สำหรับผู้ที่สนใจอยากเลี้ยงสัตว์ Exotic งูเป็นตัวเลือกหนึ่งที่กำลังมีความนิยมและฮอตฮิตขึ้นมากด้วยความเท่ของลักษณะและความสวยของสีสันที่หลากหลาย สำหรับคนอยากเลี้ยงงู มือใหม่ก็คงจะสับสนไม่น้อยเพราะสายพันธุ์งูนั้นมีมากมายจนเลือกไม่ถูก อีกทั้งก็อาจจะไม่แน่ใจในวิธีการเลี้ยงงู อุปกรณ์ อาหาร รวมถึงความปลอดภัยในการเลี้ยงงู สำหรับผู้ที่สนใจที่จะเริ่มต้นเลี้ยงงูมือใหม่ ควรเตรียมตัวให้ดีก่อนที่จะเริ่มต้นการเลี้ยง เพื่อให้การดูแลงูเป็นไปได้โดยราบรื่นและปลอดภัยที่สุด และเราสามารถอยู่กับเจ้างูด้วยกันในบ้านอย่างมีความสุข ในบทความนี้ช้อปปี้เก็บข้อมูลมาฝากกันว่า สายพันธุ์งูที่นิยมเลี้ยง วิธีการเลี้ยงงู งูกินอะไรเป็นอาหาร หรือก็คือคู่มือจบครบว่าเลี้ยงงูมือใหม่ต้องเตรียมตัวอย่างไร
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
เลี้ยงงูมือใหม่
การเลี้ยงงูเป็นงานที่ท้าทายและต้องการความรับผิดชอบจากเจ้าของ เนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่ต้องการสถานที่อบอุ่นและสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ การทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของงูในด้านสภาพแวดล้อม อาหาร และที่อยู่ จะช่วยให้การเลี้ยงงูเป็นไปได้ด้วยดี ทำให้งูไม่เครียดและปลอดภัย อย่าลืมเตรียมเงินทุนไว้ให้ดี เพราะไม่ใช่คุณจะเสียแค่ค่างูและค่ากรงเลี้ยงแล้วจบ แต่คุณต้องมีค่าอาหารที่ต้องซื้อเรื่อยๆ และเตรียมเงินฉุกเฉินไว้สำหรับค่าหมอค่ายาเวลาน้องงูป่วยเช่นกัน
วิธีการเลี้ยงงู
การเลี้ยงงูต้องให้ความสำคัญกับการจัดสรรอาหารที่เหมาะสมและมีคุณภาพสำหรับงู เช่น หนูนา, กบ, หรือนก เพื่อให้งูได้รับโปรตีนและสารอาหารที่เพียงพอ นอกจากนี้ยังต้องรู้จักควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในส่วนที่อยู่ของงูหรือกล่องเลี้ยงงู เพื่อให้มั่นใจว่ามีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของงู ไม่วางกล่องงูไว้ในที่ๆโดนแดดร้อนๆตรงๆในตอนกลางวัน และไม่วางกล่องในที่ๆมีเสียงดังเป็นประจำ แน่นอนว่าคุณสามารถตั้งตู้ใสอะคริลิกและใส่อุปกรณ์เสริมอย่าง ไฟ UVA/UVB มาติด ติดแผ่นควบคุมอุณหภูมิเพื่อสัตว์เลี้ยง Exotic หรือ เครื่องทำความชื้น มาติดตั้งในกล่องหรือใกล้ๆกล่องเลี้ยงงูได้ หรือมิฉะนั้นก็ซื้อตู้ควบคุมอุณหภูมิสำหรับการเลี้ยงงูเลยก็เป็นทางเลือกที่ง่าย
กล่องที่เลี้ยงงูควรมีขนาดยาวอย่างน้อยประมาณ ⅔ ของความยาวตัวงู และควรมีขนาดโดยรอบกว้างกว่าตัวงูเพื่อให้งูมีพื้นที่เลื้อยออกกำลังกายทั้งแนวราบและแนวปีนป่ายสูง อุณหภูมิที่เหมาะสมกับน้องงูอยู่ที่ช่วง 28-33 องศาเซลเซียส และ ความชื้นที่เหมาะสมในการเลี้ยงงูจะอยุ่ในช่วง 50-60% ซึ่งจะชื้นกว่าอากาศที่คนชอบอยู่เล็กน้อย
งูกินอะไรเป็นอาหาร ?
