สวัสดีเพื่อน ๆ นักเดินทางทุกคน! หากกำลังมองหาจุดหมายปลายทางที่ไม่ไกลจากประเทศไทย เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ศิลปะร่วมสมัย อาหารรสเลิศ และธรรมชาติที่งดงาม “ปีนัง” คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุด เกาะที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งตะวันออก” แห่งนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดย UNESCO การันตีถึงความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
บทความนี้ได้รวบรวมทุกข้อมูลสำคัญสำหรับเพื่อน ๆ ที่วางแผนจะไปเที่ยวปีนังด้วยตัวเอง ตั้งแต่ช่วงเวลาที่น่าไปที่สุด ไปจนถึงการปักหมุด 15 สถานที่ท่องเที่ยวปีนัง ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง พร้อมข้อมูลเชิงลึกที่จะทำให้ทริปของเพื่อน ๆ ราบรื่นและน่าจดจำ เตรียมกระเป๋าเดินทางให้พร้อม แล้วออกไปสำรวจมนต์เสน่ห์ของปีนังด้วยกันเลย

หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
เที่ยวปีนัง เดือนไหนดี? วางแผนทริปให้เป๊ะปัง!
ก่อนจะจองตั๋วเครื่องบิน สิ่งแรกที่เพื่อน ๆ ควรรู้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเยือน เพราะสภาพอากาศมีผลอย่างมากต่อประสบการณ์การท่องเที่ยว เรามาดูกันดีกว่าว่าควรเที่ยวปีนัง เดือนไหนดี
- ช่วงพีคที่สุด (High Season): เดือนธันวาคม – มีนาคม เป็นช่วงที่อากาศดีที่สุด ท้องฟ้าแจ่มใส มีแดดสวย และฝนตกน้อยมาก เหมาะกับการเดินเล่นถ่ายรูปในเมืองจอร์จทาวน์ หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง แต่แน่นอนว่าช่วงนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเยอะที่สุด และราคาที่พักอาจสูงกว่าปกติ แนะนำให้จองล่วงหน้า
- ช่วงกลาง ๆ (Shoulder Season): เดือนเมษายน – สิงหาคม เป็นช่วงที่อากาศเริ่มร้อนขึ้นและอาจมีฝนตกประปราย แต่ข้อดีคือจำนวนนักท่องเที่ยวจะน้อยลง ทำให้เที่ยวสบายขึ้น ไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คนมากนัก และที่พักมักจะมีโปรโมชั่นราคาพิเศษ
- ช่วงมรสุม (Low Season): เดือนกันยายน – พฤศจิกายน เป็นช่วงที่ฝนตกชุกที่สุด อาจมีพายุฝนฟ้าคะนองในตอนบ่ายหรือเย็น แต่ฝนมักจะตกไม่นานก็จะหยุด ข้อดีคือเป็นช่วงที่ตั๋วเครื่องบินและที่พักราคาถูกที่สุด หากเพื่อน ๆ ไม่กังวลเรื่องฝนและอยากเที่ยวแบบประหยัด ช่วงนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
สรุป: หากต้องการอากาศที่ดีที่สุดและไม่เกี่ยงเรื่องงบประมาณ ให้เลือกเดินทางช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม แต่หากต้องการความคุ้มค่าและไม่พลุกพล่าน ช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคมก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
เที่ยวปีนังด้วยตัวเอง ไม่ใช่เรื่องยาก! การเดินทางฉบับสมบูรณ์
การเดินทางไปปีนังด้วยตัวเองนั้นสะดวกสบายกว่าที่คิด มีหลายวิธีให้เพื่อน ๆ เลือกตามความสะดวกและงบประมาณ
- ทางเครื่องบิน: เป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกที่สุด มีสายการบินตรงจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง/สุวรรณภูมิ) ไปยังสนามบินนานาชาติปีนัง (PEN) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที
- ทางรถยนต์/รถไฟ/รถบัส: สำหรับสายผจญภัย เพื่อน ๆ สามารถเดินทางข้ามด่านสะเดา (สงขลา) ไปยังมาเลเซีย แล้วต่อรถบัสหรือรถไฟไปยังปีนังได้ เป็นวิธีที่ประหยัดและได้เห็นวิวทิวทัศน์ระหว่างทาง
- การเดินทางภายในปีนัง: การเดินทางบนเกาะปีนังนั้นสะดวกมาก เพื่อน ๆ สามารถใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab ซึ่งราคาไม่แพงและหาได้ง่าย หรือจะลองใช้บริการรถบัสประจำทาง Rapid Penang ที่มีเส้นทางครอบคลุมทั่วทั้งเกาะ สำหรับการเที่ยวในโซนเมืองเก่าอย่างจอร์จทาวน์ การเดินเท้าคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้ซึมซับบรรยากาศอย่างเต็มที่ อย่าลืมพกพาวเวอร์แบงค์ติดตัวไว้ด้วย เพราะต้องใช้เปิดแผนที่และถ่ายรูปตลอดวันแน่นอน
ปักหมุดเลย! 15 สถานที่ท่องเที่ยวปีนังที่ห้ามพลาด
เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาไปสำรวจไฮไลต์ของปีนังกัน! เราได้คัดสรร 15 สถานที่เด็ด ๆ ที่จะทำให้เพื่อน ๆ ตกหลุมรักเมืองนี้มาให้แล้ว
1. George Town: เดินชมเมืองมรดกโลก สัมผัสเสน่ห์เหนือกาลเวลา

