หากพูดถึงปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ทั้งลึกลับ งดงาม และน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลก “แสงเหนือ” หรือ Aurora Borealis คงติดอันดับต้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย หลายคนใฝ่ฝันอยากเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง แต่ก็ยังมีคำถามว่า แสงเหนืออยู่ประเทศอะไร? หรือ แสงเหนือเกิดที่ประเทศอะไรกันแน่? ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ ประเทศที่มีแสงเหนือ ให้ชมอย่างจุใจ พร้อมเคล็ดลับการวางแผนทริปให้มีโอกาสได้เห็นแสงเหนือแบบชัดเจนที่สุด อย่ารอช้า…มาร่วมตามหาแสงแห่งความฝันไปด้วยกัน!
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
แสงเหนือเกิดขึ้นได้อย่างไร?
แสงเหนือ หรือ Aurora Borealis คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามราวกับเวทมนตร์ เกิดขึ้นเมื่อลมสุริยะ (Solar Wind) พัดพาอนุภาคที่มีพลังงานสูงเข้ามาชนเข้ากับสนามแม่เหล็กบริเวณขั้วโลก ทำให้อนุภาคเหล่านี้กระทบกับโมเลกุลของก๊าซในบรรยากาศ (เช่น ออกซิเจน ไนโตรเจน) เกิดการปล่อยแสงออกมาในรูปแบบม่านแสงสีเขียว ชมพู แดง น้ำเงิน หรือม่วงที่เต้นระบำอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างงดงาม
โดยทั่วไปแล้ว แสงเหนือ จะเกิดเฉพาะบริเวณแถบขั้วโลกเหนือ และเรียกว่า “Aurora Borealis” และหากเกิดขึ้นที่ขั้วโลกใต้จะเรียกว่า แสงใต้ หรือที่เรียกว่า “Aurora Australis” ทำให้หากจะถามถึงแสงเหนือเกิดที่ประเทศอะไร? หรือแสงเหนืออยู่ประเทศอะไร? ก็ต้องบอกว่า ประเทศที่มีแสงเหนือได้แก่ประเทศที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือหรือบริเวณแถบอาร์กติกเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้เห็น ซึ่งแตกต่างจากการดูแสงใต้ที่จะพบเห็นได้ในขั้วโลกใต้หรือแถบแอนตาร์กติกา
อย่างไรก็ดี การล่าแสงเหนือมักเป็นที่นิยมมากกว่าการดูแสงใต้ เนื่องจากพื้นที่ขั้วโลกเหนือมีเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าถึงได้ง่ายกว่า เช่น นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ ขณะที่ขั้วโลกใต้ส่วนใหญ่เป็นพื้นน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกา (Antarctica) ซึ่งเข้าถึงได้ยากและอันตราย
ปรากฏการณ์แสงเหนือไม่ใช่เพียงเรื่องทางวิทยาศาสตร์ แต่ยังเต็มไปด้วยความเชื่อในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแสงเหนือในที่เห็นในยุโรป อเมริกา หรือเอเชีย ต่างก็มีตำนานหรือเคล็ดความเชื่อที่ร่ำลือต่าง ๆ กันออกไป เช่น
- ชาวแซมมี (Sámi) ชาวแซมมีเป็นชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในแถบอาร์กติก เชื่อว่าแสงเหนือคือวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและเป็นสิ่งที่ไม่ควรไปรบกวน พวกเขามีข้อห้ามหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับแสงเหนือ เช่น ห้ามส่งเสียงดัง, ห้ามโบกมือ หรือห้ามผิวปาก เพราะเชื่อว่าจะทำให้ดวงวิญญาณโกรธและนำภัยมาให้
- ตำนานของชาวฟินแลนด์ (Finnish) ตามตำนานกล่าวว่า มีสุนัขจิ้งจอกในเทพนิยายวิ่งอย่างรวดเร็วข้ามภูเขาหิมะ และเมื่อหางของมันกระทบกับก้อนหิมะ ก็จะเกิดประกายไฟปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเกิดเป็นแสงเหนืออันงดงาม
