การสร้างหรือรีโนเวทบ้านสักหลัง เปรียบเสมือนการสร้างงานศิลปะที่สะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย และ “สีทาบ้าน” ก็คือองค์ประกอบสำคัญที่จะมาเติมเต็มจินตนาการนั้นให้สมบูรณ์แบบ แต่เมื่อก้าวเข้าไปในร้านขายสี หรือเปิดดูในโลกออนไลน์ เพื่อน ๆ หลายคนคงต้องตาลายไปกับตัวเลือกมากมาย คำถามที่ว่า “สีทาบ้านยี่ห้อไหนดี” จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องคิด
ไม่ต้องกังวลไป! วันนี้ Shopee Blog จะพาเพื่อน ๆ ไปเจาะลึกทุกแง่มุมของการเลือกสีทาบ้าน ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการรีวิว 13 รุ่นเด็ดจากแบรนด์ชั้นนำที่มืออาชีพเลือกใช้ บทความนี้จะเป็นเหมือนคู่มือฉบับสมบูรณ์ ที่จะเปลี่ยนเรื่องปวดหัวให้กลายเป็นเรื่องง่าย พร้อมแล้วไปดูกันเลย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำไมการเลือก “ยี่ห้อสีทาบ้าน” ถึงสำคัญกว่าที่คิด?

เพื่อน ๆ บางคนอาจคิดว่าสีทาบ้านยี่ห้อไหนก็คงดีเหมือนกัน ขอแค่ได้เฉดสีที่ถูกใจก็พอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเลือกยี่ห้อสีทาบ้านที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานนั้นส่งผลต่อบ้านในระยะยาวอย่างมหาศาล
- ความทนทานและการปกป้อง: สีทาบ้านไม่ได้มีหน้าที่แค่สร้างความสวยงาม แต่ยังเป็นเกราะป้องกันผนังบ้านจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งแดดร้อนจัด ฝนตกหนัก และความชื้น สียี่ห้อไหนดี ๆ จะมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ฟิล์มสีแข็งแกร่ง ยึดเกาะแน่น ไม่ลอกล่อนง่าย ทำให้บ้านสวยทนทานนานนับ 10 ปี
- ความสวยงามของเฉดสี: แบรนด์ชั้นนำมักมีการวิจัยและพัฒนาเม็ดสี ทำให้ได้เฉดสีที่สดใส คมชัด และไม่ซีดจางง่ายเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งจะทำให้บ้านดูใหม่อยู่เสมอ
- นวัตกรรมและฟังก์ชันพิเศษ: ปัจจุบัน สียี่ห้อไหนดีไม่ได้วัดกันแค่ความสวยทน แต่ยังมีฟังก์ชันเสริมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต เช่น สีที่เช็ดล้างทำความสะอาดง่าย, สีสะท้อนความร้อนช่วยให้บ้านเย็น, สีฟอกอากาศ, สีป้องกันเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนในบ้าน
- ความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: สีทาบ้านคุณภาพสูงมักใส่ใจเรื่องความปลอดภัย โดยมีปริมาณสารระเหยอินทรีย์ (VOCs) ต่ำ ไร้กลิ่นฉุน และปราศจากสารปรอทและสารตะกั่ว ทำให้ปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัยและเป็นมิตรต่อโลก
Checklist! วิธีเลือกซื้อสีทาบ้านให้ตอบโจทย์บ้านของเราที่สุด
ก่อนจะไปดูลิสต์สีทาบ้านยี่ห้อไหนดี ที่เราคัดมาให้ เรามาเตรียมตัวกันก่อน ด้วยเช็กลิสต์ง่าย ๆ ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ เลือกซื้อสีได้ตรงใจและตรงกับการใช้งานมากที่สุด
1. ประเภทการใช้งาน
นี่คือสิ่งแรกที่ต้องตัดสินใจ เพราะสีทาภายนอก (Exterior) และสีทาภายใน (Interior) ถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติต่างกันโดยสิ้นเชิง
- สีทาภายนอก (Exterior)
ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวน จึงเน้นความทนทานต่อแดด, ฝน, ความชื้น และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงสูง มีความยืดหยุ่น ป้องกันการแตกร้าว ป้องกันเชื้อรา และตะไคร่น้ำได้ดีเยี่ยม
- สีทาภายใน (Interior)
เน้นความปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก จึงต้องมีกลิ่นอ่อนหรือไร้กลิ่น (Low VOCs) ป้องกันเชื้อราและแบคทีเรีย และมักมีคุณสมบัติพิเศษอย่างการเช็ดล้างทำความสะอาดคราบสกปรกได้ง่าย
2. ชนิดของฟิล์มสี
ลักษณะของฟิล์มสีส่งผลต่อความสวยงามและการดูแลรักษาโดยตรง
- สีชนิดเงา (Gloss)
