เคยไหม เพื่อน ๆ เมื่อเจอใครสักคนแล้วอยากเข้าไปพูดคุย แต่กลับไม่รู้จะเริ่มยังไงดี? หรือเริ่มแล้วเงียบ ชวนคุยแล้วเหมือนถูกแขวนกลางอากาศ แบบอยากส่ง “ของฝาก” เป็นความประทับใจเล็ก ๆ หรือ แม้แต่ขนม ชิ้นหนึ่งให้คนที่เราอยากจะคุยด้วยแต่ยังไม่รู้ประโยคเปิด ก็ไม่ช่วยให้เริ่มคุยได้ง่ายขึ้นเลย บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปเรียนรู้วิธี ชวนคุยยังไงดี, เทคนิค ชวนคุยยังไงให้มีเสน่ห์, รวมทั้งวิธีชวนคุยให้สนุกในแชท เพื่อที่เพื่อน ๆ จะได้พูดคุยได้มั่นใจขึ้น และดูมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
คุยยังไงดี ทำไมหลายคนถึง “คุยแป้ก” ตั้งแต่ต้น
หลาย ๆ ครั้งที่เพื่อน ๆ พยายาม ชวนคุยยังไงดี แล้วกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เหตุผลมีหลายประการ เช่น เราไม่รู้ว่าจะเปิดบทสนทนายังไง, ใช้ประโยคที่คนตอบได้แค่ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” แล้วบทสนทนาติดขัด หรือเราไม่สนใจอีกฝ่ายจริง ๆ จนอีกคนรู้สึกว่าเราไม่อยากฟัง ซึ่งทำให้บทสนทนาเดินต่อไม่ได้ การเริ่มบทสนทนาเล็ก ๆ (“small talk”) ไม่ได้แค่เพื่อผ่านเวลา แต่เป็นการวางพื้นฐานให้บทสนทนาไปต่อได้อย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ หากเพื่อน ๆ ไม่ใส่ใจหา “จุดร่วม” กับอีกฝ่าย หรือไม่ตั้งใจฟัง สิ่งนี้ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าเราแค่พูดผ่านๆ ทำให้การสนทนาขาดพลังและเสน่ห์ไปเลย บทความนี้เราจะมารวบรวมหัวข้อในการชวนคุยที่น่าสนใจ เพื่อใช้เป็นแนวทางเพื่อให้เพื่อน ๆ ไปใช้ต่อยอดได้นั่นเอง มีอะไรบ้างมาดูกัน!
วิธีเริ่มชวนคุยแบบธรรมชาติ
การเริ่มพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติคือกุญแจสำคัญของการ ชวนคุยและ ชวนคุยยังไงให้มีเสน่ห์ พอได้เริ่มด้วยท่าทางที่สบาย ใจเปิด และโฟกัสอีกฝ่าย เราจะได้บทสนทนาที่ไม่ดูฝืน ซึ่งทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกว่า “อ๋อ เราสามารถคุยกันได้”
โดยการเริ่มด้วยคำถามปลายเปิด (open-ended) เป็นวิธีที่ช่วยให้บทสนทนามีชีวิต และหลีกเลี่ยงการตอบแค่ “ใช่/ไม่ใช่”
ตัวอย่างเช่น: เดินไปหาคนที่ยืนอยู่ในงานเดียวกัน ก็บอกว่า “วันนี้มีอะไรน่าสนใจไหม?” หรือถ้าอยู่ในแชท ก็อาจเริ่มว่า “เห็นโปรโมชันนี้ใน Shopee แล้วนึกถึงว่าน่าจะตรงสไตล์คุณ” แบบนี้ก็ช่วยเปิดบทสนทนาแบบเป็นธรรมชาติได้เช่นกัน
ประโยคเปิดการสนทนาที่ใช้ได้เสมอ
ต่อไปคือ ตัวอย่างประโยคเปิดการสนทนา ที่เพื่อน ๆ สามารถใช้ได้เลย เมื่อคิดไม่ออกว่าเริ่มยังไงดี
- “สวัสดี เราเห็นคุณถือซื้อขนมชิ้นนี้ เลยอยากรู้ว่าซื้อมาจากที่ไหนหรอ มันอร่อยมากเลย”
- ประโยคนี้ใช้ของจริง เช่น ของฝาก หรือขนม เป็นจุดร่วม ทำให้บทสนทนาเริ่มได้แบบเบา ๆ