ถ้าถามว่างูกินอะไรเป็นอาหาร ต้องบอกเลยว่าแล้วแต่สายพันธุ์ สายพันธุ์งูแต่ละชนิดมีอาหารที่พิเศษต่อตนเอง บางสายพันธุ์กินสัตว์เล็ก เช่น นก, แมลง และตัวอ่อน ในขณะที่บางสายพันธุ์กินสัตว์ขนาดใหญ่เช่น หนู, กบ, ไก่, นาก, หรือสัตว์น้ำ การทราบถึงประเภทอาหารที่งูกินจะช่วยให้การเลี้ยงงูเป็นไปได้ด้วยความระมัดระวังและถูกต้อง
งูชอบหรือไม่ชอบอะไร ?
งูแต่ละสายพันธุ์มีลักษระนิสัยที่คล้ายกันคือ สันโดษ รักสงบ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ได้ต้องการความรักหรือการดูแลเอาใจใส่และขี้อ้อนเหมือนน้องหมาหรือน้องแมว งูจะชอบสถานที่ที่สงบ เงียบ มือนิด ชื้นหน่อย และไม่เสียงดังวุ่นวาย ดังนั้นข้อควรระวังของคนเลี้ยงงูมือใหม่ ก็คือต้องจัดพื้นที่และสภาพแวดล้อมที่เค้าชอบอยู่ตามสายพันธุ์ งูบางตัวชอบอยู่กับป่าจึงชอบไม้ดินหรือใบไม้ งูบางตัวชอบน้ำ และงูบางตัวชอบทราย ที่สำคัญคือไม่นำงูมาขึ้นมือหรืออุ้มบ่อยเกินไป ถึงแม้เราจะรับเค้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน แต่หากมีคนในบ้านไปจับไปอุ้มไปเล่นกับงูเค้าบ่อยเค้า อาจเป็นการทำให้งูเครียดและไม่กินอาหารเลยก็เป็นได้ ทั้งนี้งูบางชนิดยังมีสัญชาติญาณของนักล่า จึงต้องระวังเป็นอย่างยิ่งว่างูอาจจะฉกทำร้ายคนในครอบครัวได้ หากใกล้ชิด เอามือที่มีกลิ่นเลือดหรืออาหารงูติดไปจับงู หรือหายใจรดใส่แถวใบหน้างู
สายพันธุ์งูน่าเลี้ยง เลี้ยงงูมือใหม่หาไม่ยาก เลี้ยงง่าย
1. งูหลามบอล หรือ งูบอลไพธอน (Ball Python)
Cr. Photo by Prasad Panchakshari on Unsplash
มาเริ่มกันที่ งูบอลล์ไพธอน ซึ่งเป็นสายพันธุ์งูที่นิยมที่สุดแล้วในวงการเลี้ยงงู เพราะเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กและมีลักษณะน่ารัก มีความยาวเพียงประมาณ 1-1.5 เมตร มีลักษณะทางภายนอกที่เรียบง่ายและลำตัวกลม ลายสีและลวดลายบนลำตัวมีความหลากหลายและสวยงาม สายพันธุ์นี้กินสัตว์เล็ก มีลักษณะนิสัยสงบ ไม่ดุ ไม่กัด บางครั้งก็ขี้กลัว และค่อนข้างเชื่องมาก เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเลี้ยงงู บางครั้งที่น้องกลัวก็จะขนเป็นตัวกลมๆคล้ายกับลูกบอลตามชื่องูหลามบอลไพธ่อนนั่นเอง
2. งูมิลค์ (Milk Snakes)
Cr. Unsplash
งูมิลค์เป็นงูตัวเล็กสีสันฉูดฉาดมากๆและสุดจะน่ารัก! นอกจากจะสีสันน่ารักมีหลายสีแล้วยังมีลำตัวเรียวยาว หัวเล็ก เคลื่อนไหวเร็ว มีลำตัวคาดสีเป็นปล้องๆชัด ความยาวไม่ถึงเมตรคือประมาณ 60-90 ซ.ม. เท่านั้น สีสันของงูจะสดจนดูเหมือนจะมีพิษแต่จริงๆแล้วเป็นงูไม่มีพิษ (สีน่ะแค่ขู่เฉยๆ) เป็นงูสายพันธุ์จากทวีปอเมริกา เช่น แคนาดา หรือ เม็กซิโก นิสัยเชื่อง ต่างจากสีสันฉูดฉาดบนลำตัว แต่ควรระวังไม่เลี้ยงรวมกับงูตัวอื่นเพราะน้องเชื่องกับคนแต่อาจไม่เชื่องกับเพื่อนงูหรือสัตว์อื่น
