มีโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ไหนกันบ้าง เตรียมเซฟเก็บไว้ได้เลยน้า
1. มิตรไมตรีคลินิก
หากคุณกำลังมองหาคลินิก แนะนำมิตรไมตรีคลินิกเวชกรรมทีมีบริการตรวจสุขภาพที่หลากหลาย และการบริการที่ได้มาตรฐาน ด้วยแพ็กเกจโปรแกรมตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ 107 รายการ ด้วยวิธีการเจาะเลือด เพื่อความแม่นยำ และยังสามารถหาสารก่อภูมิได้หลายชนิด เช่น พืช ละอองเกสร ถั่วชนิดต่าง ๆ ธัญพืช ผัก ผลไม้ อาหาร แพ้จากสัตว์ชนิดต่าง ๆ และอื่น ๆ เรียกได้ว่าครบทุกอย่างในครั้งเดียว อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหาร หรืองดยาแก้แพ้ก่อนเข้ารับการตรวจแต่อย่างใด ใครอยากจะตรวจครั้งแล้วสามารถรู้ผลได้หลากหลาย แนะนำแพ็กเกจนี้เลยที่มิตรไมตรีคลินิก พร้อมให้บริการกว่า 70 สาขา
รายละเอียดมิตรไมตรีคลินิก
- ทีมแพทย์เฉพาะทางเพื่อผลการรักษาที่ดี
- ตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ 107 รายการ
- มีคลินิกให้บริการกว่า 70 สาขา พื้นที่นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง และ กรุงเทพมหานคร
- ราคาประมาณ 4,500 บาท
2. โรงพยาบาลพญาไท 1
หากมีอาการหรือสงสัยว่าลูกจะเป็นภูมิแพ้อากาศ หรืออาหารหรือไม่? กำลังมองหาที่ตรวจ Skin Test ที่ไหนดี สำหรับเด็ก ราคาไม่แพง แนะนำโรงพยาบาลพญาไท 1 เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นผู้นำด้านการรักษาระบบประสาทและสมอง พร้อมให้บริการทางการแพทย์และรักษาพยาบาลครอบคลุม สำหรับแพ็กเกจทดสอบสารก่อภูมิแพ้ Skin Prick Test 10 ชนิด ตรวจด้วยวิธีสะกิดผิวหนัง (Skin Prick Test) บริเวณด้านในแขนท่อนล่างสำหรับเด็กอายุ 3 – 15 ปี ซึ่งจะตรวจหาภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจหรือภูมิแพ้อากาศและอาหาร หากลูกมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล แต่มีน้ำมูกสีใส จามบ่อย คันในจมูก และมีเสมหะไหลลงคอ แต่ไม่มีไข้ หรือมีอาการตอบสนองต่ออาหารบางชนิดแบบผิดปกติ แนะนำให้พาลูกมาตรวจ เพื่อจะได้ป้องกันและรักษาได้อย่างเหมาะสม
รายละเอียดโรงพยาบาลพญาไท 1
- แพทย์จะเป็นผู้ประเมินชนิดสารก่อภูมิแพ้ที่จะตรวจ
- ทดสอบสารก่อภูมิแพ้ Skin Prick Test 10 ชนิด
- ราคารวมค่าแพทย์ ค่าบริการและค่าบริการพยาบาล
- ใช้เวลาตรวจ 30 – 60 นาที และรู้ผลทันทีในวันเดียวกัน
- ราคาประมาณ 2,200 บาท
3. โรงพยาบาลบีเอ็นเอช
ใครไม่กล้าตรวจเพราะกลัวเข็มหรือกลัวเจ็บ หมดความกังวลเรื่องนี้ได้เลย ด้วยแพ็กเกจตรวจโรคภูมิแพ้ (20) จุด จากโรงพยาบาลบีเอ็นเอช BNH Hospital ด้วยการตรวจภูมิแพ้จมูก วิธีทดสอบสะกิดผิวหนังเพื่อหาสารก่อภูมิแพ้ต้นเหตุ สามารถเห็นผลได้ใน 15 – 20 นาที ซึ่งในแพ็กเกจจะตรวจภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ประกอบไปด้วยการตรวจสารก่อภูมิแพ้จากหญ้าแพรก หญ้าพง หญ้าขน กระถินณรงค์ ต้นผักโขม รังแคขนสุนัขและแมว ไรฝุ่นสองชนิด แมลงสาบตัวเล็ก/ใหญ่ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลย
รายละเอียดโรงพยาบาลบีเอ็นเอช
- มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครบทุกสาขา และทีมแพทย์และพยาบาลที่มีคุณภาพ
- ให้บริการทางการแพทย์หลากหลายครบวงจร
- ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก Joint Commission International (JCI)
- ราคาประมาณ 4,000 บาท
4. โรงพยาบาลนครธน
อยากรู้ว่าตัวเองแพ้อาหารอะไรไหม หรือว่ากินอาหารบางประเภทแล้วมีอาการแปลก ๆ อย่างผื่นคัน ผื่นลมพิษหรือผิวแดงทั้งตัว ปากบวม ตาบวม หน้าบวม หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ เจ็บแน่นหน้าอก ปวดมวนท้อง และอื่น ๆ ก็สันนิฐานได้ว่าอาจจะเกิดจากอาการแพ้อาหาร แต่ไม่รู้ว่าแพ้อาหารประเภทไหน ชนิดไหน อยากมาตรวจแต่ก็ไม่รู้ว่าจะตรวจภูมิแพ้ ที่ไหนดี แนะนำให้มาตรวจที่โรงพยาบาลนครธน มีให้เลือกหลายแพ็กเกจ แต่อยากตรวจให้ครบจัดเต็ม แนะนำ แพ็กเกจตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง 216 ชนิด ด้วยวิธีตรวจเลือด เช่น อาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้กว่า 200 ชนิด เช่น นม ชีส ถั่ว และสารอาหารอื่น ๆ ในอาหาร หรือสารที่พบในอาหาร เช่น สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ผงชูรส สีผสมอาหาร ฯลฯ ตรวจครั้งเดียวจะรู้ได้เลยว่ามีความเสี่ยงในการแพ้อาหารชนิดไหนเลย