- ประโยคนี้ใช้ของจริง เช่น ของฝาก หรือขนม เป็นจุดร่วม ทำให้บทสนทนาเริ่มได้แบบเบา ๆ
- “ช่วงนี้คุณชอบอะไรเป็นงานอดิเรกบ้าง ช่วงนี้เราเพิ่งลองซื้ออุปกรณ์แต่งห้องจาก Shopee มาและไม่ว่าการตกแต่งห้องจะสนุกขนาดนี้”
- แทรกจุดร่วมว่าเคยลองซื้อสินค้าผ่าน Shopee เพื่อให้เห็นว่าเราไม่ใช่แค่พูดมาเฉย ๆ
- แทรกจุดร่วมว่าเคยลองซื้อสินค้าผ่าน Shopee เพื่อให้เห็นว่าเราไม่ใช่แค่พูดมาเฉย ๆ
- “เคยใช้แอปช้อปปิ้งออนไลน์มาก่อนมั้ย เราเพิ่งเจอโปรโมชัน 11.11 แบบคุ้มมากใน Shopee เลยหรือคุณมีเทคนิคในการซื้อของออนไลน์ให้ได้ราคาดี ๆ ไหม”
- อ้างอิงถึงสิ่งที่เป็นของใช้หรือกิจกรรมที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ให้รู้สึกว่าเราคุยเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้
- อ้างอิงถึงสิ่งที่เป็นของใช้หรือกิจกรรมที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ให้รู้สึกว่าเราคุยเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้
- “นี่คือเพลงที่เปิดเมื่อกี้ในคาเฟ่ คุณรู้จักไหมคะ? เพราะจังเลย”
- ใช้สิ่งรอบ ๆ ตัวเป็นประตูเปิด ทำให้บทสนทนาเริ่มได้ง่าย
แต่ละประโยคควรใช้ด้วยโทนเสียงจริงใจ เป็นกลาง ไม่เร่ง รีบ ฟังอีกฝ่าย แล้วเดินตามกระแสของบทสนทนาต่อไป

การใช้คำถามปลายเปิด
เพื่อให้บทสนทนาในแชทหรือชีวิตจริงไม่ตายตัวและดูมีชีวิตมากขึ้น การใช้คำถามปลายเปิดเป็นวิธีที่ดีมาก เพราะจะช่วยให้บทสนทนามีพื้นที่ให้คู่สนทนาตอบได้มากกว่าใช่/ไม่ใช่ และช่วยให้เราเห็นความคิดของอีกฝ่าย ตัวอย่างคำถามปลายเปิด เพื่อใช้ในการชวนคุย
1. ช่วงนี้คุณติดซีรีส์หรือหนังเรื่องไหนอยู่ไหม?
คำถามนี้เบา ๆ แต่ได้ผลดีมาก เพราะคนส่วนใหญ่ชอบพูดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังอินอยู่ เช่น ซีรีส์หรือหนังเรื่องโปรด เมื่ออีกฝ่ายตอบ คุณสามารถต่อยอดได้ง่าย เช่น “เรื่องนั้นสนุกไหม มีตอนจบแบบไหน?” หรือ “ชอบเพราะอะไรเหรอ?” บทสนทนาจะไหลลื่นโดยไม่ต้องฝืน และยังช่วยให้เห็นรสนิยมของเขาอีกด้วย
2. เลือกซื้อของขวัญให้เจ้านาย เลือกซื้ออะไรดี พอมีไอเดียแนะนำไหม?
ของขวัญให้เจ้านาย คำถามนี้มีความสุภาพและดูฉลาดในการชวนคุย เพราะเป็นการขอคำแนะนำที่ดูจริงใจและให้เกียรติอีกฝ่าย ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าคุณให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเขา บทสนทนาแบบนี้ยังต่อยอดได้ง่าย
เช่น ถ้าอีกฝ่ายตอบว่า “ลองซื้อแก้วเก๋ ๆ สิ” คุณสามารถต่อด้วย “ดีเลย เราก็คิดอยู่พอดีว่าของใช้ในออฟฟิศน่าจะเหมาะ” เป็นคำถามที่ทั้งสร้างการแลกเปลี่ยนและเปิดช่องให้เกิดความใกล้ชิดในเชิงบวก
3. ถ้าคุณอยากไปเที่ยวต่างประเทศสักที คุณจะไปที่ไหน ทำไมถึงเลือกประเทศนี้หรอ?
