เมื่อพูดถึงการขี่มอเตอร์ไซค์ ความปลอดภัยควรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ อุปกรณ์ป้องกันชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งที่นักขี่ทุกคนต้องลงทุนคือหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์คุณภาพสูง ด้วยตัวเลือกที่มีอยู่มากมายในตลาด หลายคนอาจงงว่า หมวกกันน็อคมีกี่แบบกันแย่ และวิธีเลือกหมวกกันน็อคแบบไหนดีมียังไงบ้าง บทความนี้มาจะแนะนำคุณตลอดกระบวนการเลือกหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์ โดยครอบคลุมประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น ขนาด การวัดขนาด ไซส์หมวกกันน็อค และข้อควรพิจารณาที่สำคัญ
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
วิธีวัดไซส์หมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์
การเลือกขนาดที่ถูกต้องเป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดในการทำให้แน่ใจว่าหมวกกันน็อคของคุณให้การปกป้องสูงสุด หมวกกันน็อคที่ไม่เหมาะสมหรือผิดไซส์อาจส่งผลต่อทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ดังนั้นการทำความเข้าใจวิธีวัดไซส์หมวกกันน็อคจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวิธีเลือกหมวกกันน็อคที่ถูกต้อง
1. วัดศีรษะของคุณ
หากต้องการหาขนาดที่เหมาะสม ให้วัดเส้นรอบวงศีรษะโดยใช้สายวัดหรือเทปวัดแบบอ่อน ไม่แนะนำให้ใช้ตลับเมตรเพราะเส้นวัดจะแข็งเกินไปและทำให้คุณเจ็บได้ วิธีวัดไซส์หมวกกันน็อค คือวัดขนาดศีรษะคุณให้ถูกก่อน เริ่มวัดจากเหนือคิ้ว รอบส่วนที่กว้างที่สุดของศีรษะ จดหน่วยวัดเป็นเซนติเมตรหรือนิ้ว เนื่องจากขนาดอาจแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ โดยคร่าวแล้ว เส้นรอบวงศีรษะมนุษย์จะอยู่ระหว่าง 54-62 เซนติเมตร หรือ 21-25 นิ้ว
2. เช็คขนาดหมวกกันน็อคว่าแบบไหนเหมาะกับศีรษะขนาดใด
แม้ว่าหลายเจ้าผู้ผลิตจะทำหมวกกันน็อคแบบขนาดหัวเท่าไหร่ก็ใส่ได้ออกมาก์ตาม ผู้ผลิตหมวกกันน็อคบางเจ้าจะมีตารางขนาดที่สัมพันธ์กับเส้นรอบวงศีรษะกับขนาดของหมวกกันน็อค ให้เช็คตารางนั้นหรือดูข้อมูลสินค้าแต่ละรุ่นเพื่อระบุช่วงขนาดที่ตรงกับการวัดของคุณ และเลือกหมวกกันน็อคที่ถูกขนาด แม้ว่าแบรนด์ต่างๆจะมีขนาดมาตรฐานที่แตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นจึงควรตรวจสอบตารางขนาดของผู้ผลิตแต่ละราย ไซส์หมวกกันน็อค หรือ ขนาดที่ให้เลือกอาจมีเป็น S M L XL XXL แล้วแต่ร้านค้าหรือผู้ผลิตแต่ละเจ้า
3. ลองใส่หมวกกันน็อค
เมื่อคุณทราบขนาดของตัวเองแล้ว สำหรับหมวกกันน็อคใบแรก ให้ไปที่ร้านอุปกรณ์มอเตอร์ไซค์ใกล้คุณเพื่อลองสวมหมวกกันน็อคแบบต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าแบบที่เราเลือกไว้ เมื่อใช้สายรัดหมวกกันน็อคบริเวณคางแล้ว หมวกกระชับพอดีโดยไม่หลวมหรือไม่แน่นจนเกินไป หมวกกันน็อคควรอยู่ในระดับเดียวกับศีรษะ ไม่รัดและไม่ตกเพราะหลวม โดยหมวกต้องมีส่วนแข็งปิดหน้าผากแต่ไม่บดบังการมองเห็น
9 สิ่งที่ต้องพิจารณาใน วิธีเลือกหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์
1. เลือกหมวกกันน็อค จากประเภทหมวกกันน็อค
หมวกกันน็อคมีหลากหลายสไตล์ โดยแต่ละสไตล์ได้รับการออกแบบมาเพื่อสภาพการขับขี่ที่เฉพาะเจาะจง ประเภททั่วไป ได้แก่
- หมวกกันน็อคแบบครึ่งใบ (Half Face)
- หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ (Full Face)
- หมวกกันน็อคแบบเปิดหน้า (Open Face)
- หมวกกันน็อคแบบยกคาง (Modular โมดูลาร์)
- หมวกกันน็อคแบบวิบาก หรือ ออฟโรด (Dirt / Motocross / Off-road)
- หมวกกันน็อคแบบกึ่งวิบาก (Dual Sport)
ลองพิจารณาสไตล์การขี่และความชอบของคุณเมื่อเลือกประเภทหมวกกันน็อค สามารถดูรายละเอียดหมวกกันน็อคแต่ละแบบและข้อดีข้อเสียของหมวกกันน็อคแต่ละแบบได้ที่ส่วนถัดไปของบทความนี้
2. มาตรฐานความปลอดภัย
มองหาหมวกกันน็อคที่มีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย เช่น มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) หรือถ้าเป็นผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศอาจลองมองหาการรับรองจาก DOT (Department of Transportation), SNELL, หรือ the American National Standards Institute (ANSI) และ ECE (Economic Commission for Europe) การรับรองเหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่าหมวกกันน็อคผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดและตรงตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่กำหนดในพื้นที่ใดที่หนึ่งของโลกมาแล้ว
3. วัสดุและการก่อสร้าง
หมวกกันน็อคถูกสร้างขึ้นโดยใช้วัสดุ เช่น ไฟเบอร์กลาส โพลีคาร์บอเนต หรือคาร์บอนไฟเบอร์ วัสดุแต่ละชนิดมีระดับความทนทานและน้ำหนักที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัสดุเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกหมวกกันน็อคที่สมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายได้ หากคุณต้องการอ่านว่าวัสดุแบบไหน มีข้อดีข้อเสียให้พิจารณาซื้ออย่างไร เรารวบรวมข้อมูลไว้แล้ว อย่าพึ่งใจร้อนและไปดูสิ่งอื่นที่ต้องพิจารณาเพิ่มในการเลือกซื้อหมวกกันน็อคกันก่อน
- หากคุณให้ความสำคัญกับหมวกกันน็อคน้ำหนักเบาเพื่อเพิ่มความสบายในระหว่างการขี่ระยะไกล คาร์บอนไฟเบอร์หรือไฟเบอร์กลาสอาจเหมาะสมกว่า
- หมวกกันน็อคโพลีคาร์บอเนตยังมีน้ำหนักเบาแต่อาจเทอะทะกว่าเล็กน้อย
4. การระบายอากาศ
การระบายอากาศที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสบายระหว่างการเดินทางระยะไกล มองหาหมวกกันน็อคที่มีระบบระบายอากาศที่ออกแบบมาอย่างดีซึ่งช่วยให้อากาศไหลเวียนและลดเสียงรบกวน การระบายอากาศเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะป้องกันความรู้สึกไม่สบายและความเมื่อยล้า ถ้าหมวกกันน็อคไม่ระบายอากาศ นอกจากคุณอาจจะร้อนและหายใจไม่สะดวกได้แล้ว ถ้าหัวยังมีเหงื่อออกจนแฉะ ตอนถึงที่หมายคงจะดูไม่ดีแน่ๆ
5. ทัศนวิสัยและดีไซน์การบังแดดและลมของหมวกกันน็อค
พิจารณาคุณสมบัติการมองเห็นของหมวกกันน็อค เช่น ประเภทของกระบังหน้าหรือชิลด์ที่มี หมวกกันน็อคบางรุ่นมาพร้อมกับที่บังแดดในตัว สารเคลือบป้องกันฝ้า หรือกลไกแบบปลดเร็วเพื่อให้ถอดและเปลี่ยนได้ง่าย
6. เลือกหมวกกันน็อค จากน้ำหนักหมวกกันน็อค
หมวกกันน็อคน้ำหนักเบาช่วยเพิ่มความสบายได้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการขี่เป็นเวลานาน ลองเช็คน้ำหนักของหมวกกันน็อค และเลือกหมวกกันน็อคที่มีความสมดุลระหว่างความปลอดภัยและน้ำหนักที่คุณคิดว่าหัวจะรับไหว ใส่ได้ตลอดถึงที่หมายโดยไม่เมื่อยหัวและคอ เพราะหมวกกันน็อคบังคับให้คุณต้องใส่ตลอดทางเพื่อความปลอดภัย
