เคยไหม กับอาการเจ็บฝ่าเท้า ปวดส้นเท้า หรือเมื่อยล้าไปทั้งขาหลังจากต้องเดินหรือยืนนาน ๆ ตลอดวัน? ปัญหาเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องของความเหนื่อยล้า แต่เป็นสัญญาณเตือนว่ารองเท้าที่เพื่อน ๆ สวมใส่อยู่อาจไม่ใช่คู่หูที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพเท้า การลงทุนกับรองเท้าผ้าใบใส่สบายเดินเยอะดี ๆ สักคู่ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่น แต่คือการลงทุนเพื่อสุขภาพและความสุขในทุกย่างก้าว
สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังมองหารองเท้าที่ใส่สบายที่สุด วันนี้ Shopee Blog จะพาทุกคนมาปรับมุมมองใหม่เกี่ยวกับการเดินให้พิเศษยิ่งกว่าเดิม เพราะเราได้รวบรวมทุกข้อมูลที่จำเป็น ตั้งแต่วิธีเลือกซื้อรองเท้าที่เหมาะกับคุณ ไปจนถึงการรีวิวเชิงลึก 20 รุ่นเด็ดที่คนรักการเดินต้องมีไว้ในคอลเลกชัน!
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำอย่างไรถึงจะได้ “รองเท้าผ้าใบใส่เดินไม่เมื่อย” ที่ใช่ที่สุด?
ก่อนที่เราจะไปดูลิสต์รองเท้าทั้ง 20 รุ่น การทำความเข้าใจองค์ประกอบสำคัญของรองเท้าที่ดีจะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลือกคู่ที่ใช่ได้ง่ายขึ้น เหมือนกับการมีเช็กลิสต์ส่วนตัวที่มั่นใจได้ว่ารองเท้าคู่นั้นเกิดมาเพื่อเท้าของเราจริง ๆ

