อาชีพฟรีแลนซ์ซึ่งมีอิสระในการทำงานตามเงื่อนไขของคุณเองนั้นมาพร้อมกับความรับผิดชอบในการจัดการการเงินของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ ฟรีแลนซ์ที่ประสบความสำเร็จนั้นเข้าใจว่า การวางแผนการเงินฟรีแลนซ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จที่ยั่งยืนในอาชีพมีการแข่งขันสูงและสภาพเศรษฐกิจประเทศไทยแบบปัจจุบัน ในบทความนี้ เราจะสำรวจสาระสำคัญของการบริหารเงิน ฟรีแลนซ์ ฟรีแลนซ์จัดการเงินยังไงดี ต้องเผื่อเงินสดแค่ไหน ต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ ทำเอกสารอย่างไร จดทะเบียนภาษีหรือไม่ โดยให้คุณมีข้อมูลที่นำไปใช้ได้จริงเพื่อช่วยให้คุณจัดการการเงินของฟรีแลนซ์ได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และมีแนวโน้มมีเงินเก็บ
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
การบริหารเงิน ของ ฟรีแลนซ์ ดีที่ เริ่มจากอะไร ?
การบริหารเงิน ฟรีแลนซ์เกี่ยวข้องกับการผสมผสานระหว่างการจัดทำงบประมาณ การออกใบแจ้งหนี้ และการวางแผนทางการเงินเชิงกลยุทธ์ ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดขั้นตอนที่สำคัญ ที่ฟรีแลนซ์แบบคุณจำเป็นต้องรู้
1. กำหนดงบประมาณ
การวางแผนและจัดการการเงินที่ดีของฟรีแลนซ์ รวมถึงจัดทำงบประมาณตามความเป็นจริงซึ่งครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวและธุรกิจ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณจัดสรรเงินได้อย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงความเครียดทางการเงิน
2. แยกบัญชีธุรกิจและบัญชีการเงินส่วนบุคคล
เปิดบัญชีธนาคารสำหรับธุรกิจหรืองานฟรีแลนซ์ของคุณโดยเฉพาะเพื่อติดตามธุรกรรมทางการเงินของคุณ การแยกบัญชีที่ชัดเจนนี้จะช่วยลดความยุ่งยากในการติดตามและการรายงาน ทั้งรายรับและรายจ่าย เพื่อวัตถุประสงค์ด้านภาษี เมื่อแยกบัญชีแล้วคุณก็จะสามารถนำมาคำนวณต้นทุน และ รายได้ สำหรับอาชีพฟรีแลนซ์ได้ง่ายขึ้น
3. ลงทุนกับประกัน
พนักงานบริษัทที่ทำงานประจำนั้นมักจะมีสวัสดิการเป็น ประกันสังคม ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และบางบริษัทก็มีประกันเพื่อครอบครัวของพนักงานให้เลยทีเดียว ขณะที่คุณเป็นฟรีแลนซ์ การบริการเงิน ของ ฟรีแลนซ์ อย่างหนึ่งที่ควรทำก็คือปิดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตของตนเองหรือครอบครัว ประกันจะตอบโจทย์สิ่งนี้และลดความเครียดและความไม่สบายใจในการใช้จ่ายกรณีเจ็บป่วยได้มาก ประกันสังคม ก็จำเป็นกับฟรีแลนซ์เช่นกัน เป็นการเข้าร่วมประกันของภาครัฐที่ฟรีแลนซ์ควรลงไว้ เพราะจะจ่ายเพียงเดือนละ 750 บาทเท่านั้น
4. กองทุนฉุกเฉิน
คนทำงานอิสรอย่างฟรีแลนซ์มักประสบกับความแปรปรวนของรายได้ รายได้ที่เข้ามาไม่แน่นอนเพราะขึ้นอยู่กับจำนวนและมูลค่างานที่เข้ามาไม่เท่ากันในแต่ละช่วงแต่ละเดือน สำหรับการวางแผนการเงินฟรีแลนซ์ คุณควรสร้างกองทุนฉุกเฉินเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดและเชื่อมช่องว่างทางรายได้ในช่วงระยะเวลาที่น้อย เช่น สำรองเงินฉุกเฉินไว้กรณีเกิดอุบัติเหตุกับครอบครัวหรือทรัพย์สินของคุณโดยที่มูลค่าประกันอาจไม่ครอบคลุม สำรองเงินฉุกเฉินไว้กรณีอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ใช้ทำงานได้รับความเสียหาย หรือ สำรองเงินเผื่อไว้กรณีไม่มีงานเข้ามาเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน เป็นต้น ส่วนการเชื่มช่องว่างก็คือ หาหนทางอื่นสำรองไว้กรณีงานฟรีแลนซ์หลักของคุณไม่มีคนจ้างงานเข้ามา คุณจะสามารถเปิดธุรกิจเสริมอื่นๆทดแทนเพื่อเป็นแหล่งหาเงินสำรองได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ควรคิดเอาไปเผื่อกรณีฉุกเฉิน เพราะหากเกิดขึ้นคุณจะได้ไม่เครียดเกินไปและมีหนทางสำรองไว้ทำ
การบริหารเงิน ฟรีแลนซ์ จะติดตามเงินได้อย่างไร?
การติดตามการเงินของคุณเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับฟรีแลนซ์ในการรักษาความมั่นคงทางการเงินและทำการตัดสินใจทางธุรกิจโดยมีข้อมูลรอบด้าน พิจารณากลยุทธ์ต่อไปนี้
ก. ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยทำบัญชี
ใช้ประโยชน์จากแอปจดรายรับรายจ่าย เช่น หรือหากธุรกิจคุณรับเงินหลายทางหรือซับซ้อนขึ้น ลองใช้ซอฟต์แวร์การบัญชี เช่น QuickBooks หรือ FreshBooks เพื่อออกใบแจ้งหนี้อัตโนมัติ ติดตามค่าใช้จ่าย และสร้างรายงานทางการเงิน เครื่องมือเหล่านี้ทำให้กระบวนการจัดการทางการเงินง่ายขึ้น หรือจะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ฟรีที่ช่วยสร้างใบแจ้งหนี้อัตโนมัติอย่าง Google Sheets ก็ได้ (Cr. ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ใส่ใจบัญชีและภาษี)
ข. ใช้แอปจด รายรับ-รายจ่าย ตรวจสอบรายได้และค่าใช้จ่ายเป็นประจำ
จัดสรรเวลาในแต่ละสัปดาห์หรือเดือนเพื่อทบทวนรายได้และค่าใช้จ่ายของคุณ แนวทางปฏิบัตินี้ช่วยให้คุณสามารถระบุแนวโน้ม ประเมินสุขภาพทางการเงินของคุณ และทำการปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น การทำแบบนี้เป็นประจำโดยใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ในหนึ่งเดือนหรือหนึ่งสัปดาห์จะทำให้คุณรู้ว่าใช้เงินมากไปกับเรื่องอะไร ลดได้หรือไม่ หากเป็นไปได้ให้ลองเทียบรายรับรายจ่ายเดือนนี้กับเดือนที่แล้ว เพื่อดูแนวโน้มและความเคลี่ยนไหวของการเงินด้วย
ค. จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย
จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายทางธุรกิจของคุณอย่างเหมาะสมเพื่อการรายงานทางการเงินที่ถูกต้อง เช่น หมวดค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการทำงาน หรือ หมวดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการด้านเอกสาร หรือ ค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจว่าเงินของคุณไปที่ใดและปรับงบประมาณของคุณให้เหมาะสม การจัดหมวดหมูและบริหารแบบนี้จะทำให้คุณวางแผนทางการเงินฟรีแลนซ์ในเดือนต่อๆไปได้ดียิ่งขึ้น
ง. จัดแฟ้มรวมเอกสารทางการเงินและบัญชี
ในการยื่นภาษี คุณจะต้องรวบรวมเอกสารทางการเงินมากมาย เช่น ใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จ ใบกำกับภาษี ไม่ว่าจะเป็นการรับเงินหรือจ่ายเงิน คุณจะต้องมีแฟ้มแยกสำหรับการรับหรือจ่ายเงินใดๆที่เกี่ยวข้องกับบัญชีธุรกิจของคุณ แนะนำว่าให้อย่างน้อยแยกเป็น แฟ้มรับเงิน และ แฟ้มจ่ายเงิน ถ้าจำเป็นก็แยกที่รับเงิน และเรียงเอกสารๆต่างๆตามเวลาเพื่อป้องกันการสับสน และเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ง่ายว่าเอกสารครบหรือสูญหายหรือไม่ ถ้ามีหลายปีก็อย่าลืมแยกปีไว้เพราะเราแยกจ่ายภาษีปีละหนึ่งครั้ง
จะติดตามเงินลูกหนี้จากหลายแหล่งได้อย่างไร?