คำถามแนวนี้เปิดพื้นที่ให้คนตอบเล่าความฝันหรือความชอบส่วนตัว เช่น ประเทศที่อยากไป อาหารที่อยากลอง หรือประสบการณ์ที่อยากมี คุณสามารถต่อยอดด้วยการแชร์เรื่องราวท่องเที่ยวของตัวเอง เช่น “ตอนฉันไปญี่ปุ่นรู้สึกแบบนั้นเลย” การคุยจะกลายเป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่อบอุ่นและน่าสนใจ
4. มีอะไรที่ตอนนี้คุณสะสมอยู่ไหม? หรือช่วงนี้มีอะไรที่คุณกำลังอินมาก ๆ อยู่ไหม?
คำถามนี้ช่วยให้เราเห็นความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายได้ชัดขึ้น เพราะทุกคนมักมีสิ่งที่ชอบหรือกำลังหลงใหล เช่น ฟิกเกอร์ หนังสือ หรือเกม การพูดถึงสิ่งที่รักทำให้บทสนทนาเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ และเรายังสามารถเชื่อมโยงต่อได้ เช่น “จริงเหรอ เราก็เคยสะสมนะ!” เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้น
5. คุณอยากลองกิจกรรมใหม่อะไรในปีนี้
คำถามนี้ ช่วยให้บทสนทนาเต็มไปด้วยพลังบวก เพราะเปิดโอกาสให้คนตอบพูดถึงสิ่งใหม่ ๆ ที่อยากทำ เช่น เรียนดนตรี เริ่มออกกำลังกาย หรือเดินทางคนเดียว คุณสามารถใช้จังหวะนี้แชร์แรงบันดาลใจของตัวเอง หรือชวนคุยต่อว่า “ทำไมถึงอยากลองสิ่งนี้เหรอ?” ทำให้บทสนทนาดูมีเป้าหมายและจริงใจ
6. เคยเจอสินค้าแปลก ๆ ในช็อปปี้ไหม ที่รู้สึกว่ามีขายด้วยหรอเนี่ย?
สินค้าแปลก คำถามนี้ ช่วยสร้างบรรยากาศสนุกและเป็นกันเอง เพราะแทบทุกคนเคยเจอสินค้าประหลาดในโลกออนไลน์อยู่แล้ว เช่น หมอนรูปอาหาร หรือเครื่องมือใช้แปลก ๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีขาย การชวนคุยด้วยประสบการณ์แบบนี้ทำให้หัวข้อดูเบา ไม่ซีเรียส และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องขำ ๆ ได้อย่างอิสระ แถมคุณยังต่อยอดได้ด้วยการแชร์สิ่งที่คุณเคยเห็นหรืออยากลองซื้อบ้าง
อ่านเพิ่มเติม : ของแบบนี้ก็มีขาย! สินค้าแปลก ๆ สุดเจ๋ง หายากซื้อ แต่ซื้อได้ที่ Shopee
7. ช่วงนี้อ่านหนังสืออะไรอยู่ไหม หรือมีหนังสือแนะนำเราช่วงนี้ไหม?
