อากาศร้อนระอุจนแทบจะละลาย! หลายคนคงอยากเปิดแอร์ทั้งวันให้เย็นฉ่ำสบายใจ แต่กลัวว่าบิลค่าไฟมาแล้วจะยิ่งร้อนมากกว่าเดิม! ครั้นจะติดตั้งโซล่าเซลล์คงจะสู้ราคาไม่ไหว หากจะซื้อแอร์เคลื่อนที่มาใช้ เชื่อว่าค่าไฟก็ไม่ต่างจากแอร์ติดผนังสักเท่าไหร่ หรือถ้าจะเปิดแต่พัดลมบางครั้งก็มีแต่ลมร้อนออกมาแทบจะไม่ช่วยให้คลายร้อนได้เลย จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำสบายกายได้ โดยที่ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องค่าไฟอีกต่อไป! บทความนี้ Shopee อยากจะมาแชร์เคล็ดลับและเทคนิคแบบหมดเปลือกว่า เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ ได้จริง ทำได้ง่าย ๆ แถมยังช่วยอายุการใช้งานของแอร์อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม, การดูแลแอร์ที่ช่วยประหยัดไฟ ไปจนถึงการเลือกใช้โหมดประหยัดพลังงานต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คุณรู้จักวิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดต้องทำยังไง
นอกจากนี้ Shopee ก็ยังได้รวบรวมแอร์รุ่นประหยัดไฟ จากแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น CARRIER, MITSUBISHI HEAVY DUTY, Mitsubishi Mr.Slim, Daikin และอื่น ๆ ซึ่งล้วนเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องประสิทธิภาพ การประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นแนวทางให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อแอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งความเย็นสบายและประหยัดไฟ ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าคุณได้แบบสบายหายห่วง ตามไปอ่านพร้อมกันเลย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำไมแอร์ถึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเบอร์หนึ่ง
แอร์ หรือ เครื่องปรับอากาศ นับเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุดในบ้าน นั่นเป็นเพราะกลไกในการทำงานที่ซับซ้อนและต้องใช้พลังงานสูงในการย้ายความร้อนออกจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง และนี่คือเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้แอร์เป็น “ตัวกินไฟ” เบอร์หนึ่ง โดยคอมเพรสเซอร์ (Compressor) ทำหน้าที่อัดสารทำความเย็นให้มีความดันและอุณหภูมิสูงขึ้น เพื่อให้สารทำความเย็นสามารถถ่ายความร้อนออกไปภายนอกได้ ทั้งนี้ การทำงานของคอมเพรสเซอร์เปรียบเสมือนปั๊มขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาล
ยิ่งคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักและนานมากเท่าไหร่ ค่าไฟก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นเท่านั้น และยิ่งอุณหภูมิภายนอกสูงมากเท่าไหร่ แอร์ก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้เอาชนะความร้อนภายนอกและรักษาอุณหภูมิภายในห้องตามที่ตั้งไว้ ดังนั้น จึงไม่แปลกใจว่าทำไมเปิดแอร์ตอนอากาศร้อน ๆ ค่าไฟจึงพุ่งสูงขึ้นนั่นเอง!
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการกินไฟของแอร์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกขนาดของแอร์ที่ไม่เหมาะสมกับห้อง ถ้าแอร์เล็กกว่าขนาดห้องจะทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อพยายามลดอุณหภูมิให้ถึงเป้าหมาย ทำให้เปลืองไฟมากและแอร์เสื่อมสภาพเร็ว แต่ถ้าแอร์ใหญ่กว่าขนาดห้องก็จะทำให้ห้องเย็นเร็ว แต่อาจจะมีการเปิด-ปิดบ่อย ๆ นั่นก็ทำให้เปลืองไฟเช่นกัน รวมถึงการดูแลรักษาไม่ดีพอ ไม่ค่อยล้างแอร์ หรือการตั้งอุณหภูมิที่ต่ำเกินไป เพราะทุก ๆ 1 องศาเซลเซียสที่ได้ลดอุณหภูมิแอร์ลงต่ำกว่า 25-26 องศาเซลเซียส แอร์จะกินไฟเพิ่มขึ้นประมาณ 10% การตั้งอุณหภูมิที่เย็นจัดทำให้แอร์ต้องทำงานต่อเนื่อง เพื่อรักษาระดับความเย็นที่ต่ำมากนั้น ดังนั้นทุกคนที่มีแอร์ควรรู้วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัด เพื่อให้คุณสามารถเปิดแอร์ได้อย่างฉลาดและประหยัดค่าไฟได้จริง
8 วิธีเปิดแอร์อย่างฉลาด เย็นพอดี ประหยัดชัวร์!
