การดูแลผิวและการแต่งหน้าถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงไทย และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เครื่องสำอางแบรนด์ไทยได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเมคอัพหรือสกินแคร์ แบรนด์ไทย หลายแบรนด์ก้าวขึ้นมาแข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติได้อย่างโดดเด่น ทั้งด้านคุณภาพ ราคา และการเข้าใจสภาพผิวของสาวเอเชียโดยเฉพาะ ซึ่งทำให้สาว ๆ หลายคนเริ่มหันมาสนับสนุนสินค้าไทยมากขึ้น
วันนี้ Shopee Blog จึงขอรับหน้าที่สายลับความงาม รวบรวมข้อมูลมาเสิร์ฟให้ถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ในตำนาน แบรนด์ฮิตติดลมบน หรือแม้แต่แบรนด์สุดเก๋ของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง พร้อมเจาะลึกทุกแง่มุมให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก “ของดีเมืองไทย” กันแบบถึงแก่น ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย!
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำไมปัจจุบันเครื่องสำอางแบรนด์ไทยถึงมาแรง
ยุคสมัยที่หลายคนเคยยึดติดกับเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์จากต่างประเทศได้เปลี่ยนไปแล้ว ปัจจุบันนี้ แบรนด์เครื่องสำอางไทย ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร จนกลายเป็นไอเท็มที่ต้องมีติดกระเป๋าของสาว ๆ หลายคน ปรากฏการณ์ “Thai Beauty” นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย แต่มาจากหลายปัจจัยที่ผสมผสานกัน ดังนี้
1. คุณภาพทัดเทียมแบรนด์ต่างชาติ แต่ราคาจับต้องได้
สิ่งที่ทำให้สาว ๆ หันมาซื้อเครื่องสำอางไทยมากขึ้นก็คือ “ความคุ้มค่า” เพราะแม้ราคาจะอยู่ในระดับที่เข้าถึงง่าย (ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงพันต้น ๆ) แต่คุณภาพกลับไม่แพ้แบรนด์นำเข้าจากเกาหลี ญี่ปุ่น หรือยุโรปเลย หลายแบรนด์มีการพัฒนาสูตรที่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าของไทยก็คุณภาพดีไม่แพ้ใคร
2. เข้าใจสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ของสาวเอเชีย
สภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนชื้นและแดดแรง ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางไทยออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของสาวไทย เช่น แป้งควบคุมความมัน กันแดดสูตรบางเบา หรือรองพื้นที่ไม่เยิ้มระหว่างวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์ต่างชาติอาจยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้ดีเท่ากับของไทย
3. บทบาทของโซเชียลมีเดียและอินฟลูเอนเซอร์
การรีวิวจาก Beauty Blogger และ Influencer ทำให้การตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางง่ายขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Instagram ที่คลิปสั้น ๆ สามารถทำให้สินค้าขายหมดภายในไม่กี่นาที หลายแบรนด์ไทยอาศัยกลยุทธ์นี้ในการเปิดตัวสินค้าใหม่ เช่น บลัชออน 4U2 หรือดินสอเขียนคิ้ว BROWIT ที่กลายเป็น Must-have item
4. ความภาคภูมิใจในสินค้าไทยและการสนับสนุน Local Brand
ผู้หญิงไทยยุคใหม่เริ่มให้ความสำคัญกับการสนับสนุนสินค้าภายในประเทศมากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยเศรษฐกิจไทยแล้ว ยังได้ใช้สินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการจริง ๆ กระแส “ใช้ของไทยไม่แพ้ใคร” ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางไทยถูกพูดถึงในมุมบวกมากขึ้น
5. ขยายตลาดสู่ต่างประเทศอย่างจริงจัง
หลายแบรนด์ไทยไม่ได้หยุดอยู่ที่ตลาดในประเทศ แต่ยังขยายไปยังจีน เวียดนาม และตะวันออกกลาง ตัวอย่างเช่น Mistine, Baby Bright และ Merrez’ca ที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดต่างประเทศ นี่ทำให้ภาพลักษณ์ของเครื่องสำอางแบรนด์ไทยถูกมองว่าเป็น แบรนด์คุณภาพในเอเชีย
อัปเดตล่าสุด! 15 แบรนด์เครื่องสำอางไทยยอดนิยมที่ต้องมีไว้ครอบครอง
ได้เวลาเปิดลิสต์แบรนด์เด็ดที่รวบรวมมาให้แบบจุก ๆ แบ่งตามหมวดหมู่ให้เลือกช้อปกันได้ง่ายขึ้น รับรองว่ามีครบทุกสไตล์ ทุกความต้องการแน่นอน
