สุขภาพช่องปากเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการรับประทานอาหาร พูดคุย และการมีลมหายใจสดชื่น การแปรงฟันเป็นประจำทุกวันเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลช่องปาก และแน่นอนว่า “แปรงสีฟัน” คืออุปกรณ์ที่สำคัญในการทำให้การดูแลช่องปากเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบัน นอกจากแปรงสีฟันธรรมดาที่คุ้นเคยแล้ว ยังมีแปรงสีฟันไฟฟ้าที่เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสามารถทำความสะอาดช่องปากได้อย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบธรรมดา หากคุณกำลังพิจารณาซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้า บทความนี้อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
credit : pixabay.com
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ความแตกต่างระหว่างแปรงสีฟันไฟฟ้าและแปรงสีฟันธรรมดา
แปรงสีฟันธรรมดาเป็นเครื่องมือทำความสะอาดช่องปากแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน แต่แปรงสีฟันไฟฟ้านั้น กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ด้วยการที่แปรงสีฟันไฟฟ้าใช้เทคโนโลยีการสั่นหรือหมุนเพื่อขจัดคราบบนฟัน โดยไม่ต้องใช้แรงในการขยับมือมากนัก ต่างจากแปรงสีฟันธรรมดาที่ต้องอาศัยแรงจากการขยับมือไปมาซ้ายขวา ทำให้แปรงสีฟันไฟฟ้าช่วยลดภาระในการแปรงฟันและยังช่วยให้การทำความสะอาดฟันเป็นไปอย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
ประเภทของแปรงสีฟันไฟฟ้า
ในท้องตลาดมีแปรงสีฟันไฟฟ้าหลายรุ่นให้เลือก ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักตามลักษณะการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น
1. แปรงสีฟันไฟฟ้าแบบชาร์จไฟ
แปรงสีฟันไฟฟ้าชนิดนี้ มาพร้อมกับฐานชาร์จ ซึ่งทำให้สะดวกในการใช้งานต่อเนื่อง หัวแปรงสามารถถอดเปลี่ยนได้ และควรเปลี่ยนทุก 3 เดือน เพื่อรักษาความสะอาดและประสิทธิภาพการทำงาน แปรงชนิดนี้มีความหลากหลายในด้านของรูปแบบการทำงาน เช่น ระบบสั่นหรือระบบหมุน และบางรุ่นใช้เทคโนโลยีคลื่นโซนิคเพื่อการทำความสะอาดที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น
2. แปรงสีฟันไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่
แปรงสีฟันไฟฟ้าชนิดนี้ ใช้พลังงานจากถ่าน AA ซึ่งทำให้สามารถพกพาได้ง่าย แต่ต้องคอยเปลี่ยนถ่านเป็นระยะเมื่อถ่านหมด แปรงประเภทนี้ ประสิทธิภาพการทำงานนั้นจะขึ้นอยู่กับแรงสั่นจากพลังงานของแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยให้การทำความสะอาดฟันนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแปรงธรรมดา
ข้อดีและข้อเสียของการใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ที่ควรรู้ก่อนซื้อ
แปรงสีฟันไฟฟ้ามีข้อดีมากมายที่ทำให้หลายคนเลือกใช้ แต่ก็มีข้อเสียบางอย่างที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อด้วยเช่นกัน เช่น
ข้อดีของแปรงสีฟันไฟฟ้า
- ทำความสะอาดช่องปากได้ลึกกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่าแปรงสีฟันธรรมดา
- ลดความเสี่ยงในการเกิดคราบหินปูนและช่วยดูแลสุขภาพเหงือกได้ดี
- ใช้งานง่าย ไม่ต้องออกแรงมาก และมีฟังก์ชันเสริม เช่น ระบบจับเวลาและการแจ้งเตือนเมื่อแปรงแรงเกินไป
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลช่องปากอย่างละเอียด โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเหงือกร่น
ข้อเสียของแปรงสีฟันไฟฟ้า
- ราคาสูงกว่าแปรงสีฟันธรรมดา
- ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่หรือเปลี่ยนถ่านอย่างสม่ำเสมอ
- การพกพาอาจไม่สะดวกเท่าแปรงสีฟันธรรมดา และมีความเสี่ยงต่อการเสียหายหากทำตกหล่น
credit : Freepik.com
วิธีเลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้าให้เหมาะสำหรับตัวเองมากที่สุด
เอาล่ะ!! เมื่อรู้ข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวกับแปรงสีฟันไฟฟ้าไปพอสมควรแล้ว ใครอยากจะลองซื้อมาใช้กันบ้าง เรามีวิธีเลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้ามาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อได้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
1. ประเภทแปรงสีฟันไฟฟ้า
สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อเลย คือให้เลือกว่าอยากได้แปรงสีฟันไฟฟ้าประเภทไหน อยากได้ตัวแปรงชาร์จไฟ หรือพลังงานแบตเตอรี่ เพราะทั้งสองประเภทนี้จะมีเทคโนโลยีการทำงานที่ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าใครยังไม่รู้ว่าทั้งสองประเภทแตกต่างกันอย่างไร แนะนำให้ไปดูรีวิวแปรงสีฟันไฟฟ้าก่อนตัดสินใจซื้อ
2. ขนาดของหัวแปรง
ขนาดของหัวแปรง คือ อุปกรณ์ส่วนที่สำคัญมาก ๆ เนื่องจากจะเป็นตัวที่เข้าไปทำความสะอาดฟันทุกซี่ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งควรเลือกขนาดหัวแปรงให้เหมาะกับตัวเอง แนะนำให้เลือกขนาดหัวที่กว้างประมาณ ½ -1 นิ้ว และมีความยาวประมาณ 1 นิ้ว แต่ถ้าเลือกขนาดหัวแปรงที่ใหญ่จนเกินไป อาจจะทำความสะอาดช่องปากได้ไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะตรงบริเวณด้านข้างหรือด้านหลังของฟันกราม
3. ขนของแปรง
แนะนำให้เลือกขนแปรงที่มีความนุ่มและอ่อนตัวได้ดี ซึ่งปัจจุบันขนแปรงมีให้เลือกหลายระดับ ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ โดยมีขนแปรงตั้งแต่ระดับอ่อนนุ่ม นุ่มพิเศษ และนุ่มปานกลาง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมสภาพฟันของแต่ละคน ซึ่งขนแปรงที่อยากแนะนำสำหรับผู้ใหญ่ ควรเลือกขนแปรงที่ผลิตจาก ไนลอน พีบีที (Polybutylene Terephthalate: PBT) เนื่องจากมีความอ่อนนุ่ม ปลายขนแปรงโค้งมนเล็กน้อย สามารถใช้ทำความสะอาดได้อย่างดี
4. ด้านจับแปรงสีฟัน
ให้เลือกด้ามจับแปรงสีฟันที่มีความยาวกำลังพอเหมาะ สามารถใช้จับได้อย่างถนัดมือ ซึ่งขนาดด้านแปรงต้องไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ด้านมีความแข็งแรง และที่สำคัญต้องไม่เปราะหรือหักได้ง่าย
5. ฟังก์ชันการทำงาน
แน่นอนว่าแปรงสีฟันไฟฟ้า ย่อมมีฟังก์ชันการใช้งานต่างไปจากแปรงสีฟันธรรมดา ไหน ๆ ซื้อใช้ทั้งที แนะนำให้เลือกแปรงสีฟันไฟฟ้ารุ่นที่มีฟังก์ชันพิเศษเยอะ ๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานได้มากที่สุด อาทิเช่น มีระบบการจับเวลาในการทำความสะอาด สามารถถอดเปลี่ยนหัวแปรงได้ และระดับความแรงการสั่นในการแปรง เป็นต้น
เปิด 10 อันดับ แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ใช้งานง่าย แปรงสะอาด
ส่วนใครสนใจอยากหาซื้อมาใช้กันบ้าง แต่เลือกไม่ถูกว่าจะซื้อ แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี เนื่องจากตามตลาดที่วางขายมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ รุ่นต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย จนตัดสินใจไม่ได้ ถ้างั้นก็ปักหมุด! บทความนี้ไว้ได้เลย เราได้คัดแปรงสีฟันไฟฟ้าตัวเด็ด ยี่ห้อดัง มาแนะนำกันเพียบ จะมีอะไรบ้างตามเรามาดูกัน
1. แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B Precision Clean
2. แปรงสีฟันไฟฟ้า Colgate Pulse
3. แปรงสีฟันไฟฟ้า SPARKLE Sonic
4. แปรงสีฟันไฟฟ้า Dentiste Sonic
5. แปรงสีฟันไฟฟ้าอัลตราโซนิก Homemi HM0048-P-WH
6. แปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Personal Sonicare ProtectiveClean 4300
7. แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B รุ่น Pro 500
8. แปรงสีฟันไฟฟ้า Dr.Bei Sonic Electric Toothbrush BY-V12
ถูกใจซื้อเลย! แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี คัดมารุ่นเด็ด โดนใจมาไว้ให้แล้วที่นี่!!
จากที่ได้อ่านมาตั้งแต่จนจบ น่าจะพอตัดสินใจกันได้แล้วว่าจะเลือกซื้อ แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด โดยแปรงสีไฟฟ้าที่ได้คัดเลือกนำมาฝากนั้น ล้วนเป็นยี่ห้อยอดนิยม ที่มีแปรงสีฟันไฟฟ้าให้เลือกหลายรุ่น หลายราคา มีทั้งของเด็กและผู้ใหญ่สามารถไปหาซื้อมาใช้กันได้ ซึ่งการดูแลรักษาความสะอาดสุขภาพช่องปาก นอกจากการเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสมแล้ว ควรที่จะใส่ใจเลือกยาสีฟันให้ตรงกับปัญหาสุขภาพช่องปากของตัวเอง เช่น มีปัญหาการเสียวฟันควรเลือกใช้ยาสีฟันที่ช่วยลดการเสียวฟัน หรือใช้เป็นยาสีฟันสมุนไพร เป็นต้น หรือถ้ามีกลิ่นปากก็ใช้สเปรย์ระงับกลิ่นปากในระหว่างวันได้ ทั้งนี้ อย่าลืมหมั่นไปตรวจสุขภาพช่องปากประจำปี เพียงแค่นี้คุณก็จะมีสุขภาพฟันที่ดีและฟันขาวยิ้มสวยได้อย่างมั่นใจ