ดีแค่ไหนถ้าเราสามารถเปิดแอร์ทั้งวันให้เย็นฉ่ำ โดยไม่ต้องมากังวลค่าไฟจะพุ่งสูง! คำตอบง่าย ๆ อยู่ที่ เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่การตั้งอุณหภูมิแล้วจบ แต่ยังมีเทคนิคง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำเองได้ เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เย็นฉ่ำสบายทั่วถึง และที่สำคัญยังเป็นการเปิดแอร์ให้ประหยัดค่าไฟได้อย่างน่าเหลือเชื่ออีกด้วย ซึ่งเราจะมาแชร์ 8 เคล็ดลับ เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ แต่ยังคงเย็นฉ่ำ นอนสบาย มาดูกัน
1. เปิดประตูและหน้าต่าง ไล่ลมร้อนก่อนเปิดแอร์
เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ ก่อนอื่นเลยควรจะต้องเปิดประตูและหน้าต่างภายในห้องที่จะเปิดแอร์ เพื่อช่วยระบายความร้อนที่สะสมอยู่ในห้องก่อน เมื่อเปิดแอร์ก็จะทำให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นเร็วขึ้น อีกทั้งแอร์ก็จะไม่ทำงานหนักเกินไป ทำให้ไม่เปลืองค่าไฟและช่วยลดค่าไฟที่ต้องจ่าย ดังนั้น วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดง่าย ๆ เลย ควรเปิดประตูและหน้าต่าง เพื่อไล่ความร้อนก่อนเปิดแอร์สักประมาณ 15 นาที
2. ควรปิดห้องให้สนิทปิดชิดเมื่อเปิดแอร์
เมื่อระบายความร้อนภายในห้องแล้ว คราวนี้ก่อนเปิดแอร์ควรตรวจสอบให้เรียบร้อยว่าประตูและหน้าต่างปิดสนิทครบทุกบานหรือไม่? รวมถึงให้ปิดม่านด้วย เพื่อไม่ให้แสงแดดส่องเข้ามาภายในห้องได้ หากความร้อนจากภายนอกเข้ามาภายในห้อง แอร์ก็จะต้องทำงานหนักขึ้น เพราะจะต้องรักษาอุณหภูมิในห้องให้คงความเย็นไว้ตลอดแล้วนั่นเอง นอกจากนี้ยังไม่แนะนำให้เปิดแอร์ในพื้นที่เปิดโล่ง หรือหรือที่ไม่มีประตูกั้น เพราะจะทำให้แอร์ไม่เย็น แถมยังเปลืองพลังงาน เปลืองค่าไฟอีกด้วย แต่ถ้าจำเป็นต้องติดแอร์ในพื้นที่โล่งจริง ๆ แนะนำให้หาฉากกั้นมาติดตั้งด้วย เพื่อช่วยให้แอร์ทำงานไม่หนักจนเกินไป
3. ควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม
หนึ่งในเคล็ดลับเด็ด! เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ คือการตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นเพียงแค่ 1 องศาเซลเซียส ก็จะสามารถช่วยประหยัดไฟได้ถึง 10% เลย โดยทั่วไปแล้วจะเห็นคนชอบแนะนำให้เปิดแอร์อยู่ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส แต่จริง ๆ แล้วร่างกายคนเราจะสามารถอยู่ในอุณหภูมิประมาณ 27 – 28 องศาเซลเซียสได้สบาย ๆ เลย ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการพักผ่อน แถมยังช่วยประหยัดพลังงานได้ด้วย แต่ถ้ายังรู้สึกว่าร้อน หรือเย็นฉ่ำไม่พอ อาจเปิดพัดลมช่วยเป่าเสริม เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทและรู้สึกเย็นสบายขึ้น โดยที่ไม่ต้องลดอุณหภูมิแอร์ลงอีก
4. เลือกเปิด “โหมดพัดลม” หรือ “Fan Mode”
อีกหนึ่งวิธีเปิดแอร์ให้ประหยัด คือ การเลือกใช้โหมดพัดลม เมื่อห้องเริ่มเย็นได้ที่แล้วให้ลองเปลี่ยนมาใช้เป็นโหมดพัดลม (Fan Mode) แทนการเปิดโหมดทำความเย็น (Cool Mode) ซึ่งการเปิดโหมดพัดลมนั้นยังช่วยให้แอร์ยังคงพัดลมออกมา ทำให้อากาศในห้องหมุนเวียน แต่คอมเพรสเซอร์แอร์จะหยุดทำงาน ช่วยให้ประหยัดไฟได้มากขึ้น เพราะการทำงานของของคอมเพรสเซอร์คือส่วนที่กินไฟมากที่สุดเลย
5. เลือกเปิด “โหมดประหยัดพลังงาน” (Eco Mode)
การเลือกใช้โหมดประหยัดพลังงาน หรือ Eco Mode เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยประหยัดไฟได้ดี เพราะโหมดนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อลดการใช้พลังงานให้โดยอัตโนมัติ เช่น การลดรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ใน Eco Mode หรือ การปรับอุณหภูมิขึ้นทีละน้อยในขณะนอนหลับใน Sleep Mode โดยที่คุณยังรู้สึกถึงความเย็นสบาย แต่ช่วยเซฟเงินค่าไฟให้กับคุณได้สบาย ๆ
6. เปิดพัดลมพร้อมกับการเปิดแอร์
การเปิดพัดลมควบคู่ไปกับการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25-27 องศาเซลเซียส เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีเลยทีเดียว เพราะการเปิดพัดลมนั้นช่วยให้อากาศเย็นจากแอร์กระจายไปทั่วห้องได้ ทำให้รู้สึกเย็นสบายเท่ากับการเปิดแอร์อุณหภูมิต่ำกว่า แต่ประหยัดไฟได้มากกว่า เปิดแอร์อุณหภูมิต่ำ ๆ เพราะพัดลมใช้กำลังไฟเพียงแค่ 50 วัตต์เท่านั้น เมื่อเทียบแอร์ที่ใช้กำลังไฟสูงถึง 750 – 1,200 วัตต์ (เฉพาะ 9,000 – 12,000 BTU)
7. ไม่ควรเพิ่มความชื้นภายในห้อง
การทำงานของแอร์ไม่เพียงแต่ให้อุณหภูมิในห้องเย็นขึ้นเท่านั้น แต่ความเย็นจากแอร์ยังทำให้อากาศภายในห้องแห้งลงอีกด้วย ดังนั้น หากมีสิ่งของที่ก่อให้เกิดความชื้นภายในห้อง เช่น แก้วน้ำ อ่างน้ำ หรือผ้าเช็ดตัวที่เปียกน้ำอยู่ในห้อง แอร์ก็จะทำงานหนักมากกว่าเดิม ส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงควรหลีกเลี่ยงที่นำส่งของต่าง ๆ ที่มีความชื้นมาอยู่ภายในห้อง
8. ตั้งเวลาปิดแอร์
การตั้งเวลาปิดแอร์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการ เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ เมื่อปิดแอร์แต่ความเย็นยังคงอยู่ภายในห้องได้ประมาณ 30 – 60 นาที และหากเปิดพัดลมเบา ๆ ควบคู่ไปด้วยก็จะยิ่งช่วยกระจายความเย็นระหว่างที่แอร์ปิดไปแล้วได้อยู่พอสมควร ดังนั้น เพื่อการประหยัดไฟ ควรตั้งเวลาปิดแอร์อัตโนมัติล่วงหน้าประมาณ 60 นาที ก่อนตื่นนอน จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ เช่น หากตื่นตอนนอน 7 โมงเช้าทุกวัน ควรตั้งปิดแอร์ไว้ที่ตอน 06.00 น. เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้แอร์เกินระยะเวลาที่กำหนด และที่สำคัญช่วยลดค่าไฟในระยะยาวได้ด้วย

การดูแลแอร์ที่ช่วยประหยัดไฟ ประสิทธิภาพดี ค่าไฟไม่บาน!
