ใครมีแพลนจะไป Road Trip ต่างประเทศบ้างยกมือขึ้น! เตรียมทำใบขับขี่สากลแล้วหรือยัง? เพราะไม่ว่าจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น ตะลุยขับรถเที่ยวรอบเกาะในนิวซีแลนด์ หรือขับรถลัดเลาะเลียบชายฝั่งทะเลสวยๆ ที่อิตาลี… บอกเลยว่าประสบการณ์การขับรถเที่ยวเองมันฟินกว่าเยอะ! แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าใบขับขี่สากลทําที่ไหน แล้วใบขับขี่สากล 3 ปีใช้กับประเทศอะไรบ้างนะ? ซึ่งคำถามนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะคราวนี้เราจะขอมาสรุปแบบมัดรวมแบบครบ ๆ ว่าการการขอใบขับขี่สากลทำได้แบบไหนบ้าง รับรองว่าอ่านจบแล้ว พร้อมไปทำใบขับขี่สากลได้ทันทีแน่นอน!

หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ใบขับขี่สากลคืออะไร ทำใบขับขี่สากลยังไง ทำไมต้องมี?
ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (International Driving Permit) หรือที่ฝรั่งเรียกสั้นๆ ว่า IDP คือ เอกสารที่ใช้ยืนยันสิทธิ์การขับขี่รถในต่างประเทศตามที่กำหนด โดยใบขับขี่สากลแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ใบขับขี่สากลอนุสัญญาเจนีวา และใบขับขี่สากลอนุสัญญาเวียนนา ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างประเทศที่แต่ละประเทศเข้าร่วม
เจ้าใบขับขี่สากลนี้ไม่ใช่ใบขับขี่แบบสมาร์ทการ์ดที่เราคุ้นเคย แต่จะมีลักษณะเป็นเหมือนสมุดเล่มเล็ก ๆ ที่รวมข้อมูลส่วนตัวของเราเป็นภาษาต่าง ๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศปลายทางอ่านและเข้าใจได้ง่าย ๆ และที่สำคัญที่สุดคือ! การใช้หรือทำใบขับขี่สากลนี้ต้องใช้คู่กันกับใบขับขี่ไทยของเราเท่านั้น!
ดังนั้นแม้เราจะมีใบขับขี่สากลแล้ว ก็ยังต้องพกใบขับขี่ไทยติดตัวไปด้วยเสมอ ห้ามลืมเด็ดขาดเลย! ไม่งั้นถ้าเจ้าหน้าที่ขอตรวจ แล้วเรามีแค่ใบขับขี่สากลอย่างเดียว ก็ถือว่าผิดกฎหมายนะ
ใบขับขี่สากลนี้มีไว้เพื่อคุณสามารถขับรถได้อย่างถูกกฎหมายในต่างประเทศ เพราะถ้าไม่มีใบขับขี่สากล เราอาจทำเรื่องขอเช่ารถในประเทศปลายทางไม่ได้ หรือถ้าขับรถอยู่ดี ๆ แล้วเกิดโดนเรียกตรวจก็อาจจะโดนปรับ โดนยึดรถ หรือถูกดำเนินคดีได้เลย! ยิ่งถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา การทำใบขับขี่สากลติดตัวไว้นี่แหละที่จะช่วยให้เรื่องเคลมประกันหรือการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบรื่น!