ให้ความเงางามสูงสุด ทนทานต่อการขัดถูและเช็ดล้างได้ดีเยี่ยม เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความทนทานสูง เช่น บานประตู วงกบ หรือผนังห้องครัว แต่ข้อเสียคือสีจะสะท้อนแสงมาก ทำให้เห็นความไม่เรียบของผนังได้ชัด
- สีชนิดกึ่งเงา (Semi-Gloss/Sheen)
เป็นที่นิยมมากที่สุด ให้ความเงาเล็กน้อยกำลังดี เช็ดล้างทำความสะอาดง่าย เหมาะกับห้องนั่งเล่น ห้องนอนเด็ก หรือโถงทางเดิน
- สีชนิดด้าน (Matt)
ให้ความเรียบหรู สบายตา ช่วยปกปิดความไม่เรียบของผนังได้ดี แต่ทนทานต่อการเช็ดล้างน้อยกว่าชนิดเงา เหมาะกับห้องนอนผู้ใหญ่ หรือฝ้าเพดาน
3. คุณสมบัติพิเศษที่ต้องการ
- ต้องการให้บ้านเย็น ประหยัดค่าไฟ
มองหาสีที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน (Cool Pigment)
- มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงในบ้าน
เลือกสีที่ทนทานต่อการเช็ดล้างสูง ป้องกันคราบสกปรกฝังแน่น
- กังวลเรื่องภูมิแพ้
เลือกสีที่ช่วยฟอกอากาศ หรือมีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรียและไวรัส
- อยากได้ผนังปูนเปลือย
มองหา สีลอฟท์ โดยเฉพาะ
4. ขนาดและปริมาณที่ต้องใช้
คำนวณพื้นที่ผนัง (กว้าง x สูง) ของห้องที่จะทา หักลบพื้นที่ประตูหน้าต่าง แล้วนำไปเทียบกับ “พื้นที่ครอบคลุม” ที่ระบุไว้ข้างถังสี การซื้อสีให้พอดีจะช่วยประหยัดงบประมาณได้มาก
ตารางเปรียบเทียบ 13 สีทาบ้านยี่ห้อไหนดี เลือกที่ใช่ในสไตล์คุณ
เพื่อให้เพื่อน ๆ เห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เราได้สรุปข้อมูลสำคัญของยี่ห้อสีทาบ้านทั้ง 13 รุ่นมาไว้ในตารางนี้แล้ว
ชื่อรุ่น | ประเภท | ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน(ตร.ม./เที่ยว) | จุดเด่น | ราคาโดยประมาณ (ต่อแกลลอน) |
---|---|---|---|---|
TOA Supershield Advance | ภายนอก | 30-40 | ทนทานสูงสุด 15 ปี, ทำความสะอาดตัวเอง, สะท้อนความร้อนสูง | 1,200 – 1,500 บาท |
Dulux Weathershield Ultima | ภายนอก | 35-40 | ป้องกันสีซีดจาง 2 เท่า, ลดอุณหภูมิ 5°C, ป้องกันเชื้อรา | 1,100 – 1,400 บาท |
Nippon Paint Vinilex Acrylic | ภายนอก | 35-40 | คุ้มค่า, ทนทานต่อด่างและเชื้อรา, เนื้อสีเข้มข้น ทาง่าย | 600 – 800 บาท |
BegerCool All Plus | ภายนอก | 30-40 | นวัตกรรมเซรามิกคูลลิ่ง บ้านเย็น ประหยัดไฟ | 900 – 1,200 บาท |
JOTASHIELD INFINITY | ภายนอก | 30-38 | สวยทนทานสูงสุด 12 ปี, ป้องกันคราบสกปรก, สีสดเหมือนใหม่ | 1,300 – 1,600 บาท |
TOA SuperShield Duraclean A+ | ภายใน | 30-35 | ฟอกอากาศ, เช็ดล้างง่ายที่สุด, ป้องกันแบคทีเรีย, ปลอดภัยสูงสุด | 1,200 – 1,400 บาท |
Jotun Majestic True Beauty | ภายใน | 32-43 | ฟิล์มสีสวยเรียบเนียน, สีสวยสดสมจริง | 900 – 1,100 บาท |
Dulux EasyCare Plus | ภายใน | 30-35 | เทคโนโลยี KidProof+ กันคราบของเหลว, เช็ดล้างง่าย | 950 – 1,200 บาท |
TOA Shield-1 For Interior | ภายใน | 30-35 | คุ้มค่า, เนื้อสีเข้มข้น กลบมิดดี, คุณภาพมาตรฐาน | 500 – 700 บาท |
National Emulsion | ภายใน | 30-35 | ราคาประหยัดที่สุด, เนื้อสีเยอะ ทาลื่น, เหมาะกับทาฝ้า | 300 – 450 บาท |
TURBO SUPERMAX | นอก/ใน | 35-40 | อเนกประสงค์, คุ้มค่า, ใช้งานสะดวก, ถังเดียวจบ | 400 – 550 บาท |
TOA SUPER MATEX | นอก/ใน | 35-40 | ยึดเกาะดีเยี่ยม, ทนทาน, เนื้อสีเข้มข้น กลบมิดดี | 550 – 1,000 บาท |
JBP Infinite Loft | นอก/ใน | ชุด 4 กก. ประมาณ 12-15 | สร้างลายลอฟท์ง่ายๆ ด้วยตัวเอง, สูตรน้ำ, แห้งเร็ว | 900 – 1,200 บาท (ชุด 4 กก.) |
เปิดลิสต์ 13 อันดับ สีทาบ้านยี่ห้อไหนดี ที่มืออาชีพเลือกใช้
ถึงเวลาที่เพื่อน ๆ รอคอย กับการรีวิวเจาะลึก 13 สีทาบ้าน ยี่ห้อไหนดี ที่คัดสรรมาแล้วว่าดีจริง ครอบคลุมทุกการใช้งาน พร้อมข้อมูลสำคัญครบถ้วนเพื่อการตัดสินใจ
สีทาภายนอก ทนทานทุกสภาวะอากาศ
