หน้าร้อนได้ชื่อว่าเป็นช่วงหฤโหดของการจ่ายบิลค่าไฟเสมอ และบิลค่าไฟแพง ๆ ก็มักจะมาแบบไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว ดังนั้นวิธีประหยัดไฟจึงเป็นเหมือนวิธีปกป้องเงินในกระเป๋าของเราไม่ให้จ่ายไปแบบง่ายๆ แบบไม่จำเป็น ทั้งวิธีประหยัดแอร์ วิธีลดค่าไฟแอร์ รวมถึงวิธีลดค่าไฟจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ก็ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นทั้งนั้น และรู้หรือไม่ว่าการประหยัดไฟนั้นจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราต้องใส่ใจรายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย และคราวนี้ Shopee ได้รวบรวม วิธีประหยัดค่าไฟ แบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้มาฝากกัน
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
วิธีประหยัดค่าไฟ ช่วยลดค่าไฟอย่างได้ผล ทำง่าย ๆ ไม่ต้องรอ


1. ใช้เครื่องปรับอากาศอย่างถูกวิธี
หากให้เครื่องปรับอากาศถูกวิธีก็จะช่วยให้การประหยัดพลังงานไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรตั้งอุณหภูมิไม่น้อยกว่า 25 องศาเซลเซียส ก่อนเลิกใช้งานควรปิดแอร์ก่อนออกจากห้อง 30 นาที หรือใครไม่อยากเปิดแอร์ทั้งคืนก็เปิดแค่ 2-3 ชั่วโมงแรกก่อนนอนหลับก็ได้ ที่สำคัญควรหมั่นทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศและไส้กรองอากาศเป็นประจำ
2. เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟ
วิธีประหยัดไฟนั้นเริ่มได้ตั้งแต่การเริ่มซื้อหาเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าบ้านมาเลยทีเดียว นั่นคือการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะเป็นมาตรฐานที่หน่วยงานราชการรับรองไว้ว่าสามารถประหยัดไฟได้ขั้นสุด ซึ่งหากเป็นฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่มีขั้นสูง ๆ ขึ้นไปก็จะยิ่งมีความสามารถในการประหยัดไฟได้สูงยิ่งขึ้น
สำหรับการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทแอร์ หากเราต้องการประหยัดแอร์ตั้งแต่แรก นอกจากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แล้ว ก็ยังต้องคำนึงถึงค่า SEER ซึ่งเป็นค่าที่ใช้วัดประสิทธิภาการใช้พลังงานของแอร์ที่เอาอุณหภูมิของแต่ละฤดูกาลมาคำนวณร่วมด้วย ยิ่งค่า SEER สูง แสดงถึงประสิทธิภาพที่มากขึ้นในการใช้พลังงานของแอร์
3. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังใช้งาน
แม้ว่าเราจะปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อไม่ใช้ แต่รู้หรือไม่ว่ากระแสไฟฟาก็ยังตกค้างและเครื่องไฟฟ้าก็ยังกินไฟอยู่แม้ว่าจะไม่เปิดใช้งาน ดังนั้นหลังจากปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้แล้ว เราก็ควรดึงปลั๊กไฟออกทุกครั้งเมื่อไม่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โคมไฟ โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า รวมถึงแอร์ที่เมื่อไม่ใช้ก็ควรสับคัทเอาท์ลงเพื่อตัดไฟให้เรียบร้อยสมบูรณ์
4. หากไม่ร้อนเกินไป ให้ใช้พัดลมแทนแอร์
เข้าใจว่าอากาศประเทศไทยนั้นร้อนไม่แพ้ใคร แต่หากวันไหนที่อากาศดี ไม่ร้อนเกินไป หรือในวันที่ฝนตก ควรเปิดพัดลมแทน เพื่อเป็นการประหยัดไฟมากขึ้น
5. เลือกใช้หลอดไฟแบบฟลูออเรสเซนส์แบบผอม
หลอดฟลูออเรสเซนส์จะมีอายุการใช้งานได้นานกว่าหลอดแบบอื่น และระยะยาวจะช่วยประหยัดไฟได้มากทีเดียว จะช่วยประหยัดไฟได้มากถึง 75% ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใช้หลอดฟลูออเรสเซนส์


6. ไม่เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้เปล่า ๆ
นับเป็นวิธีประหยัดค่าไฟที่ทำได้ทันที เพียงแค่ปิดไฟดวงที่ไม่ได้ใช้ หรือว่าจะไม่อยู่บ้านนาน ๆ ก่อนออกบ้านต้องมั่นใจว่าปิดไฟและถอดปลั๊กที่ไม่จำเป็นออกแล้ว เพื่อค่าไฟในบ้านจะได้ไม่พุ่งสูงจนเกินไป และเพียงแค่การใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่อย ๆ สะสมไปจนครบเดือน ก็สามารถหมายถึงวิธีประยัดค่าไฟจำนวนมากได้
7. ซักรีดเสื้อผ้าในคราวเดียวกัน
เนื่องจากการรีดผ้าและซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเยอะมาก ดังนั้นควรทำในคราวเดียวกัน อย่างการรีดผ้าควรรีดครั้งละมาก ๆ และไม่ควรพรมน้ำจนเปียกเพราะต้องใช้ความร้อนมากขึ้น