3. งูข้าวโพด หรือ งูคอร์น (Corn Snakes)
Cr. Facebook มิ้งค์..มาบอก ความรู้เบื้องต้นของคนอยากเลี้ยงสัตว์แปลก
งูข้าวโพด เข้าใจว่าได้ชื่อนี้มาเพราะมักพบในไร่ข้าวโพดแถวอเมริกา เป็นสายพันธุ์งูที่มีลักษณะสีสันสดใส ส่วนใหญ่จะอยู่ในสีส้มสลับครีมและเหลือง แต่สีครีมล้วยออกขาวนวลก็มี ลำตัวเรียบง่ายมีขนาดเล็ก ความยาว 90-160 ซ.ม. มีนิสัยรักสงบและอารมณ์ดี งูเหล่านี้กินสัตว์เล็กเช่น หนูนา และเป็นที่นิยมในวงการเลี้ยงเพื่อความสวยงามของลายสีตัวงู เหมาะกับผู้ที่ต้องการงูที่สวยงามและดูแลง่าย อีกทั้งยังเหมาะกับคนเลี้ยงงูมือใหม่เนื่องจากมีราคาค่าตัวไม่แพงนัก
4. งูสายรุ้ง (Rainbow Water Snake)
Cr. Facebook Snakes in Thailand
งูสายรุ้งเป็นงูน้ำขนาดเล็กราคาถูกมากๆ เป็นงูที่ตัวเล็ก เชื่อง พิษอ่อนที่ไม่เป็นอันตายกับคน เคลื่อนไหวรวดเร็ว โดยเฉพาะเวลาว่ายน้ำจะว่ายเก่งและเร็วมาก ความยางเพียง 70-75 ซ.ม. เท่านั้น และเนื่องจากเป็นงูน้ำ แหล่งอาศัยหรือกล่องเลี้ยงงูจึงต้องมีน้ำให้น้องอยู่อย่างดี น้องจะกินปลาเป็นอาหาร สิ่งที่คนอาจแปลกใจก็คือลักษณะเกล็ดหรือลำตัวของมันไม่ได้มีสีรุ้งตามชื่อแต่จะเป็นสีน้ำตาลโทนหม่นๆดินๆที่ติดเงาบ้างเท่านั้น มีลายเส้นเป็นสีเข้มขึ้นออกดำๆตามแนวยาวของตัว แต่ที่มาของชื่อสายพันธุ์นั้นเป็นเพราะเมื่องูสายรุ้งโดนแสงแดด เราจะเห็นเกล็ดงูกลายเป็นสีรุ้งนั่นเอง
5. งูหลามเคนย่าแซนด์บัว หรือ แซนด์โบอา (Kenya Sand Boas)
Cr. YouTube Clint’s Reptiles
งูเคนย่าแซนด์บัวนี้เป็นงูสายพันธุ์จากทวีปแอฟริกา ตามชื่อเลยก็คือเป็นงูที่สามารถอาศัยอยู่ในทรายได้เพราะเคยอาศัยอยู่ในทะเลทรายมาก่อน เป็นงูที่มีลำตัวค่อนข้างเล็กและเกล็ดละเอียดเห็นชัดเจน มีลายคล้ายจ้ำกลมๆคล้ายสีน้ำหยดลงบนผืนผ้าสีครีมเหลือง เป็นงูตัวเล็กและอ้วน โดยงูตัวเมียที่โตเต็มวัยจะสูงได้ถึง 18 ถึง 24 นิ้ว พวกมันมีสีพื้นหลังเป็นสีเหลืองทรายหรือสีน้ำตาลอ่อนและมีรอยเข้มกว่าแต่งแต้มบนลำตัว ชอบขุดดินขุดทราย พวกมันเป็นสัตว์นักล่าที่ซุ่มโจมตีในเวลากลางคืนซึ่งกินสัตว์ฟันแทะตัวเล็กอย่างหนูเป็นอาหาร พวกมันต้องการสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น มีพื้นผิวที่ช่วยให้ขุดดินหรือทรายได้ มีจุดซ่อนตัว จะช่วยให้งูไม่เครียด ควรรักษาระดับความชื้นไว้ที่ 40-50% จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจำลองแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกมันเพื่อความพอใจและสุขภาพที่ดี
6. งูคิงสเนค (Kingsnakes)
Cr. Unsplash
Kingsnakes ถึงจะดูหน้าตาคล้ายงูมิลค์แต่ว่าเป็นคนละพันธุ์กันและงูคิงสเนคจะมีรูปร่างหน้าตาที่หลากหลายมากกว่างูมิลค์ คิงสเนคอยู่ในสกุล Lampropeltis เป็นงูที่แข็งแกร่งและมีขนาดปานกลาง มีชื่อเสียงในด้านสีสันที่สดใสและความสามารถในการหดตัวอันทรงพลัง ด้วยความยาวตั้งแต่ 90 – 180 ซ.ม. พวกมันมีลวดลายที่โดดเด่นหลากหลาย โดยมักมีแถบหรือรอยเปื้อนบนพื้นหลังที่ตัดกัน งูพันธุ์นี้เจริญเติบโตได้ในแหล่งที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย ทั้ง ป่าไม้ ทุ่งหญ้า และทะเลทราย กิน นก สัตว์เลื้อยคลาน และไข่ งูคิงสเนคสามารถปรับตัวได้และสามารถปรับให้เข้ากับช่วงอุณหภูมิที่แตกต่างกันได้ ช่วงอุณหภูมิที่ 24-29°C ถือว่าเหมาะสมที่สุด แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วพวกมันจะแข็งแกร่ง แต่การมีจุดซ่อนตัวและวัสดุรองพื้นที่ช่วยให้ขุดดินได้ก็ช่วยเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้กับพวกมัน งูคิงสเนคเป็นที่รู้จักในเรื่องธรรมชาติว่านอนสอนง่าย เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ชื่นชอบสัตว์เลื้อยคลาน
7. งูฮอกโนสตะวันตก (Western Hognose Snakes)
Cr. Pixabay
งูฮอกโนส มีชื่อไทยอีกชื่อหนึ่งที่เรียกกันคือ งูจมูกหมู เพราะมีจมูกที่ค่อนข้างยื่นบนออกมาต่างจากงูหลายพันธุ์อื่น มีสีสันลายละเอียดสดใสออกส้มๆหรือน้ำตาลๆบนพื้นตัวเกล็ดสีครีม มีพิษอ่อนแต่ไม่อันตรายกับคน มีความยาวประมาณ 70 – 100 ซ.ม. เอกลักษณ์ของงูพันธุ์นี้คือชอบแกล้งตายโดยการนอนหงายท้อง พร้อมส่งกลิ่นเหม็นออกมาให้ศัตรูคิดว่ามันตายแล้วและจากไปหรือเตรียมโจมตีหากถูกเข้าใกล้ งูฮอกโนสตะวันตกนั้นยังแผ่แม่เบี้ยและสั่นหางเวลาข่มขู่หรือล่าได้อีกด้วย เนื่องจากเป็นงูที่ปราดเปรียว ฉกได้แม้ไม่อันตรายมาก และมีนิสัยแสบแบบนี้ อาจจะไม่เหมาะกับมือใหม่เลี้ยงงูตัวแรกนัก
8. งูการ์เตอร์ (Garter Snakes)
Cr. Pixabay
งูการ์ทเนอร์มีลำตัวสีสดใสและมีลายสีต่าง ๆ ตามความหลากหลายของสายพันธุ์ ลำตัวบางครั้งมีลวดลายที่เหมือนธงชาติต่างๆที่มีหลายสีเป็นลายเส้นสลับสีกันตามแนวยาวของลำตัว ป็นงูที่ค่อนข้างสงบและอาจตื่นตัวในช่วงกลางวัน สามารถทำให้งูเป็นเพื่อนเล่นกับคนได้บ้าง หากอยู่ในป่าแถบอเมริกาอาจพบงูชนิดนี้ได้ และอาจพบได้เป็นฝูงใหญ่เพราะมันจะรวมตัวกันในช่วงฤดูผสมพันธุ์
9. งูหลามบอหางแดง (Red-tailed Boas หรือ Boa constrictor)
งูหลามบอหางแดง อาจดูคล้ายงูหลามบอลธรรมดาแต่จะมีจุดสังเกตคือจะมีเส้นตรงบนหัว มีลายสีเทาสลับน้ำตาลอมดำไปทั่วร่างกาย มีลำตัวใหญ่ มีลายจะค่อนข้างเป็นจ้ำหรือปล้องสลับสีออกน้ำตาลหรือน้ำตาลดำชัด แต่เมื่อไล่สีไปที่ปลายหางจะออกสีแดงแทนน้ำตาลหรือดำ จึงเป็นที่มาของชื่อ”หางแดง” ในชื่อสายพันธุ์ เป็นงูที่แข็งแรง นอกจาจะมีลำตัวใหญ่แล้วยังมีลำตัวยาวกว่างูอื่นๆหลายชนิด มีลายสีที่หลากหลายและมีลวดลายที่โดดเด่น ในส่วนของพฤติกรรม งูหลามบอหางแดงเป็นงูที่รู้จักในธรรมชาติว่าเป็นนักล่าสัตว์ มีความรุนแรงและต้องการพื้นที่อยู่ขนาดใหญ่เนื่องจากมีขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่