สำหรับสีทาภายนอก เราเน้นที่ความทนทานขั้นสูงสุด เพื่อให้บ้านสวยงามคงทนในทุกสภาวะอากาศ
1. TOA Supershield Advance
ถ้าพูดถึงสีทาภายนอกเกรดพรีเมียมที่ทนทานที่สุด ชื่อของ TOA Supershield Advance ต้องขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ อย่างแน่นอน รุ่นนี้เปรียบเสมือน “ราชาแห่งสีทนได้” ที่ถูกพัฒนามาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทยโดยเฉพาะ ด้วยเทคโนโลยี “Ti-Pure™” จาก DuPont ที่ช่วยให้ฟิล์มสีแข็งแกร่ง ทนทาน ปกป้องบ้านได้ยาวนานสูงสุดถึง 15 ปี
จุดเด่นที่สำคัญคือความสามารถในการทำความสะอาดตัวเองได้ (Self-Cleaning Technology) เมื่อฝนตก คราบฝุ่นสกปรกต่าง ๆ จะถูกชะล้างออกไป ทำให้บ้านดูใหม่อยู่เสมอโดยไม่ต้องเปลืองแรงขัดถู นอกจากนี้ยังมาพร้อมคุณสมบัติการสะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้สูงถึง 96.7% ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน ประหยัดค่าไฟได้อีกทางหนึ่ง เนื้อสีเป็นเกรดอัลตร้าพรีเมียม ยึดเกาะดีเยี่ยม ปกปิดพื้นผิวได้อย่างเรียบเนียนสนิท ให้ฟิล์มสีชนิดกึ่งเงาที่ดูสวยงามหรูหรา เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความทนทานสูงสุดและความสวยงามที่อยู่เหนือกาลเวลา

- เหมาะสำหรับ: งานทาภายนอกที่ต้องการความทนทานระดับสูงสุด, บ้านในเขตร้อนชื้น, อาคารสูง
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.785 ลิตร), 2.5 แกลลอน (9 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 30-40 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 2-4 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 36 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: ควรใช้คู่กับสีรองพื้น TOA Supershield Super Primer เพื่อประสิทธิภาพการยึดเกาะที่ดีที่สุด
- ราคาโดยประมาณ: 1,200 – 1,500 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
2. Dulux Weathershield Ultima
อีกหนึ่งตัวท็อปในวงการสีทาภายนอกที่หลายคนไว้วางใจ Dulux Weathershield Ultima มาพร้อมกับเทคโนโลยี “Colour Lock” ที่ช่วยป้องกันสีซีดจางจากรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สีบ้านสวยสดใสยาวนานกว่าสีทั่วไปถึง 2 เท่า และยังมีเทคโนโลยี “Keep Cool” ที่ช่วยสะท้อนความร้อน ทำให้บ้านเย็นสบายขึ้น ลดอุณหภูมิพื้นผิวได้สูงสุดถึง 5 องศาเซลเซียส
จุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างคือ “Smart Release Technology” ที่ช่วยป้องกันและยับยั้งการเกิดเชื้อราและตะไคร่น้ำได้อย่างดีเยี่ยม ตอบโจทย์สภาพอากาศของไทยที่ทั้งร้อนและชื้น ฟิล์มสีมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยปกปิดรอยแตกลายงาขนาดเล็กบนผนังได้ดี ป้องกันน้ำซึมเข้าสู่ผนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อสีแน่น ทาง่าย ให้การปกปิดที่ดีเยี่ยม มาในรูปแบบฟิล์มสีกึ่งเงา เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาสีทาบ้านยี่ห้อไหนดีที่ทนทานที่มาพร้อมคุณสมบัติลดความร้อนและป้องกันเชื้อราแบบครบครัน

- เหมาะสำหรับ: ทาภายนอกอาคาร, บ้านที่ต้องการคุณสมบัติลดความร้อน, พื้นที่ที่มีความชื้นสูง
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.785 ลิตร), 2.5 แกลลอน (9 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 35-40 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 2-3 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 36 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: Base A เป็นสีขาว สำหรับใช้เป็นสีพื้นหรือผสมกับแม่สีเข้มข้นเพื่อให้ได้เฉดสีอ่อน
- ราคาโดยประมาณ: 1,100 – 1,400 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
3. Nippon Paint Vinilex Acrylic Exterior
