ประเทศไทยมีอากาศร้อนชื้นและฝนตกบ่อย โดยเฉพาะในฤดูฝนที่มักมีฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วม ซึ่งอาจทำให้รถน้ำท่วมเสียหายได้ หากเกิดเหตุการณ์นี้ สิ่งสำคัญคือการดูแลรถอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วมรถเพิ่มเติม การจัดการอย่างรวดเร็วและถูกต้องจะช่วยให้รถกลับมาใช้งานได้ปลอดภัยและลดปัญหาในระยะยาว มาดูวิธีดูแลรถหลังน้ำท่วมกัน ตั้งแต่การตรวจสอบเบื้องต้นไปจนถึงการป้องกันความเสียหาย แล้วตอบคำถามว่าน้ำท่วมรถประกันจ่ายไหม? จ่ายเท่าไหร่? ในส่วนท้ายของบทความนี้ได้เลย!
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
1. รถน้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์แต่ไม่ถึงเบาะรถ
น้ำท่วมถึงพื้นรถอาจดูเหมือนไม่มีอะไร รู้หรือไม่ว่าแม้น้ำจะท่วมไม่สูงถึงเบาะ แต่คราบน้ำและความชื้นก็ยังสามารถสร้างปัญหาให้กับอุปกรณ์หลาย ๆ ส่วน เช่น ระบบเบรก พรม หรือห้องเครื่อง นอกจากนี้การที่น้ำท่วมรถเป็นเวลานาน ๆ ยังทำให้เกิดสนิมใต้ท้องรถได้อีกด้วย ซึ่งการละเลยอาจทำให้เกิดปัญหา เช่น เกิดคราบสนิม มีคราบน้ำหรือความชื้นเข้าถึงระบบเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า จนทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติหรือไฟฟ้าช็อต
ดังนั้นเมื่อน้ำลดแล้ว การดูแลรถอย่างละเอียดในส่วนต่าง ๆ จึงมีความสำคัญ ดังนี้
เช็คระบบเบรก
- ทำความสะอาดชุดเบรกและผ้าเบรก จากนั้นเป่าให้แห้งเพื่อป้องกันความชื้นสะสม
เช็คห้องเครื่องยนต์
- ทำความสะอาดไดสตาร์ทเพื่อลดการสะสมของคราบน้ำ
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์
- เติมสารหล่อลื่นให้กับอุปกรณ์ที่อาจสัมผัสน้ำ
เช็คห้องโดยสาร
- ทำความสะอาดห้องโดยสาร เปิดให้อากาศถ่ายเทเพื่อลดความชื้น
- ซักล้างพรมและตากบนพื้นเรียบ ห้ามแขวนเพื่อป้องกันการบิดงอ
- ทำความสะอาดและตรวจสอบการใช้งานของเข็มขัดนิรภัย
- ทำความสะอาดกล่องควบคุม และใช้สเปรย์ไล่ความชื้นเพื่อป้องกันการเกิดสนิมหรือความเสียหาย
2. รถน้ำท่วมถึงเบาะที่นั่ง
ถ้าน้ำท่วมรถถึงเบาะที่นั่ง ระดับของน้ำอาจสูงจนสามารถทำความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ในห้องเครื่องยนต์ เช่น ECU ที่เป็นชิปควบคุมการทำงานของรถ หรือ ระบบไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับรถทั้งคัน สิ่งสำคัญที่ต้องทำทันทีหลังจากน้ำลดแล้วจึงต้องถอดแบตออกทันทีและห้ามสตาร์ทรถ
นอกจากเครื่องยนต์ต่าง ๆ แล้ว เจ้าของรถยังจำเป็นต้องดูแลทั้งเบาะ ระบบของเหลวต่าง ๆ ในรถ และเครื่องยนต์อื่นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำ เพื่อป้องกันความเสียหายจากการสะสมของความชื้น โดยต้องดูแลอุปกรณ์เหล่านี้เป็นพิเศษ
เช็คห้องเครื่องยนต์
- ทำความสะอาดไดชาร์จ ฉีดน้ำยาไล่ความชื้นและเป่าให้แห้ง
- เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันใหม่
- ตรวจสอบกล่อง ECU, แบตเตอรี่, และขั้วสายไฟต่าง ๆ ว่ามีความชื้นหรือคราบน้ำตกค้างหรือไม่
เช็คไฟหน้าและไฟท้าย
- ทำความสะอาดไฟหน้าและไฟท้าย และตรวจสอบว่าระบบไฟไม่มีน้ำหรือความชื้นหลงเหลืออยู่ เพื่อป้องกันการช็อตของระบบไฟ
เช็คห้องโดยสาร
- ทำความสะอาดเบาะที่นั่งและตากให้แห้งเพื่อป้องกันเชื้อราและกลิ่นอับ รวมถึงการสะสมของเชื้อโรคแบคทีเรียต่าง ๆ
