วันนี้จะชวนเพื่อนๆไปทำความรู้จักกับสิว ที่ไม่ใช่เรื่องสิว ๆ เลย อย่างสิวหัวหนอง เกิดขึ้นมาบนใบหน้าทีไรก็มักจะทำให้เพื่อนๆเสียความมั่นใจกันอย่างแน่นอน หากมีสิวอักเสบแดงเป็นก้อนร่วมด้วยก็อาจจะรู้สึกเจ็บ ไม่สบายผิว ผิวหน้าไม่เรียบเนียนไปอีก แถมถ้ารักษาไม่ดียังสามารถทิ้งรอยไว้ได้อีกด้วย ซึ่งวันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาทำความรู้จักกับสิวประเภทนี้ ตามมาดูกันเลย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ประเภทของสิวอักเสบ
1.สิวอักเสบแบบหัวหนอง (Pustule)
สิวอักเสบหัวหนองแบบแรกจะเป็นสิวแบบตื้นๆ รับมือได้ง่าย ไม่มีอาการเจ็บ มีลักษณะเป็นหนองเกาะนูนอยู่บนผิว ส่วนอีกแบบจะเป็นสิวอักเสบแบบลึก จะใช้ระยะเวลาการรักษานานกว่าแบบแรก แถมยังเจ็บอีกด้วย เป็นสิวที่พัฒนามาจากแบบแรกจนกลายร่าง เพราะเราปล่อยปละละเลยไม่ดูแลตั้งแต่แรก ถ้าเป็นถึงขั้นนี้ก็ให้รีบรักษา เพราะถ้าลุกลามไปมากกว่านี้จะรักษาได้ยากและทิ้งรอยไว้ให้หนักใจกันนานเลยทีเดียว
2.สิวอักเสบแบบตุ่มนูนแดง (Papule)
สิวอักเสบบวมแดงที่พัฒนามาจากสิวอุดตันและสิวที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวของเรา เป็นสิวที่รักษาได้ง่าย ถ้ารู้ตัวว่าเป็นละก็ ก่อนนอนให้โปะด้วยคลินดามัยซินลงบนหัวสิว พอตื่นมาสิวก็จะไม่เพิ่มขนาดขึ้น แถมยังช่วยลดความแข็งของหัวสิวลงได้อีกด้วย แต่สำหรับบางคนยาชนิดนี้อาจออกฤทธิ์ดีจนทำให้สิวยุบลงไปเลยก็มี
3.สิวอักเสบแดงเป็นก้อน(Nodule)
จะมีลักษณะคล้ายกับสิวอักเสบแบบตุ่มนูนแดง แต่สิวแบบนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าและจะรู้สึกได้ว่ามันแข็งเป็นไต เมื่อสัมผัสหรือกดดูจะรู้ว่าสิวนั้นลึกลงไปถึงข้างใน ไม่ใช่แข็งเป็นไตนูนแค่บนผิว
สิวหัวหนองเกิดจากอะไร ?
1. เกิดจากไขมันอุดตัน
การผลิตเหงื่อและไขมันที่มากเกินไป นอกจากจะทำให้สาวๆ ดูหน้ามันมากกว่าปกติแล้ว เจ้าไขมันเหล่านั้นอาจไปสะสมตรงรูขุมขนของเราจนหนา แล้วเมื่อทำความสะอาดได้ไม่ดีพอก็จะทำให้เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวหัวหนองได้นั่นเอง
2. ทำความสะอาดเครื่องสำอางได้ไม่ดีพอ
เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวที่เราทาทุกวัน หากทำความสะอาดออกไปไม่หมดหรือทิ้งคราบเอาไว้ เมคอัพและครีมก็จะกลายเป็นสิ่งสกปรกที่ผิวหน้าไม่ต้องการในทันที นานวันเข้าก็จะอุดตันรูขุมขนจนมีสิวหัวหนองขึ้นมา
3. ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป
ระดับของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากจะส่งผลต่ออารมณ์และอวัยวะบางส่วนแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงนี้คือสิวที่ขึ้นมาบนหน้านั่นเอง โดยเฉพาะสิวอักเสบบวมแดงและสิวหนองที่ขึ้นมาได้ง่ายมาก ต่อให้รักษาระดับฮอร์โมนได้คงที่แล้ว สิวเหล่านี้ก็อาจเป็นต่อได้อีกสักระยะ
4. รักษาสิวอุดตันได้ไม่ดีพอ
สิวอุดตัน เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนบนผิวหน้า ทั้งจากเหงื่อไคล และจากเครื่องสำอางต่างๆ ที่เราใช้ เมื่อไรก็ตามที่รักษาสิวอุดตันได้ไม่ดีพอ มันก็จะปวดแดงจนกลายเป็นสิวอักเสบ และพัฒนามาเป็นสิวหัวหนองได้ในที่สุด
วิธีรักษาสิวหัวหนอง
1. ใช้สมุนไพรพอกตรงจุดที่เกิดสิว
ลองหาผงสมุนไพรตามร้านสะดวกซื้อ หรือใครถนัดผสมเองก็ลองนำเอา ผงทานาคา ผงขมิ้น และผงไพร มาผสมรวมกันอย่างละครึ่งช้อนชา ผสมน้ำเล็กน้อยพอเป็นครีมข้น จากนั้นก็เอามาพอกตรงสิวหนองข้ามคืน สมุนไพรเหล่านี้จะช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและขจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว เพียงเท่านี้สิวก็จะยุบลงได้แล้ว
