กุญแจรถหาย มอไซค์ ทำไงดี? แค่คิดก็หัวหมุนแล้ว โดยเฉพาะถ้ากำลังรีบ หรือรถที่หายเป็นเวฟ 110i คู่ใจ ไม่ต้องตกใจไป เพราะบทความนี้รวมวิธีรับมือแบบครบจบ ตั้งแต่การตั้งสติ ค้นหากุญแจ ไปจนถึงการเรียกช่างและปั้มกุญแจใหม่ พร้อมบอก ราคาทำกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ และ ปั้มกุญแจรถมอไซค์เวฟ110i ราคา เบื้องต้นให้คุณเตรียมใจไม่ให้เจ็บทั้งเงินและเวลา ไม่ต้องสงสัยต่อเลยว่ากุญแจรถหายทําใหม่เท่าไหร่ แถมไอเท็มเด็ดแนะนำเพื่อใช้ป้องกันกุญแจหาย เช่น Apple AirTag ที่ช่วยเซฟชีวิตสายขี้ลืมได้จริง บอกเลยว่าอ่านจบ พบทางรอดแน่นอน! มาดูเลยว่าถ้ากุญแจรถหายขึ้นมาต้องเริ่มต้นยังไง?
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
1. ตั้งสติและค้นหาอย่างละเอียด
ก่อนจะตื่นตระหนก ลองตั้งสติก่อนเป็นอันดับแรก เพราะบางครั้ง “กุญแจหาย” อาจไม่ได้หายจริง ๆ แต่อาจแค่หล่นในจุดที่เรานึกไม่ถึง ลองทำตามนี้ทีละขั้น
- ทบทวนเส้นทางย้อนหลัง: คิดดูว่าคุณไปที่ไหนมาบ้าง? หยิบจับอะไรที่ไหน? กุญแจอาจตกหล่นระหว่างทางโดยไม่รู้ตัว เช่น ที่ร้านกาแฟ หรือที่จอดรถของห้าง
- ค้นหาจุดเสี่ยงใกล้ตัว: ลองค้นหากระเป๋าสะพาย เสื้อผ้า หรือแม้แต่ใต้เบาะรถ รวมไปถึงกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง เพราะหลายคนเคยเจอว่ากุญแจติดอยู่ในซอกที่คิดไม่ถึง
- สอบถามคนใกล้เคียง: หากทำกุญแจหายในพื้นที่สาธารณะ เช่น ตลาด หรือหน้าร้าน ลองถามเจ้าของร้านแถวนั้นว่ามีใครเจอกุญแจหรือมีคนเก็บไว้หรือไม่ เพราะบางคนเก็บไว้ให้แบบไม่แจ้งใคร
2. ลองหากุญแจสำรอง
หากหากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ทั่วบ้าน ทั่วกระเป๋า หรือทุกมุมในร้านกาแฟที่แวะล่าสุดแล้วยังหาไม่เจอ อย่าเพิ่งตื่นตระหนก! สิ่งที่ควรทำทันทีคือ ลองหากุญแจสำรอง ซึ่งอาจกลายเป็นตัวช่วยชีวิตจากสถานการณ์นี้ได้แบบง่าย ๆ
เริ่มจาก นึกให้ออกว่าคุณเคยเก็บกุญแจสำรองไว้ที่ไหนบ้าง หลายคนมักเก็บกุญแจสำรองไว้ในลิ้นชัก โต๊ะทำงาน กล่องเครื่องมือ หรือฝากไว้กับคนใกล้ชิด ลองถามพ่อแม่ พี่น้อง หรือคู่ชีวิตดูว่าเคยมีใครถือกุญแจสำรองให้บ้าง สามารถค้นกุญแจสำรองเอามาให้ได้หรือไม่ หรือถ้าคุณเคยเอารถไปให้ร้านซ่อมรถ หรืออู่ซ่อม มอเตอร์ไซค์ ลองโทรสอบถามเผื่อเขายังเก็บไว้ให้โดยไม่ได้ตั้งใจ
3. ถ้าหาไม่เจอ ต้องเริ่มลงมือจัดการ!