เริ่มต้นการเดินทางที่ใจกลางของปีนังอย่าง George Town เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ที่นี่คือศูนย์รวมของสถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีสที่งดงาม ตึกแถวโบราณหลากสีสันที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลงตัว การเดินสำรวจตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ เปรียบเสมือนการเดินทางย้อนเวลา
เพื่อน ๆ จะได้พบกับวัดจีน ศาลเจ้าอินเดีย มัสยิด และโบสถ์คริสต์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน นอกจากสถาปัตยกรรมแล้ว George Town ยังเป็นแหล่งรวมคาเฟ่เก๋ ๆ แกลเลอรีศิลปะ และร้านค้าบูติกมากมายให้ได้แวะพักผ่อนและช้อปปิ้ง การใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ๆ ในการเดินเล่นที่นี่ รับรองว่าจะได้ภาพสวย ๆ กลับไปเต็มเมมโมรี่การ์ดอย่างแน่นอน
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (ร้านค้าและพิพิธภัณฑ์มีเวลาทำการแตกต่างกันไป)
- ค่าเข้าชม: ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินชมเมือง
- เว็บไซต์: –
- พิกัด: George Town, Penang on Google Maps
2. Penang Hill: ขึ้นรถรางชมวิวเมืองแบบพาโนรามา
หากเพื่อน ๆ อยากเห็นภาพรวมของเกาะปีนังจากมุมสูง การขึ้นไปยัง Penang Hill หรือ Bukit Bendera คือกิจกรรมที่ห้ามพลาดเด็ดขาด เพื่อน ๆ จะได้นั่งรถรางไฟฟ้า (Funicular Railway) ที่มีความชันและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไต่ระดับความสูงกว่า 833 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไปสู่ยอดเขา ระหว่างทางจะได้ชมทิวทัศน์ของป่าฝนที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อถึงยอดเขา อากาศที่เย็นสบายและความสดชื่นจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จุดชมวิวหลักสามารถมองเห็นเมือง George Town สะพานปีนัง และช่องแคบมะละกาได้อย่างชัดเจนในวันที่อากาศดี
นอกจากจุดชมวิวแล้ว บน Penang Hill ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น The Habitat เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติบนยอดไม้, The Owl Museum, สวนดอกไม้ และร้านอาหารบรรยากาศดี การมาเยือนที่นี่เปรียบเสมือนการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองมาสู่โอเอซิสแห่งความสงบบนยอดเขา
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: รถรางเปิดบริการทุกวัน 6:30 – 22:00 น. (เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วปิด 21:30 น.)
- ค่าเข้าชม: (ตั๋วรถรางไป-กลับ Fast Lane) ผู้ใหญ่ 80 ริงกิต / เด็ก 40 ริงกิต
- เว็บไซต์: penanghill.gov.my
- พิกัด: Penang Hill on Google Maps
3. Penang Street Art: ตามล่าหาสตรีทอาร์ตสุดไอคอนิก

