สะท้อนอารมณ์ที่หลากหลายผ่าน เทรนด์สี 2023 ที่กำลังมาแรงในการเข้ามาเติมเต็มผู้คนสะท้อนผ่านตัวงานสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์และเข้ากับยุคในสมัยที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ในวันนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายในยุคที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและการปรับตัวเพื่อเป็นผู้รอดซึ่งเทรนด์สีทำไมถึงเข้ามามีบทบาทและแต่ละสีที่คัดเลือกมาสะท้อนถึงด้านใดต้องติดตาม


หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำไม เทรนด์สี 2023 ถึงสำคัญ
เพราะ “สี” มีผลกระทบต่อการความรู้สึกทั้งในด้านอารมณ์และการจดจำทำให้หลายองค์กร หลายแบรนด์นำสีไปใช้ในเชิงธุรกิจทางจิตวิทยาสำหรับผู้บริโภคเพื่อช่วยให้แบรนด์กลายเป็นที่จดจำ เพิ่ม productivity และยอดขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็จำเป็นต้องเลือกใช้สีให้เป็น ตรงกับเทรนด์และเหมาะสมกับสินค้าและบริการนั้น ๆ
รู้จัก เทรนด์สี 2023 pantone นั้นคืออะไร
คงจะพอเดาออกกันแล้วว่าสีมีผลต่ออารมณ์และการจดจำ แต่ในปัจจุบันนั้นมีเฉดสี โทนสีมากมายเหลือเกินซึ่งในปี 2023 เทรนด์สีที่ถูกพูดถึงมากสุดนั่นก็คือ “Pantone” ซึ่งจะเราจะอธิบายให้คุณผู้อ่านเข้าใจง่าย ๆ ว่าสีกลุ่มนี้คือ อะไร ดังนี้
- สีมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกซึ่ง Pantone มาจากคำว่า Pantone Matching System (PMS)
- โดยมีต้นกำเนิดมาจากรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นบริษัทฯ ของลุงแซมที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสีสำหรับงานพิมพ์ทุกชนิดที่ต้องการความแม่นยำในการกำหนดค่าก่อนพิมพ์งานต่างๆ
- สะดวกในการใช้งาน ง่ายต่อทุกธุรกิจโดยนิยมนำ “Pantone Formula Guide” แนวทางสำหรับเลือกสีต่างๆ ที่ต้องการใช้ไปบอกรหัส ID ให้โรงพิมพ์ทราบก็จะได้สีตามที่ต้องการ
- มีมาตรฐานของ “ค่าสี” ที่จะทำให้คุณได้งานของสิ่งพิมพ์ หรือสิ่งที่สั่งผลิตออกมาเหมือนกัน 100%
7 List เทรนด์สีมาแรงปี 2023
เมื่อเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องสีเบื้องต้นกันไปแล้ว ต่อมาก็ต้องไม่พลาดกับ 10 List เทรนด์สีมาแรงปี 2023 มีสีอะไรบ้าง เลื่อนลงไปอ่านข้างล่างพร้อม ๆ กันเลย
1. สีดำเทา (Moonless Night)


สีที่ถูกยกให้เป็นสีคลาสสิคตลอดกาลในปี 2023 มาในสีดำเทา หรือ Moonless Night ซึ่งเป็นสีที่สื่อสารถึงพลังและความชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าท่ามกลางปัญหา
นิยมนำไปใช้: ในแคมเปญเชิงสังคม แคมเปญด้านสิทธิความเท่าเทียมและแคมเปญด้านสิ่งแวดล้อม
2. สีเหลืองอ่อน (Elfin Yellow)


ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหาทำให้เกิดโทนสีเหลืองอ่อน หรือ Elfin Yellow ที่สื่อถึงทัศนคติของความมุ่งมั่นไปสู่อนาคตที่ดีกว่าหลังจากการผ่านสถานการณ์ที่วุ่นวายกระทบทุกภาคส่วนอย่าง Covid-19 ที่ถึงแม้วันนี้ยังไม่จบลง แต่ทุกคนกำลังจะก้าวไปสู่สิ่งใหม่
นิยมนำไปใช้: ในการเติมเต็มพื้นที่ของบ้าน ของใช้เบ็ดเตล็ด หรือของออกแบบที่ถูกรีไซเคิลมาใหม่
3. สีส้มแอปริคอต (Golden Apricot)


