ปัจจุบันมลภาวะทางอากาศทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ เชื้อโรค และสารเคมีอันตราย สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสุขภาพและอาจจะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคทางเดินหายใจ ภูมิแพ้หรือโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งปอด ทำให้เครื่องฟอกอากาศเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นและควรมีติดบ้านไว้เลย ใครกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศช่วยกรองฝุ่นเพื่อให้อากาศสะอาด แต่ไม่รู้ว่าจะเลือก เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี เพราะมีให้เลือกเยอะแยะมากมาย หลากรุ่น หลายยี่ห้อ จนเลือกซื้อไม่ถูกเลย วันนี้ Shopee คัดมาให้แล้วกับ 12 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ฟังก์ชันล้ำทันสมัย ดีไซน์สวย มีให้เลือกหลากหลายขนาด เพื่อให้เพื่อน ๆ เลือกซื้อได้เหมาะสมกับพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน มียี่ห้อไหนที่ตอบโจทย์การใช้งานบ้าง มาดูกันเลย

หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำไมต้องมีเครื่องฟอกอากาศและช่วยอะไรบ้าง
ก่อนอ่านรีวิวเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี เรามาทราบกันก่อนดีว่า หากซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้จะสามารถช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง เพื่อจะได้รู้ว่าเครื่องฟอกอากาศมีความสำคัญยังไง โดยหลัก ๆ แล้วเครื่องฟอกอากาศก็จะช่วยได้ ดังนี้
- เครื่องฟอกอากาศจะมีแผ่นกรอง HEPA สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ฝุ่น PM2.5, ฝุ่นละออง, และละอองเกสร ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคทางเดินหายใจและภูมิแพ้ได้
- สามารถช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ เช่น ขนสัตว์, ไรฝุ่น, และเชื้อราในอากาศ จึงทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ได้ดี
- เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นหรือบางยี่ห้อมีเทคโนโลยี UV-C หรือ Plasma ที่ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสในอากาศ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรค
- ช่วยกำจัดกลิ่นต่าง ๆ เพราะจะมีแผ่นกรองคาร์บอนในเครื่องฟอกอากาศช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นควันบุหรี่, กลิ่นอาหาร และกลิ่นสัตว์เลี้ยง
- ช่วยให้อากาศสะอาดทำให้หายใจได้สะดวกและนอนหลับได้สนิทมากขึ้น ลดอาการไอและจามในเวลากลางคืนได้ด้วย
สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศ
ปัญหาฝุ่นที่กวนใจเราอยู่ทุกวันนี้ การจะช่วยให้พอจะมีอากาศในบ้านที่สะอาดขึ้นก็คงจะเป็นการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศดี ๆ สักเครื่อง แต่ก่อนจะคิดถึงว่าจะซื้อเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ยังมีหลายปัจจัยที่ควรรู้ก่อนจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
- ต้องรู้ขนาดและความกว้างของห้อง ง่าย ๆ คือเอาขนาดห้อง กว้างxยาว = ตารางเมตรในห้อง เราควรเลือกเครื่องฟอกอากาศให้ครอบคลุมกับพื้นที่ภายในห้อง เช่น ถ้าห้องมีขนาด 24 ตารางเมตร ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศสำหรับห้อง 20-25 ตารางเมตรนั้นเอง
- เลือกความเร็วในการฟอกอากาศ หรือ ค่า CADR CADR (Clean Air Delivery Rate) คือ ปริมาณอากาศที่เครื่องฟอกอากาศสามารถทำความสะอาดได้ หากค่าของ CADR สูง นั้นแปลว่าเครื่องฟอกอากาศนั้นมีประสิทธิภาพสูงนั้นเอง
- เลือกไส้กรองให้เหมาะกับการทำงาน ไส้กรองเหมือนหัวใจของเครื่องฟอกอากาศ เราจึงควรเลือกไส้กรองให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า โดยปกติแล้วแผ่นกรองจะมี 3 ชั้น คือ แผ่นกรองหยาบ , แผ่นกรอง HEPA ตัวนี้สามารถกรองฝุ่นลึก ฝุ่น PM2.5 ได้ และสุดท้ายแผ่นกรองคาร์บอน
- เลือกจากฟังก์ชั่นเสริม ฟีเจอร์เสริม ฟังก์ชั่นการทำงานของเครื่องในโหมดต่าง ๆ เช่น Sleep Mode , การเพิ่มความชื้นในอากาศ ให้หายใจในห้องได้สบายขึ้น , การฆ่าเชื้อโรค เชื้อไวรัสต่าง ๆ เราควรเลือกฟังก์ชันที่จำเป็นและเหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุด
คัดให้แล้ว! 12 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี สู้ฝุ่น ขจัดกลิ่น อากาศสดชื่น
หากใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ด้วยความที่มีเครื่องฟอกอากาศให้เลือกเยอะมาก ๆ ฉะนั้นเพื่อช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น เราได้คัดมาให้แล้วกับ 12 เครื่องฟอกอากาศ ฟังก์ชันดีทันสมัย ช่วยกรองฝุ่น ดับกลิ่นได้ดี โดยเครื่องฟอกอากาศที่นำมารีวิวนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ขนาด เพื่อจะได้เลือกซื้อให้เหมาะกับขนาดพื้นที่ห้องที่ต้องการใช้งาน มีรุ่นไหน ยี่ห้ออะไรบ้าง ตามมาช้อปกันเลย
เครื่องฟอกอากาศ สำหรับห้องขนาดเล็ก น้อยกว่า 30 ตร.ม.
มาเริ่มรีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก มีพื้นที่ไม่เกิน 30 ตร.ม. ซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ เราคัดเลือกมารีวิวทั้งหมด 4 ยี่ห้อ สามารถเลือกให้เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการใช้งานได้เลย
1. เครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-S42B-L

เครื่องฟอกอากาศตัวแรกที่อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ เลยคือ เครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-S42B-L แบรนด์ SHARP ที่มีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์สำหรับการฟอกอากาศที่ไม่เหมือนใคร มาพร้อมดีไซน์มินิมอล มีขนาด กะทัดรัด เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็กจนถึงกลาง สามารถครอบคลุมพื้นที่ฟอกอากาศมากกว่า 30 ตร.ม. ด้วยความหนาแน่นของพลาสมาคลัสเตอร์คือ 7,000 ไอออน/ซม.3 มีระบบการดูดสองด้าน ทำให้อากาศบริสุทธิ์เร็วขึ้น จึงช่วยฟอกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ Coanda Air Flow ที่ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ไหลเวียนไปทุกมุมห้องอย่างรวดเร็ว
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-S42B-L
- ครอบคลุมพื้นที่ 30 ตร.ม.
- เครื่องทำงานความเงียบต่ำสุด 21 dB
- มีแผ่นกรอง HEPA 2 in 1 ช่วยดักจับฝุ่นและกรองกลิ่นได้ดี
- เซ็นเซอร์สามารถตรวจจับได้ทั้ง PM 2.5 ฝุ่น กลิ่น อุณหภูมิ ความชื้น
- ควบคุมการทำงานได้ง่าย ๆ ด้วยมือถือได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่าน SHAPP AIR APP
- ราคาประมาณ 8,190 บาท
2. เครื่องฟอกอากาศ IRIS OHYAMA รุ่น AP-2004

เครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์สายแต่งบ้าน ไม่ว่าจะวางมุมไหนของบ้านก็สวยดูดี และยังฟอกอากาศสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ต้องนี่เลย เครื่องฟอกอากาศ IRIS OHYAMA รุ่น AP-2004 จากแบรนด์ IRIS OHYAMA ดีไซน์น่ารัก ขนาดมินิมอล วางมุมไหนก็สวยสุดปัง! ซึ่งเครื่องนี้มีอัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์ (CADR) ที่ 240 m³/h ช่วยทำให้อากาศภายในห้องสะอาดและบริสุทธิ์เร็วมากขึ้น ด้วยระบบฟอกอากาศใช้แผ่นกรอง HEPA ที่มีประสิทธิภาพการกรองสูงถึง 99% กรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ทั้ง PM 1.0, PM 2.5 และ PM 10 โดยเฉพาะ PM 2.5 รวมถึงขนสัตว์ และกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เช่น กลิ่นห้องน้ำ กลิ่นบุหรี่ กลิ่นขยะ กลิ่นตัว และยังสามารถวางได้ทุกห้องเลย
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ IRIS OHYAMA รุ่น AP-2004
- เครื่องทำงานความเงียบต่ำสุด 23 dB
- ฟอกอากาศสะอาดด้วยแผ่นกรอง HEPA13
- ขนาดเล็กกะทัดรัด ครอบคลุมพื้นที่ 25 ตร.ม.
- สามารถปรับระดับความแรงลมได้ถึง 4 ระดับ
- ตั้งเวลาปิดอัตโนมัติได้ 2 ชม. 4 ชม. หรือ 8 ชม.
- ราคาประมาณ 1,104 บาท
3. เครื่องฟอกอากาศ KASHIWA รุ่น IM-001

ใครกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ pm 2.5 ยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง แนะนำ เครื่องฟอกอากาศ KASHIWA รุ่น IM-001 จากแบรนด์ KASHIWA เครื่องฟอกอากาศตัวนี้มีจุดเด่นในการจัดการสิ่งสกปรกและมลภาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติในการกรองฝุ่น PM 2.5 ด้วยไส้กรองฝุ่นระดับ H10 ที่กรอง PM 2.5 ได้ยอดเยี่ยม
และได้ติดตั้งเทคโนโลยี UV เพื่อฆ่าเชื้อโรคในอากาศ สามารถครอบคลุมพื้นที่ในการฟอกอากาศ 30 ตร.ม. ที่มีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) 130 ลบ.ม./ชั่วโมง อีกทั้ง ปรับแรงลมได้ 3 ระดับ ตั้งเวลาปิดการทำงานได้สูงสุด 8 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องขนาดทั่วไป
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ KASHIWA รุ่น IM-001
- ครอบคลุมพื้นที่ 30 ตร.ม.
- ปรับแรงลมได้ 3 ระดับ low-Mid-High
- ตั้งเวลาปิดการทำงานได้สูงสุด 8 ชั่วโมง
- มีแสง UV สำหรับฆ่าเชื้อโรคในอากาศโดยเฉพาะ
- ใส้กรอง 3 ชั้น แบบผสมผสาน เก็บฝุ่นและดักกลิ่น
- เครื่องทำงานต่อเนื่องได้ 16 ชั่วโมง และปิดการทำงานเอง
- ราคาประมาณ 750 บาท
4. เครื่องฟอกอากาศ Dyson Pure Cool Air Purifier Fan รุ่น TP00

เครื่องฟอกอากาศ Dyson อีกหนึ่งยี่ห้อที่น่าซื้อ! ด้วยดีไซน์การออกแบบที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ทันสมัย ยังช่วยฟอกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีให้เลือกหลายรุ่น แต่ถ้าอยากได้เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก ที่เหมาะพื้นที่ไม่เกิน 30 ตร.ม. เราแนะนำ เครื่องฟอกอากาศ Dyson Pure Cool Air Purifier Fan รุ่น TP00 รุ่นนี้เลย ที่มาพร้อมประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.95% ได้แบบ 360 องศา จึงช่วยดักจับอนุภาคนุภาคขนาดเล็กมากที่อยู่ในอากาศได้ดี พร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่ช่วยกรองอากาศให้สะอาดและสดชื่น ถ้าตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือก เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี และมีงบพอสมควร แนะนำรุ่นนี้เลย
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ Dyson Pure Cool Air Purifier Fan รุ่น TP00
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 10-14 ตร.ม.
- เครื่องทำงานความเงียบต่ำสุด 62 dB
- 2 IN 1 ใช้งานได้ทั้งเครื่องฟอกอากาศ และพัดลม
- ระบบฟอกอากาศ:ระบบการกรองด้วยตัวกรอง HEPA
- กรองอากาศบริสุทธิ์ระดับ PM 0.1 (0.1 ไมครอน) ได้ 99.95%
- ปรับความแรงลม 10 ระดับ และปริมาณลมที่ผ่าน 412 ลิตรต่อวินาที
- ราคาประมาณ 13,900 บาท
สรุป เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี สำหรับห้องขนาดเล็ก น้อยกว่า 30 ตร.ม.
- เครื่องฟอกอากาศที่ราคาเข้าถึงได้ที่สุด คือ KASHIWA รุ่น IM-001 ในราคา 750 บาท สำหรับห้องขนาดเล็ก
- เครื่องฟอกอากาศที่กรองได้ละเอียดที่สุดระดับ PM 0.1 และใช้ได้หลากหลาย คือ Dyson Pure Cool Air Purifier Fan รุ่น TP00 เป็นทั้งพัดลม และเครื่องฟอกอากาศสำหรับห้องขนาดเล็ก
- เครื่องฟอกอากาศที่เงียบที่สุด คือ SHARP รุ่น FP-S42B-L เครื่องทำงานความเงียบต่ำสุด 21 dB สำหรับห้องขนาดเล็ก
เครื่องฟอกอากาศ สำหรับห้องขนาดกลาง 35 – 60 ตร.ม.
ขยับมากันที่เครื่องฟอกอากาศ สำหรับห้องหรือพื้นที่ ขนาดกลางประมาณ 35 – 60 ตารางเมตร โดยเราก็ได้คัดมาให้เลือกเช่นกัน จะมีทั้งหมด 4 รุ่น จาก 4 ยี่ห้อ มีเครื่องฟอกอากาศตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง มาดูกัน
5. เครื่องฟอกอากาศ SAMSUNG รุ่น AX32BG3100GBST

เปลี่ยนอากาศภายในบ้านให้สะอาดและสดชื่นได้ด้วยเครื่องฟอกอากาศ SAMSUNG อีกหนึ่งยี่ห้อที่มีคุณภาพที่โดดเด่นในการจำกัดฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากห้องมีพื้นที่ขนาด 41 ตร.ม. แนะนำเป็น เครื่องฟอกอากาศ SAMSUNG รุ่น AX32BG3100GBST มาพร้อมด้วยระบบฟอกอากาศหลายชั้นประสิทธิภาพสูง ที่มีระบบกรองอากาศ 3 ชั้น สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดใหญ่ ฝุ่นละเอียดขนาดเล็ก เช่น PM1.0, PM2.5, PM10 และช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี ปรับระดับความแรงของพัดลมได้โดยอัตโนมัติถึง 3 ระดับ แสดงสถานะของอากาศด้วยไฟ 4 ระดับ ตัวเครื่องยังทำงานด้วยเสียงเพียง 51 เดซิเบล จึงไม่ก่อให้เกิดความรำคาญในขณะใช้งานอีกด้วย สามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน SmartThings ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สั่งงานได้ทุกที่ ทุกเวลา
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ SAMSUNG รุ่น AX32BG3100GBST
- เหมาะกับขนาดห้อง 41 ตร.ม.
- กรองอากาศบริสุทธิ์ระดับ PM 0.1 (0.1 ไมครอน) ได้ 99.97%
- ระบบกรองอากาศ 3 ชั้น ดักจับฝุ่นละอองขนาดใหญ่ และกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ตรวจเช็กคุณภาพอากาศและสั่งงานผ่าน Wi-Fi ด้วย Application SmartThings
- มีฟังก์ชัน Sleep Mode ทำงานด้วยสายลมที่อ่อน เสียงเงียบ และลดความสว่างหน้าจอ
- ยังมีไอคอนแจ้งเตือนที่จะกะพริบเมื่อถึงเวลาทำความสะอาดหรือเปลี่ยนไส้กรองอีกด้วย
- ราคาประมาณ 6,290 บาท
6. เครื่องฟอกอากาศ IMARFLEX F-C042R

มาต่อกันที่ เครื่องฟอกอากาศ IMARFLEX F-C042R จากแบรนด์ IMARFLEX มาพร้อมดีไซน์สวยทันสมัย และได้ออกแบบตามหลักการไหลเวียนของอากาศ ช่วยให้สามารถฟอกอากาศในพื้นที่ ขนาด 30-50 ตารางเมตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเครื่องจะเป็นระบบการฟอกอากาศ 3 ชั้น คือไส้กรองคาร์บอน, แผ่นกรอง HEPA และแผ่นกรองหยาบ ด้วย HEPA FILTER สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก อย่าง PM2.5 มลพิษ และเชื้อโรคต่าง ๆ มีแผ่นกรอง CARBON FILTER ที่ช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ ควัน และก๊าซต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมระบบ ION ที่ปล่อยประจุไฟฟ้าลบ ช่วยลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละออง และทำให้อากาศบริสุทธิ์สดชื่นมากยิ่งขึ้น ด้วยขนาดที่ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไปจึงสามารถเคลื่อนย้าย และจัดวางได้ง่ายในทุกมุมของบ้านหรือออฟฟิศอีกด้วย
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ IMARFLEX F-C042R
- เหมาะสำหรับพื้นที่ 30 – 50 ตร.ม.
- สามารถปรับแรงลมได้ 3 ระดับ
- ระบบ ION ช่วยปล่อยประจุไม่ให้ฝุ่นเกิดการฟุ้งกระจาย
- แผ่นกรอง HEPA กรองดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (PM 2.5)
- ไส้กรองคาร์บอนสามารถกรองดักจับควัน ก๊าส และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี
- สามารถตั้งเวลาในการทำงานตั้งแต่ 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง , 4 ชั่วโมง และ 8 ชั่วโมง
- ราคาประมาณ 1,990 บาท
7. เครื่องฟอกอากาศ Electrolux EP53-46UGA

เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ระบบกรองอากาศมีประสิทธิภาพ สามารถกำจัดฝุ่นและกลิ่นได้ดี เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นกว้างประมาณ 50 ตร.ม. ขึ้นไป แนะนำ เครื่องฟอกอากาศ Electrolux EP53-46UGA จากแบรนด์ Electrolux พร้อมด้วยประสิทธิภาพการกรอง ถึง 5 ขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ Pre, Anti-bacterial HEPA, HEPA13, Activated Carbon และ UV-C ตัวกรอง HEPA13 ที่ช่วยลดเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99.9% พร้อมยับยั้งไวรัสและฆ่าเชื้อโรค เพื่อให้คงเหลือไว้เพียงอากาศที่บริสุทธิ์ ยังมีเซนเซอร์คอยตรวจจับฝุ่นละออง PM1, 2.5 และ 10 ซึ่งกรองละเอียดได้ถึง 0.3 ไมครอน นอกจากนี้ยังช่วยให้อากาศภายในห้องสะอาดขึ้นเพียงแค่ 15 นาที ด้วยระบบ AirSurround ควบคุมการหมุนเวียนของอากาศภายในห้องแบบหมุนเกลียว อีกทั้งยังมีดีไซน์เรียบหรูทันสมัย ที่ไม่ว่าจะนำไปวางมุมไหนของห้องก็สวยดูดีมาก ๆ
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ Electrolux EP53-46UGA
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 52 ตร.ม.
- ทำงานเงียบไม่รบกวนเพียง 20 เดซิเบล
- สามารถปรับความแรงพัดลมได้ 5 ระดับ
- มี LED UV-C ช่วยยับยั้งไวรัสและฆ่าเชื้อโรค เพื่ออากาศที่ดียิ่งขึ้น
- ปรับได้ 3 โหมด ได้แก่ Smart Mode, Sleep Mode และ Manual
- ใช้งานผ่านระบบสัมผัส พร้อมกับแสดงผลแบบ LED และ AQI Index
- มีไฟแจ้งเตือนเปลี่ยนแผ่นกรอง และชุดกรองอากาศแนวตั้ง กรองได้ 360 องศา
- ราคาประมาณ 8,940 บาท
8. เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Air Purifier 4 Pro

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่นไหนดี เพราะมีให้เลือกหลากหลายรุ่น แต่ถ้าอยากได้เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ที่เหมาะกับห้องขนาดเล็ก ราคาไม่สูงมาก แนะนำ เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Air Purifier 4 Pro รุ่นนี้เลย ดีไซน์สวยทันสมัยเข้าได้กับทุกสไตล์การแต่งบ้าน ที่สามารถฟอกอากาศ กรองขนสัตว์ และละอองเกสร หน้าจอ OLED เหมาะสำหรับห้องขนาด 35 – 60 ตร.ม. พร้อมด้วย CADR ที่ไร้อนุภาคอยู่ที่ 500 ตร.ม./ชม. และปล่อยลมสะอาดเพื่อสร้างอากาศบริสุทธิ์ ที่สามารถแพร่เข้าถึงทุกซอกมุมในบ้าน อีกทั้งสามารถตรวจสอบสถานะผ่านจอ OLED แสดงผลแบบเรียลไทม์ และควบคุมการทำงานง่ายด้วยการสัมผัสเพียงครั้งเดียว จุดเด่นอีกอย่างของรุ่นนี้คือตัวกรองผลิตจากวัสดุคุณภาพดี และถ่านกัมมันต์คุณภาพสูงใช้งานได้นานถึง 6 – 12 เดือน จึงไม่จำเป็นที่ต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อย ๆ ซึ่งเป็นอีกรุ่นที่น่าซื้อ!
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Smart Air Purifier 4 Pro
- เหมาะสำหรับพื้นที่ 35-60 ตารางเมตร
- หน้าจอ OLED ระบบสัมผัส แสดงคุณภาพอากาศ อุณหภูมิห้องและความชื้น
- กรองฝุ่น PM 2.5 ไมครอน ได้มากถึง 99.99% และ PM 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.97%
- มีระบบไอออนไนซ์ในอากาศเชิงลบ และมีระบบกำจัดกลิ่นอับเพื่อให้บ้านของคุณสดชื่น
- สามารถควบคุมการสั่งงานได้ทุกที่และทุกเวลา ได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home
- ราคาประมาณ 8,790 บาท
สรุป เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี สำหรับห้องขนาดกลาง 35 – 60 ตร.ม.
- เครื่องฟอกอากาศราคาเข้าถึงได้ที่สุด คือ IMARFLEX F-C042R ในราคา 1,999 บาท สำหรับห้องขนาดกลาง
- เครื่องฟอกอากาศที่กรองได้ละเอียดที่สุดระดับ PM 0.1 คือ SAMSUNG รุ่น AX32BG3100GBST สำหรับห้องขนาดกลาง
- เครื่องฟอกอากาศที่เงียบที่สุด คือ Electrolux EP53-46UGA เครื่องทำงานความเงียบต่ำสุด 20 dB สำหรับห้องขนาดกลาง
- เครื่องฟอกอากาศยอดฮิต ใช้งานสะดวก คือ Xiaomi Mi Air Purifier 4 Pro จำหน่ายมากกว่าหมื่นเครื่อง สั่งการควบคุมผ่านแอพ
เครื่องฟอกอากาศ สำหรับห้องขนาดใหญ่ 60 ตร.ม. ขึ้นไป
เราได้รีวิว เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก และขนาดกลางกันไปแล้ว คราวนี้ก็มาต่อกันที่เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสำหรับห้องหรือพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 60 ตารางเมตรขึ้นไป จะมีรุ่นไหนและยี่ห้ออะไรบ้าง ตามเราไปช้อปกันเลย
9. เครื่องฟอกอากาศ Airdog X5Pro Air Purifier

เครื่องฟอกอากาศ ภูมิแพ้ ยี่ห้อไหนดี ที่สามารถกรองฝุ่น ได้ตั้งแต่ฝุ่นละอองขนาดใหญ่ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย ฝุ่น PM 2.5 ฝุ่นละอองขนาดเล็ก และกำจัดกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับห้องพื้นที่ขนาดใหญ่ แนะนำเป็น เครื่องฟอกอากาศ Airdog X5Pro Air Purifier จากแบรนด์ Airdog เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อแรกที่ห้อเดียวที่ใช้นวัตกรรมล่าสุด TPA Technology ซึ่งเป็นนวัตกรรมระดับโลก ที่กรองอากาศให้บริสุทธิ์และฆ่าเชื้อโรคให้ตายได้โดยไม่ต้องใช้ไส้กรอง สามารถกรองฝุ่นได้เล็กถึง 0.0146µm ซึ่งจะมีอัตราการฟอกอากาศสะอาด CADR อยู่ที่ 200CFM 350m3/h สามารถกรองฝุ่นได้สะอาดด้วยแผ่นกรอง TPA Technology 4 ชั้น ที่กรองได้ตั้งแต่ฝุ่นละอองขนาดใหญ่ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย ฝุ่น PM 2.5 ฝุ่นละอองที่ขนาดเล็ก รวมถึงกำจัดกลิ่น และสารระเหยต่าง ๆ รองรับการสั่งงานด้วยเสียงและสั่งงานผ่านสมาร์ตโฟนได้อีกด้วย
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ Airdog X5Pro Air Purifier
- เหมาะกับขนาดห้อง 40 – 65 ตารางเมตร
- มีล้อเลื่อนได้รอบทิศทาง สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
- ช่วยกรองและกำจัดสิ่งสกปรกในอากาศได้สุงสุดถึง 99.99%
- กรองฝุ่นได้ละเอียดถึง 0.0146 ไมครอน มากกว่า H13 HEPA ถึง 20 เท่า
- สั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant , Amazon Alexa และ New Application Airdog
- ราคาประมาณ 32,205 บาท
10. เครื่องฟอกอากาศ Bwell รุ่น AP-P4019US

สำหรับ เครื่องฟอกอากาศ Bwell รุ่น AP-P4019US จากแบรนด์ Bwell เครื่องฟอกอากาศเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 120 ตารางเมตร พร้อมระบบกรองอากาศถึง 8 ขั้นตอน ในการช่วยดักจับอนุภาคฝุ่นละอองไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่ เช่น ฝุ่น ผม ละอองเกสร เส้นใย และขนสัตว์ และยังช่วยลดกลิ่น เช่น อาหาร บุหรี่ และสัตว์เลี้ยง รวมถึงเชื้อแบคทีเรีย ดูดซับก๊าซพิษ และสารที่ก่อให้เกิดการภูมิแพ้ที่มีผลต่อสุขภาพได้ด้วย เสริมด้วยการกำจัดเชื้อแบคทีเรียด้วยแสง UV-C อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้บ้านนั้นมีบรรยากาศที่สะอาดสดชื่นยาวนาน การใช้งานก็ง่ายมาก สามารถตั้งเวลาปิด เครื่อง 1 – 12 ชั่วโมง ปรับความแรงลมได้ 4 ระดับ และมีระบบเตือนอายุแผ่นฟอกอากาศ และควบคุมการทำงานได้ง่าย ๆ เพียงแค่สัมผัสที่แผงควบคุมบนตัวเครื่อง หรือจะสั่งการผ่านแอปพลิเคชัน Smartlife ได้เช่นกัน
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ Bwell รุ่น AP-P4019US
- เหมาะกับขนาดห้อง 40 – 120 ตารางเมตร
- ระบบการฟอกอากาศ 8 ขั้นตอน เพื่อประสิทธิภาพที่ดี
- มี Pollution Sensor เพื่อแสดงค่า PM2.5 เป็นตัวเลข
- มีระบบ Auto ตรวจจับมลพิษและปรับการทำงานอัตโนมัติ
- สามารถปรับความแรงลมได้ 4 ระดับ ได้แก่ Low, Medium, High, Turbo
- มีแผ่นกรอง HEPA ชนิด H-13 ช่วยกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ ละอองเกสร ขนสัตว์
- สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi และควบคุมการทำงานได้ทุกที่และทุกเวลา ด้วยแอปพิลเคชัน Smartlife
- ราคาประมาณ 28,590 บาท
11. เครื่องฟอกอากาศ Blueair รุ่น HealthProtect 7710i

ใครกำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ เราขอแนะนำ เครื่องฟอกอากาศ Blueair รุ่น HealthProtect 7710i จากแบรนด์ Blueair เครื่องฟอกอากาศ ครอบคลุมพื้นที่ 149 ตารางเมตร สามารถฟอกอากาศให้สะอาดและสดชื่นได้ภายใน 30 นาที ด้วยเทคโนโลยีการกรองที่ล้ำสมัย ที่ได้ออกแบบมาโดยเฉพาะในสวีเดนเพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานและประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงสุด ช่วยกำจัดแบคทีเรีย 99% และกำจัดอนุภาคได้ 99.97% ที่อนุภาคขนาด 0.1 ไมครอน ที่เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของ Blueair ที่ช่วยเติมอากาศบริสุทธิ์ได้มากขึ้น เสียงเงียบลง แถมใช้พลังงานน้อยลง นอกจากนี้ยังกำจัดไวรัสและแบคทีเรียตลอด 24 ชั่วโมง สามารถติดตามการใช้งานไส้กรองแบบเรียลไทม์ และติดตามมลพิษแบบเรียลไทม์อีกด้วย
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ Blueair รุ่น HealthProtect 7710i
- เหมาะกับขนาดห้อง 149 ตารางเมตร
- ตัวเครื่องทำจากเหล็กเคลือบพิเศษ น้ำหนัก 19.6 กก.
- เครื่องฟอกอากาศเพียงรุ่นเดียวที่ป้องกันไวรัสและแบคทีเรีย ตลอด 24 ชม.
- แรงลมปรับได้ 3 ระดับ ทิศทางลมเข้า ไม่ว่าจะเป็นด้านข้าง ซ้าย และขวา
- ช่องลมออก 360 องศา รอบทิศทาง ช่วยให้สามารถส่งอากาศบริสุทธิ์ไปทั่วทุกมุมห้อง
- Pre-filter ช่วยกรองฝุ่นขนาดใหญ่ สามารถถอดล้างได้ง่าย และช่วยยืดอายุของไส้กรองได้
- ราคาประมาณ 43,920 บาท
12. เครื่องฟอกอากาศ Levoit Core 600S

ปิดท้ายการรีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี กันด้วย เครื่องฟอกอากาศ Levoit Core 600S แบรนด์ Levoit เครื่องฟอกอากาศที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สำหรับคนที่ใช้งานพื้นที่ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ห้องประชุม หรือที่สำนักงาน เพราะตัวนี้สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างถึง 147 ตารางเมตร ด้วย CADR สูงถึง 697 ลบ.ม./ชม. และเปลี่ยนอากาศในห้องได้ถึง 2 รอบต่อชั่วโมง เครื่องฟอกอากาศตัวนี้มีระบบกรอง 3 ชั้น มีแผ่นกรอง True HEPA, คาร์บอนกัมมันต์ และมีแผ่นกรองล่วงหน้า สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กเพียง 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% สามารถกำจัดเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงถึง 99.9% อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี ARC Formula™ ที่เพิ่มเข้ามาช่วยย่อยสลายโมเลกุลทางชีวภาพและกำจัดกลิ่นในครัวเรือน และเทคโนโลยี VortexAir™ ที่ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนอากาศภายในห้องได้อย่างรวดเร็ว และมีเซ็นเซอร์เลเซอร์ที่สามารถตรวจจับอนุภาคในอากาศแบบเรียลไทม์อีกด้วย
คุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ Levoit Core 600S
- เหมาะกับขนาดห้อง 147 ตารางเมตร
- ทำงานเงียบไม่รบกวนเพียง 26 เดซิเบล
- จอแสดงผลจำนวนอนุภาคในอากาศที่ตรวจพบโดยเลเซอร์เซ็นเซอร์ฝุ่น
- การกรอง 3 ขั้นตอน ดักจับฝุ่นได้ 99.97% เชื้อราและแบคทีเรีย 99.99% และไวรัส 99.9%
- เซ็นเซอร์ตรวจจับความมืดในห้องและปิดไฟแสดงผลโดยอัตโนมัติ
- สามารถสั่งงานได้ด้วยเสียงผ่าน Google Assistant
- ราคาประมาณ 8,050 บาท
สรุป เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี สำหรับห้องขนาดใหญ่ 60 ตร.ม. ขึ้นไป
- เครื่องฟอกอากาศเหมาะกับห้องขนาดใหญ่ที่สุด คือ Blueair รุ่น HealthProtect 7710i ครอบคลุมห้อง 149 ตร.ม ฟอกเร็วใน 30 นาที
- เครื่องฟอกอากาศที่เงียบที่สุด คือ Bwell รุ่น AP-P4019US เครื่องทำงานโหมดความเงียบต่ำสุด คือ 14 dB มีระดับเสียง 4 ระดับ คือ 14, 32, 46 และ 54 dBA
- เครื่องฟอกอากาศ pm 2.5 ยี่ห้อไหนดี แนะนำ Airdog X5Pro Air Purifier เนื่องจากมี TPA Technology 4 ชั้น ป้องกันตั้งแต่ฝุ่นละอองขนาดใหญ่ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย ฝุ่น PM 2.5 ฝุ่นละอองที่ขนาดเล็ก ภายใน 30 วินาที เป็นสิทธิบัตรของแบรนด์หนึ่งเดียว
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับรีวิวทั้ง 12 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ที่เราเอามาฝากวันนี้ ต้องบอกเลยว่าแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ จะมีจุดเด่น คุณสมบัติ ฟังก์ชันการใช้งาน และราคาที่แตกต่างกัน อ่านแล้วรู้สึกว่ารุ่นไหนตอบโจทย์การใช้งานและเหมาะกับขนาดพื้นที่มากที่สุด ก็สามารถสั่งซื้อ เครื่องฟอกอากาศ หรือ เครื่องฟอกอากาศพกพา ได้ง่าย ๆ ในแอปพลิเคชัน Shopee ทั้งคุ้มกว่าและได้สินค้าที่มีคุณภาพ จากร้าน Officail มั่นใจได้แบบ 100% พร้อมโปรโมชั่นและโค้ดส่วนลดอีกเพียบ นอกจากเครื่องฟอกอากาศแล้วยังก็มีเครื่องเติมอากาศ/เครื่องทำบ้านแรงดันบวก และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ให้เลือกอีกเพียบ! แต่ถ้าใครที่ต้องการอ่านบทความสาระดี ๆ เช่น พัดลมไร้สาย ยี่ห้อไหนดี หรือ Digital Door Lock ยี่ห้อไหนดี หรือ แอร์ 12000 btu ยี่ห้อไหนดี หรืออื่น ๆ สามารถติดตามอ่านได้ที่ Shopee blog เลย