ในฐานะที่เป็นฟรีแลนซ์รับเงินจากคนจ้างหลายคนหลายบริษัท การควบคุมการชำระเงินจากลูกค้าหลายรายอาจเป็นเรื่องท้าทาย ลองใช้แนวทางปฏิบัติเหล่านี้เพื่อเก็บหนี้จากลูกหนี้ของคุณ
1. สร้างใบแจ้งหนี้โดยละเอียด (ทำเอง หรือ ใช้ซอฟต์แวร์)
ร่างโครงร่างบริการที่มีให้ เงื่อนไขการชำระเงิน และวันครบกำหนดในใบแจ้งหนี้ของคุณอย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยลดความสับสนและส่งเสริมการชำระเงินตรงเวลา กรณีนี้จะทำแบบร่างของใบแจ้งหนี้เองหรือใช้ซอฟต์แวร์ก็ได้ ลองสำรวจตัวเลือกซอฟต์แวร์การออกใบแจ้งหนี้ที่ช่วยให้คุณสามารถส่งใบแจ้งหนี้แบบมืออาชีพ ตั้งค่าการแจ้งเตือนอัตโนมัติ และติดตามสถานะการชำระเงิน ระบบอัตโนมัตินี้ช่วยประหยัดเวลา ทั้งเวลาตรวจสอบและตามอีกฝ่าย และรับรองว่าคุณจะได้รับเงินเร็วขึ้นกว่าการไม่ใช้ระบบแน่นอน
2. กำหนดนโยบายการชำระเงินที่ชัดเจน
สื่อสารความคาดหวังในการชำระเงินของคุณล่วงหน้า สรุปค่าธรรมเนียมล่าช้า วิธีการชำระเงิน ช่องทางการชำระเงิน เอกสารที่ต้องการ และนโยบายที่เกี่ยวข้องเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
3. ตั้งการแจ้งเตือนสำหรับวันจ่ายวันสุดท้ายของลูกหนี้
หากคุณไม่มีซอฟต์แวร์ที่จะติดตามสถานะการจ่ายของใบแจ้งหนี้ใบหนึ่ง และคุณตกลงวันจ่ายกับลูกหนี้หนึ่งคนสำหรับหนึ่งงานแล้ว ลองตั้ง Calendar เพื่อเตือนตัวคุณเองดูในวันสุดท้ายที่อีกฝ่ายตกลงว่าจะจ่าย หากใกล้ถึงวันและอีเมลล์หรือโทรศัพท์คุณแจ้งเตือน แต่ยังไม่มีการจ่ายเข้ามา คุณจะได้ทำการเตือนลูกหนี้ก่อนถึงวันสุดท้ายได้ (ถ้าเค้าจ่ายแล้วก็เอา Reminder ตั้งเตือนนั้นออก)
ฟรีแลนซ์จัดการการชำระเงินอย่างไร?
