9 แอปฝึกภาษาอังกฤษ ให้เก่งขึ้นได้ง่าย ๆ ที่ควรมีไว้ติดมือถือปี 2023

หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้

แอปฝึกภาษาอังกฤษ

ก้าวสู่โลกดิจิทัลที่การเข้าถึงข้อมูลนั้นเป็นเรื่องง่าย รวมถึงการฝึกภาษาก็ไม่ได้มีแหล่งเรียนรู้แค่ในห้องเรียนด้วยการเปิดกว้างทางการศึกษาที่นำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับ 10 แอปฝึกภาษาอังกฤษ ที่อยากแนะนำเพื่อให้การฝึกภาษาเป็นเรื่องง่าย สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่โดยรวมทั้งแอพลิเคชั่นฟรีและเสียค่าใช้จ่ายเริ่มต้นเพียงหลักร้อยแต่รับรองว่าคุ้มค่า หากให้เวลาและลงมือทำจริงซึ่งจะมีแอพไหนน่าสนใจบ้างไปลุยกันเลย

แนะนำ 10 แอปฝึกภาษาอังกฤษทั้งโหลดฟรีและเสียเงิน

1. Hello English

เริ่มต้นกันที่แอพฝึกภาษายอดนิยมที่การันตีด้วยดีกรีที่ได้รับการแนะนำจาก Google EDITORS’ CHOICE ซึ่งเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาแอพฝึกภาษาดี ๆ ใช้งานง่าย โดยฟังก์ชันภายในได้ถูกออกแบบให้มีทั้งบทละครต่าง ๆ และการจำลองสถานการณ์ที่เราใช้จริงในประจำวันเพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษให้ดียิ่งขึ้น ที่ครอบคลุมทุกทักษะฟัง พูด อ่าน เขียนซึ่งครบในแอพเดียว

2. EchoEnglish

ต่อมาเป็นแอปพลิเคชันที่ไม่พูดถึงไม่ได้เพราะมาจากฝีมือคนไทยโดยกระทรวงศึกษาธิการผ่านการร่วมมือกับสถาบันกวดวิชาที่มีชื่อเสียงอย่าง Enconcept ที่ปรับการออกแบบบทเรียนมาให้เรียนรู้ในรูปแบบของวีดิโอที่ช่วยพัฒนาทักษะการพูด การฟัง การออกเสียง รวมไปถึงไวยากรณ์ต่าง ๆ และคำศัพท์ภาษาอีงกฤษที่เริ่มฝึกได้ตั้งแต่ระดับเด็กไปจนถึงผู้ใหญ่

3. Duolingo

Duolingo แอปฝึกภาษาฟรีที่ไม่มีแค่ภาษาอังกฤษ แต่ยังมีภาษาอื่น ๆ อีกมากมายทั้ง ภาษาจีน เกาหลี ญี่ปุ่น สเปน อิตาลีและอื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับคนที่อยากฝึกภาษาระดับพื้นฐานแบบง่าย ๆ ทั้งการฝึกพูด อ่าน เขียน ที่ภายในแอพจะมีการสอบข้ามระดับ การจัดอันดับ การรับรางวัลต่าง ๆ เสมือนการเล่นเกมส์ทำให้ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของผู้ฝึกให้สนุกสนานไปกับการเรียน พร้อมภาพการ์ตูนต่าง ๆ ที่เหมาะกับปูพื้นฐาน แต่อาจจะไม่มีเหมาะกับผู้ที่มีความรู้ด้านภาษามาค่อนข้างเยอะ

4. Cake

อีกหนึ่งแอปพลิเคชันเรียนภาษาที่สามารถเลือกเรียนได้ตามความเหมาะสมตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ระดับต้น ระดับปานกลางและระดับสูงโดยมีทั้งบทเรียน คำศัพท์ต่าง ๆ วลี ไวยากรณ์ ที่สามารถออกเสียงได้ตามแอปฯ รวมถึงยังมีเกมส์ต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มพูนคลังคำศัพท์ หรือการออกเสียง รวมถึงการเข้าใจประโยคผ่านเกมส์ต่อคำ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเป้าหมายในการเรียนแต่ละวันได้อีกด้วย

