คงปฏิเสธไม่ได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV (Electric Vehicle) กำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงในตลาดรถยนต์ของโลก รวมถึงตลาดรถยนต์เมืองไทยซึ่งหลายคนเริ่มหันมาสนใจเพิ่มมากขึ้น ด้วยกระแสรักษ์โลกมาแรงคนทั่วโลกจึงให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น รถยนต์ไฟฟ้า จึงได้รับความสนใจ เนื่องจากไม่ต้องใช้น้ำมันหรือก๊าซในการเผาไหม้ ทำให้ไม่ต้องปล่อยมลพิษออกมาในอากาศ ที่สำคัญเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และในช่วงปีที่ผ่านมามีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายได้ประกาศเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งบางคนอาจจะเคยเห็นวิ่งตามท้องถนนบ้างแล้ว หรืออาจจะเคยเห็น รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี 2023 จากสื่อออนไลน์ทั่วไป เอาล่ะ! สำหรับใครที่กำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ดีไหม วันนี้เรามีจะชวนทุกคนมาทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร แล้วมีมีกี่ประเภท และข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้ามีอะไรบ้าง ติดตามอ่านได้เลยจ้า
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า คืออะไร
ก่อนที่จะไปอ่าน รีวิว รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี 2023 นั้น ควรต้องทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าก่อนว่าคืออะไร มีระบบในการทำงานอย่างไร สรุปง่าย ๆ คือ รถยนต์ไฟฟ้า คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยการใช้พลังงานที่เก็บอยู่ในตัวในแบตเตอรี่ หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้นั้นจะต้องมีเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้าจะไม่ปล่อยมลพิษในอากาศ ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุงในการรักษารถยนต์ ตอบโจทย์ยุคนี้ที่ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท
ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ประเภท โดยแบ่งตามระบบการใช้งาน ดังนี้
- รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด หรือ Hybrid Electric Vehicle (HEV) รถยนต์มีระบบการขับเคลื่อนด้วยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผสมกับพลังงานไฟฟ้า โดยระบบจะเลือกทำงานให้เองอัตโนมัติ หรือบางครั้งระบบก็อาจจะดึงพลังงานจากทั้งน้ำมันและไฟฟ้ามาใช้ แต่ส่วนใหญ่แล้วช่วงที่รถยนต์สตาร์ท หรือรถยนต์ได้ออกตัวไปสักระยะ 2-3 กิโลเมตร ระบบจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ แต่ถ้ากรณีที่รถยนต์หยุดนิ่งหรือติดไฟแดงนั้น ระบบจะสลับเปลี่ยนมาดึงพลังงานไฟฟ้ามาใช้แทนนั่นเอง
- รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด หรือ Plug-in Hybrid (PHEV) รถยนต์ประเภทนี้มีลักษณะการทำงานที่เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด โดยการทำงานที่จะผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ นั่นก็หมายความว่าสามารถใช้งานได้ทั้งแบบเติมน้ำมันหรือพลังงานไฟฟ้า ถ้าหากเลือกใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าก็จะใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่เพียง 4-5 ชั่วโมง สามารถเสียบเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้จากที่บ้าน หรือที่สถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
- รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (BEV) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ก็จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ไม่ต้องเติมน้ำมันเพื่อไว้สลับการใช้งาน จึงมั่นใจได้เลยว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแน่นอนเพราะไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศ สำหรับใครที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ แนะนำให้ซื้อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าติดไว้ที่บ้าน ซึ่งจะใช้เวลาการชาร์จประมาณ 6-8 ชั่วโมง และยังมีระบบการชาร์จเร็วซึ่งใช้เวลาแค่ 2-4 ชั่วโมง ทั้งนี้ รถยนต์วิ่งได้ไกลประมาณ 300 กิโลเมตรขึ้นไป
- รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV) รถยนต์ประเภทนี้ระบบการทำงานจะผลิตพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรงจากไฮโดรเจน โดยไฮโดรเจนนี้จะถูกเก็บในรูปแบบของเหลว จากนั้นก็ส่งโฮโดนเจนเหลวและออกซิเจนไปยังแผงเซลล์ เพื่อให้แปลงเป็นกระแสไฟฟ้าแล้วกักเก็บไว้ในแบตเตอรี่ แล้วพลังงานไฟฟ้าก็ถูกส่งไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนได้นั่นเอง
รถยนต์ไฟฟ้ามีข้อดียังไงทำไมน่าซื้อมาใช้
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ถึงข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าว่าดีอย่างไร และวันนี้เราได้รวบรวมข้อดีต่าง ๆ มาบอกกัน เพื่อช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ว่าจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ดีไหม มาดูกัน
- รถยนต์ไฟฟ้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการขับเคลื่อนของรถยนต์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน หรือก๊าซในการเผาไหม้ จึงทำให้ไม่ปล่อยไอเสียหรือก๊าซเรือนกระจกออกมาเลย อากาศจึงไม่เป็นมลพิษ
- ช่วยลดมลพิษทางเสียง ด้วยกลไกในการขับเคลื่อนของรถยนต์ ที่ไม่ต้องใช้การจุดระเบิดเพื่อเผาไหม้ ก็ทำให้เวลาสตาร์ทหรือขับรถยนต์แล้วเสียงจะไม่ค่อยดังมากนัก ถ้าเทียบกับรถยนต์ทั่วไป
- เซฟเงินในกระเป๋าได้มากทีเดียว เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% นั้น ไม่มีเครื่องยนต์จึงทำให้ไม่ต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในการเผ่าไหม้ ยิ่งช่วงนี้ที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยเซฟเงินได้เยอะมาก ๆ อีกทั้งยังไม่ต้องเสียเงินไปกับค่าซ่อมบำรุง หรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน เพราะว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีระบบการทำงานที่ไม่มาก จึงไม่ต้องคอยบำรุงรักษาบ่อย
- มีประสิทธิภาพการใช้งานสูงกว่า เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จึงมีแรงบิดมากกว่าตั้งแต่เริ่มสตาร์ทรถยนต์ ทำให้สามารถเร่งเคลื่อนได้ดีกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
- ไม่ต้องเสียเวลาขับรถยนต์ไปเติมน้ำมัน เพราะที่บ้านสามารถเปลี่ยนเป็นสถานีชาร์จแบตเตอรี่ได้ เพียงแค่มีเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หากบ้านใครมีพื้นที่แนะนำให้ออกแบบโรงจอดรถเพื่อจะได้ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ โดยสามารถชาร์จได้ในช่วงกลางคืน พอตื่นเช้ามารถยนต์ไฟฟ้าจะได้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ทันที
คัดมาแล้ว!! 10 รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี 2023 สเปกเครื่องแน่น ราคาไม่แรง
สำหรับใครที่กำลังแพลนว่าปีนี้จะซื้อรถยนต์สักคัน แต่ยังลังเลอยู่ว่าจะเลือกซื้อรถยนต์ทั่วไป หรือ รถยนต์ไฟฟ้า แบบไหนดีกว่ากัน ซึ่งหลายคนอาจคิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยนั้นมีรุ่นให้เลือกน้อย ก็ต้องบอกเลยว่ารถยนต์ไฟฟ้า 2023 ในไทย เดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อชั้นนำ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนมากที่มีเพียงไม่กี่ค่าย และเพื่อช่วยให้ทุกคนได้ตัดสินใจง่ายขึ้น วันนี้จะมาอาสา รีวิว รถยนต์ไฟฟ้า 2023 จัดหนัก จัดเต็ม มาแนะนำให้กับทุกคน ซึ่งจะมีรีวิวตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า ราคาถูก ไปจนถึงราคาแพง จะมีรถยนต์ไฟฟ้าค่ายไหนกันบ้าง ตามเราไปส่องกันเลยจ้า
1. Toyota bZ4X
เริ่มต้นรีวิว รถยนต์ไฟฟ้า 2023 จาก Toyota เป็นบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า Toyota bZ4X เป็นรถที่ได้พัฒนาร่วมกับแบรนด์ Subaru ดีไซน์สวยงามดูทันสมัย หลายคนน่าจะได้เห็นกันแล้วในงานมอเตอร์โชว์ 2023 ขนาดตัวรถกำลังดี เหมาะสำหรับครอบครัว สามารถขับไปเที่ยวต่างจังหวัดได้สบาย รถยนต์รุ่นนี้จะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% มีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ Toyota bZ4X รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า FWD และ Toyota bZ4X รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นมีหลังคาเป็น Solar roof อีกด้วย
สเปกเครื่องยนต์
- โครงสร้างรถยนต์มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน
- ไฟหน้าและไฟท้ายใช้แบบ LED ให้ความสว่างได้ดีและดีไซน์สวย
- มีฟังก์ชันสั่งเปิดแอร์ล่วงหน้า หรือสั่งล็อกประตูรถผ่านสมาร์ทโฟนได้
- มีฟังก์ชันจอดรถให้อัตโนมัติ สามารถสั่งการผ่านมือถือสมาร์ทโฟนได้ง่าย ๆ
- แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 71.4 kWh วิ่งไกลถึง 460-500 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับระบบขับเคลื่อน)
- รองรับ Fast Charging กำลังไฟสูงสุด 150 kW จาก 0-80 เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาเพียง 30 นาที เท่านั้น แบตเตอรี่ก็เต็มพร้อมใช้งานได้ทันที
- ถ้าเป็นรถยนต์รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า มีพละกำลังสูงสุด 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 256 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม 8.4 วินาที
- ถ้าเป็นรถยนต์รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มีพละกำลังสูงสุด 215 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 336 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม 7.7 วินาที
- ราคาประมาณ 2,000,000 – 2,200,000 บาท
2. POCCO
ใครกำลังเล็งว่าจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ราคาถูก ตั้งงบไว้ไม่เกิน 500,000 บาท เราแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ POCCO มาพร้อมคอนเซ็ปต์การผลิตผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ดีไซน์สุดน่ารัก ขนาดกะทัดรัด ระยะทางขับขี่ 116-178 กม. สะดวกในการเดินทาง หาที่จอดรถก็ง่ายมาก โดยมีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MM แบบ 3 ประตู และรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น DD แบบ 5 ประตู ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้จะแบ่งแยกย่อยออกไปเป็นรุ่นต่าง ๆ โดยจะมีดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานแตกต่างกันพอสมควร ส่วนราคาก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่
สเปกเครื่องยนต์ รุ่น MM แบบ 3 ประตู
- ดีไซน์น่ารัก ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับ 2 คน
- สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้าที่บ้านได้สบาย
- ระบบไฟหน้าแยกส่วน คือ ด้านบนเป็นไฟ DRL ที่เป็นแถบไฟ LED ขนาดเรียวเล็กอยู่ใต้กระโปรง ส่วนไฟส่องสว่างจะเป็นไฟฮาโลเจนทรงกลมอยู่บนกรอบโครเมียม
- ที่ชาร์จประจุไฟอยู่ด้านหน้า ล้ออัลลอยสีทูโทนมีขนาดประมาณ 13 นิ้ว
- พละกำลังจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนมีขนาด 29 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ซึ่งทำความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่น)
- ถ้าเป็น POCCO รุ่น MM YX มีแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 9.2 kWh ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 116 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็น POCCO รุ่น MM ZX แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 14.0 kWh ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 170 กิโลเมตร
- ราคาประมาณ 399,000 – 469,000 บาท
สเปกเครื่องยนต์ รุ่น DD แบบ 3 ประตู
- ดีไซน์น่ารัก สีสันพาสเทล ๆ ขนาดเล็กกะทัดรัด
- สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้าที่บ้านได้สบาย
- ภายในรถกว้างขวาง นั่งสบาย ไปเที่ยวได้ทั้งครอบครัว
- ระบบไฟหน้ามีขนาดใหญ่จะอยู่ในในโคมเดียวกัน มีทั้งไฟเลี้ยวที่เป็นหลอดไส้ และไฟส่องสว่างแบบฮาโลเจน
- ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า PMSM มีขนาด 39 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ซึ่งทำความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่น)
- ถ้าเป็น POCCO รุ่น DD L มีแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 10.3 kWh ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 128 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็น POCCO รุ่น MM DD K แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 14.5 kWh ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 178 กิโลเมตร
- ราคาประมาณ 389,000 – 449,000 บาท
3. MG ZS EV
หากพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า MG หลายคนน่ารู้จัก และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นอีกหนึ่งค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยม และมีหลายคนได้รีวิว รถยนต์ไฟฟ้า 2023 กันเยอะมาก ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV ก็ได้ปรับโฉมใหม่ให้เป็น NEW MG ZS EV มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยว สวยงามกว่าเดิม ซึ่งเป็นรถ SUV ขนาดพื้นที่ด้านในกว้างขวางนั่งสบาย เหมาะสำหรับครอบครัว มีฟังก์ชันจัดเต็ม พร้อมนวัตกรรมอัจฉริยะอีกเพียบ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% มีระบบความปลอดภัยมาตรฐานจากยุโรป และเทคโนโลยีมากมายที่จะช่วยให้คุณใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ภายในรถยนต์ไฟฟ้ามีระบบกรองอากาศ PM 2.5 ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย และมัลติมีเดียความบันเทิงมากมาย นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV อีกรุ่นที่อยากแนะนำ ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ
สเปกเครื่องยนต์
- รถยนต์ไฟฟ้า SUV ดีไซน์สวย สีสันสดใส
- มีฟังก์ชันความปลอดภัยในการขับขี่มากถึง 9 ระบบ
- มีให้เลือกมาถึง 5 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน, สีเงิน, สีแดง, สีดำ และสีขาว
- ตัวกระจังหน้า และกันชนหน้าจะเป็นแบบ GRILLE-LESS DESIGN
- มีล้ออัลลอยด์ ดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อแบบ Aero Wheel Cover
- แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดความจุ 44.5 kWh ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 403 กิโลเมตร
- มอเตอร์ไฟฟ้า แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ทำให้ส่งกำลังได้ดีเยี่ยม และช่วยระบายความร้อนได้ดีมากยิ่งขึ้น
- รองรับการชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ ชาร์จไฟแบบธรรมดา และชาร์จไฟแบบเร็ว ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที แบตเตอรี่ก็เต็มพร้อมใช้งานได้ทันที
- มีพละกำลังการขับเคลื่อนสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม 8.6 วินาที
- ราคาประมาณ 1,190,000 บาท
4. MG EP PLUS
เรายังคง รีวิว รถยนต์ไฟฟ้า 2023 จากค่าย MG ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า MG EP PLUS เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับรุ่น MG ZS EV เลย ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกต่อยอดมาจาก EP รุ่นสแตนดาร์ด มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย ความสะดวกสบายในการขับขี่ และยังช่วยเซฟเงินในกระเป๋าให้กับเราได้อีกด้วย ภายในตัวรถยนต์มีระบบกรองอากาศ PM 2.5 สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด และรถรุ่นนี้ยังตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี สำหรับคนรักการเดินทาง รักการท่องเที่ยว เพราะว่าตัวรถจะมีราวหลังคา (Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้ 75 กิโลกรัม มาพร้อมแบตเตอรื่ที่วิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร และมีฟังก์ชันการขับขี่มากมาย และระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล หากใครที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า 2023 ในไทย ราคาไม่สูงมาก ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน MG EP PLUS รุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ
สเปกเครื่องยนต์
- รถยนต์ไฟฟ้า SUV ดีไซน์สวย ดูเท่ห์สมาร์ท
- ภายในรถกว้างขวาง มีที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถขนาดใหญ่
- ระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
- มีจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay
- พร้อมกล้องมองภาพขณะถอยหลัง และมีระบบเซ็นเซอร์กะระยะท้ายรถยนต์
- แบตเตอรี่เป็นลิเธียมไอออนแบบโมดูล ขนาดความจุ 50.3 kWh วิ่งได้สูงสุด 380 กิโลเมตร
- สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้าที่บ้านได้ ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง และยังรองรับการชาร์จเร็วแค่ 40 นาทีเท่านั้น
- ระบบขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม 8.8 วินาที
- ราคาประมาณ 771,000 บาท (ราคาใหม่ที่ปรับลดลงมาจากราคาเดิม 998,000 บาท)
5. Volvo C40 Recharge Pure Electric
สำหรับรถยนต์ Volvo นับว่าเป็นอีกแบรนด์ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งตอนนี้ Volvo ได้หันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งที่มีให้เลือกหลากหลายรุ่น แต่ถ้าใครชอบการท่องเที่ยว อยากได้รถออกแนวสปอร์ตหน่อย เราแนะนำให้เลือกเป็น รุ่น C40 Recharge Pure Electric ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% มาพร้อมดีไซน์โฉมเฉี่ยว สวย ทันสมัย จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีสุดไฮเทค มีฟังก์ชันที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Google รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Google Assistant, Google Maps และ Google Play จัดเต็มความบันเทิงทั้งเครื่องเสียง Premium ลำโพงรอบตัวรถยนต์ มีที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย เป็นต้น
สเปกเครื่องยนต์
- ระบบไฟหน้าแบบ LED Pixel Technology
- มีระบบประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้มือ
- ภายในรถยนต์ยังมีระบบควบคุมคุณภาพอากาศ Clean Zone พร้อมเซ็นเซอร์วัดค่า PM 2.5
- แบตเตอรี่เป็นลิเธียมไอออนแบบโมดูล ขนาดความจุ 78 kWh วิ่งได้สูงสุด 500 กิโลเมตร
- ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Dual Motor AWD ด้วยพละกำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.7 วินาที
- รองรับการชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ ชาร์จไฟแบบธรรมดา และชาร์จไฟแบบเร็ว ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 37 นาที แบตเตอรี่ก็เต็มพร้อมใช้งานได้ทันที
- ระบบการขับขี่แบบ One Pedal Drive สามารถจะทำได้ทั้งเร่ง ชะลอความเร็ว และเบรกรถได้ด้วยแป้นแป้นเดียว
- ราคาประมาณ 2,750,000 บาท
6. ORA Good Cat รุ่น 400 TECH
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat รุ่น 400 TECH ดีไซน์น่ารักคิกขุ สีสันสวยสดใส ใครได้เห็นก็ต้องหลงรัก ถูกใจสาว ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์นี้เปิดตัวสร้างกระแสโซเชียล ด้วยดีไซน์การออกแบบที่ล้ำสมัยแฝงไปด้วยความคลาสสิก โดดเด่นด้วยไฟหน้าเป็นแบบ LED เต็มรูปแบบในรูปทรง Cat Eye งานนี้บอกเลยว่าถูกใจทาสแมว ภายในตัวรถกว้างกำลังดี นั่งได้สบาย ตรงหน้าจอ Interactive Double Screen หน้าจอพาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถที่มีความละเอียดสูง มีหน้าจอแสดงผลในการขับขี่แบบดิจิตอล มีฟังก์ชันการสั่งด้วยเสียงอัจฉริยะ สามารถควบคุมการทำงานต่าง ๆ ได้ พร้อมด้วยมัลติมีเดีย ความบันเทิงที่จัดเต็ม ถ้าใครที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า ราคาถูก ดีไซน์น่ารัก ฟังก์ชันครบ ใช้งานง่าย รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ตอบโจทย์ได้ดี
สเปกเครื่องยนต์
- ระบบสั่งการด้วยเสียง Voice Command
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมกรองฝุ่น PM2.5
- สามารถรองรับ Apple CarPlay / Android Auto ได้ดี
- ไฟหน้า LED อัจฉริยะ / ไฟท้าย LED / ไฟตัดหมอกท้าย
- สามารถดูสถานะรถยนต์ได้ผ่าน ระบบ GWM Application
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต ขนาดความจุ 47.78 kWh วิ่งได้สูงสุด 400 กิโลเมตร
- มีระบบการเชื่อมต่อโครงข่ายระยะไกล ทำให้สามารถควบคุมการเปิด-ปิดการชาร์จ เครื่องปรับอากาศ ปิดหน้าต่างรถ
- มัลติมีเดียครบครัน ทั้ง Bluetooth / MP5, ลำโพง 4 ตำแหน่ง, ช่อง USB 2 ตำแหน่ง, สามารถชาร์จโทรศัพท์มือถือ
- ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 105 kW หรือประมาณ 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 152 กม./ชม. เร่งความเร็ว 0-50 กม./ชม. ในเวลา 3.8 วินาที
- ราคาประมาณ 828,500 บาท (ราคาใหม่ที่ปรับลดลงมาจากราคาเดิม 989,000 บาท)
7. Nissan Leaf
ถ้าพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ต้องนึกถึงรถยนต์แบรนด์ Nissan ที่เข้ามาเมืองไทยเป็นเจ้าแรก ๆ ทำให้คนไทยได้รู้จักและใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf รุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์สวย ทันสมัย จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีในการขับขี่ที่เพิ่มเร่งความเร็ว ชะลอความเร็ว รวมถึงการเบรกรถยนต์ด้วยการใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว มีระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ในการระหว่างการขับขี่ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเราได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยกล้องอัจริยะมองภาพรอบทิศทาง เพิ่มความสะดวกสบายการขับขี่มากขึ้น เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกรุ่นที่เหมาะสำหรับครอบครัว
สเปกเครื่องยนต์
- ชาร์จเพียงครั้งเดียวขับขี่ได้ไกลมาก ๆ
- ติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise control)
- เพิ่มความปลอดภัยด้วยกล้องอัจริยะมองภาพรอบทิศทาง
- หากมีความเสี่ยงในการชนรถยนต์ด้านหน้าจะมีระบบช่วยเตือนให้
- มีระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจริยะ Forward Emergency Braking (FEB)
- รุ่นนี้รองรับการชาร์จเร็ว จะให้กำลังไฟจาก 0-80% ใช้เวลาเพียงแค่ 40 นาที
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนรุ่นใหม่ ขนาดความจุ 40 kWh วิ่งได้สูงสุด 311 กิโลเมตร
- ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 57 kW หรือประมาณ 149 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.9 วินาที
- ราคาประมาณ 1,990,000 บาท
8. Fomm ONE
รุ่นถัดไปที่เราจะมา รีวิว รถยนต์ไฟฟ้า 2023 นั่นก็คือ รถยนต์ไฟฟ้า Fomm ONE แบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่น ที่มาผลิตประกอบในเมืองไทย ดีไซน์สุดน่ารัก ขนาดเล็กกระทัดรัด สามารถนั่งได้ถึง 4 คน เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง ขับในระยะใกล้ ๆ ชาร์จด้วยไฟฟ้าบ้านได้ใช้เวลาประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะไกลถึง 160 กิโลเมตร และจุดเด่นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้คือสามารถลอยน้ำได้เหมือนกับเรือ ด้วยการออกแบบทำให้เจอกับสถานะการน้ำท่วมได้สบาย แต่ถ้าใครอยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ไปเที่ยวต่างจังหวัด รถรุ่นนี้อาจจะยังไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่น้า ลองมาดูสเปกรุ่นนี้กัน
สเปกเครื่องยนต์
- ดีไซน์น่ารักเล็กกระทัดรัด
- สีสันสวยสดใส มีให้เลือกมากถึง 7 สี
- สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้าที่บ้านได้สบาย
- ได้ผ่านมาตรฐานรถยนต์ขนาดเล็ก L6e จากยุโรป
- แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมแมงกานีส ขนาด 2.96 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 160 กิโลเมตร
- ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 10 kW หรือประมาณ 13.5 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0-80 กม./ชม.