รายละเอียดโรงพยาบาลนครธน
- เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย
- ให้การบริการสุขภาพแบบองค์รวม
- บริการตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงที่ครอบคลุมถึง 216 ชนิด
- รายงานผลการตรวจภายใน 7-10 วัน
- ราคาประมาณ 19,500 บาท ราคาดังกล่าวรวมค่าแพทย์ และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว
5. โรงพยาบาลพญาไท
ตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง Food Intolerance Test อีกหนึ่งแพ็กเกจที่น่าสนใจ และอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ซื้อมาตรวจของโรงพยาบาลพญาไท เนื่องจากการแพ้อาหารแสดงได้หลายอาการ บางคนก็อาจจะคุ้นชินกับอาการแบบเฉียบพลัน หรือภายใน 2 – 4 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน แต่อาการภูมิแพ้อาหารแฝนั้นงจะไม่แสดงอาการในทันที แต่จะแพ้อาหารแบบเรื้อรัง เป็นภาวะอาการแพ้ที่เกิดจากภูมิคุ้มกัน ดังนั้น การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทที่มีโอกาศแพ้ได้ ด้วยการเจาะเลือด (ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ป่วยหรือตามการประเมินของแพทย์) เพื่อจะค้นหาตัวการสารก่อภูมิแพ้ อันจะมีประโยชน์ต่อการหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ และเพื่อดูแลรักษาสุขภาพต่อไป
รายละเอียดโรงพยาบาลพญาไท
- ตรวจได้สูงสุด 222 ชนิด
- บริการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ห้องปฏิบัติการมีมาตรฐานระดับสากล
- สงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่มีอายุ 15 ปี ขึ้นไปเท่านั้น
- นัดหมายล่วงหน้า หรือจะ walk in ก็ได้
- ราคาประมาณ 25,450 บาท
6. โรงพยาบาลรวมใจรักษ์
ใครกำลังค้นหาพิกัดตรวจโรคภูมิแพ้อาหาร ที่ราคาไม่แพงอยู่ล่ะก็ เราแนะนำโปรแกรมตรวจภูมิแพ้อาหาร โดยการการสะกิดผิวหนัง 10 ชนิด จากโรงพยาบาลรวมใจรักษ์ แพ็กเกจนี้คุ้มสุด ๆ สามารถเลือกได้อยากที่จะตรวจหาสารก่อภูมิแพ้อาหาร หรือสารก่อภูมิแพ้อากาศและสิ่งแวดล้อม หรือจะเลือกตรวจทั้งสองประเภทเลยก็ได้ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจให้ ด้วยการสะกิดผิวหนังเพื่อหาสารก่อภูมิแพ้ต้นเหตุ เพื่อจะค้นหาตัวการสารก่อภูมิแพ้ หากตรวจหาสารก่อภูมิแพ้อาหาร มี 10 ชนิด ได้แก่ อาหารทะเลที่มีเปลือก (กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก) ข้าว ไข่ดาว ไข่แดง นมวัว เห็ด ถั่วลิสง และถั่วเหลือง ส่วนถ้าตรวจหาสารก่อภูมิแพ้อากาศและสิ่งแวดล้อมมี 9 ชนิด เช่น ไร้ฝุ่น ขนสัตว์ แมลงสาบ หญ้าขน เชื้อรา เป็นต้น โดยใช้เวลาไม่นานจะรู้ผลทันทีเลยว่าเราแพ้อะไร เพื่อจะได้ป้องกันได้อย่างถูกต้อง
รายละเอียดโรงพยาบาลรวมใจรักษ์
- บริการดูแลรักษาสุขภาพอย่างครบวงจร
- มีเทคโนโลยีหรือเครื่องมือเฉพาะทางต่าง ๆ
- ให้บริการในระดับ 5 ดาวในราคาที่เข้าถึงได้
- ใช้เทคโนโลยีในการประมวลผลเพื่อช่วยลดความผิดพลาด
- ราคาประมาณ 1,900 บาท
ใครที่มีอาการ ภูมิแพ้ ทำยังไงดี แนะนำให้ไปลอง ตรวจภูมิแพ้ เพราะปัจจุบันคนไทยเป็นโรคภูมิแพ้กันเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องทุกปีเลย เพื่อน ๆ สามารถตรวจได้ทุกโรงพยาบาลและคลินิกที่บริการตรวจโรคภูมิแพ้ เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจเพื่อความปลอดภัย และผลตรวจที่แม่นยำ แต่ถ้าใครอยากได้แพ็กเกจตรวจ ราคาถูกสุดคุ้ม เพื่อน ๆ สามารถเลือกซื้อจาก 6 แพ็กเกจที่เราได้คัดเลือกมาแนะนำกันได้เลย รับรองว่าคุ้มสุดอย่างแน่นอน นอกจากนี้เรายังมีบทความเกี่ยวกับสุขภาพที่น่าสนใจ เช่น วิธีการดูแลสุขภาพตนเองเบื้องต้น ให้ห่างไกลโรคระบาด หรือปัญหาหนังโคนเล็บลอกที่แก้ไขได้ หรือบทความอื่น ๆ ติดตามอ่านได้ที่ Shopee Blog ที่จะมาอัปเดตทุกวัน
ที่มา : paolohospital.com, samitivejhospitals.com, phyathai.com, thainakarin.co.th, nakornthon.com