หลายคนอาจจะคิดว่าการดูแลแอร์นั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก หรือต้องเรียกช่างแอร์มาดูแลเท่านั้น! แต่ความเป็นจริงการดูแลแอร์เบื้องต้นคุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ การตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ หรือแม้แต่การตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ล่ะ ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ และยังช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้อย่างน่าตกใจอีกด้วย วันนี้เรามีเคล็ดลับการดูแลแอร์ที่ช่วยประหยัดไฟแบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำตามได้ มาดูกันเลย
1. ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ
โดยทั่วไปแล้วควรล้างทำความสะอาดแอร์ อย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เป็นการล้างครั้งใหญ่ เพื่อกำจัดฝุ่นละออง สิ่งสกปรก และเชื้อโรคที่สะสมอยู่ภายในของคอยล์เย็น คอยล์ร้อน และระบบท่อต่าง ๆ การล้างแอร์จะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดไฟได้ถึง 10-15% เลยทีเดียว
2. ล้างแผ่นทำความสะอาดกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ
นี่คือสิ่งที่คุณสามารถดูแลแอร์ได้ง่ายที่สุด! แผ่นกรองอากาศ เป็นด่านแรกที่ดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ หากแผ่นกรองสกปรกจะทำให้ลมเย็นผ่านได้ยาก ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อที่จะดันลมเย็นออกมาให้เย็น แล้วก็จะส่งผลให้กินไฟมากขึ้น ดังนั้น ควรหมั่นล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทุก 2 สัปดาห์ หรือ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากบ้านมีฝุ่นเยอะ เพียงแค่ถอดออกมาล้างด้วยน้ำเปล่าและผึ่งให้แห้งก็เรียบร้อย ซึ่งเป็นวิธีที่คุณสามารถช่วยดูแลแอร์ที่ช่วยประหยัดไฟได้ง่ายที่สุด!
3. หมั่นเช็กตรวจสอบและซ่อมบำรุงแอร์
หากเปิดแอร์ใช้งานทุกวัน ให้คอยหมั่นเช็กสิ่งผิดปกติต่าง ๆ เช่น ถ้าแอร์มีเสียงดังผิดปกติ มีน้ำหยด หรือแอร์ไม่เย็นเหมือนเดิม แนะนำให้เรียกช่างที่มีความเชี่ยวชาญการซ่อมแอร์เข้ามาตรวจสอบและซ่อมบำรุงทันที เพราะปัญหาเล็กน้อยถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน อาจจะลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้
ข้อควรเลี่ยงพฤติกรรมการเปิดแอร์ที่จะทำให้เปลืองไฟ!
อากาศร้อน ๆ แล้วเปิดแอร์ถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากเปิดแอร์ผิดวิธี อาจทำให้คุณจะต้องจ่ายค่าไฟที่แพงเกินความจำเป็น! ใครอยากรู้วิธีการ เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ ถ้าอย่างนั้นลองมาดูกันสิว่ามีพฤติกรรมอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง หรือไม่ควรทำเลย! หากไม่อยากจ่ายค่าไฟแพงโดยไม่จำเป็น มาดูกัน
- เปิด-ปิดแอร์บ่อย ๆ: หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเปิด ๆ ปิด ๆ แอร์บ่อย ๆ จะช่วยให้ประหยัดไฟ แต่ความจริงแล้วการที่คอมเพรสเซอร์แอร์ต้องทำงานหนักในการเริ่มต้นทำความเย็นใหม่ แต่ละครั้งจะกินไฟมากกว่าการเปิดแอร์ทิ้งไว้ต่อเนื่องในอุณหภูมิที่เหมาะสม ดังนั้น หากไม่อยากจ่ายค่าไฟแพง แนะนำให้เปิดแอร์ใช้งานยาว ๆ ต่อเนื่อง โดยตั้งอุณหภูมิที่ 25 – 27 องศาเซลเซียส ดีกว่าการปิด ๆ เปิด ๆ แน่นอน
- ตั้งอุณหภูมิเย็นจัด: ไม่ควรตั้งแอร์อุณหภูมิให้ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส เช่น 20 – 22 องศาเซลเซียส จะทำให้แอร์ทำงานหนักเกินความจำเป็น และสิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไป
- เปิดหน้าต่าง/ประตูขณะเปิดแอร์: ไม่ควรจะเปิดหน้าต่างหรือประตูบ่อย ๆ เมื่อเปิดแอร์ หากปล่อยให้ความเย็นรั่วไหลออกนอกห้อง จะทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น เพื่อที่จะรักษาอุณหภูมิให้คงที่ ส่งผลให้เปลืองไฟโดยไม่จำเป็น ดังนั้น เมื่อเปิดแอร์ ควรปิดประตู หน้าต่าง และช่องโหว่ต่าง ๆ ให้สนิท
- ไม่ปิดม่าน/ผ้าม่านในตอนกลางวัน: หากเปิดแอร์ในตอนกลางวัน แล้วห้องยังมีแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้องโดยตรงจะทำให้ห้องร้อนขึ้น แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น จึงควรปิดม่านหรือผ้าม่านเพื่อช่วยลดความร้อนจากภายนอก
- มีสิ่งกีดขวางหน้าช่องลมแอร์: ไม่แนะนำให้วางเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของใด ๆ บังช่องลมของแอร์ เพราะจะขัดขวางการกระจายความเย็น แล้วทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น รวมถึงห้องไม่เย็นเท่าที่ควรด้วย
แนะนำ 10 แอร์ประหยัดไฟตัวท็อป เย็นฉ่ำ ประหยัดจริง!
