สิวอีกประเภทที่มักกวนใจหนุ่มๆสาวๆนั่นคือ สิวหิน หรือ สิวข้าวสาร ซึ่งสิวหินคือ ซีสเล็กๆ ของต่อมไขมัน หน้าตาจะเป็นเม็ดขาวเล็กๆ ประมาณหนึ่งเซนติเมตร สิวหินใต้ตาหรือเปลือกตา ที่เกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วกับไขมันที่อยู่บนใบหน้า จนเกิดเป็นลักษณะสิวหัวปิด หัวสิวจะมีสีขาวหรือเหลืองเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะรักษายังไงก็ไม่หายขาดสักที บางทีหายแล้วก็ยังกลับมาอีกเรื่อยๆ ใครอยากจะหาวิธีรักษาสิวหินและวิธีป้องกันการเกิดสิวหินกันใช่ไหมล่ะ ซึ่งขอบอกเลยว่าวิธีรักษาไม่ยากอย่างที่คิด ตามมาดูกันเลย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
สิวหินเกิดจากอะไร?
สิวหินหรือสิวเม็ดข้าวสารเป็นสิวที่ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบเป็นสิวที่ค่อนข้างไม่รบกวนหรือสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้เป็นสิวแต่อย่างใด แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเพราะปัญหาของสิวเม็ดข้าวสารมีมากกว่าที่เห็นแม้ว่าจะเป็นสิวขนาดเล็กเหมือนจะรักษาง่ายแต่กลับไม่หายขาด สิวหินคือสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเม็ดเล็กสีขาวขุ่นหรือสีเหลืองเกิดเป็นสิวหินใต้ตาเพราะมักเกิดขึ้นบริเวณถุงใต้ตา จะบีบก็บีบไม่ได้เพราะเป็นบริเวณผิวหนังที่บอบบางเป็นอย่างมาก วิธีสลายสิวประเภทนี้ใช้เวลานานถึง 10-15 ปีหากต้องการให้สลายหายไปเองโดยธรรมชาติ บางที่ก็เรียกสิวเม็ดข้าวสารว่ามิเลีย (Milia) เพราะเป็นสิวที่ไม่ได้เกิดจากการสะสมแบคทีเรียเพียงอย่างเดียวแต่สิวหินเกิดจากการสะสมของเซลล์ผิวเก่าที่หมดสภาพแล้วแต่ไม่สามารถหลุดลอกออกไปตามธรรมชาติติดค้างที่ผิวหน้าเมื่อเวลาผ่านไปเป็นเวลานานก็เกิดการทับถมและสะสมรวมตัวกับไขมันในต่อมไขมันใต้ผิวหนัง สาเหตุอื่นๆได้แก่การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบไม่สะอาด ไม่มีคุณภาพ การขัดหน้าถูหน้าแรงๆ อยู่ในที่โล่งแจ้งตากแดดเป็นเวลานานและบ่อยครั้ง ทำให้ผิวหนังอักเสบ หรือเกิดจากแผลไฟไหม้ เป็นสิวที่เกิดขึ้นแม้กระทั่งเด็กทารกบริเวณที่เกิดนอกจากถุงใต้ตาอาจจะมีในบริเวณโหนกแก้มและจมูกร่วมด้วย
วิธีการกำจัดสิวหินหรือสิวเม็ดข้าวสาร
1. ใช้ยา
โดยปกติแล้วสิวหินสามารถหายไปได้เองแต่ต้องใช้เวลา แต่หากเรารู้สึกรำคาญก็สามารถใช้ยาทาเพื่อช่วยกำจัดให้สิวหินหายไปได้ โดยยาที่สามารถใช้ได้ คือ กรด 50% ไตรคลอโรอะเซติก (Trichloroacetic Acid) แต้มบริเวณที่เป็นสิวเพื่อให้สิวหลุดออกไป ซึ่งยากลุ่มนี้ไม่สามารถทำได้เอง ต้องให้แพทย์เป็นผู้รักษาให้
2.แต้มด้วยปูนแดง
เป็นวิธีรักษาสิวหินแบบพื้นบ้านมากๆเนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ใช้เพียงแค่ปูนแดงนำมาแต้มที่สิวทุกเช้าและเย็นทุกวัน จากนั้นรอเวลาให้สิวเด้งออกมาจากรูขุมขนเองวิธีนี้ใช้ได้กับผู้ที่เป็นสิวที่ไม่ลึกถ้าสิวลึกมากคงต้องดูวิธียิงเลเซอร์แทนการใช้ปูนแดง แต่ถ้าต้องการความปลอดภัยก็สามารถทดสอบกับตนเองก่อนได้เพียงแค่ทาไว้ไม่ต้องนวดไม่ต้องล้างจากนั้นก็ทำกิจวัตรประจำวันของคุณตามปกติ ที่เหลือก็แล้วแต่เวลาและความลึกของสิวเม็ดข้าวสารแล้วล่ะว่าจะใช้เวลาในการสลัดตัวเองออกมาจากแหล่งที่อยู่เดิมได้เมื่อไหร่ แน่นอนว่าสิวบางจุดใช้เวลาสลัดสิวออกมาช้าเร็วต่างกันแม้จะเป็นผิวหนังของคนเดียวกัน
