สำหรับครอบครัวของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งมีลูกน้อยหรือเตรียมตัวเป็นว่าที่พ่อแม่ของลูกน้อยนั้น ช่วงนี้ก็คงเป็นช่วงที่วุ่นกับการเตรียมตัวหลายอย่างเพื่อลูกน้อยสุดรักของเรากันใช่ไหมล่ะครับ ทั้งเสื้อผ้า อุปกรณ์ต่างๆ อีกสารพัด และมีอีกอุปกรณ์หนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็อาจจะเล็งๆ กันไว้อยู่ว่าควรจะซื้อดีไหม นั่นก็คือ “เครื่องปั๊มนม” ที่เป็นอีกเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่ยุคใหม่ให้สามารถปั๊มน้ำนมสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉินหรือในช่วงเวลาที่ไม่สะดวก เช่น จำเป็นต้องออกนอกบ้านเป็นประจำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือเป็นช่วงที่รับประทานยาที่จำเป็น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทานได้ เครื่องปั๊มนมก็จะช่วยให้คุณแม่มือใหม่มีนมเก็บไว้ให้ลูกน้อยได้ดื่มอยู่แบบไม่ขาด เพื่อการเติบโตที่ดีของลูกน้อย แต่แน่นอนว่า ในตลาดก็มีเครื่องปั๊มนมมากมายหลายแบรนด์ แตกต่างกันทั้งราคาและคุณภาพ จนอาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่สงสัยว่า แล้วจะเลือกเครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนดีล่ะ ?
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
เครื่องปั๊มนมแบบธรรมดาและไฟฟ้า แตกต่างกันอย่างไร
เครื่องปั๊มนมแบบธรรมดากับแบบไฟฟ้านั้น แน่นอนว่าแค่ชื่อก็มีความแตกต่างกันแล้ว เครื่องปั๊มนมแบบธรรมดานั้นก็อาจจะเป็นแค่เครื่องมือปั๊มนมที่อาศัยแรงมนุษย์ในการใช้งาน ส่วนเครื่องปั๊มนมไฟฟ้านั้นก็ตามชื่อ คือใช้ไฟฟ้าในการทำงาน แต่เรามาดูรายละเอียดเต็มๆ ของเครื่องปั๊มนมแต่ละแบบกันดีกว่าว่าจะมีจุดเด่นหรือข้อสังเกตอย่างไรบ้าง
- เครื่องปั๊มนมธรรมดา เครื่องปั๊มนมประเภทนี้จะทำงานด้วยแรงมือมนุษย์ มีจุดเด่นคือ
- สามารถใช้งานที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเสียบสาย
- ข้อจำกัดเรื่องสถานที่ในการใช้งานน้อยกว่า
- ราคาไม่สูงมาก
- ปริมาณน้ำนมที่ได้ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก
แต่ข้อสังเกตของเครื่องปั๊มนมธรรมดาก็คือ
- คุณแม่ต้องออกแรงในการปั๊มนมด้วยตัวเอง
- อาจจะทำอย่างอื่นไปพร้อมกับปั๊มนมไม่ได้
- เครื่องปั๊มนมไฟฟ้า เครื่องปั๊มนมไฟฟ้านั้น ทำงานด้วยแรงจากไฟฟ้า มีจุดเด่นคือ
- ไม่ต้องใช้แรงในการทำงาน
- ช่วยประหยัดเวลาในการปั๊มนมลงได้
- ปริมาณนมที่ได้มีแนวโน้มที่จะมากกว่าการปั๊มด้วยมือ
- เครื่องบางรุ่นมีขนาดเล็ก สามารถใส่พกพาได้ หรือใส่ในบราได้เลยไม่ต้องถือ
แต่ก็อาจจะมีข้อสังเกตเล็กน้อย ก็คือ
- อาจจะมีข้อจำกัดในการใช้งานสำหรับรุ่นที่ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว
- เสียค่าไฟมากขึ้น (มาก-น้อย ขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าถี่แค่ไหน)
- หากแบตเตอรี่หมดก็ไม่สามารถปั๊มนมได้อย่างต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องปั๊มนมไฟฟ้านั้นก็ยังคงเป็นเครื่องมือที่เราแนะนำสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน เพราะการมานั่งปั๊มมือนั้น ก็คงไม่ตอบโจทย์ความรวดเร็วในชีวิตของคุณแม่ยุคใหม่สักเท่าไหร่นัก