ใครกำลังมองหาแอร์เครื่องใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความเย็นสบายและช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ไม่รู้ว่าเลือกรุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป เพราะวันนี้ Shopee ได้รวบรวมมาให้แล้วกับ 10 แอร์ประหยัดไฟ รุ่นยอดนิยม ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ช่วยให้คุณคลายร้อนได้อย่างสบายใจ แถมยังเบาใจเรื่องค่าไฟสิ้นเดือนได้อีกด้วย มีแอร์รุ่นไหน ยี่ห้อไหนบ้าง มาดูกัน
1. แอร์ MITSUBISHI HEAVY DUTY รุ่น Super Deluxe Inverter (ZSXS)
ใครอยากเปิดแอร์ทั้งวัน โดยไม่ต้องกังวลค่าไฟมากเกินไป! แนะนำให้เลือกติดแอร์ MITSUBISHI HEAVY DUTY รุ่น FUYU SERIES Super Deluxe Inverter (ZSXS) จากแบรนด์ MITSUBISHI HEAVY DUTY ที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 9000 – 24000 BTU ที่มาพร้อมฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และสูงสุด 3 ดาว จึงมั่นใจเรื่องประหยัดไฟได้เลย! แอร์รุ่นนี้เป็นระบบ Inverter ประหยัดไฟ มีฟังก์ชัน Child Lock เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ซึ่งมีโหมด ECO ปรับการทำงานให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม และปิดอัตโนมัติเมื่อไม่มีคนอยู่ พร้อมกับ Motion Sensor จับความเคลื่อนไหว และช่องลมแบบ Jet Flow สามารถส่งลมไกลสุด 15 เมตร และยังตั้งค่าการทำงานเปิด – ปิดด้วยตัวเองแบบรายสัปดาห์ได้ง่าย ๆ ด้วยฟังก์ชัน Weekly Timer มีระบบฟอกอากาศมาให้ด้วย ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับความเย็นมาก ๆ และที่สำคัญค่าไฟไม่พุ่งสูงขึ้นด้วย
รายละเอียด แอร์ MITSUBISHI HEAVY DUTY รุ่น Super Deluxe Inverter (ZSXS)
- จุดเด่น มีเทคโนโลยี Jet Flow พร้อมฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย ทั้งโหมด 3D Auto , โหมด ECO , โหมด Motion Sensor, และระบบฟอกอากาศ สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ด้วย
- ขนาด 9000 – 24000 BTU
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว
- รับประกันสินค้า 5 ปีทุกชิ้นส่วน
- ราคา 28,200 – 48,300 บาท
2. แอร์ MITSUBISHI HEAVY DUTY รุ่น Deluxe Inverter (YYS)
สำหรับใครอยากจะควบคุมการเปิด-ปิดแอร์ได้ด้วยสมาร์ตโฟน กลับมาถึงบ้านแล้วแอร์เย็นฉ่ำชื่นใจ หรือสามารถเช็กค่าไฟขณะที่เปิดแอร์ได้ แนะนำเป็นแอร์ MITSUBISHI HEAVY DUTY รุ่น YUKI SERIES Deluxe Inverter (YYS) จากแบรนด์ MITSUBISHI HEAVY DUTY เป็นอีกรุ่นที่ขายดี ที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 9000 – 24000 BTU ตัวเครื่องดีไซน์ที่สวยสีขาวสะอาดตา กลมกลืนกับการตกแต่งภายในห้องได้หลากหลายสไตล์ ไม่ดูเทอะทะ และยังคงความแข็งแกร่งตามแบบฉบับของ Mitsubishi Heavy Duty ผสานเทคโนโลยี Inverter เข้ากับฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ควบคุมและสั่งการแอร์ผ่านสมาร์ตโฟนได้ด้วย
อีกทั้ง มีแผ่นกรองอากาศ Vitamin C Filter สามารถปล่อยวิตามินซีเข้าสู่ลมเย็นที่ปล่อยออกมา ช่วยป้องกันปัญหาผิวแห้ง และเทคโนโลยีรวมแผ่นกรองอากาศ 2 ชนิดอยู่ภายในเครื่องเดียวกัน ช่วยดูดซับฝุ่นในอากาศ กรองฝุ่น PM 2.5 และช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีปล่อยลมเย็นแบบ 3D ช่วยให้ลมเย็นทั่วทั้งห้อง
รายละเอียด แอร์ MITSUBISHI HEAVY DUTY รุ่น Deluxe Inverter (YYS)
- จุดเด่น สามารถควบคุมผ่านสมาร์ตโฟน เย็นเร็ว ประหยัดพลังงาน ด้วยโหมด JET FLOW, 3D Auto, Economy Mode และฟอกอากาศได้ ด้วยระบบกรอง Anti-allergy, Activated Carbon และ Vitamin C Filter
- ขนาด 9000 – 24000 BTU
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว
- รับประกันสินค้า 5 ปีทุกชิ้นส่วน
- ราคา 16,700 – 37,500 บาท
3. แอร์ CARRIER รุ่น X-INVERTER PLUS
