ใครที่ใช้รถเป็นประจำไม่ว่าจะขับไปทำงาน ไปส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียน ขับไปช้อปปิ้งซื้อของต่าง ๆ หรือจะขับไปท่องเที่ยวช่วงวันหยุด แล้ววันดีคืนดีรถคันโปรดดันงอแง สตาร์ทไม่ติด แต่ไม่รู้จะแก้ยังไง วันนี้จะพาไปหาสาเหตุ พร้อมวิธีการแก้ไขเบื้องต้นและทริคการดูแลรักษารถยนต์เพื่อให้คุณใช้รถต่อได้อย่างยาวนาน เข้าใจรถของคุณมากขึ้นและสามารถรับมือได้หากเกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีกครั้ง
Cr: freepik
ส่องสาเหตุสตาร์ทรถไม่ติด พร้อมการวิธีการแก้ไขและการดูแลรักษารถยนต์
มาดูสาเหตุ 10 สาเหตุหลัก ๆ ที่ส่งผลให้สตาร์ทรถไม่ติด พร้อมวิธีการแก้ไขเบื้องต้นที่สามารถทำได้เอง
- แบตเตอรี่เสื่อม อาการสุดคลาสสิกที่มักเกิดขึ้นได้บ่อย หากสตาร์ทรถไม่ติดให้ลองสังเกตที่หน้าปัดรถว่าพลังแบตเตอรี่ไม่ขึ้นหรือไม่เพราะโดยปกติอายุของแบตเตอรี่จะราว ๆ 2 ปี หรือน้อยกว่านั้นหากขับบ่อย รวมถึงการไม่ยอมเปลี่ยนแบตตามระยะเวลาที่กำหนดและจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้รถสตาร์ทไม่ติด
วิธีแก้ไขเบื้องต้น: เมื่อสังเกตเห็นอาการดังกล่าวอาจจะหารถมาช่วงพ่วงแบตเตอรี่ แล้วรีบไปที่ร้านเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันที หรือติดต่อศูนย์เพื่อมาตรวจเช็คอาการ - มอเตอร์สตาร์ทเสื่อม หากสตาร์ทรถไฟติดทุกอย่างแต่เครื่องยนต์ไม่ติด ลองสตาร์ทแล้วเป็นเสียงแชะ ๆ หรือจั๊มแบตแล้วก็ยังสตาร์ทไม่ติดอาจเกิดจากมอเตอร์สตาร์ทเสื่อมที่มาได้จากหลายกรณี เช่น ฟิวส์มอเตอร์ขาด สายไฟชำรุด แปรงถ่านด้านในมอเตอร์สตาร์หมด เป็นต้น
วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ติดต่อร้านซ่อมรถยนต์ หรือศูนย์บริการที่ใกล้เคียงมาตรวจสอบ - ไดชาร์จเสีย อาการคล้ายกับแบตเตอรี่เสื่อมซึ่งสตาร์ทติดยาก สตาร์ทไม่ติดเลย หรืออยู่ ๆ รถดับแบบกะทันหันทั้งที่พึ่งเปลี่ยนแบตมา รวมถึงสังเกตหน้าปัดรถแบตก็ยังทำงานได้ดี ถ้าเจอแบบนี้ให้สันนิษฐานเลยว่าไดชาร์จเสื่อม
วิธีแก้ไขเบื้องต้น: โทรเรียกช่าง หรือติดต่อศูนย์ใกล้เคียง หรืออาจจะโทรเรียกรถลากไปยังอู่ หรือศูนย์บริการใกล้เคียงที่สุด - ไดสตาร์ทเสีย หากสตาร์ทรถไม่ติด หรือมีเสียงแชะ ๆ แต่แผงหน้าปัดไฟแบตเตอรี่ขึ้นปกติมีความเป็นไปได้ว่าไดสตาร์ทน่าจะมีปัญหา
วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ให้ลองสตาร์ทรถแบบเร็ว ๆ แบบบิดกุญแจสตาร์ทรวดเดียว ถ้าหากติดให้รีบขับไปยังอู่ หรือศูนย์บริการใกล้เคียง แต่ถ้าไม่ติดให้โทรเรียกช่าง หรือศูนย์บริการ - ระบบไฟฟ้ามีปัญหา หากสตาร์ทรถแล้วไฟหน้าปัดไม่ติด ทดลองพ่วงแบตแล้วก็ยังไม่ติดให้สันนิษฐานไว้ว่าระบบไฟฟ้าที่มีปัญหาไม่ว่าจะมาจากจอดรถทิ้งไว้นานแล้วหนูทำรังกัดสายไฟ หรือกล่องควบคุมเครื่องยนต์ขัดข้อง หรือมีปัญหา
วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ให้เรียกช่างมาตรวจสอบหาสาเหตุของระบบไฟฟ้าที่ผิดปกติและควรเปลี่ยนพื้นที่จอดรถ หรือหาวิธีป้องกันไม่ให้หนูเข้าไปกัดสายไฟ - ขั้วแบตเตอรี่สกปรก อีกหนึ่งสาเหตุที่คุณอาจจะคิดไม่ถึงเสียด้วยซ้ำว่าการที่ขั้วแบตเตอรี่สกปรก มีคราบขี้เกลือจะส่งผลให้รถสตาร์ทไม่ติด หรือติด ๆ ดับ ๆ
วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ก่อนออกเดินทางก็หมั่นสังเกตว่าบริเวณขั้วแบตเริ่มมีคราบสีขาวๆ ปนฟ้าปนเขียวเกาะอยู่หรือไม่ ถ้าเริ่มมีแล้วแนะนำให้รีบทำความสะอาด อย่าปล่อยทิ้งไว้ - ปั๊มติ๊กเสีย ปั๊มติ๊ก หรืออุปกรณ์ปั๊มเชื้อเพลิงที่หากเกิดความเสียหายจะไม่สามารถจุดระเบิดให้เครื่องยนต์ทำงานได้ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ มาจากพฤติกรรมการขับรถแบบน้ำมันใกล้หมดแล้วมีไฟเตือนบ่อย ๆ ทำให้ปั๊มติ๊กดึงอากาศเข้ามาแทนน้ำมันจนรถสตาร์ทไม่ติด
วิธีแก้ไขเบื้องต้น: เปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ หากน้ำมันเหลือ 2 หรือ 1 ขีดก่อนไฟโชว์ให้หาปั๊มน้ำมันใกล้เคียงเติมเพื่อลดโอกาสปั๊มติ๊กเสีย - น้ำมันหมด สายขับไปก่อน เดี่ยวค่อยเติมอาจจะต้องระวังเพราะอาจจะลืมไม่ทันดูแล้วน้ำมันหมดก็อาจส่งผลให้มีอาการสตาร์ทไม่ติด
วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเกลี้ยงถังอยู่บ่อย ๆ หากขีดน้ำมันใกล้หมดแนะนำให้หาปั๊มใกล้เคียงเติมทันที - จอดรถทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งาน อีกหนึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยคือ จอดรถนาน สตาร์ทไม่ติดที่อาจจะมาจากการจอดทิ้งไว้นาน ๆ จนทำให้แบตเตอรี่หมดและการจอดรถนาน ยางแบนได้อีกด้วย
วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ถ้าจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นานให้ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ออกเลย หรือหมั่นสตาร์ทรถอาทิตย์ละ 2 ครั้ง โดยทิ้งไว้สัก 10 นาทีเพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อม - อากาศที่เย็นจนเกินไป หลายคนอาจจะเคยประสบปัญหาช่วงเช้าที่อากาศเย็นมาก ๆ ทั้งคืน หรือขับรถขึ้นดอยมีสภาพอากาศเย็นจัดอาจจะส่งผลให้แบตเตอรี่คายประจุเร็วเกินไป น้ำมันเครื่องเหนียวขึ้นทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้แรงหมุนมากกว่าปกติทำให้ต้องใช้เวลาในการสตาร์ทรถนานกว่าปกติ
วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ค่อย ๆ ลองสตาร์ททีละครั้ง หากไม่ติดให้เว้นระยะสักพักแล้วค่อยสตาร์ทใหม่ หากเครื่องยนต์ทำงานแล้ว ให้อุ่นเครื่องที่ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาทีก่อนออกเดินทาง
Cr: freepik
ดูแลรถอย่างไร หากต้องจอดทิ้งไว้นาน
ทริคในการดูแลรักษารถยนต์หากจำเป็นต้องจอดทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ๆ มากกว่า 1 สัปดาห์ขึ้นไป
- ทำความสะอาดรถยนต์ให้สะอาดและหาผ้าคลุมรถเพื่อป้องกันฝุ่นละออง รักษาสีรถยนต์รวมถึงคราบสกปรกต่าง ๆ
- หาที่จอดรถให้เหมาะสมและปลอดภัยเพราแสงแดด ฝนและความชื้นย่อมมีผลต่ออุปกรณ์ภายในและภายนอกของรถยนต์อย่างแน่นอน
- เช็คยางและลมยางรถยนต์ ที่หากจำเป็นต้องจอดนานให้เติมลมยางมากกว่าปกติประมาณ 2 – 3 PSI เพื่อรักษารูปทรงของโครงสร้างยางให้เป็นปกติ
- สตาร์ทรถเป็นระยะ ซึ่งหากใครที่ไปนาน ๆ ก็อาจจะฝากกุญแจไว้กับคนที่บ้านให้ช่วยสตาร์ทรถเป็นระยะสัก 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือทุกสัปดาห์เพื่อให้เครื่องยนต์ได้ทำงานและน้ำมันเองได้หมุนเวียน
- ตรวจบำรุงรักษาแบตเตอรี่ แต่หากใครไม่สามารถฝากใครให้ช่วยสตาร์ทได้และจำเป็นต้องจอดรถเป็นระยะเวลานาน ๆ แนะนำให้ถอดขั้วลบของแบตเตอรี่ออกเพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรและไม่ให้เกิดการคายประจุไฟ
- อย่าลืม! ตรวจเช็คของเหลวก่อนจอกทิ้งไว้นาน ๆ ได้แก่ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรกและน้ำในหม้อน้ำให้มีปริมาณสูงสุดเพื่อป้องกันการระเหยจนแห้งสนิทจนทำให้เกิดสนิม
แนะนำอุปกรณ์ที่ควรมีติดรถยามฉุกเฉิน
สำหรับอุปกรณ์ที่อยากแนะนำไว้ให้มีติดรถยามฉุกเฉิน ได้แก่ ยางอะไหล่และแม่แรงฉุกเฉินที่จะสามารถเปลี่ยนได้ทันทีหากยางแบน หรือเกิดระเบิดระหว่างทาง ต่อมาสายพ่วงแบตเตอรี่ ที่ช่วยจั๊มแบตจากรถยนต์คันอื่นในกรณีที่รถสตาร์ทไม่ติด รวมถึงป้ายสัญญาณเตือนสะท้อนแสง ที่ทุบกระจกรถ อุปกรณ์ปฐมพยาบาลและไฟฉาย เป็นต้น
Cr. freepik
สาเหตุสตาร์ทรถไม่ติดมาได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าแบตเตอรี่เสื่อม ไดสตาร์ทเสีย มอเตอร์สตาร์ทมีปัญหา ขั้วแบตสกปรก ปั๊มติ๊กเสีย ระบบไฟฟ้าขัดข้อง จอดรถทิ้งไว้นานและอื่น ๆ ซึ่งก็แก้ไขเบื้องต้นได้ง่าย ๆ ด้วยตนเองเนื่องจากปัจจุบันรถรุ่นใหม่ ๆ มีเซนเซอร์ที่จะช่วยตรวจจับว่าระบบใดมีปัญหาและหากไม่มั่นใจก็ให้โทรติดต่อช่าง หรืออู่มาช่วยจัดการและเราเองก็หมั่นการดูแลรักษารถยนต์คันโปรดเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้นและปลอดภัย
นอกจากนี้ก็อย่าลืม! พกอุปกรณ์ไว้ติดรถยามฉุกเฉิน เช่น ยางรถยนต์ แม่แรงฉุกเฉิน สายต่อพ่วงแบตเตอรี่ ไฟฉาย ที่ทุบกระจกรถ หรือป้ายสัญญาณเตือนสะท้อนแสงเมื่อต้องจอดฉุกเฉินระหว่างรอรถมาช่วยเหลือที่ช้อปผ่านออนไลน์ได้ง่าย ๆ ที่ Shopee นอกจากนี้ยังมีทริคในการตรวจสอบยางก่อนออกเดินทางและคู่มือการดูแลรถฉบับมือใหม่ให้เข้ามาอ่านสาระดี ๆ พร้อมอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ ก่อนใครที่ Shopee blog
อ้างอิง: https://online.scbprotect.co.th, https://www.carsome.co.th, https://www.pandastaroil.co.th https://www.viriyah.com