เข้าสู่หน้ามรสุมฝนตกติดต่อกันไม่หยุดก็ย่อมเสี่ยงที่จะเจอน้ำท่วมขังและยิ่งภาคเหนือ ภาคอีสานถือได้ว่าเป็นปีที่น้ำท่วมหนักมากในหลายพื้นที่ รวมถึงผู้ใช้รถเอง แม้จะไม่อยากขับลุยน้ำท่วม แต่บางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้และถ้าหากผ่านพ้นไปได้แล้ว ก็อย่าลืมตรวจสอบรถ ที่ Shopee Blog มีวิธีดูแลรถยนต์ หลังลุยน้ำมากฝากที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มความอุ่นใจเพื่อให้เราสามารถใช้รถของเราได้ต่ออย่างยาวนานและปลอดภัยซึ่งจะมีวิธีไหนน่าสนใจกันบ้าง ไปเริ่มกันเลย!
Credit: Freepik
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
เช็คให้ชัวร์! ก่อนขับรถลุยน้ำท่วม
ปัญหาน้ำท่วมเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะรู้ดีว่าการขับรถฝ่าฝน หรือน้ำท่วมสูง ๆ จะเสี่ยงต่อเครื่องยนต์และก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ แต่สิ่งเหล่านี้สามารถลดความรุนแรงได้ แค่เริ่มต้นจากทริคง่าย ๆ กับการเช็กก่อนจะไปทำวิธีดูแลรถยนต์ หลังลุยน้ำ ดังนี้
- สังเกตระดับน้ำ เพื่อประเมินสถานการณ์ โดยให้ดูที่ความสูงของระดับน้ำและความสูงของรถยนต์ที่ขับขี่ซึ่งแนะนำว่ารถเล็กจนถึงรถขนาดกลางไม่ควรสูงเกิน 30 เซนติเมตร ประมาณเลยระดับฟุตบาท หรือระดับขอบประตูไม่ควรขับรถลุยต่อเพราะเสี่ยงต่อน้ำจะเข้าเครื่องยนต์ แต่สำหรับรถกระบะยกสูง ออฟโรด หรือโฟล์วิล แนะนำไม่ควรเกินระดับ 60 เซนติเมตร
- ลดความเร็ว ไม่เร่งเครื่อง ในช่วงที่ฝนตก น้ำท่วมขังเพราะเสี่ยงต่อรถจะเสียการทรงตัวและเกิดอุบัติเหตุได้จึงแนะนำให้ขับโดยใช้ความเร็วต่ำ เหยียบเบรกเบา ๆ ย้ำ ๆ ตลอดระยะเวลาที่ขับเพื่อช่วยไล่น้ำและความชิ้นจากเครื่องยนต์
- ใช้เกียร์ต่ำลุยน้ำ เพราะเป็นสภาวะที่เครื่องยนต์จะดับยากที่สุด ซึ่งรถธรรมดาแนะให้ใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 เท่านั้น ส่วนรถเกียร์ออโต้แนะเกียร์ L
- ปิดแอร์ เปิดกระจกระบายออากาศแทน เนื่องจากตัวใบพัดสามาพัดน้ำเข้าเครื่องยนต์ หรือระบบไฟฟ้าได้ซึ่งหากเปิดแอร์ต่อจะทำให้พัดลมระบายความร้อนทำงาน ถ้าน้ำไปถึงก็จะพัดเอาน้ำเข้าทำให้เครื่องยนต์ดับได้นั่นเอง
- เว้นระยะห่างจากคันหน้า โดยระยะที่แนะนำอยู่ที่ 50 เมตร สาเหตุที่ต้องเว้นระยะห่างเยอะขึ้นเพราะระบบเบรกมีประสิทธิภาพในการทำงานต่ำลงและสามารถเห็นทัศนวิสัยจากคันหน้าได้ดีขึ้นและหลีกเลี่ยงได้ทันเวลา
- เครื่องดับ ห้ามสตาร์ตเครื่อง ในระหว่างที่ขับรถตอนน้ำท่วม แล้วเกิดรถดับกลางทาง ห้ามสตาร์ตรถ แต่ให้ทำการเข็นรถเข้าทางและควรเป็นพื้นที่สูงขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าสู่รถยนต์
Credit: Freepik
แชร์ทริค 6 วิธีดูแลรถยนต์ หลังลุยน้ำให้กลับมาพร้อมใช้งาน
รู้หรือไม่! หลังจากขับรถลุยน้ำแล้ว อย่าปล่อยทิ้งไว้นานให้รีบเช็คทันทีเพื่อลดความเสียหายและเพิ่มโอกาสในการกลับมาใช้งานได้เพิ่มขึ้น กับ 5 วิธีดูแลรถยนต์ หลังลุยน้ำ จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
1. รีบเช็คสภาพห้องโดยสาร
โดยหลังจากขับรถลุยน้ำท่วมเมื่อกลับมาถึงบ้านให้เช็คสภาพห้องโดยสารทันที หรือไม่ควรปล่อยทิ้งเกิน 1 – 2 วันซึ่งทำได้ง่าย ๆ จากการสังเกตพรมปูพื้นว่ามีน้ำแฉะ หรือน้ำขังในรถหรือไม่ ถ้ามีให้รีบนำพรมออกแล้ว ดูด หรือเช็ดน้ำภายในห้องโดยสารให้แห้ง รวมถึงรถบางรุ่นที่มีโมดูลควบคุมถุงลมนิรภัยอยู่ใต้เบาะคนขับก็ควรทำให้แห้ง ไม่ปล่อยให้เปียก หรือชื้น
2. ระบบอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า อย่าลืม! ตรวจสอบ
เป็นหนึ่งในวิธีดูแลรถยนต์ หลังลุยน้ำ ที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นอีกระบบที่มักได้รับความเสียหายจากความชื้น หรือน้ำที่เข้าไปในระบบอิเล็กทรอนิกส์และสายไฟต่าง ๆ ซึ่งควรตรวจสอบภายในกล่องฟิวส์ว่าเสียหายหรือไม่ หากเสียหายให้เปลี่ยน แต่ถ้าเปียกควรทำให้แห้ง รวมถึงระบบไฟฟ้าภายนอกที่หากพบสภาพไม่ปกติให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกแล้วรีบช่างมาซ่อมโดยเร็วที่สุด
3. เครื่องยนต์มีอาการผิดปกติหรือไม่
โดยให้สังเกตว่าเครื่องยนต์มีอาการกระตุก เร่งเครื่องไม่ขึ้น หรือมีเสียงดังกว่าปกติหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องซึ่งหากสีเปลี่ยนมีความคล้ายสีกาแฟใส่นมแสดงว่าน้ำเข้าและให้ตรวจสอบที่กรองอากาศ รวมถึงท่อไอดีถ้าหากเปียกมั่นใจได้เลยว่าน้ำเข้าควรนำรถเข้าส่งศูนย์ หรืออู่ซ่อมรถ บ
4. เช็คการทำงานของเบรก
โดยให้ทำการสตาร์ทรถแล้วลองเหยียบเบรกย้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้งเพื่อเช็คซึ่งถ้าหากอยู่ในสภาพปกติผ้าเบรกกับจานเบรก หรือดรัมเบรกจะสัมผัสกันตอนเบรกและที่สำคัญ! ควรนำเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คซ้ำอีกครั้งก่อนนำไปใช้งานเพื่อความปลอดภัย
5. อย่าลืม! ทำความสะอาดรถ
เพราะหลังจากที่ขับรถลุยน้ำอาจทำให้รถมีกลิ่นอับ หรือมีเศษคราบต่าง ๆ เช่น เศษ ดิน หิน โคลนที่เกาะไปตามรถ แนะนำให้นำรถไปล้างทำความสะอาดทั้งภายในห้องโดยสารและภายนอกรถ
6. เช็คประกัน! เคลมได้ไหม
ผลกระทบจากน้ำท่วมเป็นสิ่งที่หลายคนมกังวล โดยเฉพาะในส่วนของค่าเสียหายที่จะต้องจ่ายไม่ว่าค่านำไปตรวจเช็คสภาพ เปลี่ยนอะไหล่ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ หากรถได้รับความเสียหาย แนะนำว่าให้ตรวจเช็คความคุ้มครองของประกันว่าครอบคลุมความเสียหายของจากภัยธรรมชาติหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ประกันชั้น 1 จะครอบคลุม แต่สำหรับประกันชั้น 2+ หรือชั้น 3 อย่าลืม! ตรวจเช็คก่อนตัดสินใจทำประกัน หรือหากทำแล้วก็อาจจะต้องลองเปลี่ยนแผนเพื่อให้ครอบคลุมภัยธรรมชาติเหล่านี้ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
5 ไอเท็มไว้ดูแลรถยนต์หลังลุยน้ำท่วม
1. [E-Service] Autobacs ตั้งศูนย์ล้อ+ตรวจเช็ค 25 รายการ