สำหรับเพื่อน ๆ ที่มองหาสีทาภายนอกคุณภาพมาตรฐานในราคาที่คุ้มค่า Nippon Paint Vinilex Acrylic คือคำตอบที่ใช่เลย รุ่นนี้เป็นสีน้ำอะคริลิกแท้ 100% ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน มีจุดเด่นในเรื่องของความทนทานต่อสภาวะอากาศที่ดีเยี่ยม ฟิล์มสีแข็งแรง ยึดเกาะแน่น ไม่ลอกล่อนง่าย มาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและตะไคร่น้ำ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของบ้านในเมืองไทย เนื้อสีมีความเข้มข้นสูง ทำให้ทาได้พื้นที่มาก ปกปิดพื้นผิวเดิมได้ดี ช่วยให้ประหยัดทั้งสีและเวลาในการทำงาน
นอกจากนี้ยังปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและผู้อยู่อาศัย เพราะมีสารระเหยอินทรีย์ต่ำ (Low VOCs) และปราศจากสารปรอทและสารตะกั่ว ให้ฟิล์มสีชนิดด้านที่ดูเรียบเนียน สบายตา เหมาะสำหรับบ้านสไตล์โมเดิร์น มินิมอล หรือผู้ที่ชื่นชอบความเรียบง่าย แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพและความทนทานที่เชื่อถือได้

- เหมาะสำหรับ: งานทาภายนอกทั่วไป, ผู้ที่ต้องการสีคุณภาพดีในราคาสมเหตุสมผล
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.785 ลิตร), 5 แกลลอน (18.925 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 35-40 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 2 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 36 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับโครงการที่ต้องการควบคุมงบประมาณแต่ยังได้สีคุณภาพมาตรฐาน
- ราคาโดยประมาณ: 600 – 800 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
4. BegerCool All Plus for Exterior
ร้อน ๆ แบบนี้ ใคร ๆ ก็อยากให้บ้านเย็น BegerCool All Plus for Exterior คือสีทาภายนอกที่เกิดมาเพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยนวัตกรรม “เซรามิกคูลลิ่ง” ที่มีอยู่ในสี ซึ่งเป็นสารเคลือบที่ใช้กับกระสวยอวกาศของ NASA มีคุณสมบัติในการสะท้อนและสกัดกั้นความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้อย่างดีเยี่ยม สามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้มากกว่า 94.2% ช่วยลดอุณหภูมิพื้นผิวผนังได้สูงสุดถึง 12 องศาเซลเซียส ส่งผลให้บ้านเย็นลงอย่างรู้สึกได้ และช่วยประหยัดค่าไฟได้สูงสุดถึง 25%
นอกจากเรื่องความเย็นแล้ว ฟิล์มสียังมีความทนทานสูง ยืดหยุ่น ช่วยปกปิดรอยแตกลายงา ป้องกันน้ำซึม และยังสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ (Self-Cleaning) อีกด้วย ถือเป็นสีที่ครบเครื่องทั้งเรื่องนวัตกรรมลดความร้อนและความทนทานในการปกป้องบ้าน ให้ฟิล์มสีชนิดกึ่งเงาและด้านให้เลือกตามความชอบ

- เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการลดความร้อน, อาคารที่โดนแดดจัด, ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าไฟฟ้า
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.785 ลิตร), 2.5 แกลลอน (9 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 30-40 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 2 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 36 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการสะท้อนความร้อน แนะนำให้เลือกใช้ในเฉดสีอ่อน
- ราคาโดยประมาณ: 900 – 1,200 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
5. Jotan Jotashield Infinity
เมื่อพูดถึงสีที่ให้ความสวยงามทนทานยาวนานที่สุด ต้องยกให้ Jotashield Infinity จาก Jotun ที่มาพร้อมคำนิยาม “สวยทนทานมากกว่า” ด้วยเทคโนโลยี “Jotun Pigment Technology” ที่เหนือกว่า ช่วยให้เม็ดสีแทรกซึมลึกและยึดเกาะกับฟิล์มสีได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สีสวยสดเหมือนใหม่ ไม่ซีดจางง่ายแม้ผ่านกาลเวลา พร้อมการรับประกันความทนทานยาวนานถึง 12 ปี
