Mechanical Keyboard คือ คีย์บอร์ดเกมมิ่งที่มีการออกแบบกลไกเฉพาะเป็นปุ่มกดแบบสปริงโดยมีจุดเด่นที่การออกแบบปุ่มกดจะยกตัวปุ่มให้ลอยขึ้นและอยู่เหนือขั้วไฟฟ้าที่อยู่ในสวิตช์อีกที เมื่อลองกดปุ่มลงไปจะทำให้ขั้วไฟฟ้าครบวงจรและส่งคำสั่งไปยังคอมพิวเตอร์โดยแต่ละปุ่มจะมีการแยกหน้าที่การทำงานกันอย่างชัดเจนและMechanical Keyboard แนะนําควรจะต้องมียังมีการรองรับคำสั่งได้หลายรูปแบบอีกทั้งยังมีกลไกที่สามารถจะรับคำสั่งได้พร้อมกันได้อย่างต่อเนื่องซึ่งมีความแม่นยำมากจึงเป็นคีย์บอร์ดแมคคานิคอลที่ชาวเกมเมอร์เลือกใช้
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
แนะนําวิธีเลือกซื้อ Mechanical Keyboard จากสวิตช์
จุดสำคัญของ Mechanical Keyboard คือ สวิตช์โดยคีย์บอร์ดแมคคานิคอลจะมีสีและระบบกลไกการทำงานที่แตกต่างกันแบ่งออกเป็น 4 สีหลัก ดังนี้
- Red Switch Keyboard คือสวิตช์สีแดง (Red Switch) เหมาะกับคนที่ต้องการคีย์บอร์ดแมคคานิคอลที่กดง่ายไม่ต้องออกแรงมากจะมีแรงต้านในการกดคงที่ และช่วยให้เล่นเกมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
- Blue Switch Keyboard สำหรับคนที่ต้องการความแน่นหนักขณะพิมพ์โดยคีย์บอร์ด Blue Switch แนะนําสำหรับคนที่ชอบเสียงคลิกจากการกระดอนกลับจึงไม่เหมาะกับการใช้งานในบริเวณที่ต้องการความเงียบสงบเพราะจะมีเสียงดังเวลาพิมพ์
- Brown Switch Keyboard จะเหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มใช้คีย์บอร์ดแมคคานิคอล ควรจะเป็นสวิตช์สีน้ำตาล (Brown Switch) ซึ่งเป็นประเภทที่อยู่ระหว่างสีแดงและสีฟ้า ทำให้มีความรู้สึกที่มั่นคงหนักแน่นกว่าและมีเสียงเบากว่าเวลาพิมพ์
- Black Switch Keyboard จะเป็น Mechanical Keyboard แนะนําสำหรับคนเล่นเกมที่เน้นเร็วพิมพ์เร็วต้องการจบเกมเร็วควรเป็นสวิตช์สีดำ (Black Switch) จุดเด่นที่จะตอบสนองการกดปุ่มได้อย่างรวดเร็วกว่าหนักแน่นสมจริงและมีเสียงที่เงียบมากกว่า
Mechanical Keyboard แนะนําประเภทการใช้งาน 3 แบบ
- คีย์บอร์ดประเภทปุ่มยาง Rubber Dome เหมาะเป็นคีย์บอร์ดแมคคานิคอลตัวแรกหรือสำหรับคนที่เริ่มต้นที่จะเรียนรู้กับการใช้งานในฟังก์ชันต่าง ๆ ซึ่งจะคล้ายกับการใช้งานกันทั่วไปจะมีเสียงที่เงียบไม่เสียง่ายและมีราคาถูกกว่ารุ่นอื่น
- คีย์บอร์ดประเภท Pantograph จะมีเสียงคลิกที่เบากว่าเพราะมี Keystroke ที่ตื้นกว่าปกติจึงทำให้ตัวคีย์บอร์ดแมคคานิคอลนี้จะมีลักษณะบางกว่าแต่เก็บรักษาง่ายเหมาะสำหรับการใช้งานเวลากลางคืนและซึ่งเสียงจะไม่ไปรบกวนคนอื่น
- คีย์บอร์ดประเภท Capacitive Switch เป็นแบบที่สามารถจะปรับแต่งเองได้ ทั้งการปรับแต่งความแข็งหรือแรงต้านได้ จะเป็นคีย์บอร์ดที่เน้นความยืดหยุ่นมากกว่ารุ่นอื่นซึ่งจะเหมาะกับคนที่เล่นเกมอย่างจริงจังแต่ก็เป็นรุ่นที่มีราคาสูงกว่า
แนะนําประเภทการเชื่อมต่อคีย์บอร์ด แมคคานิคอล
การเลือกประเภทการเชื่อมต่อของคีย์บอร์ดให้เหมาะสมกับการใช้งานไม่ว่าจะเป็นสถานที่การทำงานหรือการพกพาก็จะมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะมีผลต่อความเร็วในการตอบสนองของปุ่มและแต่ละปุ่มก็จะมีการตอบสนองที่แตกกันต่างไปตามประเภทของการเชื่อมต่อแต่ละชนิดอีกด้วย
- สาย USB สามารถใช้ได้กับคอมพิวเตอร์และ PS4 ถือว่าเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อของคีย์บอร์ดในปัจจุบัน เพราะใช้งานง่ายและถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วกว่า
- แบบไร้สาย (Bluetooth) สะดวกกว่าสามารถจะเคลื่อนย้ายได้แต่อาจจะมีความล่าช้าในเรื่องของสัญญาณจึงเหมาะกับเกมแนว MMO มากกว่าเกมแนว FPS
แนะนําฟังก์ชันเสริมที่ Mechanical Keyboard ต้องมี
- ฟังก์ชัน Anti-Ghosting เป็นระบบที่ช่วยให้กดปุ่มบนคีย์บอร์ดแมคคานิคอลได้หลายปุ่มพร้อมกัน เพื่อป้องกันคีย์บอร์ดค้างหรือรวนซึ่งโดยบางรุ่นจะกำหนดเอาไว้ที่ 18 ปุ่มหรือมากกว่านั้นได้โดยจะมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน
- ฟังก์ชัน N-Key Rollover เป็นระบบที่มาเสริม Anti-Ghosting ซึ่งจะทำให้สามารถกดปุ่มคีย์บอร์ดพร้อมกันได้มากกว่าระบบที่ Anti-Ghosting ที่ได้กำหนดค่าไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งจะช่วยให้คีย์บอร์ดไม่รวนหรือเกิดอาการค้างได้
- ฟังก์ชันมาโคร จะช่วยลดเวลาการใช้คำสั่งต่าง ๆ ให้เกิดความสะดวกมากขึ้นด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว รวมไปถึงการเข้าเกมที่จะมีความรวดเร็วมากขึ้นหรือกรณีที่ลืมรหัสผ่านฟังก์ชันมาโครก็จะแก้ปัญหาให้ได้
- ฟังก์ชันแบ็กไลต์ (Backlight) จะช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ซึ่งบางครั้งก็สามารถที่จะปรับแสงได้แบบอัตโนมัติ รวมทั้งตัวอักษรของคีย์บอร์ดประเภทนี้ก็จะไม่จางหายไปได้ง่าย ถึงแม้ว่าจะใช้งานมานานแล้ว
การเลือกขนาดคีย์บอร์ดแมคคานิคอล
- คีย์บอร์ดแมคคานิคอลขนาดปกติจะมีทั้งหมด104 Keys ปุ่มตัวเลขใช้งานได้อเนกประสงค์และเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงกว่าในบรรดาคีย์บอร์ดทุกชนิดเพราะตอบโจทย์ได้ทั้งการเล่นเกมและการทำงาน อาจจะพกพาไม่สะดวกมากนัก
- คีย์บอร์ดแมคคานิคอล TKL(TenKeyLess ) จะมีปุ่มแค่ 87 Keys ซึ่งจะทำการตัดแป้นพิมพ์ตัวเลขออกไปเพื่อประหยัดพื้นและให้มีพื้นที่การวางเมาส์เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเกมแนว FPS ต้องใช้พื้นที่สำหรับการลากเมาส์กว้างกว่าปกติ
- คีย์บอร์ดแมคคานิคอล 60% กับปุ่มกด 61 Keys จะมีขนาดกะทัดรัดสั้นและมีน้ำหนักเบา การพกพาสะดวก มักจะมีระบบ Dual Mode ที่สามารถใช้สาย USB-A, USB-C หรือ Micro USB ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น
Mechanical Keyboard แนะนํา10 รุ่นฟังก์ชันพร้อมใช้สายเกมต้องซื้อ
1. Keychron K3 Ultra-slim Wireless Mechanical Keyboard
ราคา 3,890 บาท
อันดับแรกกับ Mechanical Keyboard แนะนําว่าต้องซื้อมาใช้ จะมีโครงต่ำการดีไซน์สวยตัวคีย์บอร์ดทำจากโครงอะลูมิเนียมมีความแข็งแรงทนต่อการใช้งาน และเป็นคีย์บอร์ดไร้สายแบบ 75% จะมีจำนวนปุ่มทั้งหมด 84 ปุ่มมีไฟ Blacklight ให้เลือกด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ White และ RGB Blacklight นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่สวิตช์สามารถจะถอดเปลี่ยนได้ทันทีแบบ Hot-Swappable โดยมีให้เลือกถึง 2 รูปแบบคือ Gateron Mechanical แบบ Low Profile ที่เลือกได้ทั้งRed, Blue และ Brown Switch จะเหมาะสำหรับการเล่นเกมและการใช้งานทั่วไป อีกทั้งการเชื่อมต่อก็มีทั้งแบบมีสายและแบบไร้สาย สามารถจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้พร้อมกันถึง 3 อุปกรณ์
2. The Razer BlackWidow V3
ราคา 3,499 บาท
คีย์บอร์ดแมคคานิคอลแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ก็คงจะต้องเป็น Razer โดยรุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีเฉพาะของ Razer กับปุ่ม Green Switch ที่การใช้งานคล้าย Blue Switch แต่หนักแน่นและนุ่มมือกว่า อีกทั้งยังตอบสนองได้ดีระดับต้น ๆ ของสวิตช์ทั้งหมด เสริมด้วยระบบ Full Anti-Ghosting, ไฟ RGB Backlight 16.8 ล้านเฉดสี พร้อมดีไซน์ที่เรียบหรูสวยงาม และความคงทนจากหน้าคีย์บอร์ดอะลูมิเนียมคุณภาพสูง นอกจากนี้ ยังมีชิ้นส่วนพิเศษอย่าง Multi-function Roller Wheel ด้านขวาบน ที่ปรับแต่งให้เป็นปุ่มฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ตามต้องการ
3. HyperX Alloy Origins Core RGB Mechanical Gaming Keyboard
ราคา 2,890 บาท
เป็นคีย์บอร์ดแมคคานิคอลของ HyperX ที่จะออกแบบคีย์สวิตช์เองแบบ Linear สีแดง หรือ Red Switch ที่เน้นความนุ่มนวลและตอบสนองไวโดยใช้แรงกด 45g และระยะตอบสนองค่อนข้างสั้นและออกแบบให้บอดี้มีความทนทานกับโครงสร้างอะลูมิเนียมที่มากับฐานด้านใต้ปรับได้ถึง 3 ระดับสำหรับชาวเกมเมอร์เลือกปรับได้ตามความถนัดของตนเองและมาพร้อมกับแสงไฟ RGB ปรับแต่งเองได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ HyperX Ngenuit รวมถึงฟีเจอร์ในการเล่นเกมที่ต้องมี อาทิ Game Mode, Anti-Ghosting หรือ N-Key Rollover เป็นต้น
4. Logitech G813 Lightsync RGB Mechanical Gaming Keyboard
ราคา 3,990 บาท
สำหรับคีย์บอร์ดแมคคานิคอลรุ่นนี้จะมีดีไซน์ออกมาให้บางและสามารถจะปรับแต่งได้ตามใจที่ชอบได้อย่างเต็มที่ซึ่งมาพร้อมกับ Lightsync RGB และ G-Keys ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีสวิตช์เชิงกล GL โครงต่ำในแบบ Clicky Tactile ที่มีแรงสะท้อนกลับและ Linear กับการกดปุ่มได้อย่างนุ่มนวลเป็นการเปิดมิติใหม่แห่งการเล่นเกมกับโครงสร้างที่ปรับแต่งแบบเพรียวบาง และมีการสัมผัสที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำซึ่งผ่านการทดสอบมาแล้ว
5. Corsair K60 Pro Red Led Mechanical Gaming Keyboard
ราคา 2,490 บาท
Mechanical Keyboard แนะนํารุ่นนี้มาพร้อมสวิตช์ Cherry Viola รุ่นใหม่ล่าสุดและไฟ LED RGB ที่มีการออกแบบมาให้เหมาะกับคนที่มักจะใช้งานในการพิมพ์งานบ่อย ๆ หรือต้องการจะเอาไปเล่นเกมก็สามารถจะทำได้เช่นกัน เพราะตัวคีย์บอร์ดจะมีการสัมผัสที่ค่อนข้างมีความหนืดซึ่งจะทำให้มีแรงกดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเพราะมีแรงต้านทำให้มีการรีเซ็ทตัวปุ่มที่รวดเร็วแต่อาจจะออกคำสั่งได้ช้ากว่าสวิตช์เกมมิ่งอย่าง Red หรือ Silent Red Switch เพราะจะมีแรงกดที่สูงกว่า
6. Logitech G Pro K/DA Mechanical Gaming Keyboard
ราคา 4,190 บาท
จะเป็นคีย์บอร์ดแมคคานิคอลรุ่น K/DA Collection คีย์บอร์ดขนาด 60% ที่พกพาสะดวก การดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครสวยโดดเด่นและยังใช้งานได้จริงด้วยสวิตช์ GX Brown Tactile โดยจะมีจังหวะกดได้ดั่งใจที่มาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Micro USB โดยมีการเพิ่มเขี้ยวซึ่งจะเป็นการเพิ่มความแข็งแรงทำให้สายไม่บิดหักงอได้ง่าย สายจะดีไซน์เป็นแบบถักมีความยืดหยุ่นได้ดี และคีย์บอร์ดที่มีขนาด 60% ก็จะพกพาสะดวก แต่ก็ยังสามารถจะตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ด้วย Brown สวิตช์ ที่ให้ความรู้สึกการพิมพ์ที่นิ่มนวลพร้อมไฟ RGB โดยเปลี่ยนผิวสัมผัสจากสีดำสนิทเป็นลวดลาย ขาวดำ พร้อมลายเส้นและโลโก้ KDA
7. Royal Kludge RK71 Wireless Gaming Keyboard
ราคา 1,460 บาท
Mechanical Keyboard แนะนํารุ่นนี้จะเป็นการดีไซน์แบบ 75% ที่มากับ 87 Keys สำหรับคนที่ไม่ชอบกดปุ่ม Fn เพราะจะแยกปุ่มลูกศรและปุ่มคำสั่งต่าง ๆ ออกมาเป็นปุ่มเฉพาะต่างหากทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ถึงตัวคีย์บอร์ดก็จะยาวขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังพกใส่กระเป๋าเป้หรือย่ามติดตัวไปทำงานตามร้านกาแฟได้สะดวกเหมือนกัน จะเป็นคีย์บอร์ดไร้สายที่มีการเชื่อมต่อผ่าน USB-C หรือ Bluetooth 2.4 เหมือนกัน และสามารถจะเลือกสีสวิตช์ได้อีกด้วย
8. Ajazz K870T Hot-Swap Gaming Mechanical Keyboard
ราคา 2,290 บาท
Mechanical Keyboard แนะนํารุ่นนี้มากับจะมาโหมด RGB Backlit และมีจุดเด่นที่ Hot-Swap สามารถจะปรับแต่งปุ่มกดเองได้ตามใจโดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบทั้ง Blue Switch, Red Switch และ Brown Switch การเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สายสำหรับการเชื่อมต่อบูลทูธได้พร้อมกันมากถึง 3 อุปกรณ์ ตัวคีย์บอร์ดมีขนาดกะทัดรัดด้วย 87Keys และมีน้ำหนักเบา สามารถจะพกพาได้อย่างสะดวกไปได้ทุก
9. Tsunami Outemu MK-03 TKL Mechanical Gaming Keyboard
ราคา 690 บาท
คีย์บอร์ดแมคคานิคอลรุ่นนี้จะเหมาะกับการเล่นเกมโดยเฉพาะ มีขนาด TKL 87Keys ที่มีขนาดกะทัดรัดไม่เล็กหรือใหญ่เกินไปโดยจะมีการตัดส่วนนัมแพดหรือชุดตัวเลขออกไปซึ่งจะทำให้มีพื้นที่บนโต๊ะมากยิ่งขึ้น และมีสวิตช์ให้เลือกถึง 3 แบบนั้นคือ Blue Switch, Red Switch และ Brown Switch และจะขาดไม่ได้เลยสำหรับการเป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งด้วย RGB Backlight ซึ่งจะช่วยเสริมบรรยากาศการเล่นเกมเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาแมคคานิคอลคีย์บอร์ดสำหรับการเล่นเกม
10. MageGee MK1 TKL Mechanical Gaming Keyboard
ราคา 690 บาท
จะเป็นคีย์บอร์ด Blue Switch แนะนําแบบ 87Keys ซึ่งก็ต้องบอกก่อนว่าจะมีไฟแค่สีเดียวเท่านั้นสามารถจะปรับแสงได้ 10 ระดับ ตัวคีย์บอร์ดกะทัดรัดสวยและทนทาน ตัวสวิตช์มีการตอบสนองและมีความแม่นยำได้เป็นอย่างดี สำหรับตัวฐานหรือโครงสร้างแบบ Solid Aircraft ซึ่งสามารถจะกันน้ำได้เหมาะสำหรับการทำงานทั่วไป รวมถึงยังสามารถจะใช้เล่นเกมได้ด้วยการเชื่อมต่อแบบ USB ขนาดกะทัดรัดสีสวย และพกพาสะดวก
Mechanical Keyboard แนะนําทั้ง 10 รุ่นแบบไหนถูกใจ ต้องรีบไปซื้อกันเลย!
Mechanical Keyboard แนะนําทั้ง 10 รุ่นนี้จะมีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลายซึ่งแต่ละรุ่นจะออกแบบมาเพื่อจะตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้งานได้ตามที่ต้องการทั้งรูปแบบของสวิตช์ ขนาดหรือการดีไซน์ รวมไปถึงคีย์บอร์ดแมคคานิคอลที่สามารถจะออกแบบเองได้ตามที่ตัวเองชอบอีกทั้งปัจจุบันนี้ราคาก็ไม่สูงมากและสามารถจะเลือกซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ได้ หรือสำหรับใครที่เป็นสายเกมเมอร์ ก็อย่าลืมหาเก้าอี้เกมมิ่ง หรือ โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง มาใช้พร้อมกับ Mechanical Keyboard ด้วยล่ะ