หากค้นหาแล้วก็ยังไม่เจอกุญแจ สิ่งที่คุณควรทำถัดไปคือ “แก้ไขปัญหาอย่างปลอดภัย” โดยมีทางเลือกหลัก ๆ ดังนี้
1) ติดต่อศูนย์บริการเพื่อทำกุญแจใหม่ (แนะนำ)
หากรถของคุณยังอยู่ในประกัน หรือเป็นรุ่นใหม่ เช่น ใช้ Smart Key หรือ Immobilizer การติดต่อศูนย์บริการ เช่น ฮอนด้า, ยามาฮ่า ฯลฯ ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
สิ่งที่ต้องเตรียม
- เล่มทะเบียนรถ
- สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
- Key Code หรือ Master Key (ถ้ามี)
กุญแจบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆ จะมีรหัสกุญแจหรือ Master Key ที่มาพร้อมกับรถตอนซื้อ ซึ่งจะช่วยให้การทำกุญแจใหม่เร็วขึ้นและประหยัดค่าใช้จ่าย
ศูนย์บริการจะช่วยอะไรได้บ้าง?
- ทำกุญแจใหม่จากรหัส หากคุณมีรหัสกุญแจติดตัว ศูนย์สามารถปั้มกุญแจใหม่ให้ได้ทันที
- เปลี่ยนชุดกุญแจใหม่ทั้งหมด หากไม่มีรหัส และรถเป็นรุ่นเก่า อาจต้องเปลี่ยนทั้งกุญแจสตาร์ท, กุญแจเบาะ, และฝาถังน้ำมัน ซึ่ง ราคาจะสูงขึ้น
- ลงทะเบียนระบบกุญแจอัจฉริยะ สำหรับรถที่ใช้ Smart Key หรือ Immobilizer ศูนย์จะช่วยจับคู่กุญแจใหม่เข้ากับระบบของรถให้โดยอัตโนมัติ
ราคาประมาณเท่าไหร่ฦ
ขึ้นอยู่กับรุ่นรถและศูนย์บริการ เช่น
- ปั้มกุญแจรถมอไซค์เวฟ110i ราคา เริ่มต้นประมาณ 500–1,500 บาท
- ทำกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ ราคา รุ่น Smart Key อาจอยู่ที่ 2,000–5,000+ บาท
2) ติดต่อช่างทำกุญแจทั่วไป (ทางเลือกเสริม)
ถ้าคุณอยู่ไกลศูนย์ หรือใช้งานเร่งด่วน ช่างทำกุญแจทั่วไปก็ช่วยได้ โดยเฉพาะกับรถรุ่นเก่าหรือระบบกุญแจธรรมดา
สิ่งที่ควรมี
- หลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าของ เช่น เล่มทะเบียน สำเนาบัตรประชาชน เพื่อป้องกันปัญหามิจฉาชีพ
ข้อควรระวัง
- ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของช่าง: ควรเลือกช่างที่มีหน้าร้าน รีวิวดี หรือมีคนแนะนำ
- หลีกเลี่ยงสำหรับ Smart Key: ช่างทั่วไปอาจไม่มีอุปกรณ์ในการตั้งค่ากับระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรถ
- ระวังความเสียหาย: การทำกุญแจโดยช่างไม่มีประสบการณ์อาจทำให้ชุดล็อกเสียหายถาวร
หากหาร้านทำกุญแจไม่ได้ ลองงานสั่งทำกุญแจมอเตอร์ไซค์จากร้านออนไลน์สั่งทำกุญแจ Honda ง่ายๆ ปั้มกุญแจรถมอไซค์เวฟ110i ราคาเบาๆ ด้วยแบงค์แดงไม่กี่ใบ
3) แจ้งความ (กรณีมีความเสี่ยงโดนขโมย)
หากคุณสงสัยว่ากุญแจอาจ ถูกขโมย หรือหายในลักษณะที่ไม่ปกติ เช่น หายหน้าบ้านโดยไม่มีเหตุผล ควรรีบแจ้งความทันที เพื่อป้องกันปัญหาโจรกรรมในอนาคต และใช้เป็นเอกสารหลักฐานในกรณีต้องยื่นเคลมประกัน
ข้อควรรู้: การมีใบแจ้งความจะช่วยให้ศูนย์บริการหรือช่างทำงานง่ายขึ้น และเป็นหลักฐานกรณีมีการสืบสวนหรือพิสูจน์ทรัพย์สินในภายหลัง
4. เคล็ดลับป้องกันกุญแจหายโดยเฉพาะมอไซค์ทำยังไงได้บ้าง?
