การหาโทรศัพท์หายด้วยเบอร์มือถือเป็นวิธีที่สะดวกและหลายคนมักนึกถึงเป็นอันดับแรก เพราะคิดว่าแค่รู้เบอร์ก็ช่วยตามหามือถือได้ทันใจ แต่ในความจริงแล้ววิธีนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น! บทความนี้จะพาทุกคนไปดูวิธีตามหาไอโฟนด้วยเบอร์โทรและการค้นหาโทรศัพท์หาย ด้วยเบอร์สำหรับแอนดรอยแบบถูกวิธีและปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ เพราะมือถือหายไม่ใช่แค่เครื่องหาย แต่ยังหมายถึงไฟล์รูป ไลน์งาน เบอร์เพื่อน และอาจรวมถึงเลขบัตรเคดิต-ข้อมูลการเงินที่อยู่ในนั้นด้วย! มาดูกันเลยว่าวิธีค้นหาโทรศัพท์หายทำได้ยังไงบ้าง และถ้าโทรศัทพ์ยังไม่หายควรเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
วิธีค้นหาโทรศัพท์หาย สำหรับ iPhone
ตามหาไอโฟนด้วย iCloud Find My
การตามหา iPhone ที่หายด้วย iCloud Find My ทำได้เมื่อ iPhone ที่หายไปต้องเปิดเครื่อง เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Wi-Fi หรือเซลลูลาร์) และต้องเปิดโหมด “Find My iPhone” ไว้ตั้งแต่ก่อนหาย จากนั้นเริ่มหาได้ตามขั้นตอนนี้!
- เปิดเว็บ: ไปที่เว็บไซต์ iCloud.com/find
- ล็อกอินด้วย Apple ID: ใช้ Apple ID ที่ลิ้งก์กับ iPhone เครื่องที่หายเพื่อล็อกอินบัญชี
- เลือกอุปกรณ์: iCloud จะค้นหาโทรศัพท์หายและแสดงอุปกรณ์ทั้งหมดที่เชื่อมกับ Apple ID นี้ และแสดงข้อมูลบนแผนที่แบบอัตโนมัติ ถ้าไม่เห็นแสดงว่าเครื่องปิดอยู่หรือไม่มีสัญญาณ กรณีนี้ระบบจะแสดงตำแหน่งสุดท้ายที่บันทึกได้
- เลือกโหมดดำเนินการ: ที่มุมบนขวาของแผนที่จะมีตัวเลือกต่างๆ ที่ทำได้ เช่น
- เล่นเสียง (Play Sound): ถ้า iPhone อยู่ใกล้ๆ เช่น ทำหล่นไว้ในบ้านหรือที่ทำงาน iPhone จะส่งเสียงดังขึ้นมาทันทีแม้ว่าจะอยู่ในโหมดปิดเสียงก็ตาม
- โหมดสูญหาย (Lost Mode): เมื่อกดใช้โหมดนี้ iPhone จะล็อกทันที แต่ยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ใช้ได้ คือ
- ใส่เบอร์และข้อความสั้นๆ ให้แสดงบนหน้าจอ เพื่อให้คนที่เก็บได้ติดต่อกลับ
- ระงับการใช้บัตรเครดิต-เดบิตที่ผูกกับ Apple Pay บน iPhone อัตโนมัติ
- ตำแหน่งของ iPhone จะยังถูกติดตามและอัปเดตบนแผนที่ต่อ
นอกจากนี้ถ้าไอโฟนหายใกล้ๆ กับ Apple Watch ที่เชื่อมต่อกันไว้ ก็สามารถส่งคำสั่งให้ iPhone ค้นหาโทรศัพท์หายแล้วส่งเสียงหรือกะพริบแฟลช เพื่อใช้ดูตำแหน่งของไอโฟนได้เช่นกัน แต่ถ้าหากไอโฟนหายและค้นหาตำแหน่งใน Find My ไม่เจอ อาจเป็นไปได้ว่าไอโฟนปิดเครื่องหรือถูกขโมยไปแล้ว

ตามหาไอโฟนหายที่ปิดเครื่องไปแล้ว ควรทำยังไงดี?