1. น้ำหนักและวัสดุ
หัวใจสำคัญของความสบายเริ่มต้นจากสิ่งที่ห่อหุ้มเท้าของเรา วัสดุที่ใช้ทำส่วนบนของรองเท้า (Upper) มีผลโดยตรงต่อน้ำหนัก การระบายอากาศ และความยืดหยุ่น
- ผ้าตาข่าย (Mesh): เป็นตัวเลือกยอดนิยมอันดับต้น ๆ เพราะมีน้ำหนักเบามาก ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ช่วยลดความอับชื้นและโอกาสเกิดการเสียดสี เหมาะสุด ๆ สำหรับการเดินในสภาพอากาศร้อนอย่างบ้านเรา
- ผ้าถัก (Knit): ให้ความรู้สึกเหมือนใส่ถุงเท้า มีความยืดหยุ่นสูง โอบรับตามรูปเท้าได้ดี มักจะไร้รอยต่อ ลดการระคายเคือง และยังคงระบายอากาศได้ดี
- หนังแท้/หนังสังเคราะห์: ให้ความทนทานและลุคที่ดูพรีเมียมกว่า แต่ก็ต้องแลกมากับน้ำหนักที่มากขึ้นและการระบายอากาศที่น้อยลง อาจไม่เหมาะกับการเดินระยะไกลต่อเนื่อง แต่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่ต้องการความสุภาพเรียบร้อย
แนะนำให้เพื่อน ๆ ลองยกเปรียบเทียบน้ำหนักระหว่างรองเท้าแต่ละคู่ดู จะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน รองเท้าที่เบากว่าจะช่วยลดภาระของกล้ามเนื้อขา ทำให้เดินได้นานขึ้นโดยไม่เมื่อยล้า
2. พื้นรองเท้า (Sole)
พื้นรองเท้าคือพระเอกตัวจริงที่กำหนดความสบายทั้งหมด แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักที่ทำงานร่วมกันเพื่อรองรับแรงกระแทกและซัพพอร์ตอุ้งเท้า
- พื้นชั้นกลาง (Midsole): นี่คือหัวใจของระบบลดแรงกระแทก วัสดุที่นิยมใช้คือโฟม EVA (Ethylene Vinyl Acetate) ที่มีน้ำหนักเบาและยืดหยุ่น หรือโฟม TPU (Thermoplastic Polyurethane) ที่ทนทานและให้แรงส่งคืนได้ดีกว่า แบรนด์ต่าง ๆ มักพัฒนาเทคโนโลยีโฟมที่เป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง ซึ่งแต่ละแบบก็ให้ความรู้สึกนุ่ม-เด้งแตกต่างกันไป
- พื้นชั้นนอก (Outsole): คือส่วนที่สัมผัสกับพื้นโดยตรง ต้องทำจากยางที่ทนทานและมีดอกยางที่ยึดเกาะพื้นผิวได้ดี เพื่อป้องกันการลื่นและให้ความมั่นคงในทุกก้าว
- แผ่นรองด้านใน (Insole/Sockliner): เป็นแผ่นรองที่สัมผัสกับฝ่าเท้าโดยตรง ช่วยเสริมความนุ่มสบายและบางรุ่นสามารถถอดเปลี่ยนได้ เพื่อใส่แผ่นรองที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพเท้าโดยเฉพาะ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีลักษณะเท้าแบน (Flat Feet) หรืออุ้งเท้าสูง (High Arch) ควรเลือกรองเท้าที่มีการเสริมความแข็งแรงบริเวณกลางเท้า เพื่อช่วยประคองอุ้งเท้าให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บ
3. การวัดไซส์รองเท้า
การใส่รองเท้าผิดไซส์คือสาเหตุหลักของปัญหาสุขภาพเท้า ตั้งแต่เล็บขบ ตาปลา ไปจนถึงเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ดังนั้นการวัดไซส์ให้ถูกต้องจึงสำคัญอย่างยิ่ง
- วัดในช่วงเย็น: เท้าของเราจะมีการขยายตัวเล็กน้อยตลอดทั้งวัน การวัดเท้าในช่วงเย็นจะทำให้ได้ขนาดที่แม่นยำที่สุด
- เผื่อพื้นที่ปลายนิ้ว: หลังจากสวมรองเท้าแล้ว ควรมีพื้นที่ว่างระหว่างปลายนิ้วเท้าที่ยาวที่สุดกับปลายรองเท้าประมาณ 0.5 – 1 เซนติเมตร (หรือความกว้างประมาณหนึ่งนิ้วโป้ง) เพื่อให้นิ้วเท้าขยับได้อย่างเป็นอิสระ
- ลองกับถุงเท้าที่จะใช้จริง: นำถุงเท้าคู่ที่เพื่อน ๆ ใส่เดินเป็นประจำไปลองด้วย เพื่อให้ได้ขนาดที่พอดีที่สุด
- อย่าเชื่อเบอร์เดิมเสมอไป: รองเท้าแต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น อาจมีขนาดมาตรฐานที่แตกต่างกันเล็กน้อย ควรลองสวมและเดินดูก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง
อ่านรายละเอียดแบบเจาะลึก : ตารางเทียบไซซ์รองเท้าชาย-หญิง ซื้อรองเท้าออนไลน์ครั้งหน้าจะได้ไม่เฟล!
เปิดกรุ! 20 อันดับ รองเท้าผ้าใบใส่สบายเดินเยอะ ที่คัดมาแล้วว่าดีที่สุด
ถึงเวลาที่เพื่อน ๆ รอคอย กับการแนะนำ 20 สุดยอดรองเท้าใส่สบายเดินเยอะ ที่เราได้ทำการค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลมาอย่างละเอียด เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เจอกับคู่หูในอุดมคติที่จะพาไปทุกที่ได้อย่างสบายใจ
ตารางเปรียบเทียบ 20 รองเท้าผ้าใบใส่สบายเดินเยอะ
เพื่อให้เพื่อน ๆ เห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เราได้สรุปข้อมูลสำคัญของรองเท้าทั้ง 20 รุ่นมาไว้ในตารางนี้
รุ่น/ยี่ห้อ | จุดเด่น | ราคา (บาท) |
---|---|---|
Skechers GO WALK | เบามาก นุ่มสบายเหมือนมีหมอนรองเท้า เป็นแบบสวม ใส่ง่าย | 2,500 – 4,990 |
Skechers GO RUN | พื้นเด้ง ใส่วิ่งได้ ใส่เดินก็สนุก น้ำหนักเบามาก ช่วยให้ท่าเดินเป็นธรรมชาติ | 2,790 – 3,490 |
Vans ComfyCush | ทรงสวยแบบ Vans เดิมๆ แต่พื้นนุ่มและเบากว่าเดิมเยอะ ใส่เดินนานๆ ได้ไม่เจ็บเท้า | 3,200 – 3,400 |
VANS ULTRARANGE EXO | รองเท้า Vans ที่พื้นนุ่มและเบาเป็นพิเศษ เหมาะกับการเดินทาง มีโครงช่วยประคองเท้า | 3,790 |
ASICS GEL-1130 | สวยคลาสสิก ใส่กับเสื้อผ้าง่าย มีเจลช่วยรับแรงกระแทก เดินสบาย ระบายอากาศดี | 3,900 |
FITFLOP RALLY | เรียบๆ แต่ใส่สบายมาก พื้นเบาและงอตามเท้าได้ดี ออกแบบมาเพื่อสุขภาพเท้าโดยเฉพาะ | 5,290 |
ASICS GEL-Kayano 14 | มีเจลรองรับแรงกระแทกเยอะ เดินมั่นคงไม่โคลงเคลง เหมาะกับคนเท้าแบน เท้าปกติก็สามารถใส่ได้ | 5,700 |
New Balance 1906R | ดีไซน์เท่ รองรับแรงกระแทกได้ดี ช่วยประคองอุ้งเท้า ทำให้เดินสบาย | 5,700 |
Hoka Clifton 9 | พื้นหนาแต่น้ำหนักเบาอย่างไม่น่าเชื่อ รับแรงกระแทกดีมาก พื้นโค้งช่วยให้เดินลื่นไหล | 5,990 |
Nike Vomero 5 | ทรงสวยแบบเท่ๆ มีถุงลมซ่อนอยู่ทำให้เด้งและเดินสนุก เหมาะกับการเดินไกล ยืนนาน | 6,000 |
ASICS GEL-Nimbus 10.1 | นุ่มสบายเหมือนเดินบนเมฆ มีเจลเยอะพิเศษทั้งหน้าและหลังเท้า ช่วยให้เดินมั่นคง | 6,200 |
ASICS GEL-Nimbus 26 | “รองเท้าแห่งความนุ่ม” ใส่สบายมากเป็นพิเศษ เหมาะกับคนต้องยืนหรือเดินนานๆ | 6,500 |
Adidas Ultraboost | ให้ฟิลลิ่งพื้นเด้งเหมือนติดสปริง ตัวผ้าเหมือนถุงเท้ายืดหยุ่นตามเท้าได้ | 6,500 – 7,000 |
New Balance 990v5 | ใส่สบาย เรียบง่าย มีแผ่นพลาสติกช่วยให้ใส่กระชับขึ้น พื้นนุ่มและช่วยให้เท้าไม่อับชื้น | 8,500 – 10,900 |
On Cloudmonster | พื้นเป็นปุ่มๆ เหมือนก้อนเมฆ รับแรงกระแทกได้ดีที่สุด นุ่มและเด้งเหมือนลอยได้ | 7,000 – 7,400 |
Salomon XT-Slate | สไตล์สายลุย เดินในที่ขรุขระได้มั่นคงมาก พื้นยึดเกาะดีเยี่ยมไม่ว่าจะเปียกหรือแห้ง ทนทาน | 9,790 |
New Balance 993 | รองรับแรงกระแทกและประคองอุ้งเท้าได้ดีมาก เดินนานๆ ไม่เมื่อย คนนิยมใส่ไปเที่ยวต่างประเทศ | 9,800 |
New Balance 990v6 | ผสมความเด้งกับความมั่นคงได้อย่างลงตัว ใช้วัสดุดีมาก ใส่สบาย เหมาะกับการเดินไกล | 9,800 – 10,800 |
Norda 001 | ใช้ผ้าที่แข็งแรงทนทานที่สุดในโลก พื้นนุ่มเด้งและยึดเกาะดีเยี่ยม เป็นรองเท้าที่พรีเมียมสุดๆ | 9,950 – 10,750 |
New Balance 990v3 | รุ่นที่หลายคนบอกว่ารูปทรงสวยที่สุด ใส่สบายมาก เดินแล้วรู้สึกมั่นคง เป็นที่นิยมในวงการแฟชั่น | 9,990 – 11,000 |
1. Skechers GO WALK

ถ้าจะพูดถึงรองเท้าที่เกิดมาเพื่อการเดินโดยเฉพาะ จะไม่พูดถึง Skechers GO WALK ไม่ได้เลย ซีรีส์นี้โด่งดังในเรื่องของความเบาและความนุ่มสบายแบบสุดขีด ด้วยเทคโนโลยีพื้น Ultra GO™ ที่เบาและตอบสนองได้ดี ผสานกับ Comfort Pillar Technology® ที่เป็นปุ่มกลม ๆ ใต้ฝ่าเท้า ช่วยรองรับแรงกระแทกและส่งแรงคืนในทุกย่างก้าว ให้ความรู้สึกเหมือนมีหมอนนุ่ม ๆ มารองรับเท้าตลอดเวลา ดีไซน์แบบสลิปออน (Slip-on)
ยังทำให้สวมใส่ง่ายและสะดวกสบาย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการผูกเชือกรองเท้า
จุดเด่น:
- น้ำหนักเบามาก
- นุ่มสบายด้วยพื้น Ultra GO™ และ Comfort Pillar Technology®
- สวมใส่ง่ายแบบสลิปออน
- ราคาเข้าถึงง่าย
ราคาประมาณ: 2,500 – 4,990 บาท
2. Skechers GO RUN

แม้ชื่อจะบอกว่าเป็นรองเท้าวิ่ง แต่ซีรีส์ GO RUN ของ Skechers หลายรุ่นก็ยอดเยี่ยมสำหรับการนำมาใส่เดินในชีวิตประจำวันเช่นกัน โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีพื้น HYPER BURST® ซึ่งเป็นโฟมที่ผ่านกระบวนการพิเศษ ทำให้มีน้ำหนักเบาอย่างเหลือเชื่อ แต่ให้การตอบสนองและความทนทานที่สูงมาก ให้ความรู้สึกเด้งและสนุกในทุกก้าวเดิน
นอกจากนี้ยังมีแผ่นรอง Air-Cooled Goga Mat ที่ช่วยให้การลงน้ำหนักเป็นไปอย่างธรรมชาติและระบายอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากเพื่อน ๆ ชอบความรู้สึกที่เด้งและเบาสบาย Skechers GO RUN คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
จุดเด่น:
- พื้น HYPER BURST® เบา เด้ง และทนทาน
- แผ่นรอง Air-Cooled Goga Mat ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม
- น้ำหนักเบามาก
- มีหลากหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ
ราคาประมาณ: 2,790 – 3,490 บาท
3. Vans ComfyCush

สำหรับแฟน ๆ Vans ที่รักในทรงคลาสสิกอย่าง Old Skool หรือ Authentic แต่ต้องการความสบายที่มากกว่าเดิม Vans ComfyCush คือคำตอบที่ใช่ที่สุด เทคโนโลยีนี้คือการนำพื้นโฟมและยางมาหล่อขึ้นเป็นชิ้นเดียวกัน ทำให้ได้พื้นที่นุ่มขึ้นและเบาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงรักษารูปลักษณ์และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Vans ไว้อย่างครบถ้วน ภายในยังมีการบุเสริมเพื่อซัพพอร์ตอุ้งเท้าและลิ้นรองเท้าที่ยึดติดกับตัวรองเท้า ช่วยเพิ่มความกระชับ เป็นการอัปเกรดที่ทำให้เพื่อน ๆ สามารถใส่ Vans คู่โปรดเดินได้นานขึ้นโดยไม่เจ็บเท้าอีกต่อไป
จุดเด่น:
- คงดีไซน์คลาสสิกของ Vans ไว้ครบถ้วน
- พื้นนุ่มและเบากว่ารุ่นปกติอย่างชัดเจน
- มีการเสริมซัพพอร์ตอุ้งเท้า
- ใส่เดินได้นานขึ้น สบายขึ้น
ราคาประมาณ: 3,200 – 3,400 บาท
4. VANS ULTRARANGE EXO

ใครว่า Vans มีดีแค่รองเท้าสเก็ตบอร์ด? ขอแนะนำ VANS ULTRARANGE EXO ที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์เดิม ๆ ของแบรนด์ ด้วยการออกแบบมาเพื่อการเดินทางและการผจญภัยโดยเฉพาะ จุดเด่นคือพื้นชั้นกลาง UltraCush® Lite ที่ให้น้ำหนักเบาและนุ่มสบายอย่างเหลือเชื่อ แตกต่างจากพื้นวาฟเฟิลแบบเดิม ๆ อย่างสิ้นเชิง มาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัยและโครงสร้าง Exo Skeleton ที่ช่วยซัพพอร์ตเท้าในจุดที่สำคัญ
ทำให้เป็นรองเท้าที่พร้อมลุยไปกับเพื่อน ๆ ในทุกสถานการณ์ ตั้งแต่เดินชิลล์ในเมืองไปจนถึงเดินสำรวจเส้นทางใหม่ ๆ ในต่างจังหวัด เป็นการผสมผสาน DNA ของ Vans เข้ากับฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แอคทีฟได้อย่างยอดเยี่ยม
จุดเด่น:
- พื้น UltraCush® Lite เบาและนุ่มสบายมาก
- ดีไซน์ทันสมัย เหมาะกับการเดินทาง
- Exo Skeleton ช่วยเพิ่มการซัพพอร์ต
- พื้นยาง Waffle แบบ Reverse Lug ยึดเกาะได้ดี
ราคาประมาณ: 3,790 บาท
5. ASICS GEL-1130

อีกหนึ่งโมเดลที่ได้แรงบันดาลใจจากรองเท้าวิ่งยุค 2000s เช่นเดียวกับ Kayano 14 แต่มาในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า นั่นคือ ASICS GEL-1130 คือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างดีไซน์ที่สวยงามเหนือกาลเวลาและความสบายในการใช้งานจริง ด้วยเทคโนโลยี GEL™ บริเวณส้นเท้าที่ช่วยลดแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี และระบบ TRUSSTIC™ ที่ช่วยซัพพอร์ตกลางเท้า ทำให้มันเป็นรองเท้าที่เหมาะกับการใส่เดินในชีวิตประจำวันอย่างยิ่ง วัสดุที่เป็นผ้าตาข่ายโปร่งช่วยให้ระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อน ไม่อับชื้น เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเพื่อน ๆ ที่มองหารองเท้าผ้าใบใส่สบายเดินเยอะที่คุ้มค่าและมีสไตล์
จุดเด่น:
- ดีไซน์คลาสสิก สวยงาม หยิบมาแมตช์กับเสื้อผ้าได้ง่าย
- เทคโนโลยี GEL™ และ TRUSSTIC™ ให้การซัพพอร์ตที่ดี
- น้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดี
- ราคาเข้าถึงง่าย
ราคาประมาณ: 3,900 บาท
6. FITFLOP RALLY

แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องรองเท้าเพื่อสุขภาพอย่าง FITFLOP ก็มีสนีกเกอร์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน รุ่น RALLY มาในดีไซน์มินิมอลสุดคลาสสิกที่สามารถใส่ได้ทุกวัน แต่ซ่อนความสบายเอาไว้ในพื้น Anatomicush™ ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ มีความยืดหยุ่นสูงและรองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกเหมือนเดินบนอากาศ เป็นรองเท้าที่เรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริง
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสบายแบบไม่ต้องตะโกน สามารถแมตช์เข้ากับชุดทำงานหรือชุดลำลองได้อย่างลงตัว เป็นรองเท้าใส่สบายเดินเยอะสำหรับวันสบาย ๆ ที่ต้องการความคล่องตัวสูงสุด
จุดเด่น:
- พื้น Anatomicush™ เบาและยืดหยุ่นสูง
- ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ รองรับส่วนโค้งของเท้า
- ดีไซน์มินิมอล คลาสสิก
- น้ำหนักเบามาก
ราคาประมาณ: 5,290 บาท
7. ASICS GEL-Kayano 14

กลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้งสำหรับโมเดลสุดคลาสสิกจากยุค 2000s ที่เคยเป็นสุดยอดรองเท้าวิ่งสายซัพพอร์ต วันนี้ ASICS GEL-Kayano 14 ได้กลายเป็นสนีกเกอร์ไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสานกลิ่นอาย Y2K เข้ากับเทคโนโลยีความสบายที่ไม่เคยตกยุคได้อย่างลงตัว
ใครที่กำลังมองหารองเท้าที่ทั้งสวย มีสไตล์ และซัพพอร์ตเท้าได้ดีเยี่ยมในทุกย่างก้าว คู่นี้คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ
ด้วยเทคโนโลยี GEL™ ทั้งที่ส้นเท้าและปลายเท้า ช่วยดูดซับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม มาพร้อมกับระบบ TRUSSTIC™ ที่ช่วยเสริมความมั่นคงกลางฝ่าเท้า ทำให้เดินนาน ๆ แล้วไม่รู้สึกโอนเอนหรือเมื่อยล้าอุ้งเท้า บอกเลยว่าเป็นหนึ่งในรองเท้าที่ใส่สบายที่สุด ที่หยิบมาใส่ได้ทุกวันไม่มีเบื่อ
จุดเด่น:
- เทคโนโลยี GEL™ รองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม
- ดีไซน์ Retro Runner สไตล์ Y2K ที่กำลังฮิต
- TRUSSTIC™ System เพิ่มความมั่นคงให้กลางเท้า
- โครงสร้างแข็งแรง เหมาะสำหรับคนอุ้งเท้าปกติถึงเท้าแบน
ราคาประมาณ: 5,700 บาท
8. New Balance 1906R

พาเพื่อน ๆ ย้อนกลับไปสู่สไตล์ของรองเท้าวิ่งยุค 2000s อีกครั้งกับ New Balance 1906R ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในขณะนี้ ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและเต็มไปด้วยรายละเอียดทางเทคนิค แต่หัวใจของมันคือความสบายในการสวมใส่ พื้นชั้นกลาง ACTEVA LITE ผสานกับเทคโนโลยี N-ergy และ ABZORB SBS ที่ส้นเท้า ช่วยดูดซับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม มาพร้อมกับ Stability Web ที่พื้นชั้นนอกช่วยซัพพอร์ตอุ้งเท้า ทำให้เป็นรองเท้าที่เดินสนุก เดินสบาย และยังมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ชอบดีไซน์แบบ Y2K แต่ต้องการฟังก์ชันที่ทันสมัย
จุดเด่น:
- เทคโนโลยี N-ergy และ ABZORB SBS รองรับแรงกระแทกได้ดี
- ดีไซน์ Techy สไตล์ Y2K ที่โดดเด่น
- Stability Web ช่วยซัพพอร์ตอุ้งเท้า
- ระบายอากาศดี
ราคาประมาณ: 5,700 บาท
9. Hoka Clifton 9

หากพูดถึงรองเท้าพื้นหนาที่เบาอย่างไม่น่าเชื่อ ชื่อของรองเท้า Hoka ต้องมาเป็นอันดับแรก และ Clifton 9 คือรุ่นเรือธงที่ตอกย้ำชื่อเสียงนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้ภายนอกจะดูมีพื้นหนามาก แต่ด้วยเทคโนโลยีโฟม EVA แบบพิเศษ ทำให้มันมีน้ำหนักเบาจนน่าตกใจ การออกแบบพื้นรองเท้าแบบ Meta-Rocker ที่มีความโค้งมน ช่วยให้การถ่ายน้ำหนักจากส้นเท้าไปยังปลายเท้าเป็นไปอย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ (Smooth Ride) ลดภาระของกล้ามเนื้อน่องและฝ่าเท้าได้อย่างดีเยี่ยม
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องเดินเยอะ ๆ หรือมีอาการปวดรองช้ำ เป็นรองเท้าผ้าใบใส่เดินไม่เมื่อยที่แพทย์และนักกายภาพบำบัดหลายคนแนะนำ
จุดเด่น:
- พื้นหนาแต่น้ำหนักเบามาก
- รองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ลดภาระข้อต่อ
- ทรง Meta-Rocker ช่วยให้ก้าวเดินลื่นไหล
- ฐานรองเท้ากว้าง ให้ความรู้สึกมั่นคง
ราคาประมาณ: 5,990 บาท
10. Nike Vomero 5

หากเพื่อน ๆ คือแฟนของสนีกเกอร์สไตล์ “Dad Shoes” ที่มาพร้อมความสบายแบบเต็มพิกัด Nike Vomero 5 คือไอเทมที่ต้องมี! โมเดลนี้คือการกลับมาของรองเท้าวิ่งในอดีตที่ถูกปลุกชีพให้กลายเป็นแฟชั่นไอเทมสุดฮิต ด้วยเลเยอร์ที่ซับซ้อนและดีไซน์ที่มีมิติ แต่หัวใจหลักของมันคือความสบายจากเทคโนโลยี Zoom Air ที่ซ่อนอยู่ทั้งในส่วนหน้าและส่วนส้นเท้า ให้ความรู้สึกเด้ง ตอบสนองดีในทุกก้าวเดิน ผสานกับโฟม Cushlon ที่นุ่มนวล ทำให้มันเป็นรองเท้าที่เหมาะกับการเดินไกล ๆ หรือยืนนาน ๆ อย่างยิ่ง
แม้ดีไซน์จะดูใหญ่ แต่กลับมีน้ำหนักเบาอย่างน่าประหลาดใจ เป็นรองเท้าที่ใส่สบายที่สุดอีกคู่ที่สายแฟชั่นและสายสบายต้องหลงรัก
จุดเด่น:
- เทคโนโลยี Zoom Air เด้ง ตอบสนองดี
- ดีไซน์ Dad Shoes สุดเท่ มีเลเยอร์ซับซ้อน
- ซัพพอร์ตเท้าได้ดีและให้ความรู้สึกมั่นคง
- ระบายอากาศได้ดีด้วยผ้าตาข่าย
ราคาประมาณ: 6,000 บาท
11. ASICS GEL-Nimbus 10.1

คืนชีพตำนานจากปี 2008 สู่สนีกเกอร์ไลฟ์สไตล์ที่ยังคงยืนหนึ่งเรื่องความสบาย ASICS GEL-Nimbus 10.1 นำดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของรองเท้าวิ่งยุค 2000s กลับมาอีกครั้ง พร้อมมอบประสบการณ์ความนุ่มสบายขั้นสุดในทุกย่างก้าว โดดเด่นด้วยดีไซน์อัปเปอร์แบบอสมมาตร (Asymmetric) ที่ไม่เพียงแต่สวยงามแปลกตา แต่ยังออกแบบมาให้เข้ากับสรีระของเท้าอย่างเป็นธรรมชาติ
หัวใจสำคัญคือเทคโนโลยี GEL™ ที่จัดเต็มทั้งส่วนหน้าและส่วนหลังของเท้า ทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกได้อย่างไร้ที่ติ ผสานกับพื้นกลาง EVA สองชั้นและระบบ TRUSSTIC™ ที่ช่วยเสริมความมั่นคง ทำให้เป็นรองเท้าที่เหมาะกับการเดินหรือยืนนานๆ โดยไม่เมื่อยล้า
จุดเด่น:
- เทคโนโลยี GEL™ หน้า-หลัง รองรับแรงกระแทกเต็มประสิทธิภาพ
- ดีไซน์ Y2K สุดไอคอนิกด้วยอัปเปอร์แบบอสมมาตร
- ระบบ TRUSSTIC™ เพิ่มความมั่นคงและป้องกันเท้าบิด
- มอบความรู้สึกนุ่มสบายเหมือนเดินบนปุยเมฆ
ราคาประมาณ: 6,200 บาท
12. ASICS GEL-Nimbus 26

หากจะพูดถึง “รองเท้าแห่งความนุ่มสบาย” ชื่อของซีรีส์ GEL-Nimbus จาก ASICS ต้องติดอยู่ในอันดับต้น ๆ เสมอ และสำหรับรุ่นที่ 26 นี้ มันคือการยกระดับความสบายไปอีกขั้น ด้วยการใช้เทคโนโลยี PureGEL™ ที่นุ่มกว่าเดิมและดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่าที่เคย ผสานกับโฟม FF BLAST™ PLUS ECO ที่ให้ทั้งความนุ่มเด้งและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องยืนหรือเดินเป็นเวลานาน ๆ บนพื้นแข็ง เช่น พนักงานออฟฟิศ หรือคนที่ชอบเดินเที่ยวชมเมือง ความรู้สึกเมื่อสวมใส่เหมือนเดินอยู่บนปุยเมฆที่พร้อมจะซัพพอร์ตทุกย่างก้าว ทำให้เป็นรองเท้าผ้าใบใส่เดินไม่เมื่อยที่หลายคนยกให้เป็นที่หนึ่งในใจ
จุดเด่น:
- นุ่มสบายขั้นสุด เหมือนเดินบนเมฆด้วย PureGEL™
- โฟม FF BLAST™ PLUS ECO ให้ความเด้งและตอบสนองดี
- หน้าผ้า Engineered Knit ยืดหยุ่นและระบายอากาศดีเยี่ยม
- พื้นรองเท้ากว้าง ให้ความมั่นคงสูง
ราคาประมาณ: 6,500 บาท
13. Adidas Ultraboost