อย่าให้เหตุการณ์ “กุญแจหาย” มาทำให้วันของคุณพังอีก! เรามีทิปส์ง่าย ๆ ที่ช่วยป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าต้องมาตามแก้ไขทีหลัง
- ทำกุญแจสำรองทันทีที่ได้กุญแจใหม่ เก็บไว้ในที่ปลอดภัย เช่น ในลิ้นชักบ้าน หรือตู้เซฟขนาดเล็ก
- จดรหัสกุญแจ (Key Code) สำหรับรถที่มีระบบ Smart Key ควรจดรหัสกุญแจไว้ในสมุดโน้ต (แยกจากรถ) หรือเก็บไว้ในโทรศัพท์แบบเข้ารหัส
- ใช้พวงกุญแจสีสดใสหรือแบบมี GPS Tracker เช่น Apple AirTag หรือ Tile จะช่วยให้คุณหากุญแจได้ง่ายขึ้น ทั้งจากเสียงหรือตำแหน่ง GPS ที่เชื่อมกับมือถือ
- พิจารณาทำประกันรถที่ครอบคลุมกุญแจหาย ประกันบางเจ้าอาจคุ้มครองในกรณีสูญหาย โดนขโมย หรือค่าทำกุญแจใหม่จากอุบัติเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
กุญแจหายเป็นเรื่องปวดหัว สำหรับใครที่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้สามารถป้องกันได้ด้วยแก็ตเจ็ตตัวช่วยชี้พิกัดจุดที่วางกุญแจได้แม่น ไม่หายแน่นอน!
5. รวมไอเทมตัวช่วยเมื่อกุญแจรถหายโดยเฉพาะมอไซค์ทำไง-มีอะไรบ้าง?
เดี๋ยวนี้มีอุปกรณ์ช่วยตามหากุญแจรถที่สะดวก ใช้งานง่าย และราคาเอื้อมถึง วันนี้เราในฐานะบล็อกเกอร์สายไลฟ์สไตล์ จะพาไปรู้จักกับ 5 อุปกรณ์ติดตามกุญแจยอดนิยมที่ควรมีไว้ติดพวงกุญแจมอเตอร์ไซค์ของคุณ พร้อมคำแนะนำว่าอันไหนเหมาะกับใคร!
Key Finder หรือ Bluetooth Tracker คืออะไร?
ก่อนจะไปรู้จักแต่ละรุ่น เรามาทำความรู้จักกับอุปกรณ์ “Key Finder” หรือ “Bluetooth Tracker” กันก่อนค่ะ มันคืออุปกรณ์ขนาดจิ๋วที่สามารถติดไว้กับพวงกุญแจ (หรือสิ่งของอื่น ๆ ที่เรามักทำหาย) แล้วเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเพื่อให้เราติดตามตำแหน่งของกุญแจได้
บางรุ่นสามารถส่งเสียง หรือใช้ GPS/เครือข่ายของผู้ใช้งานรอบข้างเพื่อระบุตำแหน่งล่าสุด ทำให้เหมาะมากสำหรับคนขี้ลืมหรือสายรีบที่ต้องการความรวดเร็วในการหาของ
1. Apple AirTag – เหมาะกับสาวก iPhone

ถ้าคุณใช้ iPhone, iPad หรือ Mac อยู่แล้ว AirTag คือเพื่อนแท้ของคุณเลยค่ะ เพราะมันสามารถทำงานร่วมกับแอป Find My ของ Apple ได้โดยตรง ใช้สัญญาณจากอุปกรณ์ Apple ทั่วโลกในการระบุตำแหน่ง ทำให้ตามหาของที่หายได้แม้จะอยู่ไกลเกินสัญญาณ Bluetooth ก็ตาม
จุดเด่น
- เชื่อมกับเครือข่าย Find My ที่มีผู้ใช้มหาศาล
- Precision Finding สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ ช่วยนำทางอย่างแม่นยำ
- ทนน้ำฝุ่น (มาตรฐาน IP67)
- เปลี่ยนแบตเตอรี่ถ่านกระดุมเองได้ ใช้งานยาว 1 ปี
- โหมด Lost Mode เพิ่มข้อมูลติดต่อกรณีคนอื่นเจอแล้วสแกนให้
เหมาะกับ: ผู้ใช้ iOS ที่ต้องการการค้นหาที่แม่นยำ เชื่อมต่อง่าย ใช้งานสะดวก
2. Tile Pro (รุ่น 2022) – ตัวท็อปที่สาย Android ก็ใช้ได้

ใครใช้ Android หรือไม่อยากยึดติดกับระบบใดระบบหนึ่ง Tile Pro คือตัวเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะมันเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ได้ไกลถึง 152 เมตร พร้อมเสียงเรียกที่ดังชัด จึงหาของง่ายแม้อยู่ในห้องรกๆ หรือซ่อนอยู่ใต้หมอนอิงในห้องรับแขก
จุดเด่น
- Bluetooth ระยะไกลที่สุดในกลุ่ม (สูงสุด 500 ฟุต)
- เสียงเรียกดัง ช่วยให้หาของง่าย
- กันน้ำระดับ IP68
- รองรับทั้ง iOS และ Android
- ฟีเจอร์ “ค้นหาโทรศัพท์ย้อนกลับ” – กดที่ Tile ให้มือถือร้อง (แม้อยู่โหมดเงียบ!)
- มี Tile Network ช่วยตามหาของผ่านผู้ใช้งานรายอื่น
เหมาะกับ: คนที่ใช้ Android หรือใครที่ต้องการความอิสระในการเชื่อมต่อกับหลายระบบ
3. Chipolo ONE Spot – สายแฟชั่นก็รัก สายลืมก็ปลื้ม

ใครชอบความน่ารัก สีสดใส Chipolo ONE Spot จะตอบโจทย์คุณ เพราะดีไซน์สีสันสะดุดตา ใช้งานง่าย และยังสามารถเชื่อมต่อกับแอป Find My ของ Apple ได้เหมือน AirTag เป๊ะ แต่เสียงเรียกดังกว่า!
จุดเด่น
- ใช้แอป Find My ได้โดยตรง
- เสียงเรียกดังถึง 120 เดซิเบล ดังกว่า AirTag
- แจ้งเตือนเมื่อลืมของ (Left-Behind Alerts)
- ทนน้ำกระเซ็น (มาตรฐาน IPX5)
- แบตเตอรี่ถ่านกระดุม (CR2032) ใช้งานได้นาน 1 ปี
เหมาะกับ: ผู้ใช้ iPhone ที่อยากได้ความแตกต่างทั้งในดีไซน์และความดัง
4. Eufy Security SmartTrack Link – ราคาดี ฟีเจอร์ครบ

ใครอยากประหยัดแต่อยากได้ฟีเจอร์ครบ ๆ Eufy SmartTrack Link เป็นอีกตัวเลือกที่น่าซื้อมากค่ะ เพราะรองรับการทำงานร่วมกับแอป Find My เช่นกัน พร้อม QR Code ด้านหลังที่ใส่ข้อมูลติดต่อไว้ให้คนอื่นสแกนหากเจอของคุณ
จุดเด่น
- รองรับ Apple Find My
- มี QR Code ใส่ข้อมูลติดต่อ
- ฟังก์ชันกดเรียกโทรศัพท์ได้ แม้มือถืออยู่ในโหมดเงียบ
- กันน้ำกระเซ็น
- ราคาคุ้มค่ากว่า AirTag และ Tile Pro เล็กน้อย
- เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ใช้ได้นานสูงสุด 1 ปี
เหมาะกับ: คนที่ใช้ iPhone และมองหาทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า AirTag
5. Samsung Galaxy SmartTag2 – สำหรับสาย Galaxy เท่านั้น

ถ้าคุณใช้มือถือ Samsung Galaxy รุ่นใหม่ ๆ บอกเลยว่า SmartTag2 คือคู่หูที่เกิดมาเพื่อคุณค่ะ ด้วยดีไซน์ใหม่ มีห่วงคล้องพวงกุญแจ และฟีเจอร์ Ultra-Wideband ที่ให้การค้นหาแม่นยำสุดๆ
จุดเด่น
- เชื่อมกับแอป SmartThings Find ของ Samsung
- ใช้ UWB Precision Finding ได้กับ Galaxy รุ่นท็อป
- แบตเตอรี่อยู่ได้นานสุดถึง 700 วัน