หนึ่งในแม่เหล็กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนปีนังก็คือผลงานสตรีทอาร์ตที่มีชื่อเสียง ซึ่งกระจายตัวอยู่ตามกำแพงอาคารเก่าใน George Town ผลงานส่วนใหญ่เป็นของศิลปินชาวลิทัวเนีย Ernest Zacharevic ที่สร้างสรรค์ภาพวาดผสมผสานกับของจริงได้อย่างมีมิติและลงตัว เช่น ภาพ “Kids on a Bicycle” หรือ “Little Boy with Pet Dinosaur” การเดินตามล่าหาภาพวาดเหล่านี้เป็นกิจกรรมที่สนุกและเพลิดเพลิน ทำให้การสำรวจเมืองมีเป้าหมายมากขึ้น
เพื่อน ๆ สามารถเช่าจักรยานหรือเดินเท้าตามแผนที่สตรีทอาร์ต ซึ่งมีแจกตามโรงแรมหรือศูนย์บริการนักท่องเที่ยว การโพสท่าถ่ายรูปคู่กับงานศิลปะเหล่านี้กลายเป็นธรรมเนียมของนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือน นอกจากผลงานของ Ernest แล้ว ยังมีผลงานของศิลปินท้องถิ่นอีกมากมาย โดยเฉพาะภาพเหล็กดัดที่บอกเล่าเรื่องราวของถนนแต่ละสาย ซึ่งช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับการเดินชมเมืองยิ่งขึ้นไปอีก อย่าลืมใส่รองเท้าผ้าใบที่เดินสบาย ๆ เพราะต้องเดินเยอะแน่นอน
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เว็บไซต์: –
- พิกัด: Penang Street Art on Google Maps
4. Kek Lok Si Temple: อลังการเจดีย์หมื่นพระบนยอดเขา

วัดเก็กลกสี่ หรือที่รู้จักกันในนาม “Temple of Supreme Bliss” คือวัดพุทธนิกายมหายานที่ใหญ่และงดงามที่สุดในมาเลเซีย ตั้งอยู่บนเนินเขา Air Itam มองเห็นทิวทัศน์ได้ไกลสุดลูกหูลูกตา สถาปัตยกรรมของวัดเป็นการผสมผสานศิลปะจาก 3 ชาติ คือ ฐานเจดีย์แบบจีน, ตัวเจดีย์ท่อนกลางแบบไทย และยอดเจดีย์แบบพม่า ไฮไลต์สำคัญคือ “เจดีย์พระราม 6” หรือเจดีย์หมื่นพระ ที่มีความสูง 7 ชั้น ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเดินขึ้นไปชมความงามของพระพุทธรูปนับหมื่นองค์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในได้
อีกหนึ่งจุดที่ห้ามพลาดคือรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสัมฤทธิ์ขนาดมหึมา ที่มีความสูงถึง 36.5 เมตร ประดิษฐานอย่างโดดเด่นอยู่บนยอดสูงสุดของวัด การเดินทางขึ้นไปยังส่วนต่าง ๆ ของวัดสามารถใช้ลิฟต์ลาดเอียง (Inclined Lift) ได้เพื่อความสะดวกสบาย ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นศาสนสถานที่สำคัญ แต่ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามและเป็นสถานที่ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ทางสถาปัตยกรรมทางศาสนาได้อย่างน่าทึ่ง
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: ทุกวัน 8:30 – 17:30 น.
- ค่าเข้าชม: เข้าชมวัดฟรี แต่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการขึ้นเจดีย์และลิฟต์ (ประมาณ 3-6 ริงกิตต่อจุด)
- เว็บไซต์: kekloksitemple.com
- พิกัด: Kek Lok Si Temple on Google Maps
5. Batu Ferringhi Beach: พักผ่อนหย่อนใจริมชายหาดชื่อดัง