คำถามเกี่ยวกับ หนังสือคำถามนี้เป็นอีกวิธีชวนคุยที่ดูฉลาดและมีเสน่ห์ เพราะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดถึงสิ่งที่เขาสนใจหรือกำลังเรียนรู้อยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิยาย หนังสือพัฒนาตัวเอง หรือหนังสือแนวแรงบันดาลใจ นอกจากนี้ยังช่วยสะท้อนบุคลิกและมุมมองของคนคนนั้นได้ดีมาก การต่อบทสนทนาอาจเริ่มจาก “อ๋อ เราเคยเห็นเล่มนั้นเหมือนกัน สนุกไหม?” หรือ “หนังสือแนวนั้นเราชอบเลย แนะนำหน่อยสิ” ทำให้การคุยเป็นธรรมชาติและลึกซึ้งโดยไม่ต้องพยายามมาก

วิธีชวนคุยให้สนุกในแชท
ตอนนี้มาถึงยุคแชทแล้ว การรู้ว่าวิธีชวนคุยให้สนุกในแชท เป็นทักษะที่จำเป็นมาก เพราะเราไม่เจอหน้ากันตรง ๆ เสมอไป ทั้งที่โรงเรียนหรือที่ทำงานก็ตาม นี่คือ 10 วิธีชวนคุยในแชท ที่เพื่อน ๆ สามารถใช้ได้
1. เมื่อกี้เจอคลิปนึงแล้วฮามากเลย เลยแชร์ให้ดู
ประโยคนี้เป็นการเปิดบทสนทนาแบบง่ายแต่ได้ผล เพราะเริ่มจาก “ของจริง” ที่คุณเจอในชีวิตประจำวัน ช่วยให้การคุยดูเป็นธรรมชาติและมีจุดร่วมให้พูดถึง คลิปตลกหรือคลิปไวรัลมักช่วยสร้างรอยยิ้มได้ทันที อีกฝ่ายก็มีแนวโน้มจะตอบกลับ เช่น “ฮาจริง!” หรือ “ดูแล้วขำจนร้องไห้” เป็นการเริ่มต้นคุยที่เบา สนุก และไม่เกร็ง
2. มื้อเย็นวันนี้ควรสั่งอะไรดี ระหว่าง A กับ B?
คำถามแบบนี้ดูเป็นกันเองและช่วยเปิดพื้นที่ให้คุยเรื่องใกล้ตัวได้ง่าย เพราะอาหารเป็นหัวข้อที่ทุกคนพูดถึงได้ การให้เขาเลือกช่วยตัดสินใจระหว่างสองอย่าง ทำให้รู้สึกมีส่วนร่วมในบทสนทนา อีกทั้งยังสามารถต่อยอดได้ เช่น “จริงด้วย ร้านนั้นอร่อยมาก” หรือ “งั้นไว้ลองด้วยกันดีไหม?” จากคำถามธรรมดาอาจกลายเป็นการนัดกินข้าวเบา ๆ ได้เลย
3. ตอนนี้เจอเพลงหนึ่งแล้วติดใจมาก
เป็นวิธีเชื่อมบทสนทนาด้วย “เสียงเพลง” ที่ได้ผลดีมาก เพราะเพลงสะท้อนอารมณ์และตัวตนของคนฟังได้ดี การพูดถึงเพลงที่ชอบช่วยให้บทสนทนาดูอบอุ่นและเข้าถึงกันง่าย คุณสามารถต่อได้ด้วยการส่งลิงก์เพลง หรือถามกลับว่า “คุณชอบแนวนี้ไหม?” ซึ่งมักต่อยอดไปสู่การแลกเพลง แนะนำศิลปิน และเปิดโอกาสให้คุยกันยาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
4. วันพรุ่งนี้เราไปกินร้าน AAA กันไหม หรือแถว ๆ นี้มีร้านไหนที่เธออยากลองไหม?