7. งบประมาณ
งบประมาณของคุณเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาวัสดุหมวกกันน็อค โดยทั่วไปหมวกกันน็อคโพลีคาร์บอเนตจะมีราคาไม่แพงกว่า ในขณะที่หมวกกันน็อคไฟเบอร์กลาสและคาร์บอนไฟเบอร์มักจะมีราคาสูงกว่า
8. วัตถุประสงค์การใช้งาน
พิจารณาประเภทของการขี่ที่คุณจะทำ หากคุณมีส่วนร่วมในการแข่งรถความเร็วสูงหรือกิจกรรมออฟโรด อาจเลือกใช้วัสดุน้ำหนักเบาและแข็งแรง เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ สำหรับการเดินทางในแต่ละวัน วัสดุที่ทนทานและทนต่อแรงกระแทก เช่น ไฟเบอร์กลาส อาจเหมาะสม
9. คุณลักษณะเพิ่มเติม
สำรวจหมวกกันน็อคที่มีฟีเจอร์พิเศษอื่นๆนอกจากความปลอดภัยและสไตล์ เช่น ระบบสื่อสารบลูทูธ(เพื่อเชื่อมต่อกับมือถือ ฟังเพลงหรือคุยโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องถอดหมวก) แผ่นรองที่ถอดออกได้ หรือระบบปลดฉุกเฉิน คุณสมบัติเหล่านี้สามารถเพิ่มความสะดวกสบายและฟังก์ชันการทำงานให้กับประสบการณ์การขับขี่ของคุณได้ ซึ่งจะเลือกแบบที่มีหรือไม่ก็ต้องแล้วแต่ความต้องการและงบประมาณของคุณ
7 แบบของหมวกกันน็อคและข้อดีข้อเสียแต่ละแบบ
ต่อไปนี้เป็นภาพรวมของหมวกกันน็อคแต่ละประเภท พร้อมข้อดีและข้อเสีย
1. หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ (หมวกกันน็อค Full-Face)
ข้อดี:
- ให้การปกป้องที่ครอบคลุมที่สุด ครอบคลุมทั้งศีรษะ ใบหน้า และคาง
- ให้การป้องกันแรงกระแทกและอากาศพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม
- มีประสิทธิภาพในการลดเสียงรบกวนจากลมและให้การขับขี่ที่เงียบ
ข้อเสีย:
- อาจรู้สึกจำกัดเล็กน้อยสำหรับผู้ขับขี่บางคน
- การระบายอากาศอาจแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น แต่มีแนวโน้มจะร้อนกว่าหมวกกันน็อคแบบเปิด
2. หมวกกันน็อคแบบเปิดหน้า (หมวกกันน็อค Open-Face)
ข้อดี:
- ให้ทัศนวิสัยที่ดีและความรู้สึกที่เปิดกว้างมากขึ้น
- เหมาะสำหรับนักขี่ที่ชอบอิสระแบบเปิดหน้าแต่ยังมีการป้องกันอยู่บ้าง
- เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองสั้นๆ หรือ การลาดตระเวน
ข้อเสีย:
- ให้การป้องกันน้อยกว่าเมื่อเทียบกับหมวกกันน็อคเต็มใบ
- ไม่มีแถบคาง ทำให้ใบหน้าโล่งมากขึ้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
3. หมวกกันน็อคครึ่งใบ (หมวกกันน็อค Half-Face)
ข้อดี:
- ดีไซน์แบบมินิมอลพร้อมความรู้สึกเบา
- มีทั้งแบบปิดและไม่ปิดหู ทำให้เห็นหน้าและได้ยินได้ชัดกว่า
- มอบประสบการณ์การขับขี่แบบเปิดโล่งสุดคลาสสิก
- เป็นที่นิยมในหมู่นักขี่ครุยเซอร์ในสไตล์สบายๆ
ข้อเสีย:
- ให้การปกปิดที่จำกัด ทำให้ใบหน้าเปลือยเปล่าและมีสิทธิเสียโฉมหากเกิดอุบัติเหตุ
- ให้การปกป้องน้อยที่สุดในกรณีที่เกิดการชน
4. หมวกกันน็อคแบบยกคาง (หมวกกันน็อค Modular)
ข้อดี:
- ผสมผสานคุณสมบัติของหมวกกันน็อคทั้งแบบเต็มใบและแบบเปิดหน้า
- ให้ผู้ขับขี่สามารถยกกระบังส่วนหน้าขึ้น และแปลงเป็นหมวกกันน็อคแบบเปิดได้เมื่อจำเป็น
- สะดวกสำหรับการสื่อสารและการหยุดอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องถอดหมวกกันน็อคทั้งหมด
ข้อเสีย:
- หนักกว่าหมวกกันน็อคเต็มใบเล็กน้อยเนื่องจากมีกลไกบานพับเพิ่มเติม
- อาจไม่สามารถป้องกันแรงกระแทกได้ในระดับเดียวกับหมวกกันน็อคแบบเต็มใบโดยเฉพาะ
5.หมวกกันน็อคออฟโร้ด (หมวกกันน็อค Off-Road / Motocross)
ข้อดี:
- ออกแบบมาสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดและวิบากพร้อมดีไซน์แถบป้องกันคางที่โดดเด่น (ป้องกันการบาดเจ็บที่คางที่เกิดได้ในการทำกิจกรรมนี้)
- น้ำหนักเบาพร้อมการระบายอากาศเพิ่มขึ้นสำหรับกิจกรรมที่เข้มข้น
- โดยทั่วไปจะมีบังแดดเพื่อป้องกันแสงแดดและเศษขยะ
ข้อเสีย:
- การป้องกันใบหน้าและคางมีจำกัดเมื่อเทียบกับหมวกกันน็อคเต็มใบ
- ไม่มีประสิทธิภาพในการลดเสียงลม
6. หมวกกันน็อคกึ่งวิบาก (หมวกกันน็อค Dual Sport)
ข้อดี:
- ผสมผสานคุณสมบัติของหมวกกันน็อคแบบสตรีทและแบบออฟโรดเพื่อความคล่องตัว
- เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่เปลี่ยนสภาพระหว่างบนถนนและทางออฟโรด
- ให้ทัศนวิสัยที่ดีและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่ยาวนาน
ข้อเสีย:
- อาจไม่โดดเด่นในสภาพออฟโรดสุดขั้วเช่นหมวกกันน็อควิบากโดยเฉพาะ
- หนักกว่าแบบอื่นๆเล็กน้อย
- อาจมีการระบายอากาศน้อยกว่าหมวกกันน็อคเต็มใบ
7. วิธีเลือกหมวกกันน็อค – หมวกกันน็อคจักรยานวิบาก (Dirt):
ข้อดี:
- ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับกิจกรรมออฟโรด จักรยานวิบาก และกิจกรรมวิบาก
- น้ำหนักเบาพร้อมกระบังหน้าแบบขยายเพื่อป้องกันแสงแดดและเศษซาก
- เพิ่มการระบายอากาศสูงสุดเพื่อการขับขี่แบบออฟโรดที่เข้มข้น
ข้อเสีย:
- ไม่เหมาะกับการใช้งานบนถนนเนื่องจากมีเสียงลมเพิ่มขึ้นและการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์น้อยลง
- การป้องกันใบหน้าและคางมีจำกัดเมื่อเทียบกับหมวกกันน็อคเต็มใบ
เมื่อเลือกหมวกกันน็อค การพิจารณาประเภทการขี่ที่คุณจะขี่ ความชอบส่วนบุคคล และระดับการป้องกันที่คุณให้ความสำคัญเป็นสิ่งสำคัญเป็นสิ่งสำคัญ ตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าหมวกกันน็อคที่คุณเลือกนั้นเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย และมีไซส์หมวกกันน็อคที่พอดีและสบายสำหรับรูปร่างและขนาดศีรษะของคุณ
วัสดุของหมวกกันน็อคแบบต่างๆสำหรับการเลือกหมวกกันน็อค
การเลือกใช้วัสดุหมวกกันน็อคเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในวิธีเลือกหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์ เนื่องจากส่งผลโดยตรงต่อน้ำหนัก ความทนทาน และประสิทธิภาพโดยรวมของหมวกกันน็อค ต่อไปนี้คือรายละเอียดข้อดีและข้อเสียของวัสดุหมวกกันน็อคทั่วไปสามชนิด คือ ไฟเบอร์กลาส โพลีคาร์บอเนต และคาร์บอนไฟเบอร์
1. หมวกกันน็อคไฟเบอร์กลาส
- ข้อดี:
- แข็งแรงและทนทานต่อแรงกระแทก: หมวกกันน็อคไฟเบอร์กลาสขึ้นชื่อในด้านความแข็งแกร่งและทนต่อแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยม สามารถดูดซับและกระจายพลังงานกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพระหว่างการชน จึงให้การปกป้องในระดับสูง
- น้ำหนักเบา: หมวกกันน็อคไฟเบอร์กลาสมีน้ำหนักเบา ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกสบายตลอดการใช้งานเป็นเวลานาน
- ทนทานต่อการสึกหรอ: ไฟเบอร์กลาสเป็นวัสดุที่ทนทาน ทำให้หมวกกันน็อคทนทานต่อการสึกหรอเมื่อเวลาผ่านไป
- จุดด้อย:
- ราคาแพง: หมวกกันน็อคไฟเบอร์กลาสอาจมีราคาแพงกว่าหมวกกันน็อคที่ทำจากโพลีคาร์บอเนต อย่างไรก็ตาม ราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการออกแบบ คุณลักษณะ และแบรนด์ของหมวกกันน็อค
2. หมวกกันน็อคโพลีคาร์บอเนต
- ข้อดี:
- ราคาถูก: โดยทั่วไปหมวกกันน็อคโพลีคาร์บอเนตจะราคาประหยัดกว่าเมื่อเทียบกับหมวกกันน็อคที่ทำจากวัสดุอื่น
- น้ำหนักเบา: หมวกกันน็อคโพลีคาร์บอเนตมีน้ำหนักเบา ทำให้สวมใส่สบายในชีวิตประจำวันและขี่ได้นานขึ้น
- ดูดซับแรงกระแทกได้ดี: แม้ว่าจะไม่แข็งเท่ากับไฟเบอร์กลาสหรือคาร์บอนไฟเบอร์ แต่โพลีคาร์บอเนตยังคงดูดซับและป้องกันแรงกระแทกได้ดี
- จุดด้อย:
- เทอะทะ: หมวกกันน็อคโพลีคาร์บอเนตอาจมีขนาดใหญ่กว่าหมวกกันน็อคไฟเบอร์กลาสหรือคาร์บอนไฟเบอร์เล็กน้อยเนื่องจากลักษณะของวัสดุ
- ตัวเลือกการออกแบบที่จำกัด: หมวกกันน็อคโพลีคาร์บอเนตอาจมีข้อจำกัดในแง่ของความซับซ้อนในการออกแบบเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ
3. หมวกกันน็อคคาร์บอนไฟเบอร์
- ข้อดี:
- แข็งแรงและน้ำหนักเบามาก: หมวกกันน็อคคาร์บอนไฟเบอร์ผสมผสานความแข็งแกร่งเป็นพิเศษเข้ากับการออกแบบที่มีน้ำหนักเบา ให้การปกป้องในระดับสูงโดยไม่ทำให้ความสบายลดลง
- ดูดซับแรงกระแทกขั้นสูง: คาร์บอนไฟเบอร์ขึ้นชื่อเรื่องคุณสมบัติดูดซับพลังงาน ทำให้หมวกกันน็อคที่ทำจากวัสดุนี้มีประสิทธิภาพในการจัดการแรงกระแทก
- อากาศพลศาสตร์: คาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้มีการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง ซึ่งช่วยเพิ่มเสถียรภาพที่ความเร็วสูง
- จุดด้อย:
- ราคาแแพง: หมวกกันน็อคคาร์บอนไฟเบอร์มักจะมีราคาแพงกว่าหมวกกันน็อคที่ทำจากไฟเบอร์กลาสหรือโพลีคาร์บอเนต เนื่องจากกระบวนการผลิตขั้นสูงและวัสดุที่ใช้
- ความทนทานต่อความเสียหายต่ำกว่า: แม้ว่าหมวกกันน็อคคาร์บอนไฟเบอร์จะมีความทนทานสูง แต่อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดความเสียหายด้านความสวยงาม เช่น รอยขีดข่วนและเศษบิ่นมากกว่า
ทำไมต้องใส่หมวกกันน็อค
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) การสวมหมวกกันน็อคสามารถลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ประมาณ 69% และความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ประมาณ 42% ตัวเลขเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของหมวกกันน็อค ความรุนแรงของการชน และการปฏิบัติตามโดยรวมของการใช้หมวกกันน็อค
แน่นอนว่า วัตถุประสงค์หลักของหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์คือเพื่อปกป้องศีรษะของผู้ขับขี่ในกรณีที่เกิดการชนหรือกระแทก หมวกกันน็อคมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่ศีรษะและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ วัตถุประสงค์และหน้าที่สำคัญของหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์มีดังนี้
ป้องกันศีรษะ
วัตถุประสงค์หลักของหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์คือเพื่อปกป้องศีรษะของผู้ขับขี่จากการบาดเจ็บระหว่างการชน หมวกกันน็อคได้รับการออกแบบให้ดูดซับและกระจายพลังงานกระแทก ช่วยลดแรงที่ส่งไปยังกะโหลกศีรษะและสมอง ไม่ว่าอุบัติเหตุจะเกิดจากการชนกับรถคันอื่น ล้มกระแทกพื้นหรือสิ่งแวดล้อม หรือส่วนของสะพานพระราม 2 หล่นลงมาใส่ ก็ทำให้ศีรษะของคุณได้รับแรงกระแทกจากอุบัติเหตุน้อยลง เสี่ยงชีวิตน้อยลงได้
การป้องกันอาการบาดเจ็บที่สมอง (TBIs)
หมวกกันน็อคมีประสิทธิภาพในการป้องกันหรือลดการบาดเจ็บที่ศีรษะ (TBI) ที่อาจเป็นผลจากการกระแทกที่ศีรษะโดยตรง วัสดุกันกระแทกและดูดซับแรงกระแทกภายในหมวกกันน็อคช่วยลดแรงกระแทกที่อาจทำให้สมองได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉะนั้นการเลือกหมวกกันน็อคที่ดีไม่ได้แค่ป้องกันคุณหัวแตก แต่ยังดีไซน์มาให้สมองซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญได้รับแรงกระแทกลดลงด้วยเช่นกัน
การป้องกันใบหน้าและดวงตา
หมวกกันน็อคเต็มใบและแบบโมดูลาร์ให้การปกป้องใบหน้าและดวงตา ปกป้องใบหน้าจากลม เศษซาก แมลง และอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอื่นๆ การป้องกันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาการมองเห็นที่ชัดเจนระหว่างการขับขี่ และป้องกันการบาดเจ็บที่ใบหน้าระหว่างการชน
ลดเสียงลมและความเหนื่อยล้า
หมวกกันน็อคได้รับการออกแบบมาเพื่อลดเสียงรบกวนจากลมและการลากตามหลักอากาศพลศาสตร์ ช่วยให้ประสบการณ์การขับขี่สบายขึ้นและเมื่อยล้าน้อยลง นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกหมวกกันน็อคสำหรับการขับขี่ระยะไกลซึ่งเสียงลมที่มากเกินไปอาจทำให้ผู้ขับขี่เหนื่อยล้าได้
การระบายอากาศและความสบาย
หมวกกันน็อคมีระบบระบายอากาศเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกเย็นสบาย โดยเฉพาะในสภาพอากาศอบอุ่น การระบายอากาศที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันความร้อนสูงเกินไปและไม่สบายระหว่างการขับขี่เป็นเวลานาน
การปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย
หมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดโดยองค์กรต่างๆ เช่น มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) กระทรวงคมนาคม (DOT) ในสหรัฐอเมริกา หรือคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจสำหรับยุโรป (ECE) การเลือกหมวกกันน็อคตามมาตรฐานเหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่าหมวกกันน็อคจะผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดเพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยเฉพาะ
การเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น
หมวกกันน็อคบางรุ่นมาพร้อมกับคุณสมบัติต่างๆ เช่น กระบังหน้าป้องกันหมอก ที่บังแดดในตัว และองค์ประกอบสะท้อนแสงเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัย โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยหรือการขี่ในเวลากลางคืน
การสื่อสารและการเชื่อมต่อ
หมวกกันน็อคสมัยใหม่อาจมีระบบการสื่อสารในตัว การเชื่อมต่อบลูทูธ หรือการเข้ากันได้กับอุปกรณ์สื่อสาร ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ขับขี่คนอื่นๆ โทรออก หรือฟังเพลงได้โดยไม่กระทบต่อความปลอดภัย
การป้องกันการบาดเจ็บจากเศษซากที่ลอยหรือหล่นมา
หมวกกันน็อคทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเศษหิน แมลง และอนุภาคในอากาศอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่ใบหน้าหรือดวงตาของผู้ขับขี่ การป้องกันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือในสภาพออฟโรด ลองนึกภาพว่าขันรถปกติยังมีหินมาทำให้กระจกหน้ารถแตกได้ หากบังเอิญโดนตาคุณที่ไม่มีหมวกกันน็อคปกป้องคงแย่
โดยสรุป วัตถุประสงค์หลักของหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์คือการปกป้องศีรษะและใบหน้าของผู้ขับขี่จากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หมวกกันน็อคบรรลุเป้าหมายนี้ด้วยการผสมผสานระหว่างการดูดซับแรงกระแทก ความสมบูรณ์ของโครงสร้าง และคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายโดยรวม การเลือกหมวกกันน็อคที่เหมาะสมและการสวมใส่อย่างสม่ำเสมอขณะขี่จะช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรงได้อย่างมาก
วิธีเลือกหมวกกันน็อคแบบไหนถูกกฎหมาย ใส่ได้ในไทย
การขี่รถจักรยานยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยเรา ต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้านความปลอดภัยทางถนน มาตรการความปลอดภัยขั้นพื้นฐานประการหนึ่งสำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คือการสวมหมวกกันน็อคที่ไม่เพียงแต่ให้การป้องกันที่เพียงพอ แต่ยังปฏิบัติตามกฎหมายเฉพาะที่กำหนดว่าหมวกกันน็อคต้องมีมาตรญารอย่างไรด้วย
กฎหมายหมวกกันน็อคในประเทศไทย
ในประเทศไทย กฎหมายกำหนดให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อคที่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งรวมถึงการห้ามสวมหมวกกันน็อคที่มีกระบังหน้าแบบปรอท และหมวกกันน็อคที่ไม่มีสายรัดหมวกกันน็อคที่เหมาะสม กฎระเบียบเหล่านี้จัดทำขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าหมวกกันน็อคมีการป้องกันที่เหมาะสมที่สุดและยึดอย่างแน่นหนาระหว่างการขับขี่
1. ห้ามใช้หมวกกันน้็อคที่มี “ที่กันลมสีปรอท“
การใช้หมวกกันน็อคที่มีที่กันลมแบบปรอทถือเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎหมายไทยโดยเด็ดขาด กระบังหน้าปรอทซึ่งมีการสะท้อนแสงและอาจรบกวนการมองเห็นของผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้สวมใส่หรือผู้ใช้เส้นทางคนอื่นๆ ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการขับขี่ในเวลากลางคืน การเลือกใช้หมวกกันน็อคที่มีกระบังหน้าใสและไม่สะท้อนแสงไม่เพียงแต่เป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่ยังเป็นทางเลือกในทางปฏิบัติในการรักษาทัศนวิสัยที่ชัดเจนบนท้องถนนอีกด้วย
2. ห้ามใส่หมวกกันน็อคที่ “ไม่มีสายคาดคาง”
กฎหมายไทยยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของสายคาดคางรัดหมวกกันน็อคที่ปลอดภัย หมวกกันน็อคจะต้องติดตั้งสายรัดที่ใช้งานได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าสวมใส่ได้กระชับพอดีกับศีรษะผู้ขับขี่ ข้อกำหนดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันหมวกกันน็อคหลุดออกระหว่างเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่ศีรษะ
การเลือกหมวกกันน็อคที่เหมาะสม
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายหมวกกันน็อคของไทยและให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ผู้ขับขี่ควรเลือกหมวกกันน็อคที่ตรงตามเกณฑ์อย่างระมัดระวัง เมื่อซื้อหมวกกันน็อค
ตรวจสอบมาตรฐาน
มองหา มอก. 369/2557 ที่จำเป็นต้องมีและถูกกฎหมายไทย หรือมองหาใบรับรองความปลอดภัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจว่าหมวกกันน็อคมีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนด
การดูแลรักษาหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์
ก. ทำความสะอาดและดูแลเป็นประจำ
ทำความสะอาดหมวกกันน็อคเป็นประจำโดยใช้สบู่อ่อน น้ำ ชุบและเช็ดด้วยผ้า หรือจะใช้กระดาษเปียกเช็ดด้านนอกก็ได้ ขจัดสิ่งสกปรกและฝุ่นควันออกจากตัวหมวกกันน็อค หลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรงที่อาจสร้างความเสียหายให้กับโครงหรือส่วนบุนวมของหมวกกันน็อคได้ หากสงสัยว่าหมวกเปื้อนมาก็รับทำความสะอาดไม่ให้คราบหรือสารสกปรกฝังแน่น พอล้างหรือทำความสะอาดเสร็จ ตากหมวกกันน็อคทิ้งไว้ให้แห้งสนิทก่อนใส่อีกครั้ง
ข. หาที่จัดเก็บที่แห้งและเย็น
เก็บหมวกกันน็อคไว้ในที่แห้งและเย็น ห่างจากแสงแดดโดยตรงและอุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป ควรเก็บไว้ในบ้านหรือตู้ที่แดดส่องไม่ถึง ไม่วางหมวกกันน็อคทิ้งไว้ในที่ๆฝนสาดถึงได้ หลีกเลี่ยงการแขวนห้อยหมวกกันน็อคไว้ตรงกระจกมองหลัง เนื่องจากจะทำให้แผ่นรองหรือสายรัดภายในผิดรูปเมื่อเวลาผ่านไปได้
ค. เปลี่ยนหมวกกันน็อค เมื่อใบเดิมเสียหาย
หมวกกันน็อคมีอายุการใช้งานที่จำกัดเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การสึกหรอ การสัมผัสรังสียูวี และการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติของวัสดุ เปลี่ยนหมวกกันน็อคของคุณหากมีการชนหรือมีร่องรอยความเสียหาย โดยอย่าเสียดายเงินที่จะต้องซื้อหมวกกันน้อคใบใหม่ เพราะราคาของหมวกกันน็อคเทียบไม่ได้เลยหากศีรษะคุณต้องบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุ
ง. การดูแลหมวกกันน็อคที่ตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์
เอาล่ะ เมื่อหมวกกันน็อคเป็นพื้นที่เรียบๆแข็งๆ ใครจะอดใจไม่ติดสติ๊กเกอร์ไหว หรือบางครั้งหมวกกันน็อคที่คุณได้แถมมาอาจมีสติ๊กเกอร์ติดอยู่แล้วก็ได้ ตรวจสอบที่วางสติกเกอร์ในหมวกของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ปิดทับช่องระบายอากาศ หรือบริเวณสำคัญอื่น ๆ ที่อาจมีตะขอหรือฉลากข้อมูลสำคัญ ควรเลือกใช้สติกเกอร์คุณภาพดีที่ทนทานต่อสภาพอากาศ สติ๊กเกอร์ราคาถูกอาจไม่คงทนหรือลอกออกได้ง่าย ถ้ามีการสังเกตเห็นอาการเสื่อมโทรม ควรเปลี่ยนสติกเกอร์เป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการลอกหรือซีดจาง เมื่อต้องการลบหรือเปลี่ยนตำแหน่ง ให้ใช้น้ำยาลอกกาวชนิดอ่อนและระมัดระวัง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับหมวกกันน็อคของคุณ
บทสรุป เลือกหมวกกันน็อคไม่ยาก
วิธีเลือกหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมจะต้องคำนึงถึงขนาด มาตรฐานความปลอดภัย วัสดุก่อสร้าง คุณสมบัติ และสไตล์ที่คุณชอบ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความสะดวกสบายของคุณโดยสละเวลาในการหาไซส์หมวกกันน็อคที่เหมาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหาซื้อหมวกกันน็อคใบแรก ลองหาตัวเลือกหลายแบบเพื่อเลือกหมวกกันน็อคที่มีสไตล์ การตกแต่ง สี และรูปแบบตามความชอบของคุณ เมื่อปฏิบัติตามนี้ คุณจะสามารถเลือกหมวกกันน็อคที่ไม่เพียงแต่ให้การปกป้องที่ดีเยี่ยม แต่ยังช่วยเพิ่มประสบการณ์การขี่โดยรวมของคุณอีกด้วย
Credit: United States Department of Transportation (DOT) – Choose the Right Motorcycle Helmet