8. ไม่เสียบหม้อหุงข้าวไว้ตลอดเวลา
การเสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวทิ้งไว้ตลอดเวลาทำให้เปลืองไฟเป็นอย่างมาก เพราะระบบไฟฟ้าจะทำงานตลอดเวลานั่นเอง หากใช้งานเสร็จควรถอดปลั๊ก เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้านั่นเอง
9. ติดฟิล์มกรองแสง ผ้าม่าน หรือมู่ลี่ เพื่อลดความร้อนจากภายนอก
เพราะความร้อนที่เข้ามาสะสมในตัวอาคารเป็นตัวการให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด เช่น แอร์ ตู้เย็น ฯลฯ ทำงานหนักขึ้น การใช้มู่ลี่ ฟิล์มกรองแสง ผ้าม่าน จะช่วยให้เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนักเกินไป เป็นการป้องกันแสงแดดส่องกระทบตัวอาคาร หรือใช้การบุฉนวนความร้อนที่ผนังก็ช่วยได้มาก
10. เลือกทำเลที่ตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะ
เช่น ควรวางตำแหน่งของตู้เย็นให้ห่างจากผนังด้านหลังและด้านข้างไม่น้อยกว่า 10 ซ.ม เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดี ไม่ควรวางตู้เย็นหรือเครื่องทำความเย็นไว้ในที่ที่มีแดดส่อง เพราะจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต้องทำงานหนักขึ้น ลองสังเกตดูว่าค่าไฟแพง ๆ ในบ้านของเรามีสาเหตุมาจากสิ่งนี้หรือไม่ เพราะเพียงแค่การย้ายตำแหน่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ช่วยให้ประหยัดค่าไฟจำนวนมากในแต่ละเดือนได้เลย
11. เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับงาน
งานเล็ก ๆ น้อย ๆ บางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ด้วยการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบจัดเต็ม เช่น การอ่านหนังสือบนโต๊ะหนังสือก็อาจเลือกเปิดโคมไฟเล็ก ๆ บนโต๊ะแทนที่การเปิดไฟสว่างทั้งห้อง หรือการลดความร้อนในวันที่ไม่ร้อนมาก การใช้พัดลมร่วมกับน้ำแข็งหรือผ้าชุบน้ำหมาดแทนการใช้แอร์ที่เปิดให้ความเย็นทั่วห้องก็เป็นทางเลือกที่จะช่วยประหยัดแอร์ และเป็นวิธีประหยัดค่าไฟที่ทำได้ง่ายและช่วยลดค่าไฟได้ไม่น้อยเลย
12. ระมัดระวังการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมาก
เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่กินไฟมากเช่น แอร์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น ทั้งหมดนี้เดิมก็กินไฟมากอยู่แล้วในเวลาที่เราใช้แต่ละครั้ง แต่หากเราใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้พร้อมกันจะยิ่งกินไฟเพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อให้เป็นวิธีประหยัดค่าไฟและวิธีลดค่าแอร์อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมาก ๆ พร้อม ๆ กันด้วย
13. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำความร้อนและความเย็นร่วมกัน
เพราะความร้อนทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างแอร์หรือตู้เย็นทำงานหนักขึ้น รวมถึงความเย็นก็ทำให้อุปกรณ์ทำความร้อนอย่างเตารีด หม้อหุงข้าวและกาน้ำร้อนมีภาระการปรับอุณหภูมิเพิ่มขึ้น และแน่นอนว่าสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ก็จะนำมาซึ่งค่าไฟที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงการต้มน้ำร้อนหรือรีดผ้าในห้องแอร์ หรือนำของร้อน ๆ เข้าตู้เย็นทันที เพื่อไม่ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต้องทำงานหนักและกินไฟจนเกินไป
14. รวม ๆ กันใช้ทีเดียวก็ประหยัดไฟได้มาก
เนื่องจากการรีดผ้าและซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าหรือเตารีดต้องใช้พลังงานไฟฟ้าต่อครั้งเยอะมาก ดังนั้นหากทำได้ก็ควรรวบรวมเสื้อผ้าเยอะ ๆ มาซักหรือรีดคราวเดียวกัน เช่น การรีดผ้าควรรีดครั้งละมาก ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องวอร์มเตารีดหลาย ๆ ครั้ง นอกจากนี้ก็ไม่ควรพรมน้ำบนผ้าจนเปียกเพราะต้องใช้ความร้อนในการรีดมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
15. ปลูกต้นไม้รอบบ้าน หรือปลูกพืชคลุมดิน
เพราะต้นไม้หรือพืชคลุมดินจะช่วยฟอกอากาศได้เป็นอย่างดี จะช่วยให้บ้านเย็นขึ้น หรือใครอยู่คอนโดก็สามารถหาต้นไม้ฟอกอากาศมาแทนได้ หรือใครอยากกรองแสงไม่ให้แดดเข้าบ้านสามารถเลือกติดฟิล์มติดกระจกบ้าน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเคล็ดลับวิธีประหยัดค่าไฟแบบที่ยังใช้แต่ค่าไฟน้อยลงกว่าเดิมที่เรานำมาฝากกันในคราวนี้ การเตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ และใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถใช้เป็นวิธีประหยัดค่าไฟลงได้มาก โดยที่อย่ารอให้ต้องเห็นบิลค่าไฟแพง ๆ ก่อนค่อยลงมือ
อ้างอิง: