หลายคนมีรถแล้วเลือกทำความสะอาดรถด้วยการเข้าคาร์แคร์ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ชอบล้างรถด้วยตัวเอง เหตุผลคือประหยัดค่าใช้จ่าย และไม่มีใครทำได้ดั่งใจเท่าตัวเราเอง เพราะขั้นตอนการล้างรถให้สะอาดเหมือนใหม่นั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงรู้ขั้นตอนการล้างรถที่ถูกต้อง ตั้งแต่การเอาคราบฝุ่น คราบน้ำ คราบสกปรกต่าง ๆ ออกจากตัวรถ พร้อมทริกดี ๆ ในการปกป้องรถคันโปรดของคุณไม่ให้มีรอยขีดข่วน แค่นี้ก็สามารถเปลี่ยนรถโทรม ๆ เป็นรถคันใหม่ที่สะอาดหมดจดได้แล้ว
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
7 วิธีล้างรถไม่ให้เป็นคราบ สะอาดหมดจด มือใหม่ก็ทำได้
1. ฉีดล้างคราบฝุ่นด้วยน้ำสะอาด
ขั้นตอนการล้างรถที่ถูกต้อง ควรเริ่มจากการฉีดน้ำทั่วรถไล่คราบสกปรกให้อ่อนตัวลง สามารถใช้สายยางธรรมดาหรือเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง แต่มีข้อควรระวังแรงดันน้ำอาจทำให้พื้นผิวแล้วตัวถังรถยนต์เสียหายได้
2. ผสมน้ำอุ่นกับน้ำยาล้างรถ
เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดูแลรถยนต์แต่ละยี่ห้อมีอัตราส่วนไม่เท่ากัน ควรผสมตามคำแนะนำที่ระบุไว้บนฉลาก แต่ก่อนที่เราจะเริ่มนำฟองน้ำถูไปที่รถโดยตรง แนะนำให้ใช้สายตากวาดก่อนว่ามีคราบใหญ่ ๆ หรือเศษหินดินทรายปนอยู่ด้วยหรือไม่ หากมีให้ใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดเบื้องต้นก่อน เพราะถ้าเราถูแบบไม่ดูเลย อาจทำให้รถเป็นรอยขีดข่วนได้ พอเช็ดคราบสปกรกออกหมดแล้วค่อยนำฟองน้ำชุบกับแชมพูล้างรถยนต์ แล้วเริ่มเช็ดทำความสะอาดทีละส่วน
3. ล้างรถจากบนลงล่าง
วิธีล้างรถไม่ให้เป็นคราบ ควรใช้ฟองน้ำสำหรับล้างรถทำความสะอาดจากหลังคารถไล่ลงมาด้านข้าง เมื่อทำความสะอาดส่วนนึงเสร็จแล้วให้ใช้ที่ฉีดน้ำทำความสะอาดทันที แล้วค่อยไปล้างในส่วนอื่น ๆ ต่อ จะได้ไม่เกิดคราบฝัง โดยส่วนสุดท้ายที่เราจะจบคือบริเวณล้อ เนื่องจากเป็นส่วนที่มีคราบสกปรกมากที่สุด โดยใช้แปรงขัดทำความสะอาดบิรเวณผิวหน้ายาง ล้อ และบังโคลนล้อ แล้วค่อยใช้แปรงดีเทลลิงทำความสะอาดบริวเณซอกหรือมุมเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจพลาดไป
4. ล้างรถภายนอกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
ชะล้างฟองต่าง ๆ ด้วยน้ำสะอาดให้ครบทุกส่วนอีกครั้ง โดยไล่จากด้านบนหลังคาลงล่าง โดยฉีดไปที่ตัวถังรถยนต์ พร้อมจบปิดงานด้วยการฉีดน้ำสะอาดไปที่บริเวณตัวรถยนต์และล้อทุกข้าง ทำซ้ำ ๆ แบบนี้ประมาณ 2-3 รอบ จนไม่เหลือคราบ
5. เช็ดรถให้แห้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์
ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์ เช็ดทำความสะอาดรถยนต์ให้แห้งในทันที โดยเฉพาะกระจกหน้ารถ เพื่อป้องกันฝุ่นเกาะ โดยค่อย ๆ ถูไล่ไปในทางเดียว หลีกเลี่ยงการถูวนเป็นวงกลม เพราะอาจทำให้เกิดรอยได้ นอกจากนี้ยังควรแบ่งใช้ผ้าคนละผืนในการเช็ดรถแต่ละส่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบสกปรกซ้ำ
6. ลงน้ำยาเคลือบผิวรถยนต์
เมื่อทำความสะอาดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรตามด้วยการลงแว็กซ์หรือน้ำยาเคลือบเงา เพื่อช่วยให้รถยนต์ดูเงางามเสมือนรถคันใหม่ เปรียบเสมือนเป็นการบำรุงรักษารถไปในตัว สำหรับมือใหม่อาจเลือกใช้แบบสเปรย์ฉีด เพื่อการใช้งานที่ง่ายกว่าเดิม แล้วค่อยลองแบบอื่น ๆ ต่อไป แนะนำใช้ฟองน้ำในการลงน้ำยาเคลือบสีรถทีละส่วนจนครบ แต่ไม่ควรลงบริเวณที่พื้นผิวไม่เหมาะกับน้ำยาที่ใช้งาน ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วจึงใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดออก เพียงเท่านี้การทำความสะอาดภายนอกรถยนต์ก็เรียบร้อย
7. ทำความสะอาดภายในรถยนต์
เนื่องจากระบบภายในรถยนต์มีความซับซ้อน ใครที่ยังเป็นมือใหม่ เริ่มจากการดูดฝุ่นบริเวณพรม เบาะ และซอกเล็ก ๆ ภายในรถยนต์ก่อน แล้วนำส่วนที่สามารถเอาออกมาได้มาเริ่มทำความสะอาด เช่น ซักพรม หรือปลอกหุ้มต่าง ๆ จากนั้นจึงใช้น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ค่อย ๆ เช็ดให้ครบทุกจุด แต่ต้องดูส่วนผสมของน้ำยาที่เลือกใช้ด้วย ไม่อย่างนั้นอาจเกิดความเสียหายตามมาได้
ข้อควรระวังในการล้างรถด้วยตัวเอง ที่หลายคนเข้าใจผิด!
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอกแทนน้ำยาล้างรถ: ในขั้นตอนการล้างรถด้วยน้ำยาล้างรถ และมีหลายคนไม่รู้ว่าใช้อะไรล้างรถได้บ้าง คนที่เน้นสะดวกสบายเลยเลือกน้ำผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจนมาล้าง ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรทำ เนื่องจากเป็นน้ำยาที่มีค่าเป็นด่างสูง สามารถไปทำลายชั้นเคลือบสีรถให้บางลงได้
- หลังล้างรถเสร็จ อย่ารอให้รถแห้งเอง: การรอให้รถแห้งเอง จะทำให้เกิดคราบน้ำเป็นจุด ๆ วง ๆ จนอาจจะเกิดสนิทในบริเวณที่อับชื้นได้
- หลีกเลี่ยงการล้างรถกลางแดด: เพราะแสงแดดจะทำปฏิกิริยากับน้ำยาล้างรถ ทำให้ระหว่างล้างตัวน้ำยาล้างรถจะระเหยเร็วจนเกิดไปจนเป็นคราบติดกับตัวรถ ต้องเสียเวลาล้างใหม่อีกรอบ
- ห้ามล้างรถตอนเครื่องยนต์ร้อน: เพราะเมื่อน้ำโดนเข้ากับความร้อนของเครื่องยนต์ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบฉับพลันจนนำไปสู่ความเสียหายกับเครื่องยนต์ได้
- ใช้อุปกรณ์ล้างรถที่ไม่มีคุณภาพ: การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ไม่มีคุณภาพ เช่น การนำผ้าขนหนูหรือผ้าทั่วไปที่มีเนื้อผ้าแข็งกระด้างมาเช็ดรถ อาจทำให้รถเป็นรอยได้
รวม 5 อุปกรณ์ล้างรถแบบครบชุด ที่คนรักรถควรมี
1. แชมพูล้างรถ สูตรผสมแวกซ์
3M Set แบรนด์คุณภาพของคนรักรถ ใช้แล้วไม่ทำลายพื้นผิวรถยนต์ กลิ่นหอมอ่อนโยน ใช้แล้วไม่ฉุนแสบจมูก ใน 1 เช็ต ได้อะไรบ้าง
- ผลิตภัณฑ์แชมพูล้างรถ สูตรผสมแวกซ์ ทั้งล้างและเคลือบเงาในขั้นตอนเดียว 1 ขวด
- ผลิตภัณฑ์เคลือบกระจกป้องกันหยดน้ำเกาะ 1 ขวด
- น้ำยาเคลือบสีและเพิ่มความเงาอย่างรวดเร็ว 1 ขวด
- ราคา 490 บาท
2. ผ้าไมโครไฟเบอร์
ผ้าไมโครไฟเบอร์ 3D เกรดพรีเมียม ขนาด 30×30 เนื้อผ้าหนานุ่ม หมดกังวลเรื่องรอยขีดข่วน ซับน้ำไว จะใช้เช็ดเปียกหรือเช็ดแห้งก็ดีเยี่ยม
- ราคา 15 บาท
3. เครื่องขัดสีรถ
เครื่องขัดสี ตัวช่วยที่ทำให้สีรถยนต์ที่หมองให้เงางามเหมือนเดิม รวมไปถึงจัดการลบรอยขีดข่วนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน มีให้เลือก 2 แบบ คือ
- แบบธรรมดา: เครื่องขัดสีรถ 5 นิ้ว ใช้งานสะดวก จับถนัดมือ ราคา 364 บาท
- แบบแปลงเป็นหัวสว่านได้: เครื่องขัดสี + หัวสว่าน สามารถแปลงหัวเป็นสว่านได้ ราคา 439 บาท
4. ฟองน้ำล้างรถยนต์
ฟองน้ำล้างรถ ช่วยทำให้พื้นผิวรถของคุณเงางามได้มากยิ่งขึ้น ทำความสะอาดได้ล้ำลึก ขนาดพอเหมาะจับถนัดมือ ดูดซับน้ำได้ดีเยี่ยม กักเก็บน้ำ เนื้อนุ่มไม่ทำให้เกิดรอย ทนทานไม่ฉีกขาดง่าย
- ราคา 20 บาท
5. น้ำยาเคลือบภายใน
สเปรย์เคลือบภายใน ใช้ฉีดเพื่อทำความสะอาดฝุ่นหรือคราบบนผิวรถยนต์ เคลือบได้ทั้งภายใน และภายนอกรถ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่ฉุนแสบจมูก ใช้ได้ทั้งกับคอนโซล เบาะหนัง พลาสติก และยาง ด้วยการฉีดน้ำยาลงบนฟองน้ำ หรือพื้นผิวที่ต้องการเคลือบ แล้วใช้ฟองน้ำเช็ดให้ทั่ว แนะนำให้เคลือบขณะพื้นผิวแห้ง
- ราคา 150 บาท
เป็น 7 ขั้นตอนการล้างรถที่ใครก็ทำตามได้ง่าย ๆ ทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และยังช่วยให้รถกลับมาสะอาดเหมือนใหม่ พร้อมขับขี่ได้เต็มประสิทธิภาพ ใครที่เป็นสาวกคนรักรถอยู่แล้ว Shopee Blog มีสาระดี ๆ มาฝากกันต่อที่ 10 น้ำยาเช็ดกระจกรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี และ 10 น้ำยาล้างรถ ยี่ห้อไหนดี พร้อมวิธีทําความสะอาดเบาะรถยนต์ด้วยตัวเอง ถ้าต้องเข้าคาร์แคร์อาทิตย์ละครั้งคงไม่คุ้ม แบบนี้ต้องรู้ให้ครบจบหมดเรื่องรถ จะได้สามารถดูแลรถคู่ใจของเราด้วยตัวเอง เพราะใครจะรักรถเราได้เท่าเรา