- ทำความสะอาดแผงนวมประตู หากยังมีความชื้นให้เป่าให้แห้ง และเปิดประตูไว้เพื่อระบายอากาศ
- ทำความสะอาดมอเตอร์กระจกประตู รวมทั้งรางกระจกประตู ตรวจสอบให้ไม่มีคราบน้ำหรือความชื้นด้วยการฉีดน้ำยาไล่ความชื้นและเป่าลมให้แห้ง
- ตรวจสอบสวิตช์แผงประตู และระบบเซ็นทรัลล็อกว่าช็อต หรือมีน้ำ/ความชื้นหลงเหลืออยู่หรือไม่
- ดูแลและตรวจสอบชุดตู้แอร์ โดยเป่าไล่ความชื้นให้เรียบร้อย
3. น้ำท่วมรถถึงคอนโซลหรือหลังคา
น้ำท่วมรถถึงคอนโซลหน้าค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่าน้ำเข้าเครื่องแล้ว ดังนั้นห้ามสตาร์ทหรือต่อไฟเข้าเครื่องยนต์เด็ดขาด และให้ถอดแบตออกทันทีเพื่อป้องกันการช็อตซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายเพิ่ม จากนั้นรีบติดต่อประกันเพื่อส่งรถถึงมือช่างผู้เชี่ยวชาญให้เร็วที่สุด เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ ของเหลวทุกชนิดในรถ ไล่ความชื้น รวมทั้งดูแลระบบไฟ
ถึงอย่างนั้น น้ำท่วมรถจนมิดคอคนโซลเป็นระดับที่สร้างความเสียหายให้กับรถได้มากที่สุด ดังนั้นแม้จะผ่านการดูแลจากช่างผู้เชี่ยวชาญมาอย่างดีแล้ว รถที่น้ำท่วมมิดคันมักกลับมาใช้งานได้แบบไม่สมบูรณ์ 100% แต่สามารถลดปัญหาให้เหลือน้อยที่สดุได้จากการรีบส่งรถให้ผู้เชี่ยวชาญรีบดูแลเพื่อจัดการปัญหาความชื้นให้เร็วที่สุด
FAQ น้ำท่วมรถ ประกันจ่ายไหม
สำหรับคนทั่วไปแล้วปัญหาน้ำท่วมรถเกิดขึ้นได้ไม่บ่อย แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็สร้างความยุ่งยากและเกิดความเสียหายได้มาก โดยเฉพาะในกรณีน้ำท่วมรถมิดคอนโซลที่จะส่งผลต่อเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าของรถทั้งคัน แต่กรณีนี้จัดเป็นภัยธรรมชาติที่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประกันที่ได้ทำไว้ ซึ่งส่วนมากบริษัทประกันไม่ได้รวมความเสียหายจากภัยธรรมชาติไว้ในการคุ้มครองด้วย การที่รถโดนน้ำท่วมจึงอาจไม่สามารถเคลมประกันได้
อย่างไรก็ดี หากเพื่อน ๆ อยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรือกังวลกับปัญหาน้ำท่วม ก็สามารถเลือกประกันที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมเอาไว้ได้ด้วย และในกรณีเลวร้ายสุดที่น้ำท่วมรถมิดคอนโซลแล้วไม่สามารถซ่อมให้กลับมาใช้งานได้ บริษัทประกันอาจจ่าย 70 – 80% ของทุนประกันเพื่อเป็นการชดเชยได้
เห็นอย่างนี้แล้วการที่น้ำท่วมรถไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย เพราะต้องอาศัยการดูแลทำความสะอาดที่ละเอียดรอบคอบเพื่อให้กลับมาใช้งานได้ ทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากน้ำและความชื้นในระบบต่าง ๆ ของรถ ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของรถในระยะยาว การดูแลอย่างเหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยป้องกันความเสียหายและรักษาประสิทธิภาพการทำงานของรถให้อยู่ในสภาพที่ดี การมีประกันที่ครอบคลุมภัยธรรมชาติไว้ก็ช่วยให้อุ่นใจได้มากขึ้น แต่ต้องตรวจสอบเงื่อนไขการประกันให้ครอบคลุมภัยธรรมชาติด้วย และถึงตรงนี้ก็คงไม่ต้องมีข้อสงสัยอีกแล้วว่ารถน้ำท่วม ประกันจ่ายไหม? เพราะต้องดูเงื่อนไขการประกันด้วย ส่วนใครที่ยังไม่จุใจกับเคล็ดลับดูแลรถยนต์ที่ Shopee คัดมาให้ ก็สามารถเข้าไปอัปเดตบทความต่อได้เลยที่ Shopee Blog! หรือเลือกซื้อเลือกช้อปสเปรย์ไล่ความชื้น หรือ น้ำยาหยุดสนิมรถยนต์ ก็ไปช้อปกันต่อได้เลยที่ Shopee!