เพิ่มความอุ่นใจกับบริการตั้งศูนย์ล้อ พร้อมตรวจเช็ค 25 รายการฟรี โดยไม่มีเงื่อนไขและเช็กได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งซึ่งลูกค้าสามารถนำแจ้งพนักงานได้ที่หน้าสาขาก่อยรับบริการ หรือแจ้งหมายล่วงหน้าได้ที่ Autobacs ทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมรับประกัน 7 วัน (ไม่จำกัดระยะทาง)
2. [E-Service] Autobacs คูปองส่วนลดแทนเงินสด 500 บาท สำหรับล้างแอร์ + อบโอโซน
คูปองส่วนลดแทนเงินสด 500 บาท เมื่อเข้ามาใช้บริการล้างแอร์และอบโอโซนที่จะช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ให้มั่นใจรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งในการขับขี่ที่ทำรายการได้ง่ายแค่ชำระเพิ่ม 1,490 จาก 1,990 บาท ในวันเข้ารับบริการได้ที่ AUTOBACS ทุกสาขา
3. ไขควงวัดไฟ ชุดเครื่องมือตรวจเช็คไฟรถยนต์ 6-12-24V เครื่องทดสอบวงจรรถบรรทุก
ไขควงวัดไฟ ชุดเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยตรวจเช็คไฟรถยนต์ที่ทำมาจากวัสดุโลหะและ ABS ในช่วงทดสอบแรงดันไฟฟ้าที่ 6v-24v 20A ความยาวเพียง 6.8 นิ้ว น้ำหนักเบาแค่ 140 g จึงสามารถนำไปใช้งานได้ง่าย ตรวจสอบเบื้องต้นเองได้ที่บ้าน
4. แบตเตอรี่รถยนต์ 3K ADX95 โฉมใหม่ MAX95L / MAX95R
แบตเตอรี่รถยนต์ 3K ADX95 โฉมใหม่ที่ไฟแรง ทน ไม่สนน้ำ แกร่งขึ้นกว่าเดิม แบบกึ่งแห้ง ขนาด 12 โวลต์ 75 แอมป์ CCA 600 พร้อมรับประกัน 1 ปีที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซิน 2,000 – 3,500 cc และเครื่องยนต์ดีเซล 1,900 – 3,000 cc
5. SHELL น้ำมันเครื่องดีเซล สังเคราะห์แท้ Helix HX8 5W-30 (6/7/8 ลิตร)
น้ำมันเครื่องดีเซล สังเคราะห์แท้ เชลล์ เฮลิกส์ HX8 5W-30 เต็มสมรรถนะ ในการทำความสะอาด และปกป้องเครื่องยนต์ขนาด 6, 7 และ 8 ลิตรที่ช่วยป้องกันการสึกหรอได้ดีขึ้นถึง 40% ทำความสะอาดและป้องกันการก่อตัวของเม่าและคราบได้ดี ยืดอายุการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องได้ยาวนานที่เหมาะกับรถยนต์เครื่องดีเซลทุกประเภท หรือรถที่ใช้งานหนักและรถที่ใช้ในเมือง
หวังว่าใครที่กำลังประสบปัญหาขับรถลุยน้ำท่วม หรือกำลังวางแผนรับมือกับน้ำท่วม ทริคต่าง ๆ ที่ได้รวบรวมมาฝากจะประเมินสถานการณ์เบื้องต้นก่อนตัดสินใจขับรถลุยน้ำท่วม หรือหากลุยไปแล้ววิธีดูแลรถยนต์ หลังลุยน้ำไทั้งการตรวจเช็คสภาพห้องโดยสาร ระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์ ระบบเบรกและการทำความสะอาด รวมถึงการตรวจเช็คความคุ้มครองของประกันว่าจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจเมื่อต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติ
ทั้งนี้ ก็อย่าลืม! ลิสต์เบอร์ฉุกเฉิน ควรเซฟติดมือถือให้อุ่นใจทุกสถานการณ์เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ และควรพกอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้คุณได้อุ่นใจทุกการเดินทาง พร้อมสาระดี ๆ อื่น ๆ ที่จะช่วยให้คุณรับมือกับน้ำท่วม หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ดีขึ้นได้ที่ Shopee Blog
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Mitsu RMA