วันนี้เราจะชวนทุกคนมานั่งรถไฟ ปู๊น ๆ ไปเที่ยวกันที่จังหวัดกาญจนบุรี การที่ได้นั่งรถไฟเที่ยวนั้นถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเลยแถมยังเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก และที่เที่ยวกาญจนบุรีก็มีให้คุณได้เที่ยวกันเยอะมาก ชนิดที่ว่าเที่ยวทั้งเดือนก็ยังไม่ครบ และไม่ว่าจะไปเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อกันเลย และจังหวัดกาญจนบุรีก็จะเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีวัดวาอารามที่สำคัญ ๆ หลายแห่ง น้ำตกก็สวย และยังมีกิจกรรมล่องแพ เป็นการมาเที่ยวแค่จังหวัดเดียวแต่ได้ครบทุกรสชาติกันเลย และเราได้รวบรวมที่เที่ยวกาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่เที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดมาฝาก เราไปชมพร้อม ๆ กันเลย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
1. วัดสวยกาญจนบุรี
ทริปนี้ขอเริ่มต้นด้วยการมาไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิตก่อนที่จะเที่ยวกัน หากพูดถึงวัดสวย ๆ ที่เมืองกาญจนบุรี บอกเลยว่ามีเยอะมาก ๆ มีทั้งที่อยู่ในเมืองและนอกเมือง เราได้รวบรวมวัดสวยกาญจนบุรีมาฝาก
วัดถ้ำเสือ
มาเที่ยวเมืองกาญจนบุรีทั้งที่ก็ขอเริ่มต้นด้วยการพามาไหว้พระกันที่ “วัดถ้ำเสือ” ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่มีใครหลายคนนิยมมาเที่ยว และจุดเด่นของวัดแห่งนี้ก็คือมีพระที่มีองค์ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี เจดีย์ที่สวยงาม โดดเด่นมองเห็นได้แต่ไกล ซึ่งวัดจะอยู่บนเนินเขา ถ้าได้เดินขึ้นไปข้างบนก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นสบาย มองเห็นทุ่งนาที่เขียวขจี เป็นอีกวัดสวยกาญจนบุรีที่ไม่ควรพลาด
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น.
วัดถ้ำพุหว้า
อีกหนึ่งวัดของจังหวัดกาญจนบุรีที่มีความสวยงาม และวัดถ้ำพุหว้าเป็นวัดป่าที่โอบล้อมด้วยขุนเขา ภายในถ้ำจะมีหินงอกและหินย้อนมากมาย ซึ่งด้านในก็จะมีลักษณะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ เพื่อให้เข้าไปไหว้พระขอพรกันได้ ปากทางเข้าถ้ำนั้นจะเป็นปราสาทหินทรายรูปแบบศิลปะขอมโบราณมีลวดลายที่สวยงาม และบรรยากาศภายในวัดค่อนข้างจะเงียบสงบ มีความร่มรื่น ซึ่งเหมาะแก่การมาวิปัสสนา ใครที่เป็นสายธรรมอยากมาถือศีลแนะนำให้มาที่วัดแห่งนี้เลย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
วัดป่าลำขาแข้ง
วัดป่าลำขาแข้ง หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดปากลำ” และสิ่งที่ทำให้วัดนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen ให้ใครหลายคนอยากที่จะมาเที่ยวชมนั้นก็คือ จะมีโบสถ์แสตนเลสและพระพุทธรูปแสตนเลส ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในโลก และเสน่ห์อีกอย่างในการมาเที่ยวชมที่วัด ก็คือจะต้องนั่งเรือหางยาวมาเพราะวัดจะตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำของเขื่อนศรีนครินทร์
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.