รุ่นใหญ่ในวงการ! เครื่องสำอางแบรนด์ไทยที่ใคร ๆ ก็รู้จัก
เริ่มต้นกันที่แบรนด์ขวัญใจมหาชนที่อยู่คู่วงการบิวตี้ไทยมาอย่างยาวนาน พิสูจน์ด้วยคุณภาพและความนิยมที่ไม่เคยตก
1. 4U2 (ฟอร์ยูทู)
หากพูดถึงแบรนด์ที่ขยันออกคอลเลกชันใหม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ชื่อของ 4U2 ต้องขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ แน่นอน จุดแข็งของแบรนด์นี้คือการเป็น “Trendsetter” ที่ไวต่อกระแสแฟชั่นและความงาม ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาแต่ละครั้งฮิตติดลมบน สร้างปรากฏการณ์ “ของมันต้องมี” ได้เสมอ ด้วยความที่เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ แพ็กเกจจิ้งที่สวยงาม ทันสมัย และมีขนาดกะทัดรัดพกพาง่ายก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้สาว ๆ ตกหลุมรัก
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อและเป็นตำนานของ 4U2 คงหนีไม่พ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ลิปสติก โดยเฉพาะรุ่น “4U2 YOU’RE MINE” ลิปสติกเนื้อแป้งแมตต์นุ่มละมุนที่ให้เม็ดสีคมชัด กลบสีปากมิด ติดทนนาน แต่ยังคงความเบาสบาย ไม่ทำให้ปากแห้งตึง มาพร้อมเฉดสีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่โทนสุภาพไปจนถึงโทนแฟชั่นจี๊ดจ๊าด ทำให้ไม่ว่าจะแต่งลุคไหนก็เอาอยู่
และอีกหนึ่งไอเท็มที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “4U2 SKIN TINT + GLOW DEW FOUNDATION” รองพื้นงานผิว มี 3 เฉดสี เนื้อทินท์บางเบา เกลี่ยง่าย แนบสนิทไปกับผิว ให้ฟินิชดิวอี้สวยใสเป็นธรรมชาติ
นอกจากรองพื้นแล้ว บลัชออนของ 4U2 ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ “4U2 DEAR ME LIQUID BLUSH” บลัชออนเนื้อลิควิด เน้นความบางเบา สบายผิว ให้ลุคฉ่ำเงาแบบดิวอี้ ที่ให้สีสวยเป็นธรรมชาติ ติดทนนานตลอดวัน
ราคาโดยประมาณ:
- ลิปสติก 199 – 299 บาท
- รองพื้น 399 – 599 บาท
- บลัชออน 179 – 299 บาท
2. Srichand (ศรีจันทร์)
จากแบรนด์แป้งหอมในตำนานที่อยู่คู่คนไทยมากกว่า 7 ทศวรรษ Srichand ได้พลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่สู่การเป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยและสกินแคร์ แบรนด์ไทย ที่มีความทันสมัยและเข้าใจคนรุ่นใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง ศรีจันทร์ยังคงรักษาคุณภาพอันเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญด้านการควบคุมความมันซึ่งเป็นปัญหาผิวอันดับต้น ๆ ของคนไทย แต่ได้มีการพัฒนาสูตรและแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกความต้องการมากขึ้น ตั้งแต่สกินแคร์บำรุงผิวไปจนถึงเมคอัพสีสันสดใส
จุดเด่นของศรีจันทร์คือการผสมผสานภูมิปัญญาไทยเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มีความอ่อนโยนและปลอดภัย เหมาะกับทุกสภาพผิว
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นภาพจำและสร้างชื่อเสียงให้กับศรีจันทร์ยุคใหม่ก็คือ “Srichand Translucent Powder” แป้งฝุ่นโปร่งแสงคุมมันเนื้อเนียนละเอียดระดับไอคอนิกที่บิวตี้บล็อกเกอร์ทุกคนต้องเคยรีวิว ด้วยอณูแป้งที่เล็กละเอียดและคุณสมบัติในการควบคุมความมันที่ดีเยี่ยม ทำให้แป้งรุ่นนี้กลายเป็นไอเท็มสามัญประจำบ้านที่ช่วยเซ็ตเมคอัพให้ติดทนนานตลอดวันโดยไม่เปลี่ยนสีรองพื้น เหมาะกับทุกโทนสีผิวอย่างแท้จริง
นอกจากแป้งฝุ่นแล้ว ศรีจันทร์ยังต่อยอดความสำเร็จด้วย “Srichand Bare to Perfect Translucent Compact Powder” แป้งพัฟโปร่งแสงคุมมันที่พกพาสะดวกยิ่งขึ้น
ราคาโดยประมาณ:
- แป้งฝุ่น/แป้งพัฟ 280 – 590 บาท
3. Odbo (โอดีบีโอ)
เมื่อพูดถึงเครื่องสำอางแบรนด์ไทยที่คุณภาพเกินราคา ชื่อของ Odbo จะต้องถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเสมอ แบรนด์นี้โดดเด่นในเรื่องของเมคอัพสีสันสดใส มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลายประเภท ตั้งแต่อายแชโดว์พาเลตต์ บลัชออน ไปจนถึงลิปสติก โดยเน้นที่พิกเมนต์สีที่แน่น คมชัด และติดทนนาน