แนะนำและรีวิวเครื่องปั๊มนม แบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ
หลังจากเกริ่นกันมายาวแล้ว ในบทความนี้ Shopee Blog จะมาแนะนำ 5 เครื่องปั๊มนมพร้อมรีวิวเครื่องปั๊มนมแบบสั้นๆ ให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทุกท่านมาเลือกสรรกัน ว่าแต่จะมีรุ่นอะไรบ้าง มาเช็คกันเลย
1. Spectra รุ่น S1
เริ่มรุ่นแรกเลยสำหรับเครื่องปั๊มนมไฟฟ้า Spectra รุ่น S1+ ที่มีคุณแม่จาก Pantip หลายเสียงต่างรีวิวเครื่องปั๊มนมรุ่นนี้และยกให้เป็นเครื่องที่มีคุณภาพระดับโรงพยาบาลเลยทีเดียว โดย Spectra รุ่น S1+ มีฟังก์ชั่นที่น่าสนใจ เช่น
- ระบบการทำงาน : สามารถต่ออุปกรณ์ได้ทั้งปั๊มเดี่ยวและปั๊มคู่
- โหมดการทำงาน : รองรับ 2 โหมดการทำงาน
- โหมดนวดเต้า
- โหมดปั๊มนม
- ระดับความแรง : ปรับได้ถึง 12 ระดับ
- ความเร็วการทำงาน : ความเร็วในการบีบน้ำนม สูงสุด 70 ครั้ง/นาที
- แบตเตอรี่ : รองรับแบตเตอรี่ในตัว พกพาได้
- ระยะเวลาการใช้งาน : ใช้งานได้สูงสุด 3 ชั่วโมง/การชาร์จ
- ฟังก์ชั่นการทำงาน : มีโหมดเมมโมรี่ ช่วยจำโหมดการทำงานล่าสุด,หน้าจอ LCD แสดงการทำงาน และไฟส่องสว่างปรับได้ 2 ระดับ, เสียงเงียบ สามารถใช้งานได้แม้ลูกหลับ
- ราคา : 11,000 บาท
2. Attitude mom รุ่น New Galaxy II
หากกำลังหาอยู่ว่า จะซื้อเครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนดี Attitude mom รุ่น New Galaxy II ก็เป็นเครื่องปั๊มนมไฟฟ้าอีกรุ่นที่น่าสนใจ และคุณแม่หลายท่านก็ให้ความนิยมกันไม่น้อย โดยมีฟังก์ชั่นที่น่าสนใจ เช่น
- ระบบการทำงาน : ระบบการทำงานแบบ 2 มอเตอร์ แยกการทำงานได้อย่างอิสระ
- โหมดการทำงาน : รองรับ 5 โหมดการทำงาน
- Expression ช่วยระบายน้ำนม
- Massage ช่วยนวดกระตุ้นเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำนม
- 2 in 1 รวมการทำงานทั้งการดูดและกระตุ้น โดยจะกระตุ้นน้ำนม 8 ครั้ง และดูดน้ำนม 1 ครั้ง
- Double frequency โหมดนี้จะรีดน้ำนมจนหมดเต้า ป้องกันเต้านมอักเสบ
- Spin โหมดสปินหรือปั่นจี๊ด (เหมือนการปั่นที่หัวนม เพื่อไปกระตุ้นการผลิตน้ำนม และทำให้น้ำนมไหลมากยิ่งขึ้น)
- ระดับความแรง : ปรับความแรงได้สูงสุด 7 ระดับ (ในโหมด Expression, 2 in 1, Double frequency)
- ความเร็วการทำงาน : ความเร็วในการบีบน้ำนม สูงสุด 137 ครั้ง/นาที (ในโหมด 2 in 1)
- แบตเตอรี่ : ในตัว ชาร์จไฟ 4-5 ชั่วโมง/ครั้ง
- ระยะเวลาการใช้งาน : ใช้ได้สูงสุด 8 ชั่วโมง/การชาร์จ (ในโหมดปั๊มเดี่ยว) และ 4 ชั่วโมง/การชาร์จ (โหมดปั๊มคู่)
- ฟังก์ชั่นการทำงาน : มีปุ่ม Switch สลับข้างในการปั๊มได้ใน 1 คลิก, สามารถปั๊มพร้อมกันได้ทั้ง 2 ข้าง, ขนาดเล็กกระทัดรัด สามารถพกพาได้สะดวก
- ราคา : 17,900 บาท
3. Malish รุ่น Elena