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันคราบสกปรกที่ยอดเยี่ยม ลดการจับตัวของฝุ่นละออง และทำความสะอาดตัวเองได้เมื่อฝนตก มาพร้อมความสามารถในการสะท้อนความร้อน ช่วยให้บ้านเย็นสบาย และป้องกันรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เนื้อสีคุณภาพสูงให้การปกปิดพื้นผิวที่ดีเยี่ยม ทาง่าย เรียบเนียน ให้ฟิล์มสีชนิดกึ่งเงาที่ดูสวยงามมีระดับ เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการลงทุนครั้งเดียวเพื่อความสวยงามคงทนในระยะยาวขั้นสูงสุด

- เหมาะสำหรับ: บ้านที่ต้องการความสวยทนทานยาวนานเป็นพิเศษ, อาคารหรู, โครงการที่เน้นภาพลักษณ์
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.5 ลิตร), 2.5 แกลลอน (9 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 30-38 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 2-4 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 36 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: เป็นสีเกรดพรีเมียมสูงสุดของโจตัน เหมาะกับการลงทุนเพื่อความสวยงามคงทนในระยะยาว
- ราคาโดยประมาณ: 1,300 – 1,600 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
สีทาภายใน ปลอดภัย สวยงาม น่าอยู่
เข้ามาสู่พื้นที่ภายในบ้านกันบ้าง ที่ซึ่งความสวยงามต้องมาพร้อมกับความปลอดภัยต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว
6. TOA SuperShield Duraclean A+
สำหรับบ้านที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เป็นภูมิแพ้ TOA SuperShield Duraclean A+ คือฮีโร่ตัวจริง! นี่คือสีทาภายในที่ไม่ได้มีดีแค่ความสวย แต่เน้นเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยเทคโนโลยี “Air Detoxify” ที่ช่วยสลายสารฟอร์มาลดีไฮด์ (สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนในอากาศ) ให้กลายเป็นไอน้ำ ทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศภายในบ้านจะสะอาดบริสุทธิ์ ปลอดภัยต่อการหายใจ
นอกจากนี้ยังเป็นสีที่เช็ดล้างทำความสะอาดคราบสกปรกต่าง ๆ ได้ง่ายดายกว่าสีทั่วไปถึง 200 เท่า ด้วยเทคโนโลยี “Microban” ยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราได้ตลอดอายุการใช้งานของฟิล์มสี ที่สำคัญคือเป็นสีสูตรน้ำ กลิ่นอ่อนมาก และมีค่า VOCs ต่ำใกล้ 0% จนได้รับมาตรฐานอาคารเขียวทั้งจากสิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา (LEED) ให้ฟิล์มสีกึ่งเงาและด้าน เหมาะกับห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องเด็กเป็นอย่างยิ่ง

- เหมาะสำหรับ: บ้านที่มีเด็ก, ผู้ป่วยภูมิแพ้, โรงพยาบาล, โรงเรียน, ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.785 ลิตร), 2.5 แกลลอน (9 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 30-35 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 2 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 36 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับห้องนอนเด็กและผู้ที่ต้องการความสะอาดปลอดภัยสูงสุด
- ราคาโดยประมาณ: 1,200 – 1,400 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
7. Jotun Majestic True Beauty
อยากให้ผนังบ้านสวยเรียบเนียนดุจแพรไหม ต้อง Jotun Majestic True Beauty เท่านั้น! สีรุ่นนี้โดดเด่นในเรื่องของฟิล์มสีที่ให้ความสวยงามหรูหราเหนือระดับ ด้วยเทคโนโลยี “True Colour” ที่ทำให้สีสวยสด คมชัด สมจริงตามที่เลือกจากแคตตาล็อก ไม่ผิดเพี้ยน และยังคงความสวยงามนั้นไว้ได้อย่างยาวนาน ไม่ซีดจางง่าย