ถ้าโชคร้ายมือถือแบตหมด ปิดเครื่อง หรือถูกขโมยไปแล้ว แนะนำให้ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- แจ้งความ แจ้งความเบอร์หายเครื่องหายกับตำรวจ เพื่อลงบันทึกไว้และเป็นหลักฐานไปออกซิมใหม่ โดยต้องเตรียมหลักฐานการเป็นเจ้าของเครื่อง เช่น หมายเลขประจำเครื่อง (IMEI) กล่องหรือใบเสร็จ
- เปลี่ยนรหัสผ่าน รีบเปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID อีเมล และบัญชีโซเชียลทั้งหมดที่มีอยู่ในไอโฟนเครื่องนั้นเพื่อป้องกันการถูกนำไปใช้
- ลบข้อมูล iPhone ลบอุปกรณ์ออกจากบัญชีที่เชื่อถือได้ใน Apple ID เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล (ยกเว้นกรณีที่รอเคลมประกัน AppleCare+ อยู่ยังไม่ต้องลบจนกว่าคำร้องจะได้รับการอนุมัติแล้ว)
- ติดต่อผู้ให้บริการเครือข่าย ใช้บันทึกแจ้งความไปติดต่อค่ายมือถือเพื่อติดตามเครื่องหรือระงับซิม ป้องกันมิจฉาชีพนำไปใช้
ถ้าต้องค้นหาโทรศัพท์หายทั้งทีอย่าเพิ่งตกใจ สาวก Apple สามารถหาอุปกรณ์ที่ยังเปิดเครื่องอยู่ได้อย่างปลอดภัยผ่าน Apple Find My แค่ต้องเปิดการตั้งค่าฟีเจอร์ Find My ไว้ล่วงหน้าบน iPhone ก่อนที่เครื่องจะหาย ตั้งค่าไว้ก่อน ปลอดภัยกว่า!
วิธีค้นหาโทรศัพท์หายระบบ Android
ตามหาโทรศัพท์ Android หาย ด้วย Google Find My Device
สำหรับผู้ใช้แอนดรอยด์สามารถใช้ Google Find My Device ในการหาโทรศัพท์หายไม่ต้องใช้ด้วยเบอร์ ซึ่งให้ผลดีไม่ต่างกับ Appple Find My เพราะ Google ดีไซน์ฟีเจอร์นี้มาให้ติดตามอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับบัญชี Gmail ได้โดยไม่ต้องพึ่งแพลตฟอร์มอื่น ในเงื่อนไขที่จะหาเจอเมื่อมือถือเปิดอยู่และต้องต่ออินเทอร์เน็ต (Wi-Fi หรือเซลลูลาร์) ไว้ แล้วทำได้ตามนี้
- เปิดเว็บ: ไปที่เว็บ android.com/find
- ล็อกอินด้วยบัญชี Google: กรอกบัญชี Google (Gmail) เพื่อล็อกอิน จากนั้นระบบจะค้นหาโทรศัพท์หายและแสดงอุปกรณ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับบัญชี
- เลือกอุปกรณ์: Google Find My Device จะหาตำแหน่งของอุปกรณ์ที่เชื่อมกับบัญชีแล้วแสดงบนแผนที่
- หากโทรศัพท์ของคุณเปิดอยู่และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คุณจะเห็นตำแหน่งปัจจุบัน
- ถ้าไม่เห็นอุปกรณ์ที่ต้องการ แสดงว่าเครื่องอาจปิดอยู่หรือไม่มีสัญญาณ กรณีนี้จะเห็นตำแหน่งอัปเดตล่าสุดที่บันทึกได้
- เลือกโหมดดำเนินการ: ที่ด้านซ้ายของหน้าจอ จะมีตัวเลือก เช่น
- เล่นเสียง (Play Sound): ถ้าเครื่องอยู่ใกล้ๆ โทรศัพท์จะส่งเสียงดังนาน 5 นาทีเต็ม แม้ว่าจะอยู่ในโหมดปิดเสียงหรือสั่นก็ตาม
- ล็อกอุปกรณ์ (Secure Device): ตัวเลือกนี้จะ ล็อกโทรศัพท์ทันที และลงชื่อออกจากบัญชี Google อัตโนมัติ
- คุณสามารถใส่ ข้อความ และ เบอร์ติดต่อกลับ บนหน้าจอล็อกของโทรศัพท์ เพื่อให้คนที่เก็บได้ติดต่อกลับ
- โทรศัพท์จะค้นหาโทรศัพท์หายและแสดงตำแหน่งบนแผนที่ต่อไป

ตามหาโทรศัพท์ Android หาย ด้วย Samsung Find My Mobile
ใครใช้ Samsung มีออปชั่นเพิ่ม เพราะนอกจากจะใช้ Google Find My Device ได้แล้ว ก็ยังใช้ฟีเจอร์ Find My Mobile ของตัวเองได้ด้วย และทำได้ตามนี้!
- เปิดเว็บ: ไปที่เว็บไซต์ findmymobile.samsung.com
- ล็อกอินด้วยบัญชี Samsung Account: ล็อกอินด้วย Samsung ID ที่เคยลงทะเบียนไว้
- เลือกอุปกรณ์: แพลตฟอร์มจะค้นหาโทรศัพท์หายและแสดงตำแหน่งมือถือแบบเรียลไทม์ เล่นเสียง ล็อกเครื่อง หรือแม้แต่สำรองข้อมูลก่อนลบก็ได้!