สะท้อนความสุขของหนุ่มสาวยุคใหม่ที่ต้องการปลดล็อคจากความเชื่อในอดีตบางอย่างผ่านสีส้มแอปริคอตที่สะท้อนการปลดล็อกเพื่อมองหาความสุขในปี 2023 ให้คนรู้สึกตื่นตัว สดชื่น ที่มาพร้อมความรู้สึกอบอุ่นและสนุกสนานในเวลาเดียวกัน
นิยมนำไปใช้: ในเครื่องสำอาง ตกแต่งผนังห้อง หรืองานแฟชั่นให้เติบโตด้วยความสนุก อิสระ และมองโลกในแง่บวกมากขึ้น
4. สีเขียวมะนาว (Lime Green)


สีเขียวมะนาว หรือ Lime Green เป็นสีที่ 2-3 ปีที่ผ่านมาได้รับความนิยมและยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปี 2023 ที่เปล่งประกายในวงการนักออกแบบ โดยเฉพาะเหล่าครีเอเตอร์ผู้สร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ สะท้อนผ่านการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งแวดล้อมและสุนทรียภาพบนโลกดิจิทัลของ Generation Z
นิยมนำไปใช้: ในการจัดแคมเปญ ออกแบบสินค้าและใช้เป็นธีมงานช่วงเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ หรือกำลังประสบปัญหาเนื่องจากเป็นตัวแทนสีที่ของการมองโลกในแง่ดีให้กลับมาเปิดใจกระตุ้นให้รู้สึกมีชีวิตชีวา
5. สีเขียวอมฟ้า (Deep Lake)


สีเขียวอมฟ้า หรือ Deep Lakeตัวแทนสีของคนทุกเพศและทุกกิจกรรมเนื่องจากสีสื่อสารถึงพลัง ความแข็งแกร่ง การไม่ยอมแพ้ มีความหวัง การฟื้นฟู และการเปิดใจ
นิยมนำไปใช้: ในการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น สิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียมต่าง ๆ หรือนำไปใช้ในการออกแบบพื้นที่ของบ้าน สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์และออกแบบชุดกีฬา
6. สีแดงก่ำ (Scarlet Sage)


สีแดง กลุ่มสีที่ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อความคิดในปี 2023 นั้นมาในแนวสีแดงก่ำ หรือ Scarlet Sage ที่มาพร้อมการกระตุ้นทางอารมณ์ด้วยสีสัน การเติมพลัง และความหลงใหลผ่านการเชื่อมโยงทางความคิดและภูมิปัญญา
นิยมนำไปใช้: เป็นตัวกลางที่ใช้ในการสื่อสารทั้งการออกแบบภายนอก-ภายในอาคาร รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นต่าง ๆ
7. สีม่วงเข้ม (Phlox)


ตัวแทนแห่งสีที่สะท้อนการทำงานในยุคที่มีทั้งโลกจริงและโลกเสมือนจริงอย่าง Metaverse สู่การเป็นศูนย์กลางใหม่ของการปฏิสัมพันธ์และเครือข่ายทางการค้าในรูปแบบงานช่างฝีมือดิจิทัล ซึ่งปราศจากวัสดุจริง พร้อมแนวคิดในการเป็นเจ้าของ
นิยมนำไปใช้: ใน NFT Collection
จะเห็นได้ชัดว่าทั้ง 7 เทรนด์สี 2023 นั้นจะสะท้อนถึงความมีตัวตน สู่การเปลี่ยนแปลง ความเท่าเทียมที่เชื่อมโยงด้วยดิจิทัล ธรรมชาติ และความยั่งยืนเพื่อก้าวไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า ผ่านการเปิดใจและความยืดหยุ่นในการปรับตัวหลังจากพึ่งผ่านเหตุการณ์ที่กระทบทุกระบบในทั่วโลกให้คุณกล้าเปิดใจทำในสิ่งที่มีความสุขมากขึ้น แต่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นน้อยลง สำหรับใครที่สนใจเทรนด์ต่าง ๆ เช่น เทรนด์ไม้ดอกไม้ประดับ ทาง Shopee Blog ก็มีบทความคุณภาพมากมายพร้อมเสิร์ฟให้คุณอ่านอยู่นะ