ประเภทของใบขับขี่สากล
ปัจจุบันเราแบ่งใบขับขี่สากลออกได้เป็น 2 ประเภทตามอนุสัญญาที่เราต้องเลือกตอนไปทำใบขับขี่สากล ซึ่งแต่ละแบบก็มีอายุการใช้งานและประเทศที่รองรับต่างกันไป ได้แก่
1. อนุสัญญาเจนีวา 1949

อนุสัญญาเจนีวา 1949:
- ใช้ในประเทศที่เข้าร่วม Geneva Convention 1949
- มีอายุการใช้งาน 1 ปี นับจากวันออกเอกสาร
- ครอบคลุมหลายประเทศในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
- เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ไปท่องเที่ยวระยะสั้น
- ใช้ได้ในกว่า 101 ประเทศทั่วโลก
ตัวอย่างประเทศที่ใช้่ใบขับขี่สากลอนุสัญญาเจนีวา ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์
2. อนุสัญญาเวียนนา 1968

อนุสัญญาเวียนนา 1968
- ใช้ในประเทศที่เข้าร่วม Vienna Convention 1968
- มีอายุการใช้งาน 3 ปี หรือจนกว่าใบขับขี่ไทยจะหมดอายุ
- เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางระยะยาวหรือทำงานต่างประเทศ
- ครอบคลุมประเทศในยุโรปหลายแห่งที่ไม่รองรับใบขับขี่แบบเจนีวา
ตัวอย่างประเทศที่ใช้่ใบขับขี่สากลอนุสัญญาเวียนนา เช่น เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์, อิตาลี, บราซิล, รัสเซีย เป็นต้น
ความแตกต่างระหว่างใบขับขี่สากลทั้งสองประเภท
อนุสัญญาเจนีวา 1949 | อนุสัญญาเวียนนา 1968 | |
---|---|---|
อายุการใช้งาน | 1 ปี | สูงสุด 3 ปี |
ประเทศที่รองรับ | หลายประเทศในเอเชียและอเมริกา | ส่วนใหญ่ในยุโรป |
เหมาะสำหรับ | นักท่องเที่ยวระยะสั้น | ผู้พำนักระยะยาว |
ก่อนจะไปทำใบขับขี่สากล อย่าลืมเช็กให้ชัวร์ก่อนนะคะว่าประเทศที่เราจะไปนั้นใช้ใบขับขี่สากลแบบไหน จะได้ไม่เสียเวลาไปทำผิดประเภท เช็กประเทศที่ใช้ใบขับขี่แต่ละประเภทได้จาก กรมขนส่งทางบกตามนี้!
รวมวิธีทำใบขับขี่สากลง่ายๆ ที่สำนักงานขนส่งใกล้บ้าน
ถ้าใครเป็นสายเดินทางไปทำเรื่องด้วยตัวเองแบบ Walk-in ก็สามารถไปยื่นเรื่องขอทำใบขับขี่สากลได้เลยที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศค่ะ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากเลย แต่ก่อนไปก็ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมนะ!

หลักฐานการขอทำใบขับขี่สากลที่สำนักงานขนส่ง
สำหรับคนไทย (ต้องมีใบขับขี่ไทยแบบ 5 ปี หรือตลอดชีพเท่านั้น)
- บัตรประชาชน ฉบับจริงที่ยังไม่หมดอายุ
- ใบขับขี่ รถยนต์/รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลฉบับจริง (ชนิด 5 ปีหรือตลอดชีพ) ที่ยังไม่หมดอายุ
- หนังสือเดินทาง ฉบับจริง เล่มที่ใช้เดินทาง ที่ยังไม่หมดอายุ
- รูปถ่าย หน้าตรงขนาด 2 นิ้ว (4 x 6 ซม.) จำนวน 2 รูป (รูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน, พื้นหลังสีขาว, ไม่สวมหมวกและแว่นตาดำ)
- สำเนาหลักฐานการแก้ไขชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
- ค่าธรรมเนียม 505 บาท
ใบขับขี่สากลทําที่ไหน
- อยู่กรุงเทพมหานคร ทำได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5
- อยู่ต่างจังหวัด ทำได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด
ขั้นตอนการทำใบขับขี่สากลที่สำนักงานขนส่ง
- จองคิวล่วงหน้า (แนะนำ!) แนะนำให้จองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ก่อน เพื่อความรวดเร็วและไม่เสียเวลา
- เดินทางไปที่สำนักงานขนส่ง ตามวัน-เวลาที่จองไว้ หรือถ้าไม่ได้จองก็ไปแต่เช้าหน่อยเพื่อจองคิว
- ยื่นเอกสาร ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่จุดบริการยื่นคำขอทำใบขับขี่สากล เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารและคุณสมบัติของเรา
- ชำระเงิน เมื่อเอกสารผ่าน เจ้าหน้าที่จะให้เราชำระค่าธรรมเนียม และเก็บต้นขั้วไว้เป็นหลักฐาน
หลังจากจบขั้นตอนทั้งหมดแล้วก็เตรียมรอรับใบขับขี่สากล โดยใช้เวลารอประมาณ 15-20 นาที ก็จะได้รับใบขับขี่สากลฉบับจริงกลับบ้านได้เลย
รวมวิธีทำใบขับขี่สากลออนไลน์ บนแอป ‘เป๋าตัง’
ข่าวดีสุด ๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา หรือไม่อยากเดินทางไปที่สำนักงานขนส่ง และยังสงสัยว่าใบขับขี่สากลทําที่ไหนได้อีกบ้าง? ต้องตอบว่าตอนนี้เราสามารถ ทำใบขับขี่สากลออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ได้แล้ว! ยื่นขอใบขับขี่สากลได้ทุกที่ทุกเวลา สะดวกสุดๆ ไปเลย!
เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อขอทำใบขับขี่สากลบนแอปเป๋าตังค์
- บัตรประชาชน ฉบับจริง
- รูปถ่าย หน้าตรง ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน, พื้นหลังสีขาว, ขนาดไฟล์ไม่เกิน 5 MB
- ใบขับขี่ไทย แบบ 5 ปี หรือตลอดชีพ ต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 3 เดือน
- หนังสือเดินทาง เล่มที่ใช้เดินทาง ต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
ขั้นตอนการทำใบขับขี่สากลออนไลน์ผ่านแอป ‘เป๋าตัง’
- เปิดแอปเป๋าตัง ไปที่เมนู “บริการ” แล้วเลือก “ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ”
- เลือกประเภทใบขับขี่สากล เลือกประเภทอนุสัญญาให้ตรงกับประเทศที่เราจะไป
- กรอกข้อมูลและยืนยันตัวตน กรอกข้อมูลตามที่แอปฯ ขอ แล้วสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน
- อัปโหลดรูปและเอกสาร อัปโหลดรูปถ่ายและข้อมูลหนังสือเดินทางตามที่ระบบแจ้ง
- กรอกที่อยู่จัดส่ง ใส่ที่อยู่ที่เราต้องการให้ส่งใบขับขี่สากลมาให้
- ชำระเงิน ชำระค่าธรรมเนียมรวมค่าจัดส่ง 575 บาท (ค่าธรรมเนียม 505 บาท + ค่าจัดส่ง 60 บาท + ค่าบริการธนาคาร 10 บาท)
- รอรับเอกสาร ระบบจะดำเนินการให้ และจัดส่งใบขับขี่สากลมาให้ถึงบ้านภายใน 5-7 วันทำการ
การทำใบขับขี่สากลออนไลน์บนแอปเป๋าตังค์มีข้อดีมาก ๆ มาก ๆ ตรงที่ไม่ต้องเดินทางไปขนส่ง, ทำได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง และไม่ต้องรอคิว ซึ่งถือว่าสะดวกมาก ๆ

เคล็ดลับข้อควรรู้ในการขอใบขับขี่สากลเพื่อใช้งานจริง!
ก่อนจะจบทริปนี้ ขอแถมเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรรู้ไว้ก่อนจะไปทำใบขับขี่สากล จะได้เที่ยวได้อย่างสบายใจ ไร้กังวล
มีใบขับขี่สากลแล้ว ต้องพกใบขับขี่ไทยไปด้วยไหม ?
แม้ว่าเราจะมี ใบขับขี่สากล (International Driving Permit: IDP) แล้ว แต่ ยังจำเป็นต้องพกใบขับขี่ไทยฉบับจริง ติดตัวไปด้วยเสมอ เพราะ IDP ไม่ใช่ใบขับขี่ที่ออกใหม่ แต่เป็นเพียงเอกสาร “แปลใบขับขี่ไทย” ให้อ่านได้หลายภาษา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ต่างประเทศตรวจสอบสิทธิ์ในการขับขี่ของคุณได้ง่ายขึ้น
เหตุผลที่ต้องพกใบขับขี่ไทยคู่กับใบขับขี่สากล
- IDP เป็นเพียงเอกสารแปล
- ในอนุสัญญา เจนีวา 1949 และ เวียนนา 1968 ระบุชัดเจนว่า IDP ต้องใช้ ควบคู่กับใบขับขี่ฉบับจริง ไม่สามารถใช้เดี่ยว ๆ ได้
- การตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ต่างประเทศ
- เจ้าหน้าที่ตำรวจ, บริษัทเช่ารถ, หรือด่านตรวจ จะขอดู ทั้ง IDP และใบขับขี่ไทย เพื่อยืนยันว่าเรามีสิทธิ์ขับขี่จริงในประเทศต้นทาง
- ปัญหากฎหมายและประกันภัย
- หากเกิดอุบัติเหตุหรือโดนตรวจ และคุณมีแค่ IDP แต่ ไม่มีใบขับขี่ไทย บริษัทประกันในต่างประเทศอาจ ปฏิเสธความคุ้มครอง ได้ เพราะถือว่าไม่มีหลักฐานยืนยันสิทธิ์การขับขี่จริง
ใบขับขี่ไทยหมดอายุทำอย่างไร
ใบขับขี่ไทยห้ามหมดอายุ? ถึงแม้เราจะมีใบขับขี่สากลแล้ว แต่ถ้าใบขับขี่ไทยของเราหมดอายุ ใบขับขี่สากลก็จะใช้ไม่ได้ตามไปด้วย ดังนั้นอย่าลืมเช็กวันหมดอายุใบขับขี่ไทยกันด้วยนะ!
แนะนำให้ตรวจสอบประเทศปลายทางที่จะไปด้วย
ตรวจสอบประเทศปลายทางให้ดี เพราะบางประเทศอาจมีข้อกำหนดเพิ่มเติม หรือมีข้อยกเว้นบางอย่างสำหรับการใช้ใบขับขี่สากล ดังนั้นควรตรวจสอบกับสถานทูตหรือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ก่อนเดินทางเสมอ
ตัวอย่างกฎหมายในประเทศยอดนิยม
ประเทศ | IDP | ต้องใช้ใบขับขี่ไทยด้วยไหม? | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
ญี่ปุ่น | ใช้ IDP (Geneva 1949) | ต้องใช้ | หากไม่มีใบขับขี่ไทย จะไม่อนุญาตให้ขับ |
สหรัฐอเมริกา | ใช้ IDP (Geneva 1949) | ต้องใช้ | บริษัทเช่ารถและตำรวจต้องการดูทั้งสอง |
ฝรั่งเศส | ใช้ IDP (Vienna 1968) | ต้องใช้ | หากไม่มีใบขับขี่ไทย IDP จะเป็นโมฆะ |
ออสเตรเลีย | ใช้ IDP (Geneva 1949) | ต้องใช้ | กฎหมายท้องถิ่นบังคับให้พกคู่กัน |
เป็นยังไงบ้างกับข้อมูลทั้งหมดของการ ทำใบขับขี่สากล แบบอัพเดต ๆ นี้ บอกเลยว่าเดี๋ยวนี้การทำใบขับขี่สากลติดตัวไว้ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย แค่เตรียมเอกสารให้พร้อม เลือกช่องทางที่สะดวก ไม่ว่าจะไปทำด้วยตัวเอง หรือจะทำออนไลน์ก็ได้เหมือนกัน และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ช่วยให้เพื่อนๆ เตรียมตัวไปเที่ยว Road Trip ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ส่วนใครที่ยังไม่จุใจกับทิปส์ท่องเที่ยวเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ก็เข้าไปอัพเดตเทรนใหม่ ๆ ต่อได้ที่ Shopee Blog และอย่าลืมพก กระเป๋าใส่ของ อุปกรณ์ปฐมพยาบาล และ ยาสามัญประจำบ้าน ติดตัวไป Road Trip ด้วย เพื่อให้ออกทริปได้สนุกและมั่นใจ ปลอดภัยตลอดการเดินทาง!
อ้างอิง