ถ้ามือถือหาย อย่าเพิ่งตกใจ ลองใช้ Google Find My Device หรือ Samsung Find My Mobile ก่อน เพราะวิธีนี้ทั้งฟรี ปลอดภัย และทำเองได้ทันที อย่าลืมเตรียมบัญชี Google หรือ Samsung Account ให้พร้อมล่วงหน้า แล้วมือถือหายเมื่อไร คุณจะตามเจอได้ง่ายกว่าที่คิด แต่ถ้ามือถือปิดเครื่องหรือโดนขโมยไปแล้ว ก็ต้องตามหาด้วยขั้นตอนต่อไป
วิธีตามหาโทรศัพท์หายด้วยเบอร์โทร
หากค้นหาโทรศัพท์หายด้วยวิธีปกติแล้วไม่เจอ เช่น ใช้ Google Find My Device หรือ iCloud Find My แล้วมือถือดันปิดเครื่องหรือถูกขโมย ทางออกสุดท้ายคือการขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
- แจ้งความก่อนเป็นอันดับแรก ตำรวจจะออกบันทึกแจ้งความให้ เพื่อใช้ประสานงานกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เช่น AIS, True หรือ Dtac ให้อายัดซิมเดิม ป้องกันมิจฉาชีพนำไปใช้ และให้เครือข่ายช่วยตามหาตำแหน่งมือถือจากข้อมูลสัญญาณที่เครือข่ายมีอยู่
- ติดต่อค่ายมือถือ
- True: โทร. 02-858-2616
- AIS: โทร. 02-029-3138
- Dtac: โทร. 02-202-8000
- เตรียมเลข IMEI ให้พร้อม เพราะจะใช้ข้อมูลนี้ค้นหากับเครือข่าย IMEI คือรหัสประจำตัวเครื่อง หาได้จากกล่องโทรศัพท์หรือกด *#06# (ถ้ามือถือยังอยู่กับคุณ)
ข้อสำคัญ! วิธีนี้ไม่ได้เป็นการ “ค้นหาโทรศัพท์หายด้วยเบอร์โทรศัพท์” ตรงๆ แต่เป็นการใช้ข้อมูลจากเสาสัญญาณหรือ IMEI (International Mobile Equipment Identity) ของเครื่อง ซึ่งค่ายมือถือจะไม่สามารถให้ข้อมูลตำแหน่งกับคุณโดยตรง แต่ต้องทำผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น เพื่อป้องกันการแอบอ้างจากคนที่ไม่ใช่เจ้าของเครื่องหรือเบอร์ตัวจริง!

ข้อควรระวัง! อย่าหลงเชื่อเว็บค้นหาโทรศัพท์หายด้วยเบอร์โทร
เว็บไซต์ที่อ้างว่า “ค้นหาโทรศัพท์หายด้วยเบอร์ฟรี” หรือทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ และไม่มีการยินยอมจากเจ้าของเครื่องนั้น ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะวิธีเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค ที่โดยปกติการติดตามมือถือจะทำได้ผ่าน GPS หรือ สัญญาณจากเครือข่ายเท่านั้น ดังนั้นวิธีนี้จึงอาจเป็นการหลอกให้ลงทะเบียนเพื่อล้วงข้อมูลส่วนตัว ฟิชชิ่ง หรือเรียกเก็บเงินโดยที่ไม่ได้ช่วยหาได้จริงๆ
หาโทรศัพท์หายด้วยเบอร์ให้ปลอดภัย ทำได้ผ่านผู้ให้บริการที่เป็นทางการ
ใช้วิธีที่ถูกต้องในการค้นหาโทรศัพท์หายด้วยเบอร์โทร เพราะปลอดภัยกว่าเยอะ! ทางที่ดีถ้ามือถือหาย ลองใช้บริการที่ออกแบบมาจากผู้ให้บริการโดยเฉพาะ เช่น iCloud Find My สำหรับ iPhone, Google Find My Device สำหรับ Android หรือ Samsung Find My Mobile สำหรับผู้ใช้ Samsung ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องตั้งค่าและได้รับอนุญาตจากเจ้าของเครื่องไว้ก่อน ซึ่งปลอดภัยและน่าเชื่อถือกว่าการฝากชีวิตไว้กับเว็บผู้ให้บริการที่ไม่รู้ที่มา เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากเสียเงิน เสียเวลา หรือเจอปัญหาใหม่ซ้ำซ้อน อย่าลืมว่า การค้นหาโทรศัพท์หายต้องทำให้ถูกทาง ปลอดภัยไว้ก่อน สบายใจกว่า!
อ้างอิง
1001click.com , makaiteetum.com , android.com , thestreetratchada