#เทคนิคเล็กๆแนะนำสำหรับมือใหม่ ควรแต้มเฉพาะตรงหัวสิวเท่านั้น เพราะปูนแดงอาจจะกัดผิวส่วนอื่นให้เป็นแผลได้ ข้อสำคัญควรทดลองแต้มสิวสักหนึ่งจุดก่อนเพื่อรอดูว่าจะมีอาการแพ้หรือไม่จะได้ไม่เป็นอันตราย
3.กดสิวด้วยเข็ม
วิธีการรักษาสิวแบบการกดสิวเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ และงบประมาณในการใช้จ่ายนั้นไม่สูง ซึ่งนี้อาจจะเป็นทางเลือกของสาวๆได้ดีอีกวิธีหนึ่ง แต่คิดว่าค่อนข้างเสี่ยงถ้าทำด้วยตัวเองยิ่งเป็นบริเวณถุงใต้ตาแนะนำให้เข้าไปจัดการที่คลินิกเสริมความงามจะปลอดภัยกว่า กดสิวด้วยเข็มก็คือการนำเข้มไปจิ้มหรือเขี่ยบริเวณที่เป็นสิวแล้วกดออกอาจดูเหมือนจะง่ายแต่เวลาทำจริงลุ้นมาก ทั้งยังต้องระวังเรื่องผิวที่ค่อนข้างบอบบางด้วยบริการกดสิวที่คลิกนิดเสริมความงามจึงเป็นที่แนะนำมากกว่า
4.ยิงด้วยเลเซอร์
เหมือนกับการรักษาสิวชนิดอื่นแต่กับสิวชนิดนี้เป็นการยิงเพื่อให้แผลตกสะเก็ดทำให้ไขมันที่อุดตันอยู่ใต้ผิวหนังสามารถหาทางหลุดออกมาได้ในทีสุด วิธีจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าราคาแต่ละสถานที่ไม่เท่ากัน ความปลอดภัยของการยิงเลเซอร์ต้องพิจารณาจากตำแหน่งของสิวเป็นหลักหากตำแหน่งอยู่ใต้บริเวณรอบดวงตามากเกินไปไม่แนะนำให้ทำเพราะค่อนข้างเสี่ยง แต่ถ้าเป็นบริเวณอื่นสามารถเลือกทำได้ตามกำลังทรัพย์ แก้ปัญหาสิวเม็ดข้าวสารด้วยการยิงเลเซอร์เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว เห็นผลดีในระยะเวลาที่รวดเร็ว ข้อเสียของวิธีนี้คือเรื่องความปลอดภัยจากตำแหน่งของสิว ความชำนาญของผู้ยิงเลเซอร์ คุณภาพของเครื่องมือที่ใช้และค่าใช้จ่ายที่มีทั้งแบบนับตามจำนวนที่ยิงและแบบเหมารวมทั้งหน้า
5. รักษาด้วยการผลัดเซลล์ผิว
ไม่ว่าจะทำการผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีธรรมชาติหรือผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี ก็สามารถช่วยกำจัดสิวหินให้ออกไปได้ดีไม่แพ้กัน แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลาไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีละก็ อาจจะลองหาผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่หาซื้อได้ทั่วไปมาใช้เป็นประจำสม่ำเสมอก็ได้
การป้องกันผิวไม่ให้เกิดสิวหิน
สำหรับการรักษาสิวหินที่กล่าวไว้เบื้องต้น อาจจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นข้อสำคัญเลยก็คือการป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นมาใหม่ ซึ่งสำหรับการป้องกันวิธีแรก คือ
1.ควรเลือกใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาที่ไม่มีสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง
2.ลดการแต่งหน้าให้น้อยลงและหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางที่ไม่มีมาตรฐาน หรือใช้ BB แทนรองพื้นก็ได้ เพราะเนื้อของ BB จะบางเบากว่า
3.หลีกเลี่ยงกลุ่มเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำหอม เพราะสามารถทำให้เกิดการระคายเคือง
4.หมั่นทากันแดดทุกวันเพราะแสงแดดก็เป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดสิวประเภทนี้ได้
หากสิวหินมีการสะสมตัวมากๆ ใช้วิธีการสครับแล้วไม่ได้ผล ไม่สามารถกำจัดออกเองได้ ก็สามารถมาพบแพทย์เพื่อทำการจี้ออกด้วยไฟฟ้าหรือเลเซอร์ได้เช่นกัน ซึ่งได้ผลปลอดภัยและหายขาดถาวร โดยจำเป็นต้องเลือกสถาบันความงามหรือสถาบันทางการแพทย์ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือได้ด้วยนะ