- จีน ในอดีต แสงเหนือไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในวัฒนธรรมจีน เนื่องจากปรากฏการณ์นี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นในละติจูดที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องเล่าที่เชื่อว่าแสงเหนือคือมังกรที่บินอยู่บนท้องฟ้า
- ชาวครี (Cree) ชาวครีเชื่อว่าแสงเหนือคือวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว กำลังสื่อสารกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก พวกเขาจะผิวปากเพื่อเรียกหาแสงเหนือและเชื่อว่าแสงจะเต้นรำตอบ
ประเทศที่มีแสงเหนือให้ชม
ประเทศที่มีแสงเหนือในยุโรป

1.แสงเหนือ – นอร์เวย์
นอร์เวย์ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการชมแสงเหนือ ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางวงโคจรของแสงเหนือ (Aurora Oval) ทำให้มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นแสงเหนือได้
- เมือง / พื้นที่ยอดนิยม: ทรอมโซ ขึ้นชื่อว่าเป็น “ประตูสู่อาร์กติก” เป็นเมืองใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน, หมู่เกาะโลโฟเทน เป็นแหล่งดูแสงเหนือที่มีฉากหลังของภูเขาและฟยอร์ดเกิดเป็นภาพอันน่าอัศจรรย์, คิร์กเกเนส เป็นเมืองที่มีจำนวนคืนที่เกิดแสงเหนือเฉลี่ยสูงถึง 200 คืนต่อปี ทำให้มีโอกาสได้เห็นสูงมาก
- จุดเด่น: เป็นเมืองใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เดินทางง่าย มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูง
- ช่วงเวลาที่ดีในการชมแสงเหนือ: ปลายเดือนกันยายนถึงปลายเดือนมีนาคม
- การเดินทาง: สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินหรือรถไฟจากเมืองใหญ่ในนอร์เวย์

2. แสงเหนือ – ฟินแลนด์
ฟินแลนด์ เป็นประเทศที่เหมาะสำหรับการชมแสงเหนือ โดยเฉพาะในเขตแลปแลนด์ทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใต้แนววงโคจรของแสงเหนือ ทำให้มีโอกาสพบเห็นได้บ่อยครั้ง
- เมือง / พื้นที่ยอดนิยม: แลปแลนด์ เป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในฟินแลนด์สำหรับการชมแสงเหนือ, คิลปิสยาร์วิ เป็นแหล่งที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูงถึง 75% ในคืนที่มืดและท้องฟ้าโปร่ง, โรวาเนียมิ เป็นบ้านเกิดของซานตาคลอส สามารถชมแสงเหนือและทำกิจกรรมฤดูหนาวได้
- ช่วงเวลาที่ดีในการชมแสงเหนือ: ปลายเดือนกันยายนถึงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ท้องฟ้ามืดและมีอากาศหนาวเย็น
- จุดเด่น: มีพักเป็นกระท่อมกระจก (Glass Igloo) ซึ่งทำให้สามารถนอนดูแสงเหนือจากในห้องพักที่อบอุ่นได้
- การเดินทาง: เดินทางโดยเครื่องบินไปลงที่สนามบินในแลปแลนด์ เช่น Rovaniemi Airport

3. แสงเหนือ – ไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์ เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้กับวงโคจรแสงเหนือ มีภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งธารน้ำแข็ง ภูเขาไฟ และทะเลสาบน้ำแข็ง ทำให้สามารถชมแสงเหนือได้ในฉากหลังที่ตระการตา
- เมือง / พื้นที่ยอดนิยม: อุทยานแห่งชาติธิงเวลลิร์ เดินทางง่าย อยู่ห่างจากเมืองหลวงเรคยาวิกเพียง 1 ชั่วโมง, ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน มีชื่อเสียงเรื่องก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในทะเลสาบ ซึ่งสะท้อนแสงเหนือได้สวยงาม
- ช่วงเวลาที่ดีในการชมแสงเหนือ: ตั้งแต่กลางเดือนกันยายนถึงต้นเดือนเมษายน