การรับชำระเงินเป็นสิ่งสำคัญสำหรับฟรีแลนซ์ พิจารณาแนวทางปฏิบัติเพื่อติดตามการชำระเงินที่เป็นระเบียบวินัยดังนี้
ก. กระจายวิธีการชำระเงิน
ยอมรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ตัวเลือกอาจรวมถึงการโอนเงินผ่านธนาคาร โดยเฉพาะการแสกน QR Code ให้ลูกค้าจ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือ ลงทะเบียนวอเล็ตต์กับแพลตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัย เช่น Shopee Pay
ข. กำหนดเหตุการณ์สำคัญในการชำระเงิน
สำหรับโครงการขนาดใหญ่ ให้แบ่งการชำระเงินดาวน์ออกเป็นเหตุการณ์สำคัญ ช่วยให้มั่นใจถึงกระแสเงินสดที่มั่นคงและลดความเสี่ยงของการไม่ชำระเงินสำหรับงานที่เสร็จสมบูรณ์
ค. สัญญาและเงื่อนไข
กำหนดเงื่อนไขการชำระเงินให้ชัดเจนในสัญญาของคุณ ใส่รายละเอียดต่างๆ เช่น ข้อกำหนดในการฝากเงิน กำหนดการชำระเงิน และค่าปรับสำหรับการชำระล่าช้า
ฟรีแลนซ์ในไทย: การจดทะเบียน และการจัดการภาษี
ฟรีแลนซ์ในประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านภาษีและภาษีมูลค่าเพิ่มโดยเฉพาะ ดังนี้
ก. การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ในประเทศไทย หากไม่ได้จดทะเบียนบริษัท แม่ค้าออนไลน์จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหากรายได้ต่อปีเกินเกณฑ์ที่กำหนดคือ 1.8 ล้านบาทต่อปี ส่วนฟรีแลนซ์อาจถูกหัก ณ ที่จ่าย 3% ในตอนรับรายจ่ายจากนายจ้างต่างๆไปแล้ว อย่าลืมทำความคุ้นเคยกับกฎระเบียบปัจจุบันเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตาม
ข. การจดทะเบียนบริษัท
หากคุณไม่ได้จดทะเบียนบริษัท จ่ายภาษีในฐานะบุคคลธรรมดาที่สามารถจ่ายภาษีที่ฐาน 0-35% ต่อปี และมีรายรับต่อปีมากจนต้องจ่ายภาษีเกิน20%ของรายได้ คุณควรจดทะเบียนบริษัทโดยด่วน เพราะนิติบุคคลจะเสียภาษีไม่เกิน 20% ต่อปีเท่านั้น ทั้งนี้อย่าลืมคำนวณรวมรายรับรายจ่ายและค่าลดหย่อนทั้งหมด รวมถึงค่าทำบัญชีหรือค่าสอบบัญชีรายปีกรณีจดทะเบียนนิติบุคคลด้วย เพื่อเปรียบเทียบว่าทางเลือกใดดีที่สุด
ค. การจัดการและจ่ายภาษีเงินได้
โดยทั่วไปแล้วฟรีแลนซ์ส่วนบุคคลในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำความเข้าใจวงเล็บภาษี (เลือกจ่ายภาษีให้ถูกหมวดหมู่) การหักเงิน และกำหนดเวลายื่นภาษีเพื่อปฏิบัติตามภาระผูกพันของคุณ โดยทั่วไปคุณจะต้องยื่นภาษีภายในเดือนมีนาคมของทุกปี สามารถตรวจสอบกรอบเวลาในการยื่นภาษีแต่ละปีได้ที่เว็บของกรมสรรพากร และไม่นานหลังกรมสรรพากรตรวจสอบ คุณจะได้รับการยืนยันว่าจะได้ภาษีคืนหรือต้องจ่ายเพิ่ม โดยส่วนมากฟรีแลนซ์จะโดนหัก ณ ที่จ่าย 3% จึงมีโอกาสที่จะได้เงินคืนหากวางแผนภาษีดีๆ
ง. ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
เนื่องจากกฎระเบียบด้านภาษีมีความซับซ้อน คุณควรพิจารณาปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือนักบัญชีที่เป็นมืออาชีพ มีเชื่อเสียง หรืออยู่ไม่ไกลจากที่ๆคุณพักหรือทำงานอยู่ พวกเขาจะสามารถให้คำแนะนำเฉพาะสำหรับสถานการณ์บัญชีของคุณได้
บทสรุป
การเป็นฟรีแลนซ์ กับ การฝึกฝนศิลปะ การจัดการเงิน นั้นเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นการเดินทางที่ต้องใช้ความมุ่งมั่น ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่ระบุไว้ในบทความนี้ คุณจะมีความพร้อมมากขึ้นในการบริหารและวางแผนทางการเงินของฟรีแลนซ์ ซึ่งปูทางไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนในอาชีพฟรีแลนซ์ของคุณ อย่างไรก็ตามการตัดสินใจทางการเงินที่ได้รับข้อมูลในปัจจุบันจะวางรากฐานสำหรับอนาคตที่รุ่งเรืองของฟรีแลนซ์ ทำให้คุณปลอดภัย สบายใจ การจัดเก็บและยื่นจ่ายภาษีอย่างถูกต้องก็จะไม่ทำให้คุณโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังในราคาที่แพงขึ้นและสร้างความเครียดโดยไม่คาดคิด ขอให้ฟรีแลนซ์ทุกคนโชคดีกับการบริหารจัดการเงินนะ!