วัดทิพย์สุคนธาราม
เป็นวัดสวยอีกแห่งหนึ่งของเมืองกาญจน์ และไม่อยากให้คุณได้พลาดที่จะได้ชมความงาม ซึ่งจุดเด่นที่เห็นได้แต่ไกลเลยก็คือจะมีพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ มีพระนามว่า พระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์ หรือ พระปางขอฝนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้านในก็จะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างมาก ๆ ถ้าใครที่เดินไม่ไหวก็จะมีจักรยานให้ปั่นเล่นชมวิวภายในวัดกันอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
วัดวังก์วิเวการาม
ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวกาญจนบุรีอย่าลืมแวะมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้ ที่ภายในวัดจะมีปราสามเก้ายอด วิหารพระหินอ่อน และพระอุโบสถ จุดเด่นที่ทำให้นักท่องเที่ยวมากันเยอะก็เพราะอยากที่จะมาชมพระอุโบสถหลังเก่าที่จมใต้น้ำ มาเห็นถึงความงดงามของโบราณสถานที่เก่าแก่ และถ้าอยากจะมาเห็นก็จะต้องมาในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนเท่านั้น เนื่องจากน้ำในเขื่อนจะลดลง ซึ่งถ้าเลยช่วงเวลานี้ไปแล้วน้ำก็จะค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นจนท่วมวัดทั้งหมดเหลือเพียงยอดของโบสถ์ให้เห็นเท่านั้น
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
2. ที่เที่ยวกาญจนบุรีในเมือง
อยากที่เราได้เกริ่นไปนั้นว่าเมืองกาญจน์มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย หลากหลายสไตล์ และเกือบจะทุกอำเภอของกาญจนบุรีที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็จะมีตัวเมืองกาญจน์ด้วยเช่นกัน งั้นลองมาดูที่เที่ยวกาญจนบุรีในเมืองกันดูว่าจะมีอะไรบ้าง
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
มาเที่ยวกาญจนบุรีทั้งที่จะไม่มาสะพานข้ามแม่น้ำแควกันได้ยังไง ที่นับว่าเป็นจุดแลนด์มาร์คของที่เที่ยวกาญจนบุรีกันเลย เป็นสะพานแห่งประวัติศาสตร์และมีความสำคัญมากในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกทั้งคุณยังสามารถไปเดินเล่นบนสะพานที่เป็นรางรถไฟ ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ แม่น้ำแควที่สวยงาม และเป็นจุดเช็คอินที่บ่งบอกว่ามาถึงกาญจนบุรีแล้วอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
ต้นจามจุรียักษ์
มาเช็คอินกันต่อที่นี่ได้เลย ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนอีกแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวและคนกาญจนบุรี จุดเด่นของที่นี่ก็คือมีต้นจามจุรียักษ์ที่มีอายุกว่า 100 ปี และมีขนาดใหญ่มาก ๆ ชนิดที่ว่าจะต้องใช้คนโอบมากถึง 10 ถึงจะครบรอบ บรรยากาศด้านในก็ร่มรื่น เย็นสบาย จึงเหมาะแก่การมาพักผ่อน หรือจะถ่ายรูปสวย ๆ กันที่นี่ก็ได้เช่นกัน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น.
เรือเทวดา วัดใต้
วัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งของเมืองกาญจนบุรีที่มีความสวยงามและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของเมืองกาญจน์ก็ว่าได้เลย ด้วยเสน่ห์ของวัดแห่งนี้ที่มี “เรือเทวดา” โดดเด่นสวยงาม อีกทั้งที่นี่ก็ยังมีมณฑปรูปหล่อหลวงพ่อเปลี่ยนวัดใต้ มีหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่เปลี่ยนวัดใต้ และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามให้ได้ชมกันอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
The Village Farm to Café
คาเฟ่สุดฮิตที่อยู่ในตัวเมืองกาญจนบุรี หากคุณได้มาจะต้องร้องว้าวอย่างแน่นอน ด้วยการตกแต่งในสไตล์ฟาร์มที่มีความน่ารัก อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ด้านในก็จะมีโซนให้นั่งชิล ๆ ทั้งห้องแอร์และ Outdoor ที่จะให้คุณได้ฟินไปกับเสียงดนตรีเพราะ ๆ รับลมชมธรรมชาติ และยังมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเซลฟี่กันอีกหลากหลายมุม
เวลาเปิด-ปิด :
- วันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น.
- วันเสาร์-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น.
BARME Tea&Taste บารมี ทีแอนด์เทสต์
ร้านคาเฟ่อีกหนึ่งร้านที่อยู่ในใจและอยากจะชวนมานั่งชิล ๆ จิบกาแฟที่หอมกรุ่น ท่ามกลางธรรมชาติ สวนดอกไม้กลางทุ่งลาเวนเดอร์ที่สวยงาม มองเห็นวิวโค้งแม่น้ำแคว และที่นี่ก็เป็นที่เที่ยวกาญจนบุรีในเมืองอีกแห่งที่จะให้คุณได้มาเช็คอิน ถ่ายรูปสวย สัมผัสกับธรรมชาติ ยังไงก็ลองแวะมาเที่ยวกันดู
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น.
3. ที่เที่ยวกาญจนบุรีไทรโยค
อำเภอไทรโยค เป็นหนึ่งในอำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี ที่มีแหล่งท่องเที่ยวแนวธรรมชาติมากมายหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อ โดดเด่นการล่องแพไปตามแม่น้ำแคว หรือจะนั่งรถไฟไปตามเส้นทางสายมรณะ นับว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่คนมาเที่ยวกาญจนบุรีไม่ควรพลาด
เส้นทางรถไฟสายมรณะถ้ำกระแซ
เส้นทางรถไฟสายมรณะถ้ำกระแซ ถือว่าเป็นไฮไลท์และเป็นที่ชื่นชอบนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ นิยมมาถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก และถ้ำกระแซถือว่าเป็นที่เที่ยวกาญจนบุรีที่มีความสนใจไม่น้อยเลย ภายในถ้ำก็จะมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ และถ้ามองลอดออกมาจากด้านในของถ้ำก็จะมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำแควน้อยได้อีกด้วย ใครที่ไม่อยากพลาดไฮไลท์และสัมผัสกับการนั่งรถไฟสายมรณะที่เป็นโค้งที่น่าหวาดเสียวและสร้างตื่นตาตื่นใจให้กับคุณไม่น้อย ก็จะต้องมาลองสัมผัสด้วยตัวเองถึงรู้ว่าตื่นเต้นแค่ไหน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
ช่องเขาขาดพิพิธภัณฑสถานแห่งความทรงจำ
อีกหนึ่งความทรงจำตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้คนรุ่นหลังมาเที่ยวชม และได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รวมไปถึงได้ชมภาพ และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ในช่วงที่มีการสร้างทางรถไฟสายมรณะแห่งนี้ ถ้าคุณอยากจะรู้จักกาญจนบุรีให้มากขึ้นแนะนำเลยว่าที่นี่เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124
ที่เที่ยวกาญจนบุรีอีกแห่งที่จะชวนให้คุณได้ย้อนยุคกลับไปอยู่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งด้านในได้จำลองวิถีชีวิตของชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในสมัยนั้น ไม่ว่าจะบ้านเรือน อาหารการกิน การแต่งตัว หรือจะเป็นเงินที่ใช้ในสมัย เรียกได้ว่าถ้าคุณมาเที่ยวก็เหมือนหลุดเข้าไปในยุคนั้นเลย และที่นี่ก็ยังกลายจุดที่มีนักท่องเที่ยวมาแต่งชุดไทยถ่ายรูปสวย ๆ กันมากมาย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 250 บาท / เด็ก 120 บาท (ราคานี้ไม่รวมค่าชุดไทย อาหาร และชมการแสดง)
อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทเมืองสิงห์
ใครที่ชอบการเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ ชมโบราณสถานที่มีเก่าแก่และสวยงาม ก็ไม่ควรพลาดในการมาเที่ยวกันที่อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทเมืองสิงห์ ที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ด้านในก็จะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ถ้าอยากรู้ว่าสวยงามแค่ไหนก็จะมาให้เห็นกับตาด้วยตัวเองถึงจะได้รู้ว่าเราพูดจริงแค่ไหน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน : คนไทย 20 บาท / ต่างชาติ 100 บาท
ล่องแพแม่น้ำแคว
ที่เที่ยวกาญจนบุรีที่สุดท้าย บอกเลยว่าใครพลาดถือว่ามาไม่ถึงกาญจนบุรีนั่นก็คือ การล่องแพเปียกในแม่น้ำแคว เพราะนี่คือเสน่ห์และจุดเด่นของกาญจนบุรี ซึ่งการล่องแพนั้นจะเป็นแพไม้ไผ่ที่มีเรือใหญ่ลากไปช่วงต้นน้ำและให้คุณกระโดดลงเล่นน้ำลอยคอไปเรื่อย ๆ ตามโค้งของแม่น้ำแคว ทั้งนี้ ล่องแพก็จะมีหลายแบบ มีทั้งแพเปียกที่ให้ลงเล่นน้ำ หรือจะแพชมวิวของแม่น้ำแคว และให้ไปเที่ยวเล่นกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ใครที่ยังไม่เคยลองมาล่องแพแนะนำเลยว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ เตรียมชุดว่ายน้ำไปเล่นน้ำก็ยังได้
4. น้ำตกกาญจนบุรี
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่เที่ยวกาญจนบุรีก็คือน้ำตก ที่ใครมาเที่ยวก็จะต้องแวะมาเล่นน้ำตก ถ่ายรูปกับธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งกาญจนบุรีมีน้ำตกสวย ๆ หลายแห่ง จะมีที่ไหนกันบ้างมาดูกันเลย
น้ำตกเอราวัณ
เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียง เลื่องลือถึงเรื่องความสวยงาม และเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ถือว่าเป็นน้ำตกที่ติดอันดับต้น ๆ ของเมืองกาญจน์ที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำตกกัน และยังเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีด้วยกัน 7 ชั้น ที่มีความสวยงามแตกต่างกันไป แต่ละชั้นก็จะมีลักษณะเป็นแอ่งสามารถเล่นน้ำได้ทุกชั้น ขอเพียงแค่เดินขึ้นให้ไหวเป็นพอ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-16.30 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน : คนไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก 50 บาท และต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท / เด็ก 200 บาท
น้ำตกไทรโยคน้อย
น้ำตกไทรโยคน้อย เป็นน้ำตกอีกแห่งที่ได้รับความนิยมจากทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว เพราะไปง่าย เดินทางสะดวกห่างจากถนนใหญ่แค่เพียง 100 เมตร ไม่ต้องขึ้นเขาเหมือนกับน้ำตกอื่น ๆ ซึ่งด้านในจะเป็นน้ำตกแค่ชั้นเดียว บรรยากาศก็ร่มรื่น เหมาะแก่การมาพักผ่อน และถ้าอยากมาเล่นน้ำกันที่นี่ก็แนะนำว่าควรมาช่วงฤดูฝนประมาณเดือนกรกฎาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม เพราะช่วงนี้จะมีน้ำเยอะ เล่นกันได้สนุกสนาน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าธรรมเนียมเข้า : ไม่ต้องเสียเงินค่าเข้าน้ำตก
น้ำตกไทรโยคใหญ่
น้ำตกไทรโยคใหญ่ จะตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติไทรโยค อีกหนึ่งที่เที่ยวกาญจนบุรีที่มีคนมาเที่ยวเล่นน้ำตกกันจำนวนมาก ซึ่งน้ำตกที่นี่ก็จะชั้นเดียวเหมือนกับน้ำตกไทรโยคน้อยเลย แต่ที่จะแปลกไปกว่าน้ำตกที่อื่น ๆ ก็คือ น้ำตกจะไหลมาจากลำธารลงไปยังชะง่อนหินและสุดท้ายก็ไหลลงสู่ลำน้ำแควน้อย จึงทำให้กลายเป็นอีกจุดหนึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาล่องแพกัน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน : ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก 50 บาท และต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท / เด็ก 200 บาท
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
ยังคงเที่ยวกันยาว ๆ กับน้ำตกในจังหวัดกาญจนบุรี ที่บอกเลยว่ามีเยอะมากจริง ๆ และน้ำตกที่สวยไม่แพ้ที่อื่นเลยก็คือ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ก็จะออกนอกตัวเมืองไปสักหน่อย และน้ำตกมีทั้งหมด 7 ชั้น ที่มีความสูงและความสวยงามที่ไม่เหมือนกัน สามารถเล่นน้ำได้ตลอดทั้งปี หรือจะเพิ่มความฟินมากยิ่งขึ้นด้วยการมานอนกางเต็นท์ท่ามกลางธรรมชาติที่น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นก็ได้เช่นกัน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน : คนไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก 50 บาท และต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท / เด็ก 200 บาท
น้ำตกจ๊อกกระดิ่น
น้ำตกสุดท้ายที่จะพามาเที่ยวก็คือ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นน้ำตกที่มีขนาดเล็ก ๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติหุบเขาในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ชื่อน้ำตกนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูเหมือนน้ำตกอื่น ๆ ที่เราได้แนะนำไปก่อนหน้านี้ เพราะที่นี่ยังไม่มีคนมาเที่ยวมากนัก แต่เรื่องความสวยงามของน้ำตกก็ไม่เป็นสองรองใครเลย และยังมีน้ำให้เล่นได้ตลอดทั้งปี ซึ่งถ้าคุณอยากมาเล่นน้ำตกบรรยากาศดี เงียบ สงบ ก็ต้องมาที่นี่เลย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน : คนไทย ผู้ใหญ่ 140 บาท / เด็ก 20 บาท และต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 100 บาท
5. ที่เที่ยวธรรมชาติกาญจนบุรี
เรามาตบท้ายทริปเที่ยวกาญจนบุรีด้วยการมาเที่ยวแนวธรรมชาติ ซึ่งที่เที่ยวกาญจนบุรีสไตล์นี้ก็มีค่อนข้างเยอะใครที่อยากสัมผัสที่เที่ยวธรรมชาติกาญจนบุรีอย่างแท้จริงนั้น ก็ต้องมาเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะมาแนะนำนี้เลย
เขาช้างเผือก
พามาเที่ยวแนวธรรมชาติกันที่แรกก็คือ “เขาช้างเผือก” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นเส้นทางของนักผจญภัยที่ชอบความท้าทาย และเส้นทางที่เดินขึ้นมานั้นก็จะมีความหวาดเสียว มองเห็นวิวธรรมชาติได้อย่าง 360 องศาอีกด้วย และใครที่สามารถเดินขึ้นไปได้นั้น บอกเลยว่าถ้าถึงแล้วจะรู้สึกหายเหนื่อยกันเลย และใครที่สนใจอยากไปจะต้องโทรจองล่วงหน้าเพราะอุทยานจำกัดคนในการขึ้นเขา
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการเฉพาะเดือนพฤศจิกายน – เดือนมกราคม
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน : คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท / เด็ก 20 บาท และ ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 100 บาท
เขาสันหนอกวัว
อีกหนึ่งที่เที่ยวที่สร้างความท้าทายให้กับนักท่องเที่ยวที่ชอบแนวผจญภัย ลองมาเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยการมาเที่ยวกันที่ เขาสันหนอกวัว ถือว่าเป็นยอดเขาที่มีความสูงที่สุดของกาญจนบุรี
ที่รอให้คุณได้ขึ้นไปพิชิต ใครที่ชอบเที่ยวสไตล์ธรรมชาติก็จะต้องชอบที่นี่อย่างแน่นอน บรรยากาศบนเขาจะค่อนข้างเย็น และมองเห็นวิวทิวเขาได้จนสุดลูกหูลูกตา
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการเฉพาะวันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน : 40 บาทต่อคน (เฉพาะค่าเข้าอย่างเดียว ไม่รวมค่าที่พัก ค่าคนนำทาง ค่าลูกหาบ ฯลฯล)
สะพานมอญ
สะพานมอญ เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทยและอันดับ 2 ของโลก นับว่าเป็นที่เที่ยวกาญจนบุรีที่มีชื่อดังและยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวน ใครที่อยากจะมาสัมผัสวิถีชีวิตคนมอญ ชมวัดแก่ที่สวยงาม สัมผัสอากาศเย็นสบาย กอดทะเลหมอก ก็ต้องมากันที่นี่ และสะพานมอญแห่งนี้รถยนต์จะไม่สามารถข้ามไปได้คือถ้าใครที่จัดทริปเที่ยวแบบค้างคืนก็จะต้องจอดทิ้งไว้อีกฝั่งแล้วเดินข้ามไป
เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
รักษ์คันนา
ชวนมาอร่อยกันที่ รักษ์คันนา เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวและเครื่องดื่ม อยู่ท่ามกลางทุ่งนาที่เขียวขจี มองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบที่เต็มไปด้วยภูเขา และยังมองเห็นวัดถ้ำเสือที่ตั้งอยู่บนเขาอีกด้วย ใครที่อยากหาของกินอร่อย ๆ นั่งชิล ๆ ไปกับบรรยากาศ ก็แวะมาเที่ยวกันได้เลย ซึ่งจะอยู่ในตัวเมืองใกล้กับวัดถ้ำเสือ และอีกหนึ่งสิ่งที่ใครมาที่นี่แล้วจะต้องทำก็คือการถ่ายรูปสวย ๆ นั่นเอง
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น.
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
อำเภอทองผาภูมิ ก็เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวกาญจนบุรีที่น่ามาเที่ยวกันมาก ๆ เหมาะกับคนรักธรรมชาติ เพราะอุทยานแห่งชาติทองผาภูมินั้นจะเต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ยังเป็นจุดเชื่อมที่จะเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น หมู่บ้านอีต่อง จุดชมวิวที่สวยงาม มีน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ใครที่จะมานอนพักก็เข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของอุทยานได้เลย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น.
ค่าเข้าชม : คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท / เด็ก 20 บาท และ ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 100 บาท
ที่เที่ยวกาญจนบุรีที่เราได้แนะนำไปนั้น ไม่ว่าจะเป็นการพามาไหว้พระ เรียนรู้ไปกับประวัติศาสตร์ ท่องเที่ยวสไตล์ธรรมชาติ ร้านอาหารและคาเฟ่ท่ามกลางธรรมชาติ สนุกไปกับการล่องแพ เรียกได้ว่าครบทุกรสชาติจริง ๆ ถ้าวันหยุดนี้ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี ก็เลือกมาเที่ยวกันที่กาญจนบุรีได้เลย
Feature Image credit : pixabay