เมื่อพูดถึงสิวแล้วสิ่งที่มักจะตามมานั้นคือ รอยสิว รอยสิวคือรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว เมื่อเป็นสิวอักเสบหรือสิวอุดตัน ในบางครั้งหลังสิวนั้นหายไป จะทิ้งร่องรอยเอาไว้ ซึ่งรอยสิวเหล่านั้นเป็นผลมาจากกระบวนการฟื้นฟูสภาพผิวด้วยการสร้างสารคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ จึงปรากฏเป็นรอยสิวในรูปแบบต่างๆ บนผิวหนัง โดยการดูแลรักษารอยสิวแต่เนิ่นๆ หลังเกิดสิว อาจช่วยป้องกันการเกิดรอยสิวได้ดี ซึ่งจะมีวิธีแบบไหนบ้างนั้นตามมาดูกันเลย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
รอยสิวเกิดจากอะไร?
รอยแผลเป็นจากสิวเกิดจากการเป็นสิว ซึ่งเป็นการอักเสบหรืออุดตันของรูขุมขนใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิวอักเสบที่มีระดับความรุนแรงปานกลางไปจนถึงรุนแรงมาก ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการทิ้งร่องรอยแผลเป็นจากสิวได้หลังจากที่สิวหายไป
รอยสิวรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?
รอยสิวชนิดหลุมลึกที่เกิดขึ้น ไม่อาจรักษาให้หมดไปอย่างสมบูรณ์ได้ แต่รอยสิวเหล่านั้นจะบางลงตามกาลเวลา ส่วนรอยสิวทั่วไปนั้นสามารถรักษารอยสิวให้หายไปได้ โดยรอยสิวนั้นจะค่อยๆ เลือนรางจนหายไปเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่มีรอยสิวสามารถบำรุงดูแลผิวบริเวณที่เป็นรอยสิว เพื่อบรรเทาความรุนแรงของรอยนั้น หรืออาจใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ปกปิดร่องรอย เช่น ครีมรองพื้นที่เข้ากับสีผิวบริเวณนั้น ช่วยปกปิดรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวได้
วิธีรักษารอยดำ รอยแดงจากสิว
1.เลเซอร์รอยสิว
ปัญหาสิวบุกหนักๆ จนทิ้งรอยสิวไว้เต็มไปหมด นอกจากปัญหารอยดำ บางคนอาจมีปัญหาหลุมสิวร่วมด้วย ดังนั้นการรักษารอยสิวที่เป็นหลุม ปัญหาผิวจากสิวที่ได้รับความเสียหายหนักมาก ๆ อาจต้องพึ่งวิธีลัดอย่างทำเลเซอร์ เห็นผลเร็วสุด ๆ แล้ว ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีคลินิกที่มีบริการ รักษาดูแลรอยสิว หลุมสิวด้วยเลเซอร์อยู่เยอะเลย โดยวิธีนี้จะเหมาะกับสาว ๆ ที่มีเวลาพักฟื้นสักหน่อย เพราะหลังทำเลเซอร์ผิวจะไวต่อแดดมาก ๆ ใช้เวลาพักฟื้นและเห็นผลลัพธ์ประมาณ 1-2 อาทิตย์ เป็นวิธีที่เห็นผลเร็วจริง แต่ก็ต้องใส่ใจสุดๆ ก่อนทำก็อย่าลืมศึกษาหาข้อมูล พร้อมปรึกษาคุณหมอก่อนทำ เพื่อการรักษาที่ตรงจุดกันด้วยนะ
2.ทาครีมลดรอยสิว
สำหรับคนที่ต้องการลด และรักษารอยสิว ทั้งรอยแดงหรือรอยดำจากสิวแบบเห็นผลเร็วและสามารถดูแลรอยสิวได้เองทุกวัน ก็ต้องพึ่งครีมแต้มรอยสิวเฉพาะจุดเลย โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก็ควรมีส่วนผสมของสารกลุ่ม Whitening อย่าง วิตามินอี , วิตามินซี, อาร์บูติน , กลูต้าไธโอน , โคจิก , ทรานซามิค , ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) รู้จักกันในชื่อของวิตามินบี 3เป็นต้น ซึ่งก็มีอยู่หลากหลายยี่ห้อผลิตออกมา
3.มาสก์หน้าด้วยสมุนไพร
รักษารอยสิวธรรมชาติด้วยการมาสก์หน้าด้วยสมุนไพร ยังคงเป็นวิธีลดจุดด่างดำ รอยหมองคล้ำ รวมไปถึงรอยสิวบนใบหน้าได้ดีเสมอตั้งแต่รุ่นคุณแม่ ซึ่งสูตรในการมาสก์ก็มีให้เลือกหลายสูตรเลย และสูตรที่เราแนะนำว่าทำง่าย เห็นผลดีก็ต้องสูตรว่านหางจระเข้ + มะนาวเลย โดยว่านหางจระเข้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของสิวอยู่แล้ว ในขณะที่มะนาวก็มีกรดผลไม้ตามธรรมชาติที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนเช่นกัน สูตรนี้จึงช่วยลดรอยดำจากสิวได้ดี ทั้งยังช่วยให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื้นขึ้น นำวุ้นจากว่านหางจระเข้สดมาบดผสมกับมะนาว 1 ช้อนโต๊ะแล้วนำมาพอกสัก 15-20 นาที ทำวันเว้นวันสัก 1-2 อาทิตย์ก็เห็นผลแล้ว