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Adidas Ultraboost คือหนึ่งในผู้ปฏิวัติวงการรองเท้าใส่สบายเดินเยอะ ด้วยเทคโนโลยีพื้น Boost ที่เป็นเม็ดโฟม TPU อัดแน่น ให้การคืนพลังงานและความนุ่มเด้งในระดับที่หาตัวจับยาก ความรู้สึกเมื่อสวมใส่เหมือนมีสปริงติดอยู่ที่เท้า ทำให้ทุกก้าวเดินเต็มไปด้วยพลังและลดความเมื่อยล้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนบนเป็นผ้า Primeknit ที่ยืดหยุ่นเหมือนถุงเท้า โอบรับตามรูปเท้าและระบายอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะใส่เดินเที่ยว ทำงาน หรือแม้แต่ออกกำลังกายเบา ๆ Ultraboost ก็พร้อมมอบประสบการณ์ความสบายขั้นสูงสุดให้เพื่อน ๆ ได้เสมอ เป็นรุ่นคลาสสิกที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
จุดเด่น:
- พื้น Boost คืนพลังงานสูง นุ่มและเด้งมาก
- หน้าผ้า Primeknit ยืดหยุ่นเหมือนถุงเท้า โอบรับเท้าได้อย่างกระชับ
- Torsion System ช่วยให้การลงน้ำหนักมั่นคง
- พื้นรองเท้าชั้นนอก Continental™ ยึดเกาะพื้นผิวได้อย่างดี
ราคาประมาณ: 6,500 – 7,000 บาท
14. New Balance 990v5

ก่อนจะมาถึง v6, New Balance 990v5 ได้สร้างมาตรฐานความสบายเอาไว้สูงมาก ด้วยการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายและทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งหัวใจหลักคือความสบายและความทนทาน จุดเด่นคือแผ่นพลาสติก TPU Power strap บริเวณข้อเท้าที่ช่วยเพิ่มความกระชับและซัพพอร์ตได้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับพื้น ENCAP และแผ่นรอง Ortholite ที่นุ่มสบายและช่วยจัดการความชื้นได้ดี
เป็นรองเท้าที่พร้อมรองรับทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเพื่อน ๆ ตั้งแต่การเดินไปทำงานจนถึงการเดินเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด เป็นรองเท้าผ้าใบใส่เดินไม่เมื่อยที่เชื่อถือได้เสมอ
จุดเด่น:
- TPU Power strap เพิ่มความกระชับ
- แผ่นรอง Ortholite นุ่มและจัดการความชื้น
- พื้น ENCAP เพื่อความมั่นคง
- ดีไซน์โมเดิร์นและมินิมอล
ราคาประมาณ: 8,500 – 10,900 บาท
15. On Cloudmonster

แบรนด์ดังจากสวิตเซอร์แลนด์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนใคร! On Cloudmonster คือรุ่นที่ให้การรองรับแรงกระแทกสูงสุดของแบรนด์ ด้วยก้อนเมฆ (CloudTec®) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผสานกับแผ่น Speedboard® ที่ช่วยส่งแรงไปข้างหน้าอย่างทรงพลัง ทำให้ได้ประสบการณ์การเดินที่ทั้งนุ่มและเด้งอย่างน่าทึ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่บนอากาศ
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการการซัพพอร์ตแบบเต็มพิกัด หรือคนที่ต้องเดินบนพื้นแข็งเป็นประจำ ดีไซน์ที่ล้ำสมัยและโดดเด่นยังทำให้มันเป็นสนีกเกอร์ที่ดูดีมีสไตล์อีกด้วย สำหรับใครที่สนใจสามารถลองมาอ่านรีวิวรองเท้า ON Cloudได้เพิ่มเติมใน Shopee Blog
จุดเด่น:
- CloudTec® ขนาดใหญ่ ให้การรองรับแรงกระแทกสูงสุด
- แผ่น Speedboard® ช่วยเพิ่มแรงส่ง
- ให้ความรู้สึกนุ่มและเด้งที่ไม่เหมือนใคร
- ดีไซน์ล้ำสมัย
ราคาประมาณ: 7,000 – 7,400 บาท
16. Salomon XT-Slate

สำหรับเพื่อน ๆ สายลุยที่ชื่นชอบสไตล์ Gorpcore และมองหารองเท้าที่พร้อมจะพาไปทุกที่ไม่ว่าจะในเมืองหรือบนเส้นทางเทรล Salomon XT-Slate คือตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง มันคือการนำรองเท้าวิ่งเทรลตัวท็อปมาปรับดีไซน์ให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพการใช้งานที่ยอดเยี่ยม ด้วยระบบ Agile Chassis™ System (ACS) ที่ให้ความมั่นคงสูงสุดบนทุกสภาพพื้นผิว ผสานกับพื้น Contagrip® ที่ยึดเกาะได้อย่างหนึบหนับ ไม่ว่าพื้นจะเปียกหรือแห้งก็เอาอยู่ ดีไซน์ที่ดูดุดันและเท่ไม่เหมือนใคร
ถือเป็นแฟชั่นไอเทมที่สะท้อนตัวตนของคนรักการผจญภัย และใครที่กำลังลังเลว่าจะซื้อรองเท้า Salomon รุ่นไหนดี รุ่นนี้ก็เป็นรุ่นที่น่าสนใจไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ เลย
จุดเด่น:
- ระบบ Agile Chassis™ System (ACS) ให้ความมั่นคงสูง ช่วยลดความเมื่อยล้าบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ
- พื้น Contagrip® แบบ All Terrain ยึดเกาะดีเยี่ยมในทุกสภาพพื้นผิว
- ดีไซน์เท่ มีเอกลักษณ์ในสไตล์ Gorpcore
- ทนทาน พร้อมลุยทุกสถานการณ์
ราคาประมาณ: 9,790 บาท
17. New Balance 993