- จุดเด่น: สามารชมแสงเหนือได้บนฉากหลังภูมิประเทศาที่น่าทึ่ง ทั้งภูเขาไฟและธารน้ำแข็ง
- การเดินทาง: เช่ารถขับเอง โดยอย่างลืมทำใบขับขี่สากลไปด้วย หรือเลือกทัวร์ล่าแสงเหนือ ซึ่งมักจะมีบริการรถรับส่งจากเมืองเรคยาวิก

4. แสงเหนือ – สวีเดน
สวีเดน มีจุดชมแสงเหนือที่โดดเด่นในเขตแลปแลนด์ทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีภูมิประเทศกว้างใหญ่และมีมลภาวะทางแสงน้อยมาก
- เมือง / พื้นที่ยอดนิยม: อุทยานแห่งชาติอบิสโก ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือ เนื่องจากมีภูมิอากาศแบบพิเศษที่ทำให้ท้องฟ้าโปร่ง เห็นแสงเหนือได้ชัด
- ช่วงเวลาที่ดีในการชมแสงเหนือ: ลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนเมษายน
- จุดเด่น: มีสถานีวิจัยแสงเหนือตั้งอยู่ที่อบิสโก และมีโรงแรมน้ำแข็งที่เมือง Jukkasjärvi
- การเดินทาง: เดินทางด้วยรถไฟจากสตอกโฮล์มไปยังคิรูนา หรือเดินทางโดยเครื่องบิน

5. แสงเหนือ – สกอตแลนด์
สกอตแลนด์ แม้จะไม่ใช่ประเทศหลักในการดูแสงเหนือ แต่ในคืนฟ้าเปิดของฤดูหนาวในสกอตแลนด์ตอนเหนือ ก็สามารถเห็น “Mirrie Dancers” หรือแสงเหนือได้
- เมือง / พื้นที่ยอดนิยม: หมู่เกาะเชทแลนด์ เป็นจุดที่อยู่เหนือสุดของสกอตแลนด์และมีโอกาสเห็นแสงเหนือได้บ่อยที่สุด, เคทเนสส์ อยู่ในเขตที่ราบสูงของสกอตแลนด์ มีมลภาวะทางแสงน้อย เห็นแสงเหนือได้ชัด
- ช่วงเวลาที่ดีในการชมแสงเหนือ: ปลายเดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่กลางคืนยาวนานและท้องฟ้ามืด
- จุดเด่น: การได้ชมแสงเหนือท่ามกลางทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามของที่ราบสูงสกอตแลนด์
- การเดินทาง: การเดินทางไปยังเกาะต่างๆ มักจะต้องนั่งเรือเฟอร์รีจากแผ่นดินใหญ่
ประเทศที่มีแสงเหนือในเอเชีย
1. รัสเซีย
รัสเซีย มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตละติจูดสูงเหนือ Arctic Circle ทำให้มีจุดชมแสงเหนือที่ดีหลายแห่ง โดยเฉพาะในแถบทางตอนเหนือของประเทศ
- เมือง / พื้นที่ยอดนิยม: เมืองมูร์มันสค์ เป็นเมืองใหญ่และเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการล่าแสงเหนือในรัสเซีย, เมืองเทริเบอร์ก้า เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างจากมูร์มันสค์ประมาณ 120 กิโลเมตร มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ดีกว่า
- จุดเด่น: เป็นเมืองใหญ่ที่สามารถเดินทางไปถึงได้ง่ายจากกรุงมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และมีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ค่อนข้างสูง
- ช่วงเวลาที่ดีในการชมแสงเหนือ: กันยายนถึงมีนาคม
- การเดินทาง: เดินทางด้วยเครื่องบินหรือรถไฟไปยังเมืองมูร์มันสค์
2. ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น การเกิดแสงเหนือในญี่ปุ่นเป็นเรื่องยากและเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เกิดพายุสุริยะที่มีกำลังแรงมากๆ อาจมีโอกาสได้เห็นแสงเหนือได้ในบางพื้นที่ทางตอนเหนือสุดของประเทศ
- เมือง / พื้นที่ยอดนิยม: ฮอกไกโด เป็นเกาะที่อยู่ทางเหนือสุดของญี่ปุ่น และเป็นจุดที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้มากที่สุด
- ช่วงเวลาที่ดีในการชมแสงเหนือ: ช่วงพฤศจิกายนถึงมีนาคม
- จุดเด่น: สามารถชมแสงเหนือร่วมกับทัศนียภาพของหิมะของฮอกไกโด
- การเดินทาง: เดินทางโดยเครื่องบินไปยังสนามบินในฮอกไกโด หรือรถไฟ JR
