รากบัว (Lotus root) เป็นพืชสมุนไพรจีน ซึ่ง ประโยชน์ของรากบัว มีมากมายจนทำให้คนไทยนิยมนำมาใช้ประกอบเป็นทั้งอาหารคาวและอาหารหวานสามารถจะนำไปนึ่ง นำไปทอด ตุ๋น หรือผัดได้ อีกทั้งยังสามารถจะรับประทานทั้งแบบดิบก็ได้ เนื้อสัมผัสของรากบัวจะมีความกรุบกรอบ มีความหวานตามธรรมชาติและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ บ้างก็นำไปแปรรูปเป็นแบบผงให้สามารถจะนำไปใช้ชงน้ำดื่มได้ หรือใช้ประกอบเป็นอาหารได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งจะมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น
cr: shutterstock
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ลักษณะทั่วไปของรากบัว
รากบัว ชาวจีนนิยมเรียกกันว่า หน่อยเก๋า หรือกวงพั้ง เป็นพืชไม้น้ำที่มีรากหรือเหง้าสีขาวอมเหลืองหรือสีงาช้าง จะอยู่ใต้ดินเป็นปล้องๆ ยาวและใหญ่ นิยมนำมาตัดตามแนวขวางจะมีรูปกลมๆ เล็กๆ ใช้ประกอบอาหาร รากบัวเมื่อแก่มักนิยมนำมาต้มหรือทำเป็นยา ก้านใบจะมีหนาม และดอกบัวหลวงจะบานโผล่ขึ้นพ้นเหนือน้ำ และเมื่อแก่แล้วก็จะกลายเป็นฝักบัวที่มีเมล็ดบัวอยู่ภายใน ซึ่งก็จะมีประโยชน์ และนำมารับประทานเล่นๆ ได้อีก
รู้จักกับผงรากบัว
เป็นการนำรากบัวมาแปรรูปให้เป็นผงด้วยกรรมวิธีที่มีมาตรฐานในแต่ละแบรนด์ จะมีคุณสมบัติเมื่อผสมกับน้ำร้อนแล้วจะเหนียวข้น บางครั้งจะมมีส่วนผสมของธัญพืชต่าง ๆ เข้ามาด้วย เช่น งาดำ เมล็ดทานตะวัน ลูกเกด อัลมอนด์ ถั่วลิสง วอลนัท เป็นต้น หรืออาจจะนำไปแปรรูปเป็นผงชากลิ่นต่างๆ เพื่อความสะดวกในการชง ดื่มได้ง่ายมากขึ้น สำหรับหลายคนที่ต้องการจะดูแลสุขภาพ
ผงรากบัว สรรพคุณ
ผงรากบัว โดยส่วนมากที่นำมาชงดื่มจะมีสรรพคุณ ที่จะช่วยบรรเทาอาการร้อนในและกระหายน้ำได้ การดื่มแบบอุ่นจะช่วยแก้อาการไอและขับเสมหะออกจากลำคอ หรือหากไม่มีชนิดผง ก็สามารถจะนำรากบัวมาต้มน้ำเป็นเครื่องดื่ม หรือจะนำรากบัวสดมาตำหรือปั่นคั้นเอาแค่น้ำช่วยแก้ไอ ขับเสมหะได้ ซึ่งรากบัวสดจะมีฤทธิ์เย็นสามารถจะแก้ร้อนในได้ นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุต่างๆ ที่จะช่วยให้อวัยวะในร่างกายให้ทำงานได้เป็นปกติ
cr: shutterstock
ประโยชน์ของรากบัว ที่มีต่อร่างกาย
รากบัวไม่มีคอเลสเตอรอลและมีแคลอรีที่ต่ำมากๆ หลายคนจึงนิยมที่จะนำทำเป็นอาหารลดน้ำหนัก รวมถึงมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์สำหรับร่างกาย และแร่ธาตุที่มีอยู่ในรากบัวยังช่วยให้กระบวนการทำงานภายในร่างกายเป็นไปอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีการนำมาแปรรูปหรือต้มดื่มเป็นน้ำชาจิบระหว่างวันได้ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่างๆ ดังต่อไปนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของโลหิต รากบัว จะอุดมไปด้วยทองแดงและธาตุเหล็กจึงช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง และเมือระบบการไหลเวียนดี ร่างกายและอวัยวะทุกส่วนจะได้รับออกซิเจนอย่างเหมาะสม ทำให้ระบบการทำงานภายในร่างกายให้มีกำลัง และแก้อาการอ่อนเพลียง่าย
- ช่วยควบคุมความดันโลหิต ซึ่งรากบัวจะอุดมไปด้วยโพแทสเซียมซึ่งสามารถจะช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้รักษาสมดุลปริมาณของเหลวในร่างกายช่วยควบคุมความดันโลหิต โดยทำให้หลอดเลือดผ่อนคลายและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดี เป็นการช่วยลดความแข็งและช่วยให้หลอดเลือดหดตัวได้คล่องขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความดันในระบบหัวใจและหลอดเลือดได้
- ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร รากบัวมีเส้นใยอาหารและถ้าหากเป็นผงรากบัวที่มีการเพิ่มธัญพืช ก็จะยิ่งมีเส้นใยอาหารในปริมาณมาก ที่จะช่วยให้ระบบขับถ่ายในร่างกายได้ง่ายขึ้น ไม่มีอาการท้องร่วงและท้องผูก และรากบัวยังช่วยปล่อยน้ำย่อยในกระเพาะอาหารซึ่งจะช่วยย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารในร่างกายได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย
- เสริมสร้างพลังภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยรากบัว จะช่วยป้องกันโรคร้ายแรงต่างๆ ได้ เพราะจะอุดมไปด้วยวิตามินซีที่มีสรรพคุณในการสารต้านอนุมูลอิสระ ยังเป็นส่วนหนึ่งของคอลลาเจนที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความแข็งแกร่งให้กับหลอดเลือดผิวหนัง ซึ่งจะทำให้การส่งของเหลวไปยังอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี
- ช่วยรักษาอาการการติดเชื้อราและโรคเลือดออก การรับประทานรากบัว จะช่วยเรื่องการกำจัดเชื้อราต่างๆ เช่น กลาก โรคฝีดาษ และโรคเรื้อนได้ รวมไปถึงใบบัวหากนำมาต้มผสมกับน้ำจากนั้นดื่มเป็นประจำจะช่วยรักษาอาการเหงื่อออกมากได้ อีกทั้งบรรเทาอาการไข้เลือดออก เลือดกำเดาไหล และอาการปัสสาวะเป็นเลือดด้วย
- ช่วยในเรื่องเสริมสร้างสุขภาพจิตให้ดีขึ้นได้ รากบัวจะมีส่วนประกอบของ วิตามินบีรวมและไพริดอกซิที่จะช่วยควบคุมอารมณ์ ช่วยให้ผ่อนคลายความเครียด แก้อาการปวดหัว และยังช่วยลดระดับความหงุดหงิดลงได้ ทำให้สุขภาพจิตโดยทั่วไปดีขึ้น และจะส่งผลดีไปยังร่างกายได้
cr: shutterstock
รากบัว ข้อควรระวัง ในการรับประทาน
- ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านกระเพาะอาหาร กระเพราะเป็นแผล ไม่ควรรับประทานรากบัวสด หรือน้ำรากบัวแบบคั้นสด อาจจะใช้วิธีต้มผสมน้ำ แล้วจิบน้อยๆ วันเว้นวันได้ และไม่ควรจะดื่มแทนน้ำ เพราะรากบัวจะทำให้กระเพาะอาหารมีน้ำย่อยออกมามาก
- สตรีที่อยู่ช่วงมีประจำเดือน ไม่ควรรับประทานรากบัวสด เพราะในช่วงนี้ร่างกายต้องการความอบอุ่นมากกว่า จะต้องเว้นระยะให้หมดช่วงนี้ไปก่อน แล้วจึงนำมาจิบดื่มรับประทานได้ปกติ
- รากบัว ข้อควรระวัง ของผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ควรรับประทานรากบัวสุกหรือผงรากบัวที่มีผสมของแป้งและน้ำตาล เพราะจะทำให้น้ำตาลในเลือดยิ่งขึ้นสูง แต่สามารถจะรับประทานรากบัวสดได้ หรือจะปั่นคั้นเอาแต่น้ำมาผสมเกลือนิดหน่อย น้ำมะนาวครึ่งซีก ก็ดื่มได้แล้ว เพราะจะมีความหวานตามธรรมชาติ
ประโยชน์ของรากบัว มีมากมายจริง ๆ คนไทยจะนิยมนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด อีกทั้งรากบัวก็มีสรรพคุณเป็นยาที่จะช่วยบรรเทาอาหารเจ็บป่วยได้ สามารถจะนำมาต้มเพื่อดื่ม หรือจิบในระหว่างวันได้โดยเฉพาะในช่วงบ่าย ๆ ของวัน หรือช่วงที่มีอากาศร้อนมากๆ เพื่อให้ร่างกายสามารถจะสร้างสมดุลและเสริมสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้มากขึ้น อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงสนใจต้องการหาซื้อผงรากบัวหรืออาหารเสริมต่าง ๆ มาไว้รับประทานกันแล้ว ซึ่งคุณสามารถหาซื้อได้ที่ Shopee ได้เลย และสำหรับใครที่ชอบอ่านบทความสาระดี ๆ เช่น วิตามินผมยี่ห้อไหนดี หรือ กินอะไรแก้แฮงค์ ก็สามารถติดตามอ่านได้ที่ Shopee Blog เลย
อ้างอิง: