วันนี้ Shopee Blog ชวนทุกคนเข้าครัวเปิดตำราสูตรเด็ดความอร่อย อาหารเกาหลียอดนิยมอย่าง ซุปกิมจิ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูที่หลายคนอยากลิ้มลองความอร่อยตามรอยซีรีส์เกาหลี ช่วงนี้อยู่บ้านอยากลองทำอาหารเกาหลีดูบ้าง ดังนั้น ทุกคนเตรียมจดสูตรซุปกิมจิ รสชาติเข้มข้นแสนอร่อย วันนี้ Shopee จะมาสอนขั้นตอนวิธีทําซุปกิมจิเต้าหู้อ่อน หรือวิธีทำซุปกิมจิ แบบง่าย ๆ ที่ใครสามารถทำได้ ถ้าอย่างนั้นไม่รอช้าแล้วรีบเข้าครัวไปเตรียมวัตถุดิบซุปกิมจิ แล้วลงมือทำอาหารเกาหลีไปพร้อม ๆ กันเลย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำความรู้จัก “กิมจิ” อาหารประจำชาติเกาหลี กับความเป็นมา
จุดเริ่มต้นของ “กิมจิ” ว่ากันว่าเป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า “ชิมเช” ซึ่งภาษาเกาหลีแปลว่า “ผักดองเค็ม” หรือ “ผักที่ใส่เกลือลงไป” กินจิ ถือว่าเป็นอาหารประจำชาติของชาวเกาหลี ตามประวัติความเป็นมาแล้วยังแน่ชัดว่ามาจากไหน ตามความเชื่อที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่าการทำกิมจซึ่งเป็นการดองผัก เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 7 เป็นยุคช่วงฤดูหนาวของประเทศเกาหลี อากาศค่อนข้างหนาวจัดมาก ๆ จึงไม่เหมาะกับการเพาะปลูก ทำให้ไม่มีพืชผักให้รับประทาน คนเกาหลีจึงพยายามคิดค้นหาวิธีถนอมอาหาร เพื่อมาทดแทนผักสดที่หาทานได้ยากในช่วงหน้าหนาว นั่นก็คือการทำผักดองเค็มด้วยเกลือหมักในไหแล้วนำไปฝังดิน ถือเป็นจุดกำเนิดของกิมจินั่นเอง
ทำไม เมนูอาหารซุปกิมจิ จึงได้รับความนิยมในเมืองไทย
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเมนูอาหารประจำชาติเกาหลีอย่าง กิมจิ หรือ ซุปกิมจิ ถึงเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในการเลือกรับประทานกันมากในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยเองก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่น้อยเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นกระแสอาหารเกาหลีฟีเวอร์! เลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุง่าย ๆ ที่ว่าทำไมเมนูอาหารซุปกิมจิ จึงได้รับความนิยมในเมืองไทย
- รสชาติความอร่อยที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
- รสชาติถูกปากคนไทย เพราะว่าคนไทยเป็นคนที่ชอบรับประทานอาหารที่มีรสจัดอยู่แล้ว และซุปกิมจิก็มีรสเผ็ดจึงเป็นที่ถูกปากคนไทย
- วัฒนธรรมเกาหลีมาแรงมาก ๆ คนไทยหลายคนชอบดูซีรีส์เกาหลี และซีรีส์เกาหลีเกือบทุกเรื่องจะต้องมีเรื่องอาหารการกิน ซึ่งทุกเมนูก็จะต้องมีกิมจิ เมื่อได้ดูแล้วรู้สึกว่าเห็นเขากินได้เอร็ดอร่อย ทำให้รู้สึกหิวอยากกินบ้าง จึงต้องไปหามาลิ้มลอง
ประโยชน์ของกิมจิที่หลายคนยังไม่รู้
กิมจิ นอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนเกาหลีถึงได้นิยมรับประทานเป็นอาหารเครื่องเคียงที่จะต้องมีทุกมื้อ ลองมาดูประโยชน์ของกิมจิมีอะไรบ้าง ดังนี้
- ช่วยลดน้ำหนักได้ดี กิมจิเป็นอาหารที่มีไฟเบอร์สูงแต่มีแคลอรี่ที่ต่ำ ส่งผลให้ระบบทำงานดีขึ้นมาก ใครอยากลดหุ่นก็เลือกทานกิมจีได้ และเมนูอาหารเกาหลีอย่างซุปกิมจิ นับเป็นหนึ่งในเมนูไดเอทให้กับคนที่กำลังลดน้ำหนักได้ ถ้าถามว่า ซุปกิมจิ กี่แคล ก็ต้องบอกว่าในหนึ่งชามนั้นก็จะมีประมาณ 120.2 กิโลแคลอรี่ ถือว่าต่ำมาก ๆ
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้ด้วยสารอาหารและวิตามิน ซุปกิมจิประกอบด้วยผักต่างๆ เช่น กะหล่ำปลีหัวไชเท้า และต้นหอม ซึ่งมีสารอาหารหนาแน่น ผักเหล่านี้ให้วิตามินที่จำเป็น (เช่น วิตามินซี วิตามินเค และโฟเลต) และแร่ธาตุ (เช่น โพแทสเซียมและแคลเซียม) ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม
- ช่วยเรื่องระบบการย่อยและขับถ่ายด้วยโพรไบโอติก: เนื่องจากเมนูกิมจีจะประกอบไปด้วยผักต่าง ๆ โดยในผักดอกก็จะอุดมไปด้วยแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง และยังมีโพรไบโอติกที่เป็นจุลินทรีย์ในลำไส้ที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยย่อยอาหารและช่วยให้สุขภาพของลำไส้โดยรวมดี ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยชะลอความแก่และริ้วรอยได้ดี เพราะว่ากิมจินั้นเป็นอาหารที่ได้ผ่านการมักดอง จึงอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยลดอัตราการเหี่ยวย่นของผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการเกิดออกซิเดชันของเซลล์ จึงทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่เครียดนั่นเอง
- บำรุงผิวพรรณแลดูกระจ่างใสและผมเงางามได้ด้วย ในการรับประทานกิมจินอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยดูแลผิวและเส้นให้แข็งแรง เนื่องจากกิมจิจะมีธาตุซีลีเนียมซึ่งพบมากในกระเทียมในการหมักกิมจิ นอกจากนี้แล้วธาตุอย่างซีลีเนียมยังเป็นส่วนสร้างกลูตาไธโอน ซึ่งเป็นตัวเสริมในการสร้างวิตามินซีขึ้นมาใหม่
- ลดความเสี่ยงโรคด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ กิมจิมักจะมีส่วนผสมของกระเทียม ขิง และพริก ซึ่งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องร่างกายจากความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังและส่งผลดีต่อสุขภาพของเซลล์
- ต้านการอักเสบด้วย กระเทียม พริก ขิง ส่วนผสมบางอย่างที่พบในกิมจิ เช่น กระเทียม ขิง และพริก มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ การบริโภคซุปกิมจิเป็นประจำอาจช่วยลดการอักเสบในร่างกายและอาจบรรเทาอาการของภาวะการอักเสบบางอย่างได้
- อาจต้านมะเร็งได้ การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่าสารประกอบที่พบในกิมจิ เช่น ไอโซไทโอไซยาเนตและแบคทีเรียกรดแลคติก อาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจขอบเขตของประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้อย่างถ่องแท้
สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าประโยชน์ต่อสุขภาพของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป และควรบริโภคซุปกิมจิเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุล ทานไม่มากจนเกินไปและทานให้หลากหลายครบ 5 หมู่ หากคุณมีข้อกังวลด้านสุขภาพหรือข้อจำกัดด้านอาหารที่เฉพาะเจาะจง ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ หรือนักโภชนาการที่ขึ้นทะเบียน เพื่อขอคำแนะนำเฉพาะบุคคล
วิธีทำซุปกิมจิ สูตรเข้มข้น อร่อยฟินชวนน้ำลายสอสุด ๆ
คราวนี้ก็มาถึงสิ่งที่ทุกคนรอคอยกันแล้วนั่นก็คือขั้นตอน วิธีทำซุปกิมจิ หรือวิธีทําซุปกิมจิเต้าหู้อ่อน ละเอียดยิบทุกขั้นตอน ขอบอกเลยว่า วิธีทำซุปกิมจิ นั้นง่ายมากใคร ๆ ก็สามารถทำทานเองที่บ้านได้ โดยสูตรซุปกิมจิที่เรานำมาบอกต่อนั้นจะบอกรายละเอียดถึงวิธีการทำกิมจิด้วย เผื่อว่าใครอยากจะมีกิมจีไว้ทานเป็นเครื่องเคียงเวลาที่รับประทานอาหารดูบ้าง ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว! เตรียมจดสูตรซุปกิมจิ พร้อมวัตถุดิบซุปกิมจิ แล้วเข้าครัวไปทำซุปกิมจิอร่อย ๆ กันได้เลย
วัตถุดิบทำซุปกิมจิ
ก่อนอื่นชวนทุกคนมาช้อปหรือจ่ายตลาด เพื่อเตรียมวัตถุดิบในการทำซุปกิมจิกันก่อน ซึ่งวัตถุดิบซุปกิมจิหลัก ๆ ก็จะต้องมีกิมจิเป็นพระเอกอยู่แล้ว ตามด้วยเต้าหู้ขาวอ่อน ไข่ไก่ และมีส่วนผสมเครื่องปรุงต่าง ๆ และถ้าทำซุปกิมจิ ไม่มีโคชูจัง ก็ยังสามารถทำเมนูซุปกิมจิได้เหมือนกัน โดยเลือกใช้เป็นโซยุ และซอสหอยนางรมแทนโคชูจัง ถ้าอย่างนั้นเรามาดูวัตถุดิบอื่น ๆ ที่จะต้องเตรียม ดังนี้
- กิมจิ 250 กรัม (ซื้อกิมจิสำเร็จรูป หรือ ทำกิมจิเองก็ได้มีสูตรวิธีทำกิมจิมาให้)
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- หมูสามชั้น 350 กรัม
- เห็ดเข็มทอง 100 กรัม
- เต้าหู้ขาวอ่อน 1 ก้อน (หรือมากกว่านี้ก็ได้ แล้วแต่ความชอบ)
- หอมหัวใหญ่ 1/2 ลูก
- ต้นหอม ตามชอบ
- ต้นหอมญี่ปุ่น ตามชอบ
- คนอร์ซุปก้อน 1 ก้อน