จุดเด่นอีกอย่างคือความสามารถในการปกปิดรอยแตกลายงาเล็ก ๆ ได้อย่างแนบเนียน ทำให้ผนังดูเรียบสวยสมบูรณ์แบบ นอกจากความสวยแล้ว ยังมาพร้อมคุณสมบัติที่ดูแลรักษาง่าย สามารถเช็ดล้างคราบสกปรกออกได้โดยไม่ทิ้งรอยด่างบนฟิล์มสี และยังช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียได้ดี เป็นสีสูตรน้ำ กลิ่นอ่อน และมีปริมาณสารระเหยต่ำ ปลอดภัยต่อทุกคนในบ้าน มีให้เลือกทั้งฟิล์มสีชนิดด้าน (Matt) และกึ่งเงา (Sheen)

- เหมาะสำหรับ: ห้องที่ต้องการความสวยงามเป็นพิเศษ เช่น ห้องรับแขก, ห้องนอนใหญ่, โถงทางเดิน
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.5 ลิตร), 2.5 แกลลอน (9 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 32-43 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 2 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 36 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: หากต้องการเน้นความหรูหราและผนังที่เรียบเนียนไร้ที่ติ รุ่นนี้ตอบโจทย์ที่สุด
- ราคาโดยประมาณ: 900 – 1,100 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
8. Dulux EasyCare Plus
สำหรับบ้านที่มีกิจกรรมเยอะ มีเด็ก ๆ หรือสัตว์เลี้ยง Dulux EasyCare Plus คือผู้ช่วยคนสำคัญที่จะทำให้การทำความสะอาดผนังเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย ด้วยเทคโนโลยี “KidProof+ Technology” ที่สร้างชั้นฟิล์มคล้ายใบบอน ทำให้ของเหลวไม่ซึมเข้าสู่ผนัง และสามารถเช็ดล้างคราบสกปรกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ซอส หรือสีเทียน ออกได้อย่างง่ายดาย ไม่ทิ้งคราบฝังแน่น
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี “Colourguard” ที่ช่วยให้สีสวยสดทนนาน และยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อราและแบคทีเรีย เพื่อสุขอนามัยที่ดีของคนในครอบครัว เป็นสีทาภายในที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง กลิ่นอ่อน ปลอดภัยด้วยค่า VOCs ต่ำ มาพร้อมฟิล์มสีชนิดกึ่งเงาที่ทนทานต่อการขัดถูเป็นพิเศษ

- เหมาะสำหรับ: ห้องนั่งเล่น, ห้องกินข้าว, ห้องเด็ก, โถงทางเดิน, บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.785 ลิตร), 2.5 แกลลอน (9 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 30-35 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 2-4 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 36 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: Base C เป็นเบสสำหรับผสมแม่สีเข้ม เพื่อให้ได้เฉดสีที่สดและจัดจ้าน
- ราคาโดยประมาณ: 950 – 1,200 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
9. TOA Shield-1 For Interior
หากเพื่อน ๆ กำลังมองหาสีทาภายในที่คุณภาพดี ครบเครื่อง ในราคาที่จับต้องได้ TOA Shield-1 คือตัวเลือกที่คุ้มค่ามาก ๆ เป็นสีน้ำอะคริลิกแท้ 100% เกรดคุณภาพมาตรฐานที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีนาโน “Nano Technology” ที่ช่วยให้โมเลกุลสีเรียงตัวกันอย่างหนาแน่น ทำให้ฟิล์มสียึดเกาะกับผนังได้ดีเยี่ยม ไม่ลอกล่อนง่าย ทนทานต่อการขัดถูและเช็ดล้างได้ดีในระดับหนึ่ง
จุดเด่นคือเนื้อสีที่เข้มข้น ทาง่าย กลบมิดพื้นผิวเดิมได้ดีเยี่ยม ช่วยให้ไม่ต้องทาซ้ำหลายรอบ ประหยัดทั้งแรงและเวลา นอกจากนี้ยังผสมสารที่ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและตะไคร่น้ำ ปราศจากสารปรอทและสารตะกั่ว จึงปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย มีให้เลือกทั้งฟิล์มสีชนิดด้านและกึ่งเงา เป็นสีรุ่นมาตรฐานที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้อย่างครบถ้วน

- เหมาะสำหรับ: งานทาภายในทั่วไป, ห้องนอน, ห้องนั่งเล่น, ผู้ที่ต้องการสีคุณภาพมาตรฐานในราคาย่อมเยา