สำหรับรุ่นนี้ก็เป็นอีกรุ่นของเครื่องปั๊มนม ที่ถ้าเหล่าคุณแม่กำลังคิดกันอยู่ว่า จะซื้อเครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนดี เราก็ขอแนะนำ Malish รุ่น Elena เป็นเครื่องปั๊มนมที่บอกได้เลยว่าคุณภาพนั้นเกรดโรงพยาบาลเลยทีเดียว ไปส่องดีเทลกันว่า Malish รุ่น Elena จะเป็นอย่างไร
- ระบบการทำงาน : ระบบกระบอกสูบ ดูดแบบนุ่มนวล
- โหมดการทำงาน : รองรับ 2 โหมดการทำงาน
- โหมดกระตุ้นน้ำนม ให้น้ำนมไหลออกมาได้ง่ายขึ้น
- โหมดปั๊มน้ำนม ที่รีดออกมาได้ลึกและน้ำนมไหลออกมาได้สะดวก
- ระดับความแรง : ปรับความแรงได้สูงสุด 12 ระดับ
- ความเร็วการทำงาน : ความเร็วในการบีบน้ำนม สูงสุด 70 ครั้ง/นาที
- แบตเตอรี่ : แบตเตอรี่ในตัว สามารถใช้งานได้แม้ไม่ได้เสียบปลั๊ก
- ระยะเวลาการใช้งาน : ใช้ได้สูงสุดประมาณ 3 ชั่วโมง/การชาร์จ
- ฟังก์ชั่นการทำงาน : บีบน้ำนมนุ่มนวล, เสียงเงียบ ไม่รบกวนลูกน้อยที่นอนหลับอยู่, กรวยปั๊มนมเป็นซิลิโคนนุ่ม รองรับการเอนหลังปั๊มได้ 45 องศา, มีไฟส่องสว่างรอบตัวเครื่อง
- ราคา : 6,990 บาท
4. NATUR รุ่น D-5
สำหรับรุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของผู้ที่กำลังมองหาเครื่องปั๊มนมราคาถูกและเป็นแบรนด์ที่ไว้ใจได้ นั่นก็คือ NATUR รุ่น D-5 ที่มาในราคาสุดคุ้มค่า คุณแม่หลายท่านรีวิวเครื่องปั๊มนมรุ่นนี้กันแล้วว่าคุณภาพโอเคสมราคา Shopee Blog จึงไม่พลาดที่จะหยิบมาแนะนำทุกท่านกันจ้า
- ระบบการทำงาน : ระบบ 2 มอเตอร์ แบบปั๊มคู่ สามารถแยกการทำงานซ้ายขวาได้อิสระ
- โหมดการทำงาน : รองรับ 2 โหมดการทำงาน
- โหมดกระตุ้น ช่วยให้คุณแม่หลั่งน้ำนมออกมาได้ง่ายขึ้น
- โหมดปั๊ม ที่สามารถรีดน้ำนมออกมาได้ง่ายดาย
- ระดับความแรง : ปรับความแรงได้สูงสุด 9 ระดับ
- ความเร็วการทำงาน : ความเร็วในการบีบน้ำนม สูงสุด 99 ครั้ง/นาที
- แบตเตอรี่ : แบตเตอรี่ในตัว สามารถใช้งานได้แม้ไม่ได้เสียบปลั๊ก
- ระยะเวลาการใช้งาน : ใช้ได้สูงสุดประมาณ 2 ชั่วโมง/การชาร์จ
- ฟังก์ชั่นการทำงาน : มีระบบจดจำโหมดล่าสุดที่ใช้งาน และสามารถกลับมาใช้งานต่อได้, มีระบบปิดอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งานเกิน 30 นาที, ทำงานเงียบ ไร้เสียงรบกวน, น้ำหนักเบา 400 กรัม พกพาง่าย
- ราคา : 2,399 บาท
5. Spectra รุ่น Wearable
สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนดีที่มีขนาดเล็ก และสามารถพกพาได้อย่างสะดวกสบาย เราขอแนะนำ Spectra รุ่น Wearable ที่มาในขนาดเล็กกระทัดรัด แต่คุณภาพและฟีเจอร์อัดแน่นจัดเต็ม เรามาส่องรีวิวเครื่องปั๊มนมรุ่นนี้กันดีกว่าว่า มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง
- ระบบการทำงาน : ระบบ 1 มอเตอร์ แบบปั๊มเดี่ยว
- โหมดการทำงาน : รองรับ 4 โหมดการทำงาน
- โหมดกระตุ้นน้ำนม กระตุ้นให้น้ำนมไหลออกได้สะดวกมากขึ้น
- โหมดปั๊มนม ที่ช่วยรีดน้ำนมออกมาได้อย่างเต็มที่
- โหมดเพิ่มน้ำนม ช่วยให้น้ำนมที่ออกจากเต้ามีปริมาณเพิ่มมากขึ้น
- โหมดเคลียร์น้ำนมค้างเต้า ช่วยรีดน้ำนมในเต้าที่ค้างอยู่ให้ออกมาหมดเกลี้ยง
- ระดับความแรง : สามารถปรับความแรงได้สูงสุด 5 ระดับ
- ความเร็วการทำงาน : ความเร็วในการบีบน้ำนม สูงสุด 100 ครั้ง/นาที