CARRIER รุ่น X-INVERTER PLUS จากแบรนด์ CARRIER ที่มาพร้อมดีไซน์สวยเรียบหรู ทันสมัย และสะอาดตา ตัวเครื่องมีให้เลือกหลายสี สามารถติดตั้งเข้ากับผนังห้องได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นสไตล์โมเดิร์น มินิมอล หรือคลาสสิก ก็ดูดีมีระดับ ซึ่งเป็นเครื่องปรับอากาศติดผนังที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนในยุคปัจจุบันได้อย่างครบครัน ด้วยเทคโนโลยี X-Inverter Plus ทำให้ประสิทธิภาพการประหยัดไฟในระดับ เบอร์ 5 สูงสุด 5 ดาว (เฉพาะบางรุ่น ขึ้นอยู่ขนาด BTU) ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ดี แม้เปิดแอร์ทั้งวันให้เย็นฉ่ำก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟเลย แถมยังช่วยกระจายลมให้เย็นทั่วห้อง และมีบานสวิงปรับได้ 4 ทิศทาง ช่วยให้ลมเย็นกระจายสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ยังมีระบบฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง มีแผ่นกรอง PM 2.5 เทคโนโลยี X-Ionizer ดักจับฝุ่นขนาดเล็ก และสามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนได้ รองรับทั้งระบบ iOS และ Android จึงเป็นอีกรุ่นที่อยากแนะนำสำหรับคนที่กำลังมองหาแอร์ประหยัดไฟ
รายละเอียด แอร์ CARRIER รุ่น X-INVERTER PLUS
- จุดเด่น แอร์ประหยัดพลังงาน มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 5 ดาว ช่วยกรองฝุ่น กระจายแรงลมได้ดี ทั่วทั้งห้อง มีระบบฟอกอากาศ และสั่งงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนได้
- ขนาด 9000 – 36000 BTU
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว (เฉพาะขนาด9000-18000 BTU) / ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 5 ดาว (เฉพาะขนาด 20400 BTU ขึ้นไป)
- รับประกันอะไหล่ทุกชิ้นส่วนนาน 5 ปี และคอมเพรสเซอร์นาน 10 ปี
- ราคา 21,340 – 48,690 บาท
4. แอร์ CARRIER รุ่น COPPER 11
หากพูดถึงแอร์ CARRIER รุ่นยอดนิยมที่ขายดี ต้องยกให้กับ CARRIER รุ่น COPPER 11 ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องดีไซน์สวยทันสมัย ประสิทธิภาพ ความทนทาน ราคาที่เข้าถึงได้ และมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุดถึง 2 ดาว สิ่งที่โดดเด่นของรุ่นนี้คือตัวคอยล์เย็นและคอยล์ร้อนที่ผลิตจากทองแดงแท้ 100% จึงมีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง ทำให้แอร์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น แอร์เป็นระบบ Inverter ที่ให้ความเย็นเต็มพลังเปิดปุ๊บเย็นปั๊บ ทำงานเงียบ สามารถสั่งงานผ่านเสียงไม่ต้องพึ่งรีโมต หรือสั่งงานเปิด-ปิดแอร์ผ่าน Wi-Fi ได้สะดวกสบายทุกที่ ทุกเวลา หมดปัญหาลืมปิดแอร์เมื่อไม่อยู่บ้าน หรือถ้าอยู่ข้างนอกกำลังจะเข้าบ้านก็สั่งเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำรอได้การสั่งผ่านสมาร์ตโฟน รวมถึงยังมีฟีเจอร์ Anti-Shock ป้องกันความเสียหายจากไฟตก หรือฟ้าผ่าจากสภาพอากาศแปรปรวน ส่วนดีไซน์มีการออกแบบมาให้ดูเรียบหรู ทันสมัย เหมาะกับทุกสไตล์การตกแต่งบ้าน
รายละเอียด แอร์ CARRIER รุ่น COPPER 11
- จุดเด่น ดีไซน์ทันสมัย ทำงานเงียบ เย็นเร็วทั่งถึง พร้อมระบบกระจายลมที่ครอบคลุมทุกมุมห้อง ด้วยระบบ Inverter และฟังก์ชันประหยัดพลังงาน และสามารถเปิด–ปิด หรือปรับอุณหภูมิจากสมาร์ตโฟนได้ทุกที่ ทุกเวลา
- ขนาด 9200 – 25200 BTU
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 2 ดาว
- รับประกันสินค้า 5 ปี
- ราคา 12,999 – 30,999 บาท
5. แอร์ Panasonic รุ่น YU-ZKT
แอร์ติดผนัง Panasonic รุ่น YU-ZKT แบรนด์ Panasonic มาพร้อมความโดดเด่นเรื่องประหยัดพลังงานเป็นเลิศ ด้วยการใช้เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์และสารทำความเย็น R32 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ มั่นใจถึงระดับความสบายที่สมดุล โดยใช้พลังงานน้อยลง จึงช่วยประหยัดไฟ ความพิเศษอยู่ตรงที่มี Gear Mode ที่ควบคุมปริมาณการใช้ไฟฟ้า เลือกปรับปริมาณการใช้ไฟฟ้า โดยเลือกพลังงาน 50%, 75% หรือ 100% ที่สามารถเลือกใช้ระดับพลังงานที่ต่ำกว่า เพื่อประหยัดพลังงานและประหยัดค่าไฟมากขึ้น พร้อมฟังก์ชัน i-Clean ป้องกันเชื้อราภายในตัวเครื่อง มั่นใจได้ว่าอากาศจะสะอาด และเย็นอย่างสม่ำเสมอ ยังมีฟังก์ชัน Avoid Me ช่วยควบคุมทิศการไหลของลมเย็น เพื่อป้องกันลมเย็นปะทะกับตัวโดยตรง ถ้าใครกำลังมองหาวิธีที่จะ เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ แนะนำให้หาซื้อแอร์รุ่นนี้ติดบ้านไว้ รับรองคุณจะได้ทั้งความเย็นฉ่ำสบายและเซฟเงินค่าไฟได้เยอะเลยทีเดียว