สิ่งนี้ทำให้ Odbo กลายเป็นขวัญใจของนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ชื่นชอบการแต่งหน้าในราคาประหยัดแต่ยังคงต้องการคุณภาพที่ดีเยี่ยม แพ็กเกจจิ้งของ Odbo มักจะมีความน่ารักสดใสและมีการออกแบบที่ตามเทรนด์อยู่เสมอ ทำให้การหยิบขึ้นมาใช้แต่ละครั้งรู้สึกสนุกไปกับการแต่งหน้ามากขึ้น
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ Odbo เป็นที่รู้จักในวงกว้างคือกลุ่มอายแชโดว์พาเลตต์ ซึ่งมักจะมาในราคาหลักร้อยต้น ๆ แต่ให้สีมาแบบจัดเต็ม คุ้มค่าเกินราคา โดยเฉพาะ “Odbo Signature Eyeshadow Palette” ที่มีให้เลือกหลายเบอร์ แต่ละพาเลตต์จะรวมอายแชโดว์ทั้งเนื้อแมตต์และชิมเมอร์ไว้ด้วยกันในโทนสีที่ใช้งานง่าย สามารถสร้างสรรค์ได้หลากหลายลุค ตั้งแต่ลุคสุภาพในชีวิตประจำวันไปจนถึงลุคแฟนซีสำหรับออกงาน
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือ “Odbo Glowy Face Primer” ไพรเมอร์เนื้อเจลที่ช่วยเบลอรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนก่อนลงรองพื้น ช่วยให้เมคอัพติดทนนานขึ้นและให้ฟินิชผิวที่ดูสวยโกลว์สุขภาพดี
ราคาโดยประมาณ:
- อายแชโดว์พาเลตต์ 159 – 259 บาท
- ไพรเมอร์ 199 บาท
4. MEILINDA (เมลินดา)
MEILINDA คืออีกหนึ่งเครื่องสำอางแบรนด์ไทย ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าของดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป แบรนด์นี้มีชื่อเสียงมายาวนานในเรื่องของผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตา โดยเฉพาะดินสอเขียนขอบตาและที่เขียนคิ้วที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพความติดทน กันน้ำ กันเหงื่อ และมีราคาที่นักเรียนนักศึกษาสามารถเข้าถึงได้ง่าย
จุดเด่นของ MEILINDA คือการมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ทัดเทียมแบรนด์ดังระดับโลก แต่ยังคงไว้ซึ่งราคาที่เป็นมิตร ในช่วงหลัง MEILINDA ได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งลิปสติก บลัชออน และงานผิว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเหมือนลายเซ็นของแบรนด์และสร้างฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ คือ “MEILINDA Quick Eyeliner Super Water Proof” ดินสอเขียนขอบตาเนื้อเจลแบบออโต้ที่เขียนง่าย ให้เส้นคมชัด และที่สำคัญคือติดทนมาก ไม่แพนด้าตลอดวัน จนกลายเป็นไอเท็มในตำนานที่หลายคนซื้อซ้ำแล้วซ้ำอีก
นอกจากนี้ “MEILINDA Smart Auto Brow Liner” ดินสอเขียนคิ้วหัวตัดเรียวเล็กก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เรือธงที่ช่วยให้การเขียนคิ้วเป็นเรื่องง่าย ได้ทรงสวยคมชัดเป็นธรรมชาติ
และเมื่อไม่นานมานี้ MEILINDA ก็ได้สร้างกระแสฮือฮาอีกครั้งกับการเปิดตัว “MEILINDA Dewy Balm” บาล์มมีสีที่ให้ฟินิชปากฉ่ำวาวเหมือนกระจก เนื้อบาล์มชุ่มชื้นแต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ ให้สีสวยระเรื่อเป็นธรรมชาติ จนกลายเป็นไอเท็มที่สาว ๆ ทุกคนต้องมีติดกระเป๋า
ราคาโดยประมาณ:
- อายไลเนอร์/ที่เขียนคิ้ว 99 – 159 บาท
- ลิปบาล์ม 199 – 259 บาท
5. Sivanna Colors (ซีเวนน่า คัลเลอร์ส)
ถ้าคุณเป็นสายเมคอัพที่ชอบความคุ้มค่าแบบสุด ๆ Sivanna Colors คือคำตอบ! แบรนด์นี้เปรียบเสมือนสวรรค์ของคนรักการแต่งหน้า ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกหลากหลาย ละลานตา และมาในราคาที่ถูกจนน่าตกใจ แต่คุณภาพกลับสวนทางกับราคาอย่างสิ้นเชิง
จุดเด่นของ Sivanna Colors คือการเป็นแบรนด์ที่ตามทันเทรนด์ความงามอยู่เสมอ โดยเฉพาะเทรนด์จากฝั่งเกาหลีและจีน ทำให้เราได้เห็นผลิตภัณฑ์แปลกใหม่และน่าสนใจจากแบรนด์นี้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเซ็ตเมคอัพสุดอลังการที่รวมทั้งอายแชโดว์ บลัชออน และไฮไลท์ไว้ในตลับเดียว หรือลิปสติกแพ็กเกจจิ้งสุดคิ้วท์ที่เห็นแล้วต้องรีบคว้า
ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้หลายคนนึกถึง Sivanna Colors คือ “Sivanna Colors Makeup Studio Eyeshadow Palette” อายแชโดว์พาเลตต์ขนาดใหญ่ที่ให้สีมาแบบจัดหนักจัดเต็ม มีตั้งแต่ 10 สีไปจนถึงหลายสิบสีในพาเลตต์เดียว แต่มาในราคาเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดแต่งหน้าหรือผู้ที่ต้องการทดลองแต่งหน้าในหลากหลายโทนสีโดยไม่ต้องลงทุนเยอะ
นอกจากอายแชโดว์แล้ว “Sivanna Colors Ultra Blush Palette” ที่รวมบลัชออนหลายเฉดสีไว้ในตลับเดียวก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน ช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนลุคพวงแก้มได้ไม่ซ้ำวัน
และในส่วนของงานผิว “Sivanna Colors Super CoverFoundation” รองพื้นเนื้อลิควิดที่ให้การปกปิดสูงแต่ยังคงความบางเบา ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ถูกและดีจนหลายคนยกให้เป็นรองพื้นในดวงใจ
ราคาโดยประมาณ:
- อายแชโดว์พาเลตต์ 129 – 299 บาท
- บลัชพาเลตต์ 159 บาท
- รองพื้น 159 – 199 บาท
บินไปไกลถึงต่างแดน! เครื่องสำอางแบรนด์ไทยที่ดังไกลในต่างประเทศ
มาต่อกันที่แบรนด์ไทยสุดภาคภูมิใจที่ไม่ได้ดังแค่ในบ้านเรา แต่ยังสร้างชื่อเสียงไปไกลจนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
6. Mistine (มิสทิน)
“มิสทินมาแล้วค่ะ!” ประโยคติดหูที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 30 ปี Mistine คือแบรนด์เครื่องสำอางไทยระดับตำนานที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ Mistine กลายเป็นเครื่องสำอางแบรนด์ไทยที่มียอดขายถล่มทลายและเป็นที่ชื่นชอบของสาวจีนอย่างมาก
ความสำเร็จนี้มาจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์สภาพอากาศร้อนชื้นโดยเฉพาะ ทำให้มีคุณสมบัติในการกันน้ำ กันเหงื่อ และควบคุมความมันได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาดในหลายประเทศในเอเชีย นอกจากนี้ Mistine ยังมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่หัวจรดเท้า และมีราคาที่เข้าถึงง่าย ทำให้สามารถครองใจผู้บริโภคในวงกว้างได้
ผลิตภัณฑ์ที่โด่งดังไปไกลถึงต่างแดนและสร้างชื่อเสียงให้กับ Mistine ในตลาดโลกคือ “Mistine Aqua Base Sunscreen Facial Cream SPF 50 PA+++” ครีมกันแดดทาหน้าสูตรน้ำที่บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ และซึมเร็ว แต่ยังคงประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดได้อย่างดีเยี่ยม จนกลายเป็นไอเท็มที่นักท่องเที่ยวจีนต้องซื้อกลับประเทศเป็นของฝาก
นอกจากครีมกันแดดแล้ว “Mistine So Black Glossy Auto Pen Eyeliner” อายไลเนอร์แท่งสีเหลืองสีดำสนิทในรูปแบบหัวแปรงออโต้ ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เรือธงที่ขึ้นชื่อเรื่องความคมชัดและติดทนนาน ไม่เลอะเลือนระหว่างวัน
ราคาโดยประมาณ:
- ครีมกันแดด 159 – 199 บาท
- อายไลเนอร์ 129 บาท
7. Baby Bright (เบบี้ไบร์ท)
Baby Bright เป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยในเครือ Karmart ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเจาะกลุ่มวัยรุ่นและผู้ที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและสไตล์เกาหลี
จุดเด่นของ Baby Bright คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใช้ง่าย พกพาสะดวก และมักจะมาในรูปแบบซอง ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือต้องการไอเท็มสำหรับพกพาเดินทาง แพ็กเกจจิ้งที่น่ารักสดใสและการดึงศิลปินดาราชื่อดังมาเป็นพรีเซนเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและจดจำได้อย่างรวดเร็ว
ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ Baby Bright เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายคือกลุ่มผลิตภัณฑ์ลิปทินท์ โดยเฉพาะ “Baby Bright Lip & Cheek Matte Tint” ลิปทินท์เนื้อแมตต์ที่สามารถใช้ได้ทั้งริมฝีปากและพวงแก้ม มาในหลากหลายเฉดสีที่สวยงามและติดทนนาน เนื้อลิปเกลี่ยง่ายและให้สีที่ดูเป็นธรรมชาติ
และสำหรับงานผิว “Baby Bright Watermelon & Tomato Matte BB Cream” บีบีครีมเนื้อแมตต์ในรูปแบบซองที่ช่วยปกปิดและควบคุมความมันได้ดี ก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ขายดีและหาซื้อง่าย
ราคาโดยประมาณ:
- ลิปทินท์ 99 – 149 บาท
- บีบีครีม (แบบซอง) 49 บาท
8. Cathy Doll (เคที่ดอลล์)
อีกหนึ่งแบรนด์ดังในเครือ Karmart ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Cathy Doll ซึ่งมีภาพลักษณ์ที่ดูโตขึ้นและเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและความหลากหลายมากขึ้น
จุดเด่นของ Cathy Doll คือการเป็นแบรนด์ที่ครบเครื่อง มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกตั้งแต่สกินแคร์, เมคอัพ, ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย โดยเน้นการพัฒนาสูตรที่เห็นผลชัดเจนและมีการนำเทรนด์ความงามจากทั่วเอเชียมาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง ทำให้ Cathy Doll เป็นแบรนด์ที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านความงามได้อย่างครอบคลุมและมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจออกมาให้เราได้ลองอยู่เสมอ
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของ Cathy Doll คือกลุ่มผลิตภัณฑ์กันแดด โดยเฉพาะ “Cathy Doll Ultra Light Sun Fluid SPF50 PA++++” กันแดดเนื้อฟลูอิดที่บางเบาเหมือนน้ำ ซึมไว ไม่ทิ้งคราบขาว และให้การปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกลายเป็นกันแดดลูกรักของใครหลายคน
นอกจากนี้ “Cathy Doll CC Cream Speed White” ซีซีครีมในตำนานที่ช่วยปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใสขึ้นทันทีที่ใช้ก็ยังคงเป็นไอเท็มที่ขายดีอย่างต่อเนื่อง
และในกลุ่มเมคอัพ “Cathy Doll Nude Matte Blusher” บลัชออนเนื้อแมตต์สีนู้ดที่ให้สีสวยละมุนเป็นธรรมชาติก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงและมีเฉดสีให้เลือกหลากหลาย
ราคาโดยประมาณ:
- ครีมกันแดด 450 – 550 บาท
- ซีซีครีม 275 – 295 บาท
- บลัชออน 169 บาท
9. Cosluxe (คอสลุคส์)
Cosluxe เป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยที่เริ่มต้นจากการเป็นที่รู้จักในแวดวงช่างแต่งหน้าและบิวตี้กูรู ก่อนจะขยายความนิยมมาสู่ผู้บริโภคทั่วไป ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระดับมืออาชีพแต่มาในราคาที่สมเหตุสมผล
จุดเด่นของ Cosluxe คือผลิตภัณฑ์ที่เน้นการสร้างสรรค์งานผิวและงานตาที่สวยคมและติดทนนาน อีกทั้งยัง ให้ความสำคัญกับคุณภาพของส่วนผสมและกระบวนการผลิต ทำให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มีความปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การแต่งหน้าที่ดูเป๊ะและเป็นมืออาชีพ
แบรนด์นี้มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของ “ดินสอเขียนคิ้ว” ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในดินสอเขียนคิ้วที่ดีที่สุด นั่นก็คือ “Cosluxe Slimbrow Pencil” ด้วยเนื้อดินสอที่นุ่มลื่น เขียนง่าย ให้สีที่เป็นธรรมชาติ และติดทนนานตลอดวัน
นอกจากนี้ “Cosluxe Wanderlust Eyeliner” อายไลเนอร์ของ Cosluxe ก็เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ด้วยปลายพู่กันที่เรียวแหลมทำให้สามารถกรีดตาได้อย่างคมกริบและควบคุมทิศทางได้ง่าย
ราคาโดยประมาณ:
- ดินสอเขียนคิ้ว 159 – 215 บาท
- อายไลเนอร์ 200 – 250 บาท
10. Merrez’ca (เมอร์เรซกา)
Merrez’ca เป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยที่สร้างความแตกต่างด้วยการชูจุดเด่นด้านคุณภาพที่เทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์จากประเทศเกาหลี โดยผลิตภัณฑ์หลายตัวของแบรนด์ถูกผลิตและนำเข้าจากเกาหลี ทำให้ Merrez’ca ได้รับความไว้วางใจในเรื่องของคุณภาพและนวัตกรรมที่ทันสมัย
จุดเด่นของแบรนด์คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์งานผิวที่ให้ฟินิชลุคแบบ “Glass Skin” หรือผิวฉ่ำวาวสุขภาพดีตามแบบฉบับสาวเกาหลี แต่ยังคงคุณสมบัติในการควบคุมความมันและติดทนนานเพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย แพ็กเกจจิ้งที่ดูหรูหราและทันสมัยก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ดูน่าสนใจและน่าใช้
ผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงและทำให้ Merrez’ca เป็นที่รู้จักในวงกว้างคือ “Merrez’ca Excellent Covering Skin Perfecting Foundation” รองพื้นเนื้อซาตินที่ให้การปกปิดเนียนกริบแต่ยังคงความบางเบา ให้ฟินิชผิวที่ดูสวยเป็นธรรมชาติ ไม่หนาเตอะ และติดทนนานตลอดวัน
นอกจากรองพื้นแล้ว “Merrez’ca Skin Up Water Base” เบสเมคอัพเนื้อน้ำที่ช่วยปรับสภาพผิวให้สว่างกระจ่างใสและเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการแต่งหน้าในขั้นตอนต่อไปก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ได้รับความนิยมสูง
และสำหรับงานตา “Merrez’ca Pearl Pigment Eyeshadow” อายแชโดว์พิกเมนต์เนื้อละเอียดที่ให้ประกายแวววาว สวยงามโดดเด่น ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสร้างลุคที่ดูหรูหราและน่าจดจำ
ราคาโดยประมาณ:
- รองพื้น/เบส 490 – 790 บาท
- อายแชโดว์ 390 – 550 บาท
ดาวรุ่งพุ่งแรง! แบรนด์เครื่องสำอางไทยโดยอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง
ปิดท้ายด้วยกลุ่มแบรนด์น้องใหม่ที่มาแรงแซงทุกโค้ง ซึ่งก่อตั้งโดยเหล่าบิวตี้บล็อกเกอร์และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่ใช้ประสบการณ์และความหลงใหลในเครื่องสำอางมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์แฟนคลับและผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างตรงจุด
11. La Glace (ลากลาส)
ก่อตั้งโดยคุณไอติม เอมลินทร์ CEO สาวรุ่นใหม่ไฟแรง La Glace เป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยที่สร้างปรากฏการณ์ไวรัลได้ในทุกครั้งที่ปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนในการสร้างสรรค์เมคอัพที่ “ง่ายและสนุก” ทำให้การแต่งหน้าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป
จุดเด่นของ La Glace คือการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและแก้ปัญหาการแต่งหน้าได้อย่างตรงจุด (Pain Point) เช่น คอนซีลเลอร์ใต้ตาที่ไม่ตกร่อง หรือบลัชออนเนื้อครีมที่ให้สีเหมือนแก้มเด็ก การตลาดที่เข้าถึงง่ายและการสื่อสารที่จริงใจผ่านโซเชียลมีเดียทำให้ La Glace สามารถสร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่งและเป็นที่รักของแฟน ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ชื่อของ La Glace เป็นที่รู้จักในวงกว้างคือ “La Glace Ideal Airy Skin Concealer” หรือ “คอนซีลเลอร์ตาฟู” ที่มีเนื้อบางเบาแต่ให้การปกปิดที่ดีเยี่ยม สามารถกลบรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ตกร่องหรือเป็นคราบ
และอีกหนึ่งไอเท็มที่สร้างกระแส “แก้มเด็ก” ไปทั่วทั้งโซเชียลก็คือ “La Glace Blush” บลัชออนเนื้อครีมที่ให้สีชมพูอมม่วงระเรื่อเป็นธรรมชาติ เหมือนแก้มเด็กที่สุขภาพดีจากภายใน ซึ่งปัจจุบันได้มีการปรับดีไซน์ใหม่ พร้อมเฉดสีใหม่ถึง 14 สี ดังนั้น ไม่ว่าจะอันเดอร์โทน WARM, COOL, NEUTRAL ก็เอาอยู่
และล่าสุดกับมาสคาร่าคิ้วลากลาส “LA GLACE Trailblazer Brow Mascara” ที่ฮือฮาไปทั่วโซเชียล เนื่องจากออกสีมาถึง 10 เฉดสี ที่ไม่ใช่แค่เฉดสีธรรมชาติ แต่ยังมีเฉดสีแฟชั่นจี้ดจ้าด ทำให้เพื่อน ๆ สามารถแสดงความเป็นตัวตนของตัวเองได้ขั้นสุด
ราคาโดยประมาณ:
- คอนซีลเลอร์ 389 บาท
- บลัชออน 289 บาท
- มาสคาร่าคิ้ว 289 บาท
12. Love Potion (เลิฟโพชั่น)
Love Potion คือแบรนด์เครื่องสำอางไทยที่ก่อตั้งโดยคุณการ์ด เจ้าของแบรนด์ที่เริ่มต้นจากการบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ติดตาม จนสามารถสร้างแบรนด์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม TikTok
จุดเด่นของ Love Potion คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับลูกค้าผ่านการไลฟ์ขายของที่สนุกสนานและเป็นกันเอง ทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ของ Love Potion เน้นไปที่เมคอัพที่มีแพ็กเกจจิ้งน่ารักสดใสและมีราคาที่เข้าถึงง่าย
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นและสร้างชื่อเสียงในส่วนของเมคอัพ คือ “Love Potion Galaxy Lip Oil” ลิปออยล์ที่ให้ความชุ่มชื้นและบำรุงริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม พร้อมประกายกลิตเตอร์สวยงามก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ได้รับความนิยมสูง