- ราคาประมาณ 499,900 บาท
9. MINI Cooper SE
ใครที่ชอบรถยนต์คันเล็ก ๆ สไตล์มินิ ต้องที่นี่ รถยนต์ไฟฟ้า MINI Cooper SE ดีไซน์สวย โฉบเฉี่ยว ดูดีทันสมัย สีสันสวยงาม มาพร้อมเอกลักษณ์ความเร้าใจในสไตล์โกคาร์ทซึ่งเป็นตำนานของ MINI ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ก็จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ชาร์จแบตเตอรี่ครั้งหนึ่งขับได้ไกลถึง 217 กิโลเมตร เรียกได้ว่าสามารถขับไปต่างจังหวัดได้เลย จัดเต็มมากับเทคโนโลยีการขับขี่ให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่ Sport, MID, GREEN, และ GREEN+ และยังรองรับหัวชาร์จทั้ง AC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2 ถ้าใครสนใจลองไปชมกันที่โชว์รูมได้เลย
สเปกเครื่องยนต์
- ดีไซน์สวย สไตล์โกคาร์ท
- มีโหมดการขับขี่ให้เลือกมากถึง 4 รูปแบบ
- จอแสดงผลในการขับขี่เป็นสีดิจิทัลขนาด 5.5 นิ้ว
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 32.6 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 217 กิโลเมตร
- พละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า และด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถส่งแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0-60 กม./ชม. ภายในเวลา 3.9 วินาที
- รุ่นนี้รองรับการชาร์จเร็ว จะให้กำลังไฟจาก 0-50% ใช้เวลาเพียงแค่ 36 นาที
- แบตเตอรี่แรงดันสูงสามารถรองรับสายชาร์จได้ทั้งแบบมาตรฐาน และสายชาร์จจาก MINI ELECTRIC Wallbox ที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์
- ราคาประมาณ 2,290,000 บาท
10. LEXUS UX 300e
ปิดท้ายการรีวิว รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี 2023 จากแบรนด์หรูอย่าง LEXUS ที่ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Lexus UX 300e ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของเล็กซัส ดีไซน์หรูหรา ล้ำสมัย ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุระดับพรีเมียม ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง Smooth Leather สามารถปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางคู่หน้า ยังมีระบบระบายอากาศคู่หน้า รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay/Android Auto มีระบบแผนที่คอยนำทางในตัวอีกด้วย ไม่ต้องซื้อ GPS มาติดตั้งเพิ่ม จัดเต็มด้วยความบันเทิงครบครัน ทั้งเครื่องเสียง Mark Levinson 13 ลำโพง และก็ยังรองรับระบบชาร์จไฟไร้สายได้อีกด้วย
สเปกเครื่องยนต์
- มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- ติดตั้ง Lexus Safety System Plus เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
- ระบบเครื่องยนต์สามารถรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay/Android Auto
- แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ขนาด 54.35 kWh ขับขี่ได้เป็นระยะทาง 300 กิโลเมตร
- มอเตอร์ไฟฟ้ามีพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 160 กม./ชม.
- รองรับการชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ ชาร์จไฟแบบธรรมดา และชาร์จไฟแบบเร็ว ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 50 นาที แบตเตอรี่ก็เต็มพร้อมใช้งานได้ทันที
- ราคาประมาณ 3,490,000 บาท
เลือกซื้อตามที่ได้ รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี 2023 คัดเลือกรุ่นที่มีขายในประเทศไทยมาให้แล้ว!!
ก็เป็นอันจบลงสำหรับการ รีวิว รถยนต์ไฟฟ้า 2023 เราหวังว่าทุกคนที่อ่านบทความนี้จะได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อย เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ทุกคนได้รู้จักรถยนต์ไฟฟ้า เข้าใจถึงระบบการทำงาน และข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้ากันเพิ่มมากขึ้น สำหรับใครสนใจอยากลองซื้อมาใช้บ้าง แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับการใช้งานของคุณ นอกจากนี้แล้วเรายังมีบทความอื่นที่น่าสนใจ ถ้าหากใครที่กำลังมองหารถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ หรืออุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์ต่าง ๆ เช่น กล้องติดหน้ารถ สามารถมาอ่านบทความได้ที่ Shopee Blog และ ช้อปได้ที่ Shopee