10. งูเหลือมโบอาเปรู (Peruvian Boa)
Cr. Photo by Ulrike Langner on Unsplash
งูพันธุ์นี้มีลายสีคล้ายคนสวมเสื้อคลุม มีลวดลายที่ซับซ้อนและเป็นเอกลักษณ์ พฤติกรรมของงูเหลือมพันธุ์นี้คือเป็นงูที่ค่อนข้างสงบ งูเหลือมเปรู (Boa imperator imperator) เป็นงูสายพันธุ์พิเศษที่มีถิ่นกำเนิดในป่าฝนในเปรู มีความยาวตั้งแต่ เมตรครึ่ง ถึง 3 เมตร เป็นสายพันธุ์ย่อยของงูเหลือมขนาดกลางถึงใหญ่ ร่างกายของพวกเขาแสดงลวดลายที่ซับซ้อนของอานม้าหรือดอกกุหลาบบนพื้นหลังสีเอิร์ธโทน ทำให้พวกมันดูโดดเด่นสะดุดตา งูเหลือมเปรูเป็นนักปีนเขาที่เชี่ยวชาญ โดยใช้กิ่งไม้และพืชพรรณเพื่อการล่าสัตว์และที่พักพิง ชอบสภาพแวดล้อมเขตร้อน การรักษาระดับอุณหภูมิ 27-32°C และระดับความชื้น 60-70% เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีของพวกมัน การจัดหากรงที่กว้างขวางพร้อมโอกาสในการปีนป่าย จุดซ่อนตัว และพื้นผิวที่คงความชื้น จะช่วยให้พวกมันมีความสุขและสุขภาพโดยรวมเมื่ออยู่ในกรง
เลี้ยงงู ต้องมีเฟอร์นิเจอร์ – อุปกรณ์อะไรบ้าง ?
- กรงงู หรือ กล่องงู
- ถ้วยใส่น้ำ (เติมน้ำทุกวัน)
- ถ้วยใส่อาหาร
- คีมคีบอาหารงู
- ถาดน้ำ ที่งูจะสามารถลงไปแช่น้ำได้ทั้งตัว (เปลี่ยนน้ำสัปดาก์ละหนึ่งครั้ง หรือเมื่อมีงูถ่ายของเสียลงน้ำ)
- Hide Boxหลอดด
- ขอนไม้
- วัสดุรองพื้นกล่องงู เช่น กระดาษหนังสือพิมพ์เก่า หรือ ขี้เลื่อย
- ต้นไม้จริงเล็กหรือต้นไม้ปลอมให้งูเลื้อยปีนป่าย
- เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น
- ตัวช่วยควบคุมอุณหภูมิ เช่น หลอดไฟให้ความร้อน ไฟ UVA/UVB หลอดเซรามิค ฮีตแพด ฮีตเตอร์
- เครื่องทำความชื้น Humidifier
- เกรียง ทำความสะอาดกล่องงู
- ผ้าเช็ดทำความสะอาดกล่องงู
การเลี้ยงงูต้องการความรับผิดชอบและความใส่ใจในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม อาหาร อารมณ์ หรือของในการใช้ชีวิตของงู เพื่อให้งูมีสุขภาพแข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างไรก็ตาม การทิ้งงูไว้ที่บ้านเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง เนื่องจากงูมีธรรมชาติในการล่าสัตว์และอาจกัดกินสัตว์ที่อยู่ในบ้านได้ ตลอดจนอาจเป็นอันตรายต่อคนในบ้านหากมีการจับงูแล้วมีกลิ่นอาหารหรือเลือดติด การเลี้ยงงูควรปฏิบัติตามกฎและแนวทางการเลี้ยงที่ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว แค่ทำการเตรียมตัวอย่างดีและมีความรับผิดชอบในการดูแล งูและคนในบ้านก็จะมีชีวิตที่ดีและปลอดภัยต่อกันและอยู่ร่วมกับได้อย่างครอบครัว