2. ใช้แผ่นดูดสิวช่วยซับสิว
แผ่นดูดสิวแผ่นเล็กๆ มักมีส่วนผสมของไฮโดรคอลลอยด์ ซึ่งสารนี้จะเข้าไปดูดซับของเหลวได้เป็นอย่างดี พอเอามาแปะบนสิวหนองไว้ข้ามคืนก็จะดูดสิวจนยุบเกลี้ยง แล้วถ้าปิดต่อไว้อีกสัก 1 วัน ก็ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวโดนฝุ่นละออง หรือแบคทีเรียที่เข้ามาทำลายแผลสิวได้ด้วย
3. ใช้ครีมหรือเจลผลัดเซลล์ผิว
ใช้ครีมหรือเจลที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก ความเข้มข้นตั้งแต่ 0.5-2 เปอร์เซ็นต์ ทาลงบริเวณที่เกิดสิวเป็นประจำทุกวัน วันละ 3 ครั้ง จะช่วยผลัดเซลล์ผิวและลอกสิวออกไปได้ อีกทั้งยังช่วยลดความมันบนผิวลง รูขุมขนจึงกระชับ เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องแผลเป็นจากสิวก็จะจางลงอีกด้วย
4. กดสิว
สิวที่อยู่บนหน้านานเกินไปไม่ยอมยุบสักที สามารถกดได้โดยใช้แท่งกดสิวกับเข็มสะกิดหัวสิว ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ต้องผ่านการล้างและเช็ดด้วยแอลกอฮอล์มาอย่างดีแล้ว ขั้นตอนคือให้ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดลงหัวสิวที่ต้องการกด ต่อมาใช้ปลายเข็มสะกิดอย่างเบามือลงบนหัวสิว แล้วใช้แท่งกดหัวสิวกดลงไปตรงหัวสิวจนกว่าหนองจะไหลออกมาหมด แนะนำว่าควรทำทุกขั้นตอนอย่างเบามือที่สุดเพื่อให้แผลไม่กินบริเวณกว้างและช้ำเกินไป ปิดท้ายด้วยการเช็ดแผลให้สะอาด และพยายามเลี่ยงเครื่องสำอางชนิดฝุ่นจนกว่ารอยสิวจะแห้ง แต่หากใครไม่สะดวกกดสิวเองก็ให้แพทย์ผิวหนังตามคลินิกช่วยกดสิวได้เช่นกัน
5. ปรับระดับฮอร์โมน
ขั้นตอนการรักษาสิวนี้คงต้องพึ่งพาคุณหมอให้ช่วยอีกแรง โดยลองไปปรึกษากับหมอเรื่องฮอร์โมน ตรวจเช็กระดับฮอร์โมนว่าอยู่ในเกณฑ์ไหน ควรเสริมแบบยากินหรือยาฉีดเข้าไป เพียงเท่านี้ปัญหาที่เกิดจากฮอร์โมนก็จะลดลงแล้ว
วิธีป้องกันสิวหัวหนอง
1. รักษาความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี
หากใครที่ชอบแต่งหน้าเป็นประจำ ควรใช้คลีนเซอร์สำหรับเช็ดเครื่องสำอางโดยเฉพาะเช็ดเมคอัพทั้งหลายให้หายไปจนไม่เหลือคราบสีบนสำลีเลย จากนั้นจึงล้างออกด้วยโฟมล้างหน้าลดสิว ปิดท้ายด้วยการเช็ดโทนเนอร์ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกหรือเครื่องสำอางตกค้างบนผิว วันไหนที่ไม่แต่งหน้าก็ไม่ควรมองข้าม เพราะไขมันบนใบหน้าและฝุ่นละอองก็ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน อย่างน้อยต้องล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าทุกวันจะดีที่สุด
2. เปลี่ยนครีมบำรุงผิว
ครีมบำรุงผิวบางตัวอาจมีสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือบางคนก็มีผิวมันอยู่แล้ว เมื่อลงครีมทาหน้าเข้าไปซ้ำรูขุมขนก็อาจอุดตันได้ ดังนั้นควรเปลี่ยนมาใช้เซรั่มเนื้อบางเบาหรือน้ำตบแทนก็น่าจะเพียงพอต่อการบำรุงผิวแล้ว
3. ปรับระดับฮอร์โมนให้คงที่
สิวที่เกิดจากฮอร์โมนก็ต้องรักษาด้วยการปรับระดับฮอร์โมนถึงจะตรงจุด ลองเข้าไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยแก้ไขในเรื่องนี้ แล้วปัญหาสิวกวนใจก็จะหมดไปเอง
เพียงเท่านี้สิวหัวหนองที่อยู่บนผิวหน้าของคุณก็จะลดลงลดอัตราความเสื่ยงที่จะเป็นสิวได้แล้ว และใบหน้าต้องสะอาดเพื่อที่สิ่งสกปรกจะได้ไม่ทำให้สิวเกิดอักเสบ เกิดสิวหนองขึ้นมาอีกให้กลายเป็นปัญหาต่อไป รู้อย่างนี้แล้วก็ขอให้หน้าใสกันถ้วนหน้านะ