5. Johnny Grammar Word Challenge

สำหรับใครที่กำลังอยากวัดความรู้ภาษาอังกฤษ หรืออยากลงสนามสอบโทอิครับคะแนนสูง ๆ ไว้อัพเงินเดือนที่มาพร้อมเมนูหลัก ๆ ได้แก่ Play, My Badges และ Leaderboard ยังมีแบบฝึกหัด 3 หมวดคือ Grammar, Words และ Spelling ที่มีทั้งไวยากรณ์ การใช้คำศัพท์ให้ถูกบริบทและการสะกดคำที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี

6. Drops

แอปเรียนภาษาที่มีให้เลือกมากกว่า 30 ภาษาที่แม้จะมีเวลาเรียนน้อยเพียงแค่ 5 นาทีต่อวันก็สามารถเรียนรู้คำศัพท์ได้ง่าย ๆ ด้วยการฟังเสียง หรือมองภาพประกอบไปพร้อมกัน โดยภายในประกอบเนื้อหามีบทเรียนมากกว่า 100 บทเรียนจาก 1,000 คำศัพท์ที่ไม่ซ้ำกัน ทั้งยังมีมินิเกมส์ เช่น เกมส์ประกอบคำ เกมส์จดจำ เกมส์จับคู่ภาพ หรือเกมส์เรียงคำศัพท์ที่ช่วยให้จดจำคำศัพท์ได้ดีขึ้น

7. HelloTalk

อีกหนึ่งแอปยอดฮิตที่การันตีในปี 2017 ด้วยรางวัล Best Social App จาก Google Play

เนื่องจากมีสามารถรองรับภาษาถึง 150 รวมทั้งภาษาไทยที่สามารถฝึกออกเสียงตามเจ้าของภาษา หรือให้ได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ และสามารถฟังบน Podcast ทั้งแบบOnline Course หรือ Live เรียนสดร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นจากทั่วโลก

8. LINGODEER

สำหรับแอพลิเคชั่น LINGODEER จะเป็นแอปสอนภาษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายซึ่งสามารถเลือกเรียนได้หลายภาษาทัั้งอังกฤษ จีน เกาหลี สเปน ญี่ปุ่นและอีกหลากหลายภาษาแต่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์คนที่ต้องการฝึกภาษาขั้นสูงดดยเฉพาะภาษาอังกฤษเนื่องจากตัวแอพเน้นออกไปทางภาษาที่ 3 โดยจะมีบทเรียนที่หลากหลายกว่าภาาาอังกฤษ

9. LyricsTraining

ให้คุณสนุกไปพร้อมกับเสียงดนตรีที่จะช่วยให้การฝึกภาษาอังกฤษของคุณสนุกขึ้นโดยเริ่มต้นเพียงง่าย ๆ แค่เข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ประเทศ ภาษาที่เราต้องการฝึกด้วยรูปแบบฟังก์ชันที่เสมือนเกมส์ซึ่งที่ภายในยังมีเพลงให้เลือกพร้อม MV ที่มีระดับความยากง่ายให้เลือกเพื่อให้ทำให้ทักษะการฟังของคุณนั้นดีขึ้น

9 แอปฝึกภาษาอังกฤษ ข้างต้น ค่อนข้างนำไปใช้งานง่ายเพียงแค่ดาวน์โหลดลงมือถือ แท็บเล็ต หรือโน๊ตบุ๊คซึ่งรองรับทั้งระบบ MacOS, PC, Andriod และ IOS ที่ช่วยให้การเรียนรู้ของคุณง่ายขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนแค่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถแอปฝึกพูดภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่น ๆ ได้อย่างมากมายตามความชื่นชอบของผู้ใช้งานที่จะช่วยเพิ่มพูนความรู้ พัฒนาสกิลภาษาของคุณไปอีกขั้นได้ง่าย ๆ เพียงแค่กดดาวน์โหลดลิงก์แอปฯ ติดมือถือไว้และเข้าไปเรียนอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น

บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง