ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่รักในการดื่มชาเชียวอย่างมาก เรียกได้ว่า ชาเขียวร้านไหนเด็ดเป็นต้องตระเวนเพื่อไปลองชิมให้ได้ทุกสารทิศ แล้วล่ะก็ วันนี้เรามีวิธีชงชาเขียวและเทคนิคในการดื่มชาให้ได้ประโยชน์มากขึ้น จะมีอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ชาเขียว มีด้วยกันกี่ประเภท ?
ความนิยมที่แพร่หลายของชาเขียวทำให้ในปัจจุบันเราได้เห็นและได้รู้จักชาเขียวรสชาติใหม่ ๆ อย่างเช่น มัทฉะ หรือ โฮจิชะ แต่ว่าความจริงแล้วชาเขียวนั้นมีกี่ประเภทกันแน่?
ชาเขียวต้นตำหรับจากญี่ปุ่น แบ่งเป็น 5 ประเภทหลัก
1. มัทฉะ
หลายคนน่าจะคุ้นชินกับชื่อเรียกนี้ เพราะเป็นอีกหนึ่งชาเขียวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ชาเขียวมัทฉะนั้นเป็นการสกัดใบชาอย่างเข้มข้นออกมาในรูปแบบของผง เพื่อให้ผู้ที่นำไปชงดื่มได้รับกลิ่นและรสชาติของต้นตำหรับชามากกว่า การชงชาโดยใช้ผงชาเขียวมัทฉะปกติที่ต้องใช้กาชงชา หรือที่กรองใบชาช่วย ด้วยลักษณะที่เป็นผงเข้มข้นทำให้คนนิยมนำไปประกอบอาหารในรูปแบบอื่นๆเช่น ขนมเค้ก เพราะสะดวก ใช้งานง่าย ให้สีเขียวที่สดและน่าทาน และข้อสำคัญคือ ชาเขียวมัทฉะนั้นจะได้รับคุณประโยชน์ที่มากกว่าการดื่มชาเขียวแบบธรรมดา
2. เกียวกุโระ
เป็นใบชาที่เรียกได้ว่าคุณภาพดีที่สุดในบรรดาชาเขียวทั้งหมดก็ว่าได้ เพราะ ต้นชาที่สามารถเก็บใบชามาเพื่อทำเป็นชาเกียวกุโระได้นั้นต้องปลูกในที่ร่มเพื่อไม่ให้แดดและลมทำลายสารอาหารและคุณประโยชน์จากต้นชาไปก่อนที่จะนำมาผ่านกระบวนการผลิตชา รสชาติของชาเกียวกุโระจะมีรสหวาน มีความฝาดเล็กน้อย เมื่อชงแล้วจะมีกลิ่นหอมและมีความกลมกล่อม รสชาติสุดพรีเมี่ยมนี้ก็แลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าชาเขียวประเภทอื่น ๆ ทำให้ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมในตลาดมากนัก
3. เซ็นชะ
เมื่อพูดถึงชาเขียวยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นแล้ว ชาเซนกะนั้นเป็น ชาที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมากที่สุด มีรสชาติฝาดที่เป็นเอกลักษณ์คู่กับความหอม ซึ่งการอบใบชาที่แตกต่างกันจะทำให้รสชาติของชาเซนกะนั้นแตกต่างกันออกไป จึงกลายเป็นเสน่ห์ที่หลายๆคนหลงใหลในการสัมผัสกับรสชาติของมัน
4. โฮจิชะ
อีกหนึ่งชื่อที่กำลังเป็นที่นิยมในไทยมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อย ๆ กับชาโฮจิฉะ ชาเขียวที่มีสีเข้มกว่าปกติ ทำให้หลายคนแปลกใจว่ามันคือชาอะไรกันแน่ ความโดดเด่นของโฮจิฉะก็คือกลิ่มหอมละมุน ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น ไม่ฝาด แตกต่างจากชาอื่นตรงที่มีคาเฟอีนน้อยทำให้เด็ก ๆ สามารถดื่มได้
5. เก็นไมฉะ
สาวกชาเขียวอาจจะไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าพูดถึงชาเขียวฟูจิ หรือชาที่มีกลิ่นคั่วข้าวอ่อนๆในร้านอาหารญี่ปุ่น ก็คงจะต้องร้องอ่อขึ้นมาทันที เพราะเก็นไมฉะ คือ ชาเขียวมัทฉะที่นำมาคั่วกับข้าวกล้องทำให้มีกลิ่นหอมจนหลายๆคนติดใจ
ประโยชน์ของการดื่มชาเขียว
ชาเขียวนั้นเป็นสุดยอดเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ ทั้งในเชิงความสวยความงาม เพราะในใบชานั้นมี วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี และ สารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ในการช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน มีส่วนช่วยสำหรับใครที่ต้องการจะลดน้ำหนัก นอกจากนี้ชาเขียวนั้นยังมีสรรพคุณในทางยาอีกมากมาย ทั้งช่วย แก้อาการร้อนใน แก้อาการแฮงค์จากการเมาค้าง ล้างสารพิษในลำไส้ ลดคอเลสตอรอลและน้ำตาลในเลือด รวมถึงลดอาการท้องเสีย ซึ่งสำหรับใครที่ถ่าย้องยากอยู่แล้ว การทานชาเชียวบ่อยๆนั้นอาจจะทำให้เกิดอาการท้องผูกตามมาได้เช่นกัน
วิธีชงชาเขียวและเทคนิคการดื่มให้ได้ประโยชน์
1. ห้ามดื่มกับนมเด็ดขาด
งานนี้สายชาเขียวนม มัทฉะลาเต้ทั้งหลายหมดสิทธิ์ เพราะ การดื่มชาเขียวให้ได้ประโยชน์นั้นหากถูกปรุงแต่งด้วยนมผงหรือนมสด โปรตีนที่อยู่ในนมจะนั้นจะไปจับกับสารสำคัญในชาเขียวทำให้ คุณประโยชน์ของชาเขียวนั้นไม่สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่
2. ชาต้องมีความเข้มข้น
การจะดื่มชาเขียวให้ได้ประโยชน์จากใบชาสูงสุดนั้นต้องเลือกดื่มชาเขียวที่มีมีวิธีการชงชาเขียวที่ถูกต้องมีความเข้มข้นในการชงสูงเหมือนอย่างการชงแบบต้นตำหรับของญี่ปุ่น เพื่อให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่เพียงพอในแต่ละวัน
3. ดื่มตอนที่ชงเสร็จใหม่ ๆ
คุณประโชน์จากชานั้นจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะ สารอีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต (EGCG) ที่มีส่วนสำคัญในการต้านอนุมูลอิสระ จะสลายไปกว่า 20% เมื่อโดนความร้อนเป็นระยะเวลานาน ฉะนั้นแล้วถ้าหากว่าคุณอยากได้รับคุณประโยชน์จากการดื่มชาอย่างเต็มที่ คุณควรจะดื่มชาที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ ๆ
4. ดื่มกับมะนาว
เพราะว่าการชงชาเขียวไม่ว่าจะด้วยความร้อนที่มากเกินไปหรือระยะเวลาที่ไม่เหมาะสมก็จะทำให้ประโยชน์ที่คุณควรจะได้รับจากชาเขียวนั้นลดลง เคล็ดก็คือ การบีบมะนาวลงไปในชาเชียวในระหว่างที่ชงชา หรือ หลังจากที่ชงเสร็จใหม่ๆนั้นจะช่วยรักษาคุณประโยชน์ของชาเขียวไว้ได้
สาวกชาเขียวทั้งหลาย ต้องลองสัมผัสกับรสชาติในมุมใหม่ ๆ สักครั้ง รับรองว่าคุณจะรักในการกินชาเขียวแบบไม่มีวันเบื่ออย่างแน่นอน