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.785 ลิตร), 5 แกลลอน (18.925 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 30-35 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 2 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 36 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: เหมาะสำหรับงานโครงการ หรือทาห้องเช่า ที่ต้องการสีคุณภาพดีในงบที่ไม่สูงนัก
- ราคาโดยประมาณ: 500 – 700 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
10. National Emulsion For Interior
สีเนชั่นแนล หรือที่ช่างสีเรียกกันติดปากว่า “สีตราพัด” เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่อยู่คู่คนไทยมานาน และเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่มองหาสีทาภายในคุณภาพดีในราคาประหยัดที่สุด National Emulsion for Interior เป็นสีน้ำพลาสติกที่ผลิตจากกาวอะคริลิกคุณภาพดี ให้การยึดเกาะกับพื้นผิวปูนได้ดี
มีจุดเด่นที่เนื้อสีเยอะ ทาลื่นแปรง ใช้งานง่าย และให้พื้นที่ครอบคลุมที่มากเมื่อเทียบกับราคา ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสำหรับงานทาผนังและฝ้าเพดานภายในอาคารทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการคุณสมบัติพิเศษมากมายนัก แม้ความทนทานในการเช็ดล้างอาจไม่เท่ารุ่นพรีเมียม แต่ก็ให้ฟิล์มสีที่สวยงาม เรียบเนียน และมีเฉดสีมาตรฐานให้เลือกใช้งานอย่างครบครัน เป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับงานที่ต้องการคุมงบประมาณอย่างจำกัด แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพที่เชื่อถือได้

- เหมาะสำหรับ: ทาฝ้าเพดาน, งานตกแต่งภายในที่ต้องการความประหยัด, ห้องเช่า, อาคารสำนักงาน
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.785 ลิตร), 5 แกลลอน (18.925 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 30-35 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 1-2 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 24 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทาฝ้าเพดาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้สีที่ทนการเช็ดล้างสูง
- ราคาโดยประมาณ: 300 – 450 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
สีทาได้ทั้งภายนอกและภายใน อเนกประสงค์ ครบจบในถังเดียว
สำหรับใครที่ต้องการความสะดวก หรือมีพื้นที่ต้องทาทั้งนอกและในไม่มากนัก สีประเภทนี้คือคำตอบที่ลงตัว
11. Turbo Supermax
TURBO SUPERMAX เป็นสีน้ำอะคริลิกที่ออกแบบมาเพื่องานอเนกประสงค์โดยเฉพาะ สามารถใช้งานได้ดีทั้งผนังภายนอกและภายในอาคาร ผลิตจากกาวอะคริลิกคุณภาพสูง ทำให้ฟิล์มสียึดเกาะกับพื้นผิวได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวปูนฉาบ คอนกรีต อิฐ หรือกระเบื้องแผ่นเรียบ
มีคุณสมบัติเด่นในการทนทานต่อสภาวะอากาศได้ดีในระดับหนึ่ง และยังสามารถป้องกันการเกิดเชื้อราและตะไคร่น้ำได้อีกด้วย เนื้อสีมีความเข้มข้น ทาง่าย ให้การปกปิดพื้นผิวที่ดี ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น ฟิล์มสีเป็นชนิดด้านที่ให้ความสวยงามเรียบง่าย สบายตา และยังปลอดภัยต่อผู้ใช้งานเพราะปราศจากสารปรอทและตะกั่ว ถือเป็นตัวเลือกที่สะดวกและคุ้มค่าสำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็ว หรือมีพื้นที่ทาไม่มากนัก ช่วยลดความยุ่งยากในการต้องซื้อสีหลายประเภท

- เหมาะสำหรับ: งานซ่อมแซม, ทาผนังรั้ว, อาคารที่ไม่ต้องการความทนทานสูงมาก, งานที่ต้องการความสะดวก
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.785 ลิตร), 5 แกลลอน (18.925 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 35-40 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 2 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 24 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: แม้จะทาภายนอกได้ แต่หากเป็นผนังที่ต้องเจอแดดและฝนหนัก ๆ แนะนำให้ใช้สีทาภายนอกโดยเฉพาะจะทนทานกว่า