รายละเอียด แอร์ CARRIER รุ่น NEW GEN NEW
- จุดเด่น ระบบ Inverter ช่วยทำความเย็นได้อย่างทั่วถึง และไม่กินไฟ มี Gear Mode ช่วยควบคุมการใช้ไฟฟ้า โดยสามารถเลือกปรับการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 50%, 75% หรือ 100% ยังมีโหมด i-Clean ช่วยลดการสะสมและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อในแอร์ได้ด้วย
- ขนาด 9000 – 28000 BTU
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 1 ดาว
- รับประกันอะไหล่ทุกชิ้นส่วนนาน 3 ปี และคอมเพรสเซอร์นาน 5 ปี
- ราคา 11,390 – 28,790 บาท
6. แอร์ Mitsubishi Electric Mr.SLIM Happy Inverter รุ่น MSY-KY09VF
ถ้าจะให้แนะนำแอร์ประหยัดไฟยี่ห้อไหนดี แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีแบรนด์ Mitsubishi ติดอยู่หนึ่งในลิสต์อย่างแน่นอน ด้วยชื่อเสียงด้านความทนทาน ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า จึงทำให้กลายเป็นแอร์อันดับต้น ๆ ของประเทศไทย มีแอร์ให้เลือกหลากหลายรุ่น แต่อยากได้แอร์ที่ประหยัดไฟ ในราคาไม่แพง แนะนำเป็น Mitsubishi Electric Mr.SLIM Happy Inverter รุ่น MSY-KY09VF โดดเด่นด้วยคุณสมบัติ Fast Cooling ทำความเย็นได้รวดเร็วทันใจ แค่ปุ่มเดียวเร่งทำความเย็นได้ภายใน 15 นาที พร้อมด้วย V-Air Filter แผ่นฟิลเตอร์กรองฝุ่นที่ออกแบบพิเศษ สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย และกระจายลมเย็นได้ไกลสูงสุด 8 เมตร ยังมีฟังก์ชัน Error Code ตรวจสอบความผิดปกติของเครื่องด้วยตัวเอง ด้วยการกดปุ่ม Check บนรีโมต ช่วยเพิ่มความสะดวกในการแจ้งซ่อม แถมแอร์ทำงานเงียบ ไม่ส่งเสียงรบกวนเวลานอน จึงทำให้นอนหลับสบาย
รายละเอียด แอร์ Mitsubishi Electric Mr.SLIM Happy Inverter รุ่น MSY-KY09VF
- จุดเด่น ดีไซน์ใหม่ สวย เงางาม พร้อมด้วยระบบอินเวอร์เตอร์ประสิทธิภาพสูง ทำงานเงียบไร้เสียงรบกวน ประหยัดพลังงานสูงสุด ควบคุมอุณหภูมิให้คุณเย็นสบาย พร้อม V Air Filter แผ่นฟิลเตอร์กรองฝุ่นที่ออกแบบพิเศษ ทำให้อากาศบริสุทธิ์พร้อมหายใจเต็มปอดได้อย่างมั่นใจ
- ขนาด 9000 – 18000 BTU
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ
- รับประกันอะไหล่ทุกชิ้นส่วนนาน 1 ปี แผงคอล์ยร้อนและคอล์ยเย็น 3 ปี และคอมเพรสเซอร์นาน 3 ปี
- ราคา 12,290 บาท (ขนาด 9,212 BTU)
7. แอร์ Mitsubishi Electric รุ่น Super Inverter (MSY-GY18VF)
มาแนะนำแอร์ Mitsubishi กันต่อกับ Mitsubishi Electric รุ่น Super Inverter (MSY-GY18VF) รุ่นนี้คือตอบโจทย์สำหรับคนที่กำลังมองหาแอร์ที่ประหยัดไฟ เพราะมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว ที่สุดแห่งเทคโนโลยีความเย็น คุ้มค่าประหยัดพลังงาน ด้วย Dual Barrier Coating ที่มีคุณสมบัติกันน้ำและกันน้ำมัน จึงช่วยลดการเกาะติดของฝุ่นละออง คราบน้ำมัน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ทำให้ภายในตัวเครื่องสะอาดอยู่เสมอ ลดการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นอับและปัญหาภูมิแพ้ แถมยังมี Fast Cool โหมดเย็นเร็ว ทันใจ ระบบเร่งการทำความเย็นของ คอมเพรสเซอร์และพัดลมในระดับสูงสุด ภายใน 15 นาที ห้องก็เย็นฉ่ำชื่นใจ สามารถปรับกระจายความเย็น ซ้าย-ขวา ได้มากถึง 6 ทิศทาง และก็ส่งลมได้ไกลสูงสุดถึง 12 เมตร รวมถึงมี V-Blocking Filter ที่ช่วยดูแลคุณภาพอากาศและสุขภาพของทุกคนในบ้าน จึงเป็นแอร์ประหยัดอีกรุ่นที่อยากแนะนำให้กับทุกคน
รายละเอียด แอร์ Mitsubishi Electric รุ่น Super Inverter (MSY-GY18VF)
- จุดเด่น ดีไซน์เรียบหรู ทันสมัย เย็นเร็วทันใจ ในปุ่มเดียว Fast Cooling พร้อม V-Blocking Filter ช่วยดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ รวมถึงไวรัสและแบคทีเรีย ทำให้อากาศที่ออกมาจากเครื่องสะอาด และตั้งเวลาเปิด – ปิด เครื่องอัตโนมัติ 24 ชม.
- ขนาด 9000 – 24000 BTU
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว
- รับประกันอะไหล่ทุกชิ้นส่วนนาน 1 ปี แผงคอยล์ร้อนและคอยล์เย็น 3 ปี และคอมเพรสเซอร์นาน 3 ปี
- ราคา 36,100 บาท (ขนาด 18,000 BTU)
8. แอร์ Daikin MAX INVERTER (STAR KZ SERIES) FTKZ-Y
เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ ตามทำครบทุกข้อที่แนะนำแล้วแต่ค่าไฟยังพุ่งสูงขึ้น อยากเปลี่ยนแอร์ใหม่ที่ประหยัดไฟมากกว่าเดิม แนะนำเป็น Daikin แบรนด์ยอดนิยมที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งมีแอร์ให้เลือกหลายรุ่น หลายราคา แต่ถ้าจะให้แนะนำแอร์รุ่นที่ประหยัดไฟเกินเบอร์! ก็ต้องยกให้กับ Daikin MAX INVERTER (STAR KZ SERIES) FTKZ-Y ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 5 ดาว กินไฟน้อยสุด ๆ พร้อมระบบฟอกอากาศแบบคู่ที่ใช้ Streamer ช่วยยับยั้งเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรคต่าง ๆ ทำงานคู่กับ Active Plasma Ion ช่วยฟอกอากาศและฆ่าเชื้อโดยกำจัดสารปนเปื้อนในอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมโหมด Powerful ช่วยให้เย็นรวดเร็วทันใจภายใน 1 นาที และสามารถจะควบคุมการทำงานระยะไกล ผ่านสมาร์ตโฟนได้ทุกที่ทุกเวลา ถือว่าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มาก ๆ
รายละเอียด แอร์ Daikin MAX INVERTER (STAR KZ SERIES) FTKZ-Y
- จุดเด่น ดีไซน์เรียบง่าย พร้อมด้วยระบบฟอกอากาศภายในเครื่องด้วยเทคโนโลยี Streamer และระบบฟอกอากาศภายนอกเครื่องด้วยเทคโนโลยี Active Plasma Ion และฟังก์ชันการใช้งานที่เน้นความสะดวกสบาย สามารถควบคุมการทำงานระยะไกล ผ่านสมาร์ตโฟนได้ทุกที่ทุกเวลา
- ขนาด 9200 – 24200 BTU
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 5 ดาว
- รับประกันสินค้า 5 ปี
- ราคา 31,890 – 61,090 บาท
9. แอร์ Daikin MAX INVERTER (SABAI SERIES) FTKB-Z
หากพูดถึงแอร์ Daikin รุ่นไหนดีที่ประหยัดไฟ ในราคาสบายกระเป๋า แนะนำแอร์ Daikin รุ่น FTKB-Z SABAI Series จากซีรีส์ MAX INVERTER มาพร้อมค่า SEER สูงสุดถึง 18.20 และก็ยังผ่านมาตรฐานฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ช่วยให้คุณประหยัดไฟฟ้าในทุกการใช้งาน ค่าไฟเพียง 2.5 บาทต่อชั่วโมง สามารถเปิดแอร์ทั้งวันได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องกังวลค่าไฟอีกต่อไป แอร์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้เงียบมาก โดยเฉพาะในโหมด Quiet Operation ช่วยลดระดับเสียงของเครื่องภายในลงให้เบาที่สุดอย่างกับเสียงกระซิบ ที่ดังเพียงแค่ 19 เดซิเบล จึงทำให้พักผ่อนหรือนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มโดยไม่มีเสียงรบกวน มีฟังก์ชัน Coanda Airflow ที่ช่วยกระจายลมเย็นอย่างนุ่มนวลและไกลยิ่งขึ้น พร้อมระบบ Powerful Mode เร่งความเย็นให้ห้องเย็นลงในเวลาอันรวดเร็วภายใน 20 นาทีเท่านั้น
รายละเอียด แอร์ Daikin MAX INVERTER (SABAI SERIES) FTKB-Z
- จุดเด่น เทคโนโลยี MAX Inverter ประหยัดไฟเยี่ยม ด้วยค่า SEER สูงสุด 18.20 และค่าไฟเฉลี่ยเพียง 2.5 บาท/ชม. เย็นเร็วกระจายลมดี ด้วย Powerful Mode และ Coanda Airflow ลมเย็นทั่วห้อง และระบบทำความสะอาดตัวเอง
- ขนาด 9200 – 20500 BTU
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
- รับประกันสินค้า 5 ปี
- ราคา 13,990 – 28,990 บาท
10. แอร์ SAIJO DENKI รุ่น SMART COOL
ปิดท้ายการแนะนำแอร์ประหยัดยี่ห้อไหนดี กับ SAIJO DENKI รุ่น Smart Cool จากแแบรนด์ SAIJO DENKI แอร์รุ่นนี้มาพร้อมกับคอยล์ร้อนขนาดใหญ่ ระบายอากาศได้ดี จึงทำให้แอร์เย็นรวดเร็ว ทันใจ ห้องเย็นฉ่ำชื่นใจ สามารถทำงานได้ในสภาวะอากาศร้อนสูงสุด 55 องศาเซลเซียส มาพร้อมแผ่นกรองอากาศช่วยดักจับฝุ่นละอองในอากาศ ลดการสะสมของฝุ่น และยังมีเทคโนโลยีมอเตอร์ BLDC ที่ช่วยทำความเย็นได้รวดเร็ว และประหยัดพลังงานกว่าเครื่องปรับอากาศมอเตอร์ AC ทั่วไป นอกจากนี้โครงสร้างคอยล์ร้อนทำด้วยเหล็กหนา จึงมีความทนทานมากเป็นพิเศษ ทำให้ใช้งานได้นาน ใครกำลังมองหาแอร์ที่ประหยัดไฟ ราคาไม่แพง แนะนำแอร์รุ่นนี้เลย
รายละเอียด แอร์ SAIJO DENKI รุ่น SMART COOL
- จุดเด่น แผงคอยล์ร้อนขนาดใหญ่ ระบายอากาศได้ดี ทำให้แอร์เย็นเร็วและเย็นจัด ยังมีแผงฟอกอากาศ ที่สามารถกรองฝุ่นละเอียด และมีระบบฟอกอากาศที่สามารถถอดล้างทำความสะอาดง่าย
- ขนาด 9563-25498 BTU
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ระดับ 2 ดาว
- รับประกันอะไหล่ทุกชิ้นส่วนนาน 1 ปี และคอมเพรสเซอร์นาน 3 ปี
- ราคา 8,999 – 19,499 บาท
คำถามที่พบบ่อยที่เกี่ยวกับ เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ
บทความนี้ยังได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ เพื่อให้คุณคลายร้อนได้อย่างสบายใจ และสบายกระเป๋าไปพร้อมกัน!
แอร์ระบบ Inverter ควรเปิดกี่องศาเซลเซียส?
คำตอบ: จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นแอร์ Inverter หรือ แอร์ Fix Speed อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการประหยัดไฟ คือ 25-26 องศาเซลเซียส เพราะการลดอุณหภูมิลงทุก 1 องศาเซลเซียส จึงทำให้แอร์ใช้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 10% และเป็นช่วงอุณหภูมิที่กำลังพอดีเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป
หากเปิดแอร์อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ช่วยประหยัดได้จริงไหม?
คำตอบ: ช่วยประหยัดไฟ เซฟเงินในกระเป๋าได้แน่นอน! การตั้งอุณหภูมิแอร์ที่ 27 องศาเซลเซียส ถือว่าเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมและช่วยประหยัดไฟได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับการเปิดแอร์ 25 องศาเซลเซียส
เปิดแอร์โหมด Dry ตลอดเวลาได้ไหม?
คำตอบ: ไม่แนะนำให้เปิดโหมด Dry ตลอดการใช้งาน แม้ว่าโหมด Dry นี้จะช่วยลดความชื้นในอากาศ ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้นและแอร์ทำงานเบาลง แต่ว่าหลักการทำงานของโหมด Dry ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อทำความเย็น ดังนั้น การเปิดโหมด Dry ตลอดเวลา อาจทำให้ห้องเย็นไม่พอ โดยเฉพาะวันที่อากาศร้อนจัด ๆ ซึ่งอาจจะส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักมากจนเกินไป หากเปิดติดต่อกันเป็นเวลานานจนอุณหภูมิห้องต่ำเกินไป แนะนำให้เปิดโหมด Cool เป็นหลัก และถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าอากาศชื้น ๆ ค่อยเปิดโหมด Dry
ควรเปิดใช้โหมด Sleep/Eco Mode ของแอร์ระบบ Inverter หรือไม่?
คำตอบ: ควรเปิดใช้อย่างมาก! เพราะโหมด Sleep/Eco Mode ในแอร์ระบบ Inverter ได้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดพลังงานโดยเฉพาะ โดยจะปรับอุณหภูมิและรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้เหมาะสมกับการนอน หรือการใช้งานที่ไม่ต้องการความเย็นจัด ทำให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยใช้พลังงานน้อยที่สุด แล้วจะช่วยประหยัดค่าไฟได้เยอะมาก ๆ
เปิดแอร์อุณหภูมิต่ำสุดจะทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้นจริงหรือไม่?
คำตอบ: ไม่จริง การตั้งอุณหภูมิต่ำสุดตั้งแต่แรกจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักขึ้นและกินไฟมากกว่า ดังนั้น ควรตั้งอุณหภูมิที่ 25-27 องศาเซลเซียส แล้วเปิดพัดลมช่วยกระจายความเย็น วิธีนี้จะช่วยประหยัดไฟได้ดีกว่า
ยิ่งเปิดแอร์มากเท่าไหร่ ค่าไฟก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้น! แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เรารวบรวม 8 เคล็ดลับ! เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ สามารถนำไปทำตามได้ง่าย ๆ รับรองสิ้นเดือนมาค่าไฟไม่พุ่งแน่นอน! ไม่เพียงเท่านั้น ถ้าบ้านใครยังไม่ได้ติดแอร์ หรือแอร์ที่ใช้อยู่เก่ามาก แนะนำให้เปลี่ยนแอร์ตัวใหม่เลย ซึ่งเราได้รวบรวมแอร์รุ่นประหยัดไฟ จากแบรนด์ชั้นนำยอดนิยม สามารถสั่งซื้อผ่านออนไลน์บน Shopee มีให้เลือกหลายรุ่น หลายราคา สามารถที่จะเลือกซื้อตามงบที่มีได้เลย แต่ก่อนซื้ออย่าลืมเปรียบเทียบราคาสินค้าระหว่างร้านค้ากันด้วยน้า เพื่อจะได้สินค้าในราคาที่คุ้มค่ามากที่สุด พร้อมกดรับโค้ดส่วนลดที่ช้อปปี้แจกให้ด้วย ชอปกับช้อปปี้มีแต่คุ้มกับคุ้ม!
นอกจากนี้เรายังมีบทความสาระความรู้หลากหลายพร้อมเสิร์ฟถึงที่ ครบครันทุกเรื่องไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ความงาม เช็กดวง พร้อมมีรีวิวสินค้าให้อ่านก่อนเลือกช้อป เช่น และอื่น ๆ ติดตามอ่านได้ที่ Shopee Blog มีบทความดี ๆ รอให้อ่านเพียบ!