3. จีน
จีน เป็นอีกหนึ่งประเทศดูแสงเหนือในเอเชียที่หาแสงเหนือดูได้ยาก อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เกิดพายุสุริยะรุนแรงก็อาจเกิดแสงเหนือให้เห็นได้
- เมือง / พื้นที่ยอดนิยม: เมืองโม่เหอ ตั้งอยู่ในมณฑลเฮย์หลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
- ช่วงเวลาที่ดีในการชมแสงเหนือ: ช่วงที่เกิดพายุสุริยะรุนแรง ซึ่งต้องอาศัยการพยากรณ์ในแต่ละปี
- จุดเด่น: ป็นปรากฏการณ์ที่หาชมได้ยากมากในประเทศจีน
- การเดินทาง: เดินทางด้วยรถไฟหรือเครื่องบินไปยังเมืองโม่เหอ
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดูแสงเหนือ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินทางไปประเทศที่มีแสงเหนือคือ ฤดูหนาวของซีกโลกเหนือ ซึ่งกินเวลาตั้งแต่เดือนกันยายนถึงมีนาคม ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ท้องฟ้ามืดนานและโอกาสเกิดแสงเหนือสูง โดยเฉพาะเดือน ธันวาคม – กุมภาพันธ์ ซึ่งมืดเร็วและมีช่วงกลางคืนยาวนาน ทำให้สามารถสังเกตได้นาน
- สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะในการชมแสงเหนือในประเทศที่มีแสงเหนือ คือ ระหว่าง 22.00 – 02.00 น. โดยเฉพาะในคืนที่ไม่มีแสงจันทร์หรือแสงรบกวนอื่น ๆ
บางประเทศ เช่น ฟินแลนด์ หรือไอซ์แลนด์ ยังมีกิจกรรม “เทศกาลล่าแสงเหนือ” ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว พร้อมบริการพิเศษอย่าง hot tub กลางธรรมชาติ หรือ igloo ชมดาว
ข้อควรรู้ก่อนวางแผนไปชมประเทศที่มีแสงเหนือ
- เตรียมเสื้อผ้าให้พร้อม อุณหภูมิในฤดูหนาวของประเทศแถบอาร์กติกอาจต่ำกว่า -20°C ต้องมีเสื้อขนเป็ด ถุงมือ หมวกไหมพรม และรองเท้ากันลื่น
- ไม่มีการันตีว่าจะเห็นแสงเหนือทุกคืน อาจต้องอยู่หลายวันเพื่อเพิ่มโอกาสเห็น
- ดาวน์โหลดแอปพยากรณ์แสงเหนือ เช่น “My Aurora Forecast” หรือ “Aurora Alerts” เพื่อเช็กความเป็นไปได้ก่อนออกเดินทาง
- เลือกที่พักนอกเมือง เพื่อลดการรบกวนจากแสงไฟ และเพิ่มโอกาสมองเห็นชัดเจน
- ใช้กล้องถ่ายภาพที่มีโหมด Long Exposure ใช้ขาตั้งกล้องในการถ่ายภาพนิ่ง เพื่อให้เก็บภาพแสงเหนือได้คมชัด
- จอง Aurora Tour กับไกด์ท้องถิ่น เพิ่มโอกาสเข้าถึงจุดชมที่ดีที่สุด เช่น การนั่งรถสโนว์โมบิลหรือปีนเขาเบา ๆ
อย่าลืมเช็กแหล่งล่าแสงเหนือและวางแผนให้เป๊ะ! ให้ได้ไปเห็นแสงเหนือกับตา
จริงอยู่ที่แสงเหนือ…อาจไม่มาให้เห็นทุกคืน แต่หากได้เจอ มันจะเป็นภาพจำไปตลอดชีวิต แสงเหนือคือหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่คนทั่วโลกฝันอยากเห็น มันไม่เพียงงดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ เชื่อมโยงไปถึงความเชื่อและความหมาย ซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกไปประเทศที่มีแสงเหนืออย่างไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ หรือแม้แต่รัสเซีย การเตรียมตัวให้พร้อมคือกุญแจสำคัญในการได้เห็นแสงเหนือในคืนพิเศษของคุณ ถึงตรงนี้ก็คงไม่ต้องสงสัยแล้วว่าแสงเหนืออยู่ประเทศอะไร? หรือ แสงเหนือเกิดที่ประเทศอะไร? เพราะบทความนี้ได้ลิสต์ไว้ให้แบบครบ ๆ แล้ว เหลือแค่แพลนทริปแล้วเตรียมตัวไปล่าแสงเหนือพร้อมสร้างประสบการณ์สุดพิเศษได้เลย แล้วอย่างลืมช้อป เสื้อกันหนาว, กระติกน้ำร้อน หรือ กระเป๋าเดินทาง ติดตัวไปด้วย และอัปเดตทิปส์ท่องเที่ยวอื่น ๆ ต่อได้ที่ Shopee Blog!
อ้างอิง NASA
บทความแนะนำ