4.ใช้ชีทมาส์ก
ที่สุดของการดูแลผิวหน้าก็ต้องใช้ชีทมาสก์ก่อนนอนนี่แหละ ไม่ว่าสาว ๆ จะผ่านฝุ่น ผ่านแดด มลภาวะขนาดไหนก็ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวให้ดีขึ้นได้เพียงคืนเดียว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ซึ่งชีทมาสก์ยังมีส่วนช่วยในการลดรอยสิวด้วยนะ ลองเลือกสูตรที่ช่วยลดรอยสิวดู มาสก์วันเว้นวัน หรือทุกวันตามความสะดวก แค่นี้รอยแผลเป็นจากสิวก็จะดูจางลงแล้ว ข้อเสียของวิธีนี้คืออาจจะเปลืองเงินไปสักหน่อย แต่เพื่อความสวยก็อาจต้องลงทุนกันหน่อยล่ะ
5.ดื่มน้ำมะเขือเทศ
หลายคนคงเคยเห็น How to ลดรอยสิวด้วยน้ำมะเขือเทศต่างๆ กันมาบ้างแล้ว เหตุผลที่น้ำมะเขือเทศช่วยเรื่องรอยดำจากสิวได้นั่นก็เพราะ ในมะเขือเทศสีแดงมีไลโคปีน สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอย และช่วยลดอาการอักเสบได้ นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีสูง ช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนให้ผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ซ่อมแซมตัวเองได้เร็ว และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น กินประจำทุกวันทำให้ผิวดีขึ้น เป็นการรักษารอยสิวธรรมชาติรอยสิวจางลงแน่นอน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหน่อย การกินน้ำมะเขือเทศเพื่อผิวพรรณจะเห็นผลที่ชัดเจนไม่มากนัก แต่ช่วยเรื่องความแข็งแรงของผิวในระยะยาวได้ดีงามสุดๆ เลยล่ะ
6.กินอาหารเสริม
อีกตัวช่วยสำหรับสาวๆ ที่อยากลด และรักษารอยสิว แต่มีเวลาน้อย อาหารเสริมประเภทวิตามิน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของสาว ๆ ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง ซึ่งอาหารเสริมที่ช่วยเรื่องรอยสิว และฟื้นฟูผิวได้ดี ก็จะเป็นอาหารเสริมพวกวิตามินซีค่ะ โดยวิตามินซีจะช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนเพื่อซ่อมแซมผิว แต่ต้องอาศัยการรับประทานอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยให้รอยสิวจางลงได้
7.การกรอผิว
วิธีการนี้ แพทย์จะใช้เครื่องมือกรอขัดผิวหนังส่วนที่เป็นรอยสิวออกไป เพื่อให้ผิวหนังชั้นที่ลึกลงไปได้ผลัดเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่แทนที่เซลล์ที่ถูกจำกัดไป รอยสิวจะหายไป ในขณะที่เซลล์ผิวหนังใหม่จะช่วยทำให้ผิวส่วนที่เป็นรอยสิวแต่เดิมเรียบเนียนสม่ำเสมอกับผิวบริเวณใกล้เคียงมากขึ้น แต่กว่าสภาพผิวจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์
ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีเพื่อหน้าสวยใส ใครชอบแบบไหนก็เลือกใช้ได้ตามสบายเลย และนอกจากวิธีที่กล่าวไปแล้ว การหันมาดูแลตัวเองให้ดีก็เป็นสิ่งสำคัญครับ คุณควรหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่างเช่นผักหรือผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน รวมไปถึงอาหารเสริมอย่างวิตามินซีและวิตามินอี และที่สำคัญอย่างมากก็คือคุณควรหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากๆ ในระหว่างการรักษารอยสิว หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านก็ต้องทาครีมกันแดดทุกครั้ง
Feature Image credit: Freepik