และล่าสุดกับ “Love Potion Blush PH Black Love” บลัชออนเนื้อบาล์มสีดำที่เปลี่ยนสีเป็นสีชมพูระเรื่อตามค่า pH ของผิว ก็สร้างความฮือฮาและกลายเป็นไอเท็มที่หลายคนอยากลอง
ราคาโดยประมาณ:
- ลิปออยล์ 199 บาท
- บลัชออน 99 บาท
13. Happy Sunday (แฮปปี้ซันเดย์)
แบรนด์สุดคิ้วท์ของบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังอย่างคุณไอซ์พาดี้ (Icepadie) Happy Sunday เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่อยากจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ “น่ารักและคุณภาพดี” ไปพร้อม ๆ กัน จุดเด่นของแบรนด์คือดีไซน์และแพ็กเกจจิ้งที่มีสีสันสดใสและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก มักจะมาในธีมที่สนุกสนานและชวนให้นึกถึงความสุขในวัยเด็ก
นอกจากความน่ารักแล้ว Happy Sunday ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยเน้นการใช้ส่วนผสมที่ดีและพัฒนาสูตรที่เหมาะกับผิวของคนไทย ทำให้ Happy Sunday ไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์ที่น่ารัก แต่ยังเป็นแบรนด์ที่น่าไว้วางใจในเรื่องของคุณภาพอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่จดจำและสร้างชื่อให้กับแบรนด์คือ “Happy Sunday Cream Blush” บลัชออนเนื้อครีมที่มาในแพ็กเกจจิ้งหลอดสีสุดน่ารัก เนื้อครีมเกลี่ยง่าย ให้สีสวยเป็นธรรมชาติและติดทนนาน มีให้เลือกหลายเฉดสีที่สามารถใช้ได้ในทุก ๆ วัน และคอลเลกชันพิเศษที่ได้ร่วมมือกับ Disney ก็เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
นอกจากบลัชออนแล้ว “HAPPY SUNDAY VERY BLACK EYELINER” ลิควิดอายไลเนอร์สีดำสนิท หัวแปรงแบบพู่กัน ปลายเรียวเล็กก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม
ราคาโดยประมาณ:
- ครีมบลัช 390 บาท
- อายไลเนอร์ 390 บาท
14. BROWIT by Nongchat (บราวอิท บาย น้องฉัตร)
เมื่อเมคอัพอาร์ติสต์อันดับต้น ๆ ของเมืองไทยอย่างคุณน้องฉัตร ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ ลุกขึ้นมาทำแบรนด์เครื่องสำอางเอง ก็รับประกันได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกมานั้นต้องไม่ธรรมดา BROWIT by Nongchat คือแบรนด์ที่ถือกำเนิดขึ้นจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการแต่งหน้ามานับไม่ถ้วน
จุดเด่นของ BROWIT คือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่าย แม้จะเป็นมือใหม่ก็สามารถแต่งหน้าที่สวยคมเหมือนมีช่างมืออาชีพมาแต่งให้ ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นถูกคิดค้นและพัฒนาโดยคุณน้องฉัตรเอง ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์จริง ๆ
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเหมือนไอเท็มปฏิวัติวงการเขียนคิ้วคือ “BROWIT Pro Slim Brow Pencil” ดินสอเขียนคิ้วหัวเรียวเล็กเพียง 1.5 มิลลิเมตร ที่ช่วยให้สามารถวาดเส้นคิ้วได้คมชัดและเป็นธรรมชาติเสมือนขนคิ้วจริง มาพร้อมแปรงปัดคิ้วในแท่งเดียว ทำให้เป็นไอเท็มที่สะดวกและครบจบในแท่งเดียว
นอกจากดินสอเขียนคิ้วแล้ว “BROWIT Eyemazing Shadow and Liner” ที่รวมอายแชโดว์และอายไลเนอร์ไว้ในแท่งเดียวก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูง ช่วยให้การแต่งตาสวยครบจบได้ในเวลาอันรวดเร็ว เหมาะสำหรับชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน
ราคาโดยประมาณ:
- ดินสอเขียนคิ้ว 169 บาท
- อายแชโดว์และอายไลเนอร์ 2 in 1 189 บาท
15. Twenty Wendy (ทเวนตี้เวนดี้)
ปิดท้ายด้วยแบรนด์ของนักแสดงสาวมากความสามารถ คุณเลิฟ ภัทรานิษฐ์ ลิ้มปติยากร ที่ผันตัวมาเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง Twenty Wendy ด้วยตัวเอง แบรนด์นี้เกิดขึ้นจากความชื่นชอบในการแต่งหน้าและประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยแพ้เครื่องสำอาง ทำให้คุณเลิฟตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับผิวแพ้ง่าย
จุดเด่นของ Twenty Wendy คือภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความน่ารักสดใส สไตล์ลูกคุณหนู แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพที่ดีเยี่ยมของผลิตภัณฑ์ โดยเน้นไปที่เมคอัพที่ให้ฟินิชลุคที่เป็นธรรมชาติ สวยใสในสไตล์ “Everyday Look”
ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ Twenty Wendy เป็นที่รู้จักและได้รับเสียงตอบรับที่ดีคือ “Twenty Wendy Make Me Blush” บลัชออนเนื้อฝุ่นที่ให้สีสวยละมุนเป็นธรรมชาติ ปัดแล้วแก้มดูใสเหมือนมีเลือดฝาด มาในตลับดีไซน์น่ารักพกพาง่าย
นอกจากนี้ “Twenty Wendy Be Kind To Cry Mascara” มาสคาร่าสูตรพิเศษที่พัฒนามาเพื่อตอบโจทย์สาวไทยโดยเฉพาะ ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่หลายคนจับตามอง
ราคาโดยประมาณ:
- บลัชออน 299 – 350 บาท
- มาสคาร่า 319 – 350 บาท
เคล็ด(ไม่)ลับ เลือกแบรนด์เครื่องสำอางไทยอย่างไรให้ใช่สำหรับคุณ
หลังจากทำความรู้จักกับแบรนด์ต่าง ๆ ไปแล้ว หลายคนอาจจะเริ่มตาลาย เลือกไม่ถูกว่าจะเริ่มต้นที่แบรนด์ไหนดี ไม่ต้องกังวล เรามีแนวทางง่าย ๆ มาฝาก ดังนี้
- รู้จักสภาพผิวของตัวเอง: ปัจจุบันมีสกินแคร์ แบรนด์ไทยและเครื่องสำอางแบรนด์ไทยหลายแบรนด์ที่ในปัจจุบันที่เข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการของผิวคนไทยได้ดีมาก ทำให้เพื่อน ๆ สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวของตัวเองได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยมีวิธีเลือกง่าย ๆ คือ
- หากเพื่อน ๆ เป็นคนผิวมัน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เน้นการควบคุมความมัน (Oil-Control) และติดทนนาน
- หากเป็นคนผิวแห้ง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้น มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์
- สำหรับผิวแพ้ง่าย ควรมองหาแบรนด์ที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติและผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- กำหนดงบประมาณ: ข้อดีของเครื่องสำอางแบรนด์ไทยคือมีหลากหลายราคาให้เลือก หากคุณเป็นนักเรียนนักศึกษาหรืองบประมาณจำกัด แบรนด์อย่าง Odbo, Sivanna Colors หรือ MEILINDA ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่หากต้องการลงทุนกับผลิตภัณฑ์งานผิวคุณภาพสูง ก็สามารถขยับไปที่ Merrez’ca หรือ Cathy Doll ได้
- สไตล์การแต่งหน้าที่ชอบ: หากคุณชอบแต่งหน้าลุคใส ๆ เป็นธรรมชาติ สไตล์เกาหลี แบรนด์อย่าง Baby Bright หรือ Twenty Wendy อาจจะตอบโจทย์ แต่ถ้าคุณเป็นสายแฟชั่น ชอบความสนุกสนานและสีสันที่จัดจ้าน La Glace คือคำตอบที่ดี
จะเห็นได้ชัดว่าแบรนด์เครื่องสำอางไทยในปัจจุบันนั้นมีศักยภาพและคุณภาพที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ละแบรนด์ต่างก็มีจุดเด่นและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป การสนับสนุนเครื่องสำอางแบรนด์ไทยไม่เพียงแต่จะทำให้เราได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีและเหมาะกับสภาพผิวของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมความงามของไทยเติบโตและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย หวังว่าบทความนี้จะเป็นคู่มือชั้นดีที่ช่วยให้ผู้หญิงทุกคนได้พบกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่ “ใช่” สำหรับตัวเอง
อยากช้อปไอเท็มเด็ด ๆ จากแบรนด์เหล่านี้แล้วใช่ไหมล่ะ? ทุกคนสามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ บน Shopee แพลตฟอร์มที่รวมทุกไอเท็มฮิตไว้ในที่เดียว และถ้าอยากรู้ว่าไอเท็มไหนเหมาะกับคุณบ้าง ลองตามไปอ่านรีวิวฉบับเจาะลึกได้ที่ Shopee Blog มีบทความเกี่ยวกับความงามและไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมที่น่าสนใจอีกเพียบรอให้คุณไปค้นพบ
ขอบคุณรูปภาพจาก 4U2, Srichand, Odbo, MEILINDA, Sivanna Colors, Mistine, Baby Bright, Cathy Doll, Cosluxe, Merrez’ca, La Glace, Love Potion, Happy Sunday, BROWIT by Nongchat, Twenty Wendy
บทความแนะนำ