ประโยคนี้ให้ความรู้สึกชวนแบบจริงใจ ไม่กดดัน เพราะเปิดทางให้เขาเลือกด้วย เป็นการชวนที่แฝงความใส่ใจและให้เกียรติอีกฝ่าย การพูดถึงร้านอาหารเฉพาะชื่อ (AAA) ยังแสดงให้เห็นว่าคุณตั้งใจชวนจริง ๆ ไม่ใช่พูดลอย ๆ ทำให้โอกาสได้รับคำตอบเชิงบวกสูงขึ้น และยังสร้างภาพลักษณ์ของคนที่กล้าเปิดบทสนทนาอย่างอบอุ่น
5. ลองดูนี่สิ! (ส่งรูปหรือลิงก์ที่น่าสนใจ)
การแนบสิ่งของที่เป็นภาพหรือเนื้อหามีภาพประกอบ ช่วยให้บทสนทนาดูมีชีวิตมากขึ้น เพราะสิ่งที่มองเห็นมักกระตุ้นการตอบสนองได้ดีกว่าข้อความล้วน การส่งลิงก์ บทความ หรือรูปที่น่าสนใจ เช่น คาเฟ่น่ารัก คลิปฮา หรือของที่อยากซื้อ ช่วยให้คุยต่อได้หลายทิศทาง ทั้งแชร์ความคิดเห็น หรือโยงไปสู่หัวข้ออื่นได้อย่างลื่นไหล
การใช้คำถามปลายเปิดไม่เพียงช่วยให้บทสนทนาไหลลื่น แต่ยังทำให้เราได้รู้จักอีกฝ่ายในมุมใหม่ ๆ มากขึ้น เพราะเมื่อเขาเริ่มเล่า เราจะเห็นทั้งความคิด น้ำเสียง และความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในคำตอบ การชวนคุยด้วยวิธีนี้จึงเป็นเหมือนการเปิดประตูสู่ความเข้าใจที่ลึกกว่าเดิม และเมื่อเราชวนคุยได้ดีแล้ว ขั้นตอนสำคัญต่อไปคือ “การสังเกตสไตล์การตอบของอีกฝ่าย” เพื่อรู้ว่าควรคุยต่อแบบไหนให้เข้ากับเขาที่สุด

สังเกตสไตล์การตอบของอีกฝ่าย
แม้ว่าเราอาจจะรู้วิธีเริ่มชวนคุยยังไงดี และวิธีชวนคุยให้สนุกในแชทแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การ สังเกตสไตล์การตอบของอีกฝ่าย เพื่อให้เราชวนคุยให้มีเสน่ห์ และทำให้บทสนทนาเดินได้ดี
ให้เพื่อน ๆ สังเกตว่า:
- อีกฝ่ายใช้คำสั้น ๆ หรือยาว ๆ ในข้อความ?
- เค้าใส่อีโมจิ หรือ ไม่ใช้เลย?
- เค้าอ่านแล้วตอบทันทีหรือใช้เวลา?
- เค้าชอบคุยเรื่อง เล่น สนุก หรือเรื่องจริงจัง?
จากนั้น ปรับตัวเองให้เหมาะ ถ้าเค้าตอบเร็วและใส่อีโมจิ เราก็ใส่ 😊 หรือ 😉 บ้าง ถ้าตอบช้าและค่อนข้างเป็นทางการ เราก็ลดอีโมจิ ลงหน่อยและใช้โทนที่สุภาพ การสังเกตช่วยให้เราไม่รู้สึกว่า “ชวนคุยแล้วอีกฝ่ายหนี” และทำให้เราชวนคุยมีเสน่ห์ได้มากขึ้น
เทคนิคชวนคุยให้มีเสน่ห์น่าดึงดูด
ถ้าเพื่อน ๆ อยากก้าวไปอีกขั้นจากแค่ “รู้วิธีชวนคุยยังไงดี” ไปสู่ “ชวนคุยยังไงให้ดูมีเสน่ห์และน่าดึงดูด” ต้องอาศัยทั้งน้ำเสียง การสังเกต และความเป็นธรรมชาติ เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้บทสนทนาของคุณไม่ดูแข็งหรือซ้ำซาก แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นจริงใจ และทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้คุยด้วย
พูดด้วยน้ำเสียงหรือโทนข้อความที่ดูเป็นมิตร
พูดด้วยน้ำเสียงหรือโทนข้อความที่ดูเป็นมิตร ไม่แข็งหรือกึ่งเป็นทางการจนเกินไป โทนเสียงหรือโทนข้อความคือสิ่งแรกที่อีกฝ่าย “รู้สึก” ได้ แม้ไม่ได้ยินเสียงจริง การใช้ถ้อยคำเรียบง่าย อ่อนโยน เช่น “ฮ่า ๆ เข้าใจเลย” หรือ “น่ารักดีนะ” จะช่วยให้บรรยากาศการคุยดูเป็นกันเองมากขึ้น พยายามหลีกเลี่ยงคำพูดทางการเกินไป เพราะจะทำให้ดูห่างเหินและไม่เป็นธรรมชาติ
ใช้อีโมจิหรือสัญลักษณ์เบา ๆ เมื่อคุยในแชท เพื่อเพิ่มอารมณ์ความรู้สึก
อีโมจิช่วยสื่ออารมณ์ได้ดี โดยเฉพาะเวลาพิมพ์ข้อความที่อาจดูเรียบไป เช่น การเติม 😊 ❤️ หรือ 😆 เล็กน้อยทำให้บทสนทนาดูนุ่มนวลและมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ไม่ควรใช้มากเกินไป เพราะอาจทำให้ดูไม่จริงใจหรือขาดจังหวะในการคุย ใช้เท่าที่จำเป็นเพื่อเพิ่มน้ำเสียงอบอุ่นให้กับข้อความก็พอ
ชมอีกฝ่ายแบบจริงใจ
การชมอีกฝ่ายแบบจริงใจ ให้รู้สึกว่าเราเห็น “คุณค่า” ของเขา คำชมที่ออกมาจากใจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีและอยากคุยต่อ เช่น “ไอเดียที่คุณแชร์มาน่าสนใจมาก” หรือ “ชอบมุมมองคุณจัง ดูคิดลึกดีนะ” หลีกเลี่ยงคำชมที่ดูเหมือนพูดทั่วไป เพราะจะไม่เกิดผลเท่าคำชมที่เฉพาะเจาะจงและสะท้อนว่าคุณ “ตั้งใจฟัง” เขาจริง ๆ
เปิดเผยความสนใจหรือเรื่องที่เราชอบ
การเปิดเผยความสนใจหรือเรื่องที่เราชอบ แต่ไม่มากจนเกินไป พูดถึงสิ่งที่เราชอบ เช่น หนัง เพลง หรือกิจกรรมที่กำลังอิน ช่วยให้บทสนทนาดูมีชีวิตและเป็นธรรมชาติ แต่ควรเล่าในระดับพอดี ไม่พูดยาวจนกลายเป็นการ “บรรยาย” เพราะเป้าหมายคือการแลกเปลี่ยน ไม่ใช่การพูดฝ่ายเดียว การเปิดเผยตัวตนเล็ก ๆ แบบนี้ยังทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราจริงใจและน่าค้นหา
น้ำเสียงและอีโมจิที่เหมาะสม
น้ำเสียงและอีโมจิเป็นองค์ประกอบเล็ก ๆ ที่มีพลังมากในการทำให้บทสนทนาดู “มีเสน่ห์” ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะไม่ได้เจอกันต่อหน้า แต่แค่เลือกโทนคำพูดและใช้อีโมจิให้เหมาะ ก็สามารถสื่ออารมณ์ ความอบอุ่น และความตั้งใจได้อย่างชัดเจน เพราะบางครั้ง “วิธีที่เราพูด” สำคัญไม่แพ้ “สิ่งที่เราพูด” เลยทีเดียว
- ถ้าเป็น แชท เพื่อน ๆ อาจใช้โทนคุยแบบ เป็น กันเอง “Hey 😊” หรือ “ว้าว น่าสนใจมากเลย 😉”
- ถ้าเพิ่งเริ่มคุย ยังไม่รู้จักดีมาก ให้ใช้โทนสุภาพ แต่ไม่เย็น “สวัสดีครับ/ค่ะ อยากถามคุณว่า…”
- อย่าใช้ อีโมจิ เยอะจนดูเด็กเกินไป หรือใช้แบบไม่เข้ากับโทนพูดของทุกคน
- น้ำเสียงควรให้รู้สึกว่า “อยากพูดคุย” ไม่ใช่ว่า “แค่ทักมาตามมารยาท”
ตัวอย่างข้อความที่คนตอบกลับแน่
ถ้าเพื่อน ๆ ใช้ข้อความแบบนี้ โอกาสที่ได้ตอบกลับสูง:
- “ฉันเพิ่งกินขนมที่คุณซื้อมาฝาก มันคืออะไรหรอ มันอร่อยมากเลย คุณซื้อจากแถวไหนมาหรอคะ”
- “ไอเดียของฝากที่พูดถึงเมื่อวานวันเจ๋งดี แต่ถ้าหากเรามีงบ แค่ 500 บาท พอมีไอเดียซื้อของขวัญอื่นๆ แนะนำไหม”
- “เห็นคุณแชร์คลิปจากยูทูป ที่น่าสนใจมากเมื่อคืน ฉันดูแล้ว สนุก มากเลย คุณมีคลิปแนะนำแนว ๆ นี้อีกมั้ย?”
ข้อความต่าง ๆ เหล่านี้สามารถเชื่อมโยงกับผู้รับ สร้างความสนใจ และเปิดช่องให้คู่สนทนาโต้ตอบ ซึ่งทำให้เรา ชวนคุยให้มีเสน่ห์ ได้มากยิ่้งขึ้น

เทคนิคการชวนคุยแบบเนียน ๆ
บางครั้งการชวนคุยไม่ได้อยู่ที่คำถามสวยหรู แต่อยู่ที่วิธีเข้าหา อย่างเป็นธรรมชาติ การชวนคุยแบบเนียนคือศิลปะเล็ก ๆ ที่ช่วยให้บทสนทนาดูต่อเนื่อง ไม่ขัดจังหวะ และทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจเหมือนได้คุยกับคนที่เข้าใจ เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณคุยได้ไหลลื่นขึ้น โดยไม่รู้สึกฝืนหรือดูจงใจจนเกินไป
อย่าตอบสั้นไป หรือยาวจนเกินไป
การตอบสั้นเกินไป เช่น “อ๋อ” หรือ “อืม” อาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าคุณไม่อยากคุย ในขณะเดียวกันการตอบยาวจนกลายเป็น “เล่าเดี่ยว” ก็อาจทำให้บทสนทนาดูหนักเกินไป พยายามตอบในระดับพอดี มีทั้งส่วนรับฟังและส่วนต่อบท เช่น “จริงเหรอ แล้วเป็นยังไงต่อ?” จะช่วยให้คุยกันได้ยาวแบบเป็นธรรมชาติ
พกความสนุก เฮฮา สร้างเสียงหัวเราะ มาด้วย
อารมณ์ขันเป็นเครื่องปรุงสำคัญที่ทำให้การคุยไม่จืดชืด การแซวเบา ๆ หรือเล่นมุกเล็ก ๆ ที่ไม่เกินขอบเขตจะช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายและน่าคุยมากขึ้น แต่ต้องระวังไม่ให้มุกนั้นกลายเป็นการล้อเลียนหรือทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแปลกใจเกินไป แค่ความตลกพอดี ๆ ก็ทำให้คุณดูมีเสน่ห์ขึ้นได้แบบไม่ต้องพยายาม
เป็นตัวของตัวเอง
การคุยให้ดูน่าดึงดูด ไม่ได้หมายความว่าต้องแต่งประโยคให้หรู แต่คือการเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ “ดูมีชีวิตชีวา” ลองใส่สไตล์ของคุณเองลงไปในบทสนทนา เช่น น้ำเสียงที่มั่นใจ คำพูดที่เป็นเอกลักษณ์ หรือวิธีตอบที่มีความคิด การคุยกับคนที่ “ดูน่าสนใจ” มักทำให้อีกฝ่ายอยากคุยต่อโดยไม่รู้ตัว
สรุป
เพื่อน ๆ คงเห็นแล้วว่า การชวนคุยยังไงดีไม่ใช่เรื่องยากเกินไป ถ้าเราเลือกเริ่มแบบธรรมชาติ, ใช้คำถามปลายเปิด, ปรับสไตล์ให้เหมาะกับอีกฝ่าย และพยายามเติมเสน่ห์ด้วยน้ำเสียง และ อีโมจิที่เหมาะสม การรู้ว่าวิธีชวนคุยให้สนุกในแชทให้ได้ผล เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้บทสนทนาเดินต่อได้อย่างราบรื่น แล้วเมื่อเราสามารถสังเกตอีกฝ่าย ปรับตัวเอง และมีความตั้งใจจริง บทสนทนาที่ดูเฉยๆ ก็กลายเป็นการพูดคุยที่มีเสน่ห์ได้ หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้ประโยชน์แล้วนำไปใช้พูดคุยกับคนที่อยากคุยได้อย่างมั่นใจและมีเสน่ห์ขึ้นนะครับ! หากบทความนี้เป็นประโยคฝากส่งต่อให้เพื่อน ๆ กันด้วยน้า