- พริกป่นเกาหลี 1/2 ช้อนโต๊ะ (ใครชอบแบบเผ็ดร้อนก็ใส่เติมเข้าไปได้อีกน้า)
- ซอสโคชูจัง 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
วิธีทำซุปกิมจิ ซุปกิมจิเต้าหู้อ่อนในตำนาน
เมื่อเตรียมส่วนผสมครบถ้วนตามนี้แล้ว หรือถ้าส่วนผสมบางอย่างถ้าหาไม่ได้ก็สามารถหาเครื่องปรุงอย่างอื่นมาแทนได้ คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอน วิธีทำซุปกิมจิ กันบ้าง ดังนี้
1. เริ่มเตรียมเครื่องโดยการหั่นหมูสามชั้นชิ้นพอดีคำ หรือจะใช้เป็นหมูสามชิ้นสไลด์ก็ได้เช่นกัน
2. นำผักต่าง ๆ มาล้างทำความสะอาดก่อนที่จะทำซุปกิมจิ
3. หั่นเต้าหู้อ่อน โดยให้หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าชิ้นพอประมาณ หรือให้เต้าหู้หนาประมาณ 2 เซนติเมตร
4. หั่นเห็ดเข็มทองให้เป็นท่อนพอดีคำ
5. เริ่มซอยต้นหอมญี่ปุ่นเป็นท่อน ๆ ความยาวพอดี ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป
6. ตั้งไฟกลางแล้วใส่หมูสามชั้นลงไปผัด ตามด้วยน้ำมันงา จากนั้นให้ผัดให้เข้ากันจนกว่าหมูสามชิ้นจะเริ่มสุก
7. จากนั้นใส่กิมจิ หัวหอมใหญ่ ต้นหอมญี่ปุ่น ตามด้วยซอสโคชูจัง ผัดคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน
8. เมื่อเริ่มเข้ากันดีแล้วให้เติมน้ำเปล่าลงไปประมาณ 500 มิลลิตร แล้วรอจนกว่าจะเดือด ค่อยใส่คนอร์ซุปก้อนรสหมูลงไป ตามด้วยเกลือ ใส่พริกป่นเกาหลี และใส่เห็ดเข็มทอง คนให้เข้ากันแล้วให้พักทิ้งไว้จนกว่าจะเดือด
9. จากนั้นให้ปิดฝาหม้อแล้วต้มด้วยไฟแรงประมาณ 10 นาที แล้วเปลี่ยนมาเป็นไฟกลางต้มต่ออีกสักประมาณ 15 นาที
10. สุดท้ายให้ใส่เต้าหู้หั่นเป็นชิ้น และ ตอกไข่ไก่ลงไปเลย แล้วให้ต้มต่อไปอีกสักประมาณ 5 นาที เมื่อทุกอย่างได้ที่แล้วโรยด้วยต้นหอมให้ทั่ว พร้อมรับประทาน
วิธีทำซุปกิมจิ แบบประยุกต์
มีวิธีที่สร้างสรรค์มากมายในการปรุงซุปกิมจิ ให้คุณได้ทดลองรสชาติและส่วนผสมต่างๆ ต่อไปนี้คือไอเดียทำซุปกิมจิแบบสร้างสรรค์ขึ้นที่เรารวบรวมมาให้ สร้างแรงบันดาลใจในการประยุกต์ทำอาหารของคุณ:
รสชาติฟิวชั่น: รวมส่วนผสมจากอาหารอื่น ๆ เพื่อสร้างซุปกิมจิฟิวชั่น ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเพิ่มกะทิและตะไคร้เพื่อให้ได้รสชาติแบบไทย หรือใส่มิโซะบดและเต้าหู้เพื่อให้ได้รสชาติแบบญี่ปุ่น
Seafood Delight: เพิ่มรสชาติของซุปกิมจิโดยใส่อาหารทะเลหลากหลายชนิด เช่น กุ้ง หอย ปลาหมึก ความเค็มตามธรรมชาติของอาหารทะเลเข้ากันได้ดีกับองค์ประกอบที่มีรสเปรี้ยวและเผ็ดของกิมจิ
Meaty Marvels: แทนที่จะใช้เนื้อหมูหรือเนื้อวัวแบบเดิมๆ ลองทดลองกับเนื้อสัตว์อื่นๆ เช่น ไก่ เป็ด หรือแม้แต่เนื้อแกะสไลซ์บางๆ โปรตีนทางเลือกเหล่านี้สามารถสร้างรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับซุปได้
เกี๊ยวกิมจิ หรือ เกี๊ยวหมูในซุปกิมจิ: ทำเกี๊ยวไส้กิมจิเพื่อเพิ่มความอร่อยให้กับซุปของคุณ ทำห่อเกี๊ยวตั้งแต่เริ่มต้นหรือใช้ของที่ซื้อจากร้านแล้วเติมส่วนผสมของกิมจิสับละเอียด เนื้อบดหรือเต้าหู้ และเครื่องปรุงรส ปรุงเกี๊ยวโดยตรงในซุปที่กำลังเดือดปุด ๆ จนกว่าเกี๊ยวจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ
แพนเค้กกิมจิ: รวมรสชาติของซุปกิมจิเข้ากับแพนเค้กรสเผ็ด ผสมกิมจิสับละเอียด ต้นหอม แป้ง ไข่ และน้ำให้เข้ากัน ทอดแป้งหนึ่งช้อนเต็มในกระทะจนกรอบแล้วเสิร์ฟข้างเคียงหรือในซุป
Kimchi Ramen: อัพเกรดราเมนสำเร็จรูปของคุณด้วยการต้มในกิมจิและเพิ่มท็อปปิ้งอื่นๆ ปรุงบะหมี่ราเมนตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ จากนั้นสะเด็ดน้ำแล้วใส่ลงในหม้อซุปกิมจิที่กำลังเดือดปุดๆ ปิดท้ายด้วยปรุงรส ไข่ลวก ต้นหอมซอย และโรยเมล็ดงาเพื่อเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัส จะได้กิมจิราเม็งที่เข้มข้น รสชาติดียิ่งกว่าไปกินที่ร้าน
สตูว์กิมจิกับชีส: สร้างการผสมผสานของรสชาติเกาหลีและตะวันตกโดยเพิ่มชีสขูดฝอยลงในซุปกิมจิของคุณ เมื่อชีสละลายจะเพิ่มมิติครีมและเข้มข้นให้กับซุปรสเปรี้ยว เผ็ด และหอมมันจากชีส
อย่างไรก็ตาม การทำอาหารเป็นเรื่องของการทดลองและความชื่นชอบส่วนบุคคล ดังนั้นอย่าลังเลที่จะปรับส่วนผสมและเทคนิคให้เหมาะกับรสนิยมของคุณหรือคนที่คุณทำอาหารให้ทาน ให้จินตนาการของคุณนำทางคุณในการสร้างซุปกิมจิที่มีเอกลักษณ์และสร้างสรรค์ที่จะยั่วน้ำลายต่อมรับรสของคุณได้เลย
เป็นอย่างไรกันบ้าง เชื่อว่าถ้าเพื่อน ๆ ได้อ่านบทความนี้จบปุ๊บ ก็สามารถเดินเข้าครัวทำซุปกิมจิรับประทานกันได้เลย เพราะได้รู้ไปแล้ว ทั้ง วิธีทำซุปกิมจิ วิธีทําซุปกิมจิเต้าหู้อ่อน หรือแม้กระทั่งวิธีนำซุปกิมจิมาปรุงแบบประยุกต์ดู เรามีให้เลือกหลากหลายแบบ แต่ถ้าใครนำสูตรนี้สูตรเหมือนต้นฉบับเกาหลีแท้ ๆ อย่างกับแดจังกึมมาเองเลยทีเดียวรสชาติอร่อยเข้มข้นถึงใจ อย่างซื้อซุปกิมจิบอนชอนจากร้านบอนชอนมารับประทานกันเลย ถ้าไม่เชื่อลองทำตามกันดูได้เลย นอกจากนี้แล้วถ้าใครอยากลองหัดทำเมนูเกาหลีอื่น ๆ เมนูอาหารประเภทอื่น ๆ เมนูของหวาน เมนูขนมเค้ก เมนูเครื่องดื่ม และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อน ๆ สามารถเข้ามาจดสูตรเด็ดเคล็ดลับกันได้ที่ Shopee Blog ทีมงานได้รวบรวมเมนูไว้มากมายที่นี่
สูตรการทำกิมจิจาก Youtube : แม่ซี น้องมดดี้ Channel
สูตรการทำซุปกิมจิจาก salehere.co.th