- แบตเตอรี่ : แบตเตอรี่ในตัว สามารถใช้งานได้แม้ไม่ได้เสียบปลั๊ก
- ระยะเวลาการใช้งาน : มีระบบตัดการทำงานเมื่อใช้ครบ 30 นาที
- ฟังก์ชั่นการทำงาน : ขนาดเล็ก สวมในบราก็สามารถใช้งานได้ทันที, ขนาดเล็ก ไม่เทอะทะ, สามารถใช้พร้อมกัน 2 เครื่องเพื่อปั๊มนมจากทั้ง 2 ข้างได้ทันที, อุปกรณ์สามารถใช้งานเป็นขวดนมได้ทันที, พกพาสะดวกมากเพราะมีขนาดที่เล็ก
- ราคา : 6,990 บาท/ชิ้น
ปั๊มน้ำนมแล้ว เก็บรักษาอย่างไรดี
หลักจากที่คุณแม่เลือกซื้อเครื่องปั๊มนมมาใช้งานกันแล้ว การเก็บรักษาน้ำนมนั้นก็ถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะแน่นอนว่าคุณแม่มือใหม่ส่วนมากที่ใช้งานเครื่องปั๊มนมนั้น ก็มักจะใช้ในแง่ของการเก็บน้ำนมให้ลูกน้อยได้กินในยามที่เราไม่อยู่นั่นเอง แน่นอนว่าการเก็บรักษานมนั้นเป็นเรื่องที่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต้องรู้ เพราะจะได้รักษาน้ำนมแม่ให้มีคุณภาพดีและอยู่ได้นานมากขึ้น เกริ่นกันมายาวขนาดนี้แล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่า การเก็บรักษานมในแต่ละแบบนั้น เก็บได้นานเท่าไหร่ มาดูกัน
- เก็บไว้ในอุณหภูมิห้องที่ 25 องศาเซลเซียส สามารถเก็บไว้ได้ได้ประมาณ 4 ชั่วโมง
- เก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา สามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 4 วัน
- เก็บไว้ในช่องแช่แข็ง สามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 2 สัปดาห์
ทั้งนี้นมแม่ที่เก็บในห้องแช่แข็งควรเก็บไว้ในถุงเก็บน้ำนม เพราะผลิตมาโดยเฉพาะในการเก็บน้ำนมแม่ ไม่มีสารเคมีตกค้างและสารอันตรายอื่น ๆ เก็บในอุณหภูมิเย็นจัดได้
วิธีการนำน้ำนมแช่แข็งออกมาใช้
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เก็บน้ำนมในช่องแช่แข็งเพื่อให้อยู่ได้นานนั้น เราจะพาทุกท่านไปดูกันว่า ถ้าเก็บแช่เย็นจนแข็งแล้ว จะนำนมออกมาใช้งาน หรือละลายนมได้อย่างไรให้ยังคงคุณค่าทางโภชนาการที่ดีและไม่บูดไปเสียก่อน ซึ่งมีหลักๆ 2 วิธีที่เราแนะนำ ก็๕ือ
- นำน้ำนมที่แช่ในช่องแช่แข็งมาใส่ในตู้เย็นช่องธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมงจะละลายเป็นน้ำนมปกติ
- นำน้ำนมแช่แข็งที่อยู่ในถุงหรือขวด มาวางในถ้วยที่ใส่น้ำอุ่นที่อุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียส
ข้อความระวังคือไม่ควรปล่อยให้น้ำนมละลายเองที่อุณหภูมิห้อง และห้ามนำเข้าไมโครเวฟหรือใส่ลงในน้ำเดือด เพราะจะทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลง รวมถึงน้ำนมแช่แข็งที่ผ่านการละลายแล้ว ไม่ควรนำเข้าไปแช่แข็งอีกรอบ
หวังว่าคุณแม่มือใหม่ หรือมือเก่าก็ตามที่กำลังมองหาเครื่องปั๊มนมไฟฟ้า และไม่รู้จะซื้อเครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนดี คงได้ยี่ห้อที่ถูกใจ ทั้งราคาและฟังก์ชั่น พร้อมได้ความรู้เรื่องวิธีเก็บน้ำนมแม่ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเหล่าคุณแม่ทุกคน และเพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารจากนมอย่างครบถ้วน
อ้างอิง : medela.com, womenshealth.gov