- ราคาโดยประมาณ: 400 – 550 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
12. TOA SUPER MATEX Matt for Exterior and Interior
สีซุปเปอร์มาเท็กซ์ จากแบรนด์ TOA เป็นอีกหนึ่งสีอเนกประสงค์คุณภาพสูงที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย สามารถใช้ทาได้ทั้งภายนอกและภายใน ด้วยเทคโนโลยี “ซูเปอร์ลาเท็กซ์” ที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะของเนื้อสี ทำให้ฟิล์มสีติดทนทาน ไม่หลุดล่อนง่าย ทนทานต่อทุกสภาวะอากาศได้ดีกว่าสีอเนกประสงค์ทั่วไป และยังผสมสารป้องกันเชื้อราและตะไคร่น้ำอีกด้วย
จุดเด่นคือเนื้อสีเข้มข้นพิเศษ ทาขึ้นง่าย กลบมิดได้ดีเยี่ยม ทำให้ประหยัดสีและเวลาในการทำงาน ฟิล์มสีเป็นชนิดด้านสนิท ช่วยอำพรางความไม่เรียบของผนังได้เป็นอย่างดี ให้ลุคที่ดูโมเดิร์น เรียบง่าย สบายตา ปลอดภัยเพราะไม่มีส่วนผสมของสารตะกั่วและปรอท เป็นตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับผู้ที่ต้องการสีถังเดียวจบ ครบทุกการใช้งานในคุณภาพที่ไว้ใจได้

- เหมาะสำหรับ: งานตกแต่งทั่วไปทั้งภายนอกและภายใน, ผู้ที่ต้องการสีคุณภาพดีในถังเดียว
- ความจุ: 1 แกลลอน (3.785 ลิตร), 5 แกลลอน (18.925 ลิตร)
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ประมาณ 35-40 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 2 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 36 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: เป็นตัวเลือกที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสีอเนกประสงค์ทั่วไปกับสีเฉพาะทาง ให้คุณภาพที่ดีกว่าในราคาที่สมเหตุสมผล
- ราคาโดยประมาณ: 550 – 1,000 บาท (ขนาด 1 แกลลอน)
13. JBP Infinite Loft
สำหรับเพื่อน ๆ ที่หลงใหลในสไตล์ลอฟท์ (Loft) อยากได้ผนังปูนเปลือยเท่ ๆ แต่ไม่อยากยุ่งยากกับการฉาบปูนจริง JBP Infinite Loft คือคำตอบสุดท้ายที่สมบูรณ์แบบที่สุด! นี่คือสีสร้างลายลอฟท์สูตรน้ำพร้อมใช้ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องง้อช่าง มาในชุดเซ็ตที่ครบครันทั้งสีและอุปกรณ์ ใช้งานง่ายมากเพียงแค่ “ปาด” ด้วยเกรียงที่แถมมา ก็สามารถสร้างสรรค์ลวดลายปูนเปลือยที่เป็นเอกลักษณ์ได้ตามจินตนาการ
เนื้อสีมีความยืดหยุ่นสูง ยึดเกาะดีเยี่ยม สามารถใช้ได้ทั้งผนังปูนเก่าและใหม่ ทาได้ทั้งภายนอกและภายใน ทนทานต่อสภาวะอากาศ ไม่มีกลิ่นฉุน และที่สำคัญคือแห้งเร็วมาก ทำงานเสร็จได้ภายในวันเดียว เปลี่ยนผนังเรียบ ๆ ให้น่าสนใจและมีสไตล์ขึ้นมาทันที

- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผนังสไตล์ลอฟท์, งาน D.I.Y., ตกแต่งร้านกาแฟ, ร้านอาหาร, ผนังหัวเตียง
- ความจุ: ชุด 4 กก., ชุด 10 กก.
- ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน: ชุด 4 กก. ได้ประมาณ 12-15 ตร.ม.
- ระยะเวลาการแห้งทาทับ: 30-60 นาที
- ระยะเวลาการเก็บรักษา: 24 เดือน
- คำแนะนำเพิ่มเติม: ก่อนทาควรดูคลิปวิดีโอสาธิตวิธีการสร้างลาย เพื่อให้ได้ผลงานที่สวยงามตามต้องการ
- ราคาโดยประมาณ: 900 – 1,200 บาท (ชุด 4 กก.)
การเลือก สีทาบ้านยี่ห้อไหนดี นั้นไม่มีคำตอบที่ตายตัว “สีที่ดีที่สุด” คือสีที่ตอบโจทย์ความต้องการ, การใช้งาน และงบประมาณของเพื่อน ๆ ได้อย่างลงตัวที่สุด ลองใช้เช็กลิสต์ที่เราให้ไว้ในการพิจารณา จากนั้นนำข้อมูลรีวิวและตารางเปรียบเทียบทั้ง 13 รุ่นไปประกอบการตัดสินใจ เชื่อว่าเพื่อน ๆ จะได้สีทาบ้านที่ถูกใจ ทำให้บ้านหลังใหม่หรือบ้านที่รีโนเวทสวยงามทนทาน อยู่คู่กับครอบครัวไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน
เมื่อเลือกสีที่ใช่ได้แล้ว อย่าลืมเข้าไปเลือกช้อปสีทาบ้านและอุปกรณ์ทาสีครบวงจรได้ที่ Shopee มีโปรโมชันดี ๆ รออยู่อีกเพียบ!
บทความแนะนำ