- มีโหมด Lost Mode และกันน้ำ IP67
- ดีไซน์มีห่วงในตัว ใช้งานสะดวก
เหมาะกับ: ผู้ใช้ Samsung Galaxy ที่ต้องการฟีเจอร์ค้นหาขั้นสูงสุด
ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้ออุปกรณ์ติดตามกุญแจ
เพื่อให้ได้ Key Finder ที่ตอบโจทย์ที่สุด มีข้อควรรู้ที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจ เช่น
- เลือกเครือข่ายที่ใช้ค้นหา
- AirTag และ Chipolo ONE Spot ใช้เครือข่าย Apple Find My ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ iPhone จึงมีโอกาสตามหาของได้ง่ายกว่าTile Pro มีเครือข่ายของตัวเอง เรียกว่า Tile Network ใช้ได้ทั้ง Android และ iOS เหมาะกับคนที่ไม่ได้ใช้ iPhone หรือ Samsung
- Galaxy SmartTag2 ใช้กับ SmartThings Find ซึ่งรองรับเฉพาะมือถือ Samsung Galaxy เท่านั้น
- ต้องการ Precision Finding หรือเปล่า Precision Finding คือ เทคโนโลยีที่ช่วยให้ “หาของใกล้ ๆ ได้แม่นมาก” เช่น รู้เลยว่าของอยู่ใต้โต๊ะหรือในกระเป๋า หมดปัญหากุญแจหายแต่ต้องมารู้ที่หลังว่าซุกไว้ในที่ใกล้ๆ อย่างกระเป๋าของตัวเอง ซึ่งฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะกับ
- AirTag (ต้องใช้คู่กับ iPhone 11 ขึ้นไป)
- SmartTag2 (เฉพาะ Samsung Galaxy ที่รองรับ UWB)
- แบตเตอรี่แบบไหน? ต้องชาร์จไหม? คงไม่ดีแน่ถ้าเรามี Key Finder อยู่แล้วแต่แบตหมด เพื่อให้ชัวร์ว่าใช้ได้ดีแบบไม่มีปัญหา ก่อนเลือก Key Finder ตัวไหน ลองเช็กสักนิดว่ารุ่นที่หมายตาใช้แบตเตอรี่หรือการชาร์จไฟแบบไหน
- อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ ถ่านกระดุม CR2032
- ใช้งานได้นานประมาณ 1 ปี
- ไม่ต้องชาร์จ และเปลี่ยนถ่านเองได้ง่าย
ท้ายสุด เปลี่ยนเหตุการณ์วุ่นวายให้กลายเป็นเรื่องเล็กได้ด้วยการเตรียมพร้อม
ให้ไม่ต้องกังวลอีกว่ากุญแจรถหายมอไซค์ต้องทําไง ของเพีงแค่เราเตรียมตัวดี มีสติ และวางแผนล่วงหน้า เช่น มีกุญแจสำรองเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ปั้มกุญแจรถมอไซค์เวฟ110i ราคาไม่แพงเก็บไว้ หรือทํากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ ราคาเบาๆ พร้อมพกอุปกรณ์ติดตามกุญแจแบบอัจฉริยะไว้สักอัน ก็ช่วยให้ทุกอย่างคลี่คลายได้ง่ายขึ้น อย่ารอให้เหตุการณ์เกิดแล้วค่อยหาทางแก้ เพราะแค่ “เตรียมตัวก่อน” ก็ช่วยประหยัดเวลา และไม่ต้องเสียอารมณ์โดยไม่จำเป็น และหากใครยังไม่จุใจกับเคล็ดลับการดูแลรถก็เข้าไปอัพเดตบทความล่าสุดต่อได้เลยที่ Shopee Blog!
อ้างอิง
- กุญแจรถหาย ปัญหาใหญ่ที่ผู้ใช้รถควรรู้วิธีการรับมือ, ktc
- กุญแจรถหายควรทำอย่างไรดี?, sanook
- Yamaha Biker Guru กุญแจ Smart Key หาย ต้องทำยังไง, Yamahachannel