หลังจากเที่ยวชมเมืองและวัดวาอารามแล้ว ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาพักผ่อนริมทะเลกันบ้างที่หาดบาตูเฟอร์ริงกี ชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของปีนัง ทอดยาวไปตามชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะ ที่นี่เป็นศูนย์รวมของรีสอร์ตหรู กิจกรรมทางน้ำ และร้านอาหารทะเลสดใหม่ ในช่วงกลางวัน เพื่อน ๆ สามารถนอนอาบแดด เล่นน้ำทะเล หรือสนุกกับกิจกรรมสุดมันส์อย่างเจ็ตสกี, พาราเซลลิ่ง หรือบานาน่าโบ๊ท
เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดิน บรรยากาศจะเปลี่ยนเป็นความคึกคักของตลาดนัดกลางคืน (Night Market) ที่มีสินค้ามากมายตั้งแต่อาหารสตรีทฟู้ด ของที่ระลึก เสื้อผ้า ไปจนถึงงานฝีมือท้องถิ่นให้ได้เลือกซื้อ หาดบาตูเฟอร์ริงกีจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทั้งการพักผ่อนแบบเงียบสงบและการสังสรรค์ยามค่ำคืน เป็นอีกหนึ่ง ที่เที่ยวปีนัง ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกสไตล์ อย่าลืมเตรียมชุดว่ายน้ำและครีมกันแดด ไปให้พร้อมสำหรับวันพักผ่อนริมทะเล
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: ชายหาดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง (ตลาดกลางคืนเริ่มประมาณ 19:00 น.)
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เว็บไซต์: –
- พิกัด: Batu Ferringhi Beach on Google Maps
6. Rainbow Skywalk & The Top Komtar: ท้าความสูงกับพื้นกระจกใสใจกลางเมือง

สำหรับเพื่อน ๆ ที่รักความตื่นเต้นและอยากชมวิวเมืองแบบ 360 องศา ต้องไม่พลาด The Top Komtar ซึ่งตั้งอยู่บนยอดตึก Komtar อาคารที่สูงที่สุดในใจกลาง George Town ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ชั้น 68 กับ Rainbow Skywalk ทางเดินพื้นกระจกรูปตัว U ที่ยื่นออกมานอกตัวอาคาร ให้เพื่อน ๆ ได้ท้าทายความสูงและสัมผัสประสบการณ์เหมือนเดินอยู่บนอากาศ พร้อมชมทัศนียภาพอันงดงามของเกาะปีนังได้แบบไม่มีอะไรมาบดบัง นอกจาก Skywalk แล้ว ที่ The Top Komtar ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น Jurassic Research Center ที่จะพาเพื่อน ๆ ย้อนยุคไปสู่โลกล้านปีของไดโนเสาร์, Ocean Explorer พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเสมือนจริง และจุดชมวิวในร่ม (Observatory Deck) ที่ชั้น 65 เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว สามารถใช้เวลาสนุกสนานได้ตลอดทั้งวัน และเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปเช็คอินที่สวยงามที่สุดของปีนัง
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00 – 22:00 น. (อาจแตกต่างกันในแต่ละโซน)
- ค่าเข้าชม: มีแพ็กเกจตั๋วหลายราคา เริ่มต้นที่ประมาณ 68 ริงกิตสำหรับผู้ใหญ่
- เว็บไซต์: thetop.com.my
- พิกัด: The TOP Komtar on Google Maps
7. Penang National Park: สัมผัสธรรมชาติบริสุทธิ์ในอุทยานแห่งชาติที่เล็กที่สุด

หากเพื่อน ๆ เป็นสายรักธรรมชาติและการผจญภัย อุทยานแห่งชาติปีนัง (Taman Negara Pulau Pinang) คือจุดหมายที่ต้องไปเยือน แม้จะเป็นอุทยานแห่งชาติที่เล็กที่สุดในมาเลเซีย แต่กลับมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก ที่นี่มีเส้นทางเดินป่าให้เลือกหลายเส้นทาง ตั้งแต่เส้นทางง่าย ๆ ไปจนถึงเส้นทางที่ท้าทาย ระหว่างทางเพื่อน ๆ จะได้พบกับพันธุ์ไม้แปลกตา สัตว์ป่านานาชนิด เช่น ลิงแสม นกเงือก หรือแม้กระทั่งเต่าทะเลที่ขึ้นมาวางไข่
ไฮไลต์ของที่นี่คือการเดินป่าไปยังชายหาดที่ซ่อนตัวอยู่ เช่น หาด Monkey Beach หรือหาด Kerachut ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล และมีทะเลสาบน้ำจืดผสมน้ำเค็ม (Meromictic Lake) ที่หาชมได้ยาก นอกจากเดินป่าแล้ว ยังสามารถเช่าเรือเพื่อไปยังชายหาดต่าง ๆ ได้อีกด้วย เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากการเที่ยวเมืองมาสู่ความสงบของธรรมชาติอย่างแท้จริง
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: ทุกวัน 7:30 – 18:00 น.
- ค่าเข้าชม: เข้าอุทยานฟรี (อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับ Canopy Walkway หรือกิจกรรมอื่น ๆ)
- เว็บไซต์: –
- พิกัด: Penang National Park on Google Maps
8. Penang State Museum and Art Gallery: ย้อนรอยประวัติศาสตร์และเสพงานศิลป์

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และศิลปะ พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์แห่งรัฐปีนังคือสถานที่ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่ที่เคยเป็นโรงเรียน Penang Free School มาก่อนภายในแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก
ส่วนแรกจัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของปีนัง ตั้งแต่ยุคก่อตั้งโดยฟรานซิส ไลท์ เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ไปจนถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายที่เข้ามาตั้งรกรากบนเกาะแห่งนี้
ส่วนที่สองคือหอศิลป์ ที่รวบรวมและจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินท้องถิ่น ทั้งภาพวาด ประติมากรรม และสื่อผสม ที่สะท้อนถึงมุมมองและเอกลักษณ์ของปีนังในยุคต่าง ๆ การเข้าชมที่นี่จะทำให้เพื่อน ๆ เข้าใจความเป็นมาของปีนังได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และยังเป็นโอกาสที่ดีในการสนับสนุนวงการศิลปะท้องถิ่นอีกด้วย
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: (โดยปกติ) อังคาร – อาทิตย์ 9:00 – 17:00 น. (ปิดวันจันทร์)
- หมายเหตุ: ปัจจุบันอาคารหลักอาจปิดปรับปรุง ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดก่อนเดินทาง
- ค่าเข้าชม: ประมาณ 1 ริงกิต
- เว็บไซต์: penangmuseum.gov.my
- พิกัด: Penang State Museum on Google Maps
9. Snake Temple: วัดอสรพิษ หนึ่งเดียวในโลก

สัมผัสความแปลกและน่าทึ่งที่วัดงู หรือ Hock Hin Keong Temple วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระ Chor Soo Kong ตามตำนานเล่าว่าหลังจากสร้างวัดเสร็จ ก็มีงูพิษจำนวนมากเลื้อยเข้ามาอาศัยอยู่เองโดยไม่ทำร้ายผู้คน ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นบริวารของท่าน และกลายเป็นเอกลักษณ์ของวัดมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อน ๆ จะได้เห็นงูพิษ โดยเฉพาะงูเขียวหางไหม้ (Wagler’s Pit Viper) นอนขดอยู่ตามขื่อคาน กิ่งไม้ หรือแม้กระทั่งบนแท่นบูชาอย่างสงบ ว่ากันว่าควันธูปที่จุดบูชาตลอดวันทำให้งูเหล่านี้สงบลง
อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย ทางวัดได้ถอดพิษงูส่วนใหญ่ออกแล้ว แต่ก็ยังคงความน่าตื่นเต้นและเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ ด้านหลังวัดยังมีฟาร์มงูเล็ก ๆ ให้ได้ชมและถ่ายรูปคู่กับงู (ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ) อีกด้วย
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: ทุกวัน 6:00 – 19:00 น.
- ค่าเข้าชม: เข้าชมวัดฟรี (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับส่วนฟาร์มงู)
- เว็บไซต์: –
- พิกัด: Snake Temple on Google Maps
10. ESCAPE Adventure Theme Park: ปลดปล่อยพลังกับการผจญภัยสุดมันส์

หากเพื่อน ๆ กำลังมองหากิจกรรมที่สนุกและท้าทาย ESCAPE Adventure Theme Park คือคำตอบ! สวนสนุกแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่น ๆ เพราะเน้นกิจกรรมที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติและใช้พลังของตัวเองเป็นหลัก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Low Tech, High Fun”
ที่นี่แบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก คือ Adventureplay สวนสนุกบนบกที่เต็มไปด้วยกิจกรรมปีนป่าย, โหนสลิง (Zip-line), กระโดดหอ (Atan’s Leap) และ Waterplay สวนน้ำที่มีสไลเดอร์ยาวที่สุดในโลก! (ได้รับการบันทึกใน Guinness World Records) ที่จะพาเพื่อน ๆ ไหลผ่านป่าเขียวชอุ่ม เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและไม่เหมือนใคร เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ที่หัวใจยังรักการผจญภัย รับรองว่ามาที่นี่จะได้ทั้งความสนุก เสียงหัวเราะ และได้ออกกำลังกายไปในตัว
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: อังคาร – อาทิตย์ 10:00 – 18:00 น. (ปิดวันจันทร์)
- ค่าเข้าชม: ราคาตั๋วแตกต่างกันไปตามโปรโมชั่น แนะนำให้จองออนไลน์ล่วงหน้าเพื่อราคาที่ดีที่สุด
- เว็บไซต์: escape.my
- พิกัด: ESCAPE Penang on Google Maps
11. Queen Street (Little India): สัมผัสสีสันและกลิ่นอายแห่งภารตะ

ก้าวเข้าสู่ Queen Street แล้วเพื่อน ๆ จะรู้สึกเหมือนได้วาร์ปไปอยู่ที่อินเดีย! ย่าน Little India แห่งนี้คือศูนย์รวมวัฒนธรรมอินเดียที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในมาเลเซีย ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยเสียงเพลงภาษาทมิฬที่เปิดดังกึกก้อง กลิ่นเครื่องเทศหอมฟุ้ง และสีสันสดใสของส่าหรีที่แขวนโชว์ในร้านค้า ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนรักอาหารอินเดีย
เพื่อน ๆ สามารถลิ้มลองอาหารอินเดียใต้ต้นตำรับได้ในราคาไม่แพง ตั้งแต่โรตีจาไน, โทไซ, ข้าวหมกบริยานี ไปจนถึงขนมหวานหลากชนิด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งซื้อของฝากเก๋ ๆ เช่น เครื่องเทศ, กำไล, เครื่องหอม และผ้าส่าหรีสีสวย อย่าลืมแวะสักการะเทพเจ้าที่ Sri Mahamariamman Temple วัดฮินดูที่เก่าแก่และงดงามที่สุดในปีนัง ซึ่งตั้งอยู่ในย่านนี้ด้วย
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (ร้านค้าส่วนใหญ่เปิด 10:00 – 22:00 น.)
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เว็บไซต์: –
- พิกัด: Queen Street (Little India) on Google Maps
12. Chew Jetty: เยือนหมู่บ้านชาวประมงกลางน้ำสุดคลาสสิก

Chew Jetty คือหนึ่งในหมู่บ้านชาวประมง (Clan Jetties) ที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดใน George Town ชุมชนแห่งนี้สร้างขึ้นโดยชาวจีนฮกเกี้ยนที่อพยพมาในช่วงศตวรรษที่ 19 ลักษณะเด่นคือบ้านไม้ที่ปลูกสร้างบนเสาเหนือน้ำทะเล มีทางเดินไม้เชื่อมต่อกันทอดยาวออกไปในทะเล การเดินเล่นบนสะพานไม้ของ Chew Jetty ทำให้เพื่อน ๆ ได้สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้านที่ยังคงผูกพันกับสายน้ำ
ปัจจุบันบ้านบางหลังได้ปรับเปลี่ยนเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารเล็ก ๆ และโฮมสเตย์ แต่ก็ยังคงมีชาวบ้านอาศัยอยู่จริง ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์เฉพาะตัว เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามโดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็น และยังเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่มรดกโลกอีกด้วย
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ประมาณ 9:00 – 21:00 น.
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เว็บไซต์: –
- พิกัด: Chew Jetty on Google Maps
13. Pinang Peranakan Mansion: ชมความหรูหราของคฤหาสน์บาบ๋า-ย่าหยา

ย้อนกลับไปชมความรุ่งเรืองของวัฒนธรรมเปอรานากัน หรือ บาบ๋า-ย่าหยา (การผสมผสานระหว่างชาวจีนและชาวมลายูท้องถิ่น) ได้ที่คฤหาสน์สีเขียวอันโดดเด่นหลังนี้ Pinang Peranakan Mansion เคยเป็นที่พักและสำนักงานของเศรษฐีเหมืองแร่ชาวจีนในอดีต ปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของสะสมโบราณล้ำค่ากว่า 1,000 ชิ้น ภายในตกแต่งอย่างหรูหราอลังการด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ผสมผสานศิลปะอังกฤษ จีน และมลายูเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งงานไม้แกะสลักที่วิจิตรบรรจง เครื่องกระเบื้อง เครื่องแก้ว และเครื่องประดับทองคำ
การเข้าชมที่นี่จะทำให้เพื่อน ๆ ได้เห็นภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหราและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวเปอรานากันได้อย่างชัดเจน และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวปีนังที่สายประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมต้องหลงรัก
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: ทุกวัน 9:30 – 17:00 น.
- ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 25 ริงกิต / เด็ก (ต่ำกว่า 12 ปี) เข้าฟรี
- เว็บไซต์: www.pinangperanakanmansion.com.my
- พิกัด: Pinang Peranakan Mansion on Google Maps
14. Fort Cornwallis: ป้อมปราการเก่าแก่ จุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ปีนัง

Fort Cornwallis คือป้อมปราการรูปดาวขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยบริษัทอินเดียตะวันออกของบริเตน (British East India Company) ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถือเป็นสิ่งก่อสร้างของอังกฤษที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในมาเลเซีย ตั้งชื่อตาม ชาร์ลส์ คอร์นวอลลิส ผู้สำเร็จราชการแห่งเบงกอลในสมัยนั้น
ที่นี่คือจุดที่ กัปตันฟรานซิส ไลท์ ขึ้นฝั่งครั้งแรกและเริ่มต้นการตั้งถิ่นฐานของอังกฤษบนเกาะปีนัง แม้ปัจจุบันจะไม่ได้ใช้งานทางการทหารแล้ว แต่โครงสร้างกำแพงและปืนใหญ่โบราณยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี โดยเฉพาะปืนใหญ่ “Seri Rambai” ที่มีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อน ๆ สามารถเดินเล่นรอบ ๆ ป้อม ชมประภาคาร และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ยุคอาณานิคมของปีนังได้จากที่นี่
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: ทุกวัน 9:00 – 19:00 น.
- ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 20 ริงกิต / เด็ก 10 ริงกิต
- เว็บไซต์: –
- พิกัด: Fort Cornwallis on Google Maps
15. Gurney Drive Hawker Centre: สวรรค์ของนักชิม แหล่งรวมสตรีทฟู้ด

ปิดท้ายทริปปีนังอย่างสมบูรณ์แบบด้วยการไปตะลุยกินที่ Gurney Drive Hawker Centre ศูนย์อาหารกลางแจ้งริมทะเลที่มีชื่อเสียงที่สุดของปีนัง ที่นี่คือแหล่งรวมอาหารท้องถิ่นรสเลิศไว้ในที่เดียว เพื่อน ๆ จะได้ลิ้มลองเมนูเด็ดของปีนังมากมายในราคาที่เป็นมิตร ไม่ว่าจะเป็น Char Kway Teow (ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊วใส่กุ้งและหอยแครง), Assam Laksa (ก๋วยเตี๋ยวในน้ำแกงส้มปลารสจัดจ้าน), Hokkien Mee (บะหมี่ฮกเกี้ยน), Loh Mee และของหวานอย่าง Cendol และ Ice Kacang
บรรยากาศที่คึกคักและกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาแตะจมูกจะทำให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจไม่ถูกเลยว่าจะเริ่มจากร้านไหนดี แนะนำให้ไปกับเพื่อนหลาย ๆ คนเพื่อจะได้สั่งมาลองชิมได้หลากหลายเมนู เป็นการปิดท้ายวันที่ดีที่สุดในการสัมผัสวัฒนธรรมอาหารของปีนัง
ข้อมูลสำคัญ
- เวลาทำการ: ทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) ประมาณ 16:30 – 23:00 น.
- ค่าเข้าชม: ฟรี (จ่ายเฉพาะค่าอาหาร)
- เว็บไซต์: –
- พิกัด: Gurney Drive Hawker Centre on Google Maps
ทำไมปีนังถึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ใช่สำหรับทุกคน?
หลังจากได้เห็นลิสต์ที่เที่ยวปีนังทั้ง 15 แห่งแล้ว เพื่อน ๆ คงจะพอเห็นภาพว่าทำไมปีนังถึงเป็นจุดหมายที่น่าสนใจ แต่เสน่ห์ของปีนังนั้นมีมากกว่าแค่สถานที่ท่องเที่ยว เพราะที่นี่สามารถตอบโจทย์นักเดินทางได้ทุกสไตล์
- สำหรับสายอาร์ตและวัฒนธรรม: การเดินชมสถาปัตยกรรมใน George Town, ตามล่าสตรีทอาร์ต, เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ และคฤหาสน์โบราณ คือการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
- สำหรับสายกิน (Foodies): ปีนังคือสวรรค์ของอาหารอย่างแท้จริง การผสมผสานของวัฒนธรรมมลายู จีน และอินเดีย ทำให้อาหารที่นี่มีเอกลักษณ์และรสชาติที่หลากหลายไม่รู้จบ
- สำหรับสายธรรมชาติและผจญภัย: ตั้งแต่การเดินป่าในอุทยานแห่งชาติ, ขึ้นไปชมวิวบน Penang Hill, ไปจนถึงการเล่นกิจกรรมสุดมันส์ที่ ESCAPE Park ปีนังมีพื้นที่สีเขียวและความท้าทายรออยู่เสมอ
- สำหรับสายชิล: ชายหาดบาตูเฟอร์ริงกี, คาเฟ่เก๋ ๆ, และโรงแรมสวย ๆ มากมาย พร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่แสนสบายให้เพื่อน ๆ ได้ชาร์จพลังอย่างเต็มที่
ปีนังคือเกาะที่มีส่วนผสมที่ลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหา ศิลปะที่มีชีวิตชีวา ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และวัฒนธรรมอาหารที่ยากจะหาใครเทียบได้ การเดินทางมาเยือนที่นี่จึงเป็นมากกว่าแค่การท่องเที่ยว แต่คือการได้สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายและครบทุกรสชาติในที่เดียว
หวังว่าไกด์ฉบับสมบูรณ์นี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ วางแผนทริปเที่ยวปีนังด้วยตัวเอง ได้อย่างมั่นใจและสนุกสนานยิ่งขึ้น ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเป็นนักเดินทางสไตล์ไหน ปีนังก็พร้อมที่จะต้อนรับและสร้างความประทับใจให้อย่างแน่นอน
และก่อนจะออกเดินทาง อย่าลืมแวะไปอ่านบทความดี ๆ ที่จะช่วยให้การเตรียมตัวเที่ยวต่างประเทศของเพื่อน ๆ ง่ายขึ้นได้ที่ Shopee Blog!
ขอบคุณภาพหน้าปกจาก mypenang.gov.my
บทความแนะนำ