อีกหนึ่งตำนานจากซีรีส์ 99x ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม New Balance 993 มีความโดดเด่นที่เป็นการผสมระหว่างรุ่น 991+992 โดยใช้เทคโนโลยีพื้นชั้นกลาง ABZORB DTS (Dynamic Transition System) ให้ทั้งการรองรับแรงกระแทกที่ดีเยี่ยมและความมั่นคงที่เหนือกว่า เป็นรองเท้าที่ให้ความรู้สึกแน่นและซัพพอร์ตอุ้งเท้าได้ดีมาก ๆ
หลายคนยกให้เป็นรองเท้าคู่ใจสำหรับการเดินท่องเที่ยวต่างประเทศที่ต้องเดินวันละหลายหมื่นก้าว ดีไซน์ที่ดูภูมิฐานและคลาสสิก ทำให้มันเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ สตีฟ จ็อบส์ ไปจนถึงเหล่าแฟชั่นนิสต้า
จุดเด่น:
- พื้น ABZORB DTS ให้การรองรับแรงกระแทกและความมั่นคงสูง
- Made in USA การันตีคุณภาพและวัสดุ
- ซัพพอร์ตอุ้งเท้าดีเยี่ยม
- ดีไซน์คลาสสิกเหนือกาลเวลา
ราคาประมาณ: 9,800 บาท
18. New Balance 990v6

“Worn by supermodels in London and dads in Ohio.” สโลแกนนี้บ่งบอกตัวตนของซีรีส์ 990 ได้ดีที่สุด มันคือการบรรจบกันของงานฝีมือระดับพรีเมียม, ความสบายขั้นสุด, และสไตล์ที่เหนือกาลเวลา สำหรับ New Balance 990 เวอร์ชัน 6 (v6) นี้ ได้มีการอัปเกรดพื้นชั้นกลางด้วยเทคโนโลยี FuelCell ที่ให้ความเด้งและตอบสนองได้ดีกว่าเดิม ผสานกับเทคโนโลยี ENCAP ที่ยังคงให้ความมั่นคงและทนทานตามแบบฉบับของ 990
เป็นรองเท้าที่ใส่สบายที่สุดที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา (Made in USA) ใช้วัสดุที่ดีที่สุดอย่างหนังกลับและผ้าตาข่าย แม้ราคาจะสูง แต่ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสุขภาพเท้าและสไตล์ที่ไม่มีวันเก่า
จุดเด่น:
- เทคโนโลยี FuelCell และ ENCAP ผสานความนุ่มเด้งและความมั่นคง
- วัสดุพรีเมียม Made in USA
- ดีไซน์คลาสสิกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
- ซัพพอร์ตเท้าได้ดีเยี่ยม เหมาะกับการเดินระยะไกล
ราคาประมาณ: 9,800 – 10,800 บาท
19. Norda 001

ที่สุดของรองเท้าวิ่งเทรลที่รวมเอานวัตกรรม วัสดุระดับพรีเมียม และแนวคิดเรื่องความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกัน Norda 001 ถูกออกแบบมาโดยไม่ลดมาตรฐานในทุกขั้นตอน อัปเปอร์ใช้ผ้า Dyneema® เส้นใยที่แข็งแรงที่สุดในโลก แต่น้ำหนักเบาและทนต่อการขีดข่วนได้ดีเยี่ยม พื้นชั้นกลางทำงานร่วมกับ Vibram® เพื่อมอบความนุ่มและการตอบสนองที่ยอดเยี่ยม ส่วนพื้นชั้นนอกเป็น Vibram® Megagrip ที่ยึดเกาะแน่นทุกสภาพพื้นผิว
แม้จะเป็นรองเท้าเทรล แต่ด้วยดีไซน์เท่และใส่สบายสุด ๆ หลายคนจึงเลือกใส่เป็นรองเท้าไลฟ์สไตล์คู่ใจที่พร้อมลุยได้ทุกวัน
จุดเด่น:
- อัปเปอร์ทำจาก Dyneema® แข็งแกร่งที่สุดในโลกและไร้รอยต่อ
- พื้นกลาง Norda™ x Vibram® SLE นุ่มและตอบสนองได้ดี
- พื้นนอก Vibram® Megagrip ยึดเกาะดีเยี่ยม
- วัสดุพรีเมียมและมีความยั่งยืน
ราคาประมาณ: 9,950 – 10,750 บาท
20. New Balance 990v3

ถือเป็นหนึ่งในเวอร์ชันที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาลของซีรีส์ 990 ด้วยรูปทรงที่ลงตัวและสมดุลที่สุด New Balance 990v3 คือผลงานชิ้นเอกที่ผสานความสบายและสไตล์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พื้นชั้นกลาง ENCAP และลิ้นรองเท้าที่หนานุ่ม ทำให้มันเป็นรองเท้าที่ใส่เดินแล้วสบายมาก ๆ ให้ความรู้สึกมั่นคงและโอบรับเท้าได้ดีเยี่ยม วัสดุหนังกลับพรีเมียมและงานประกอบ Made in USA คือสิ่งที่การันตีคุณภาพและความทนทาน
แม้จะมีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว แต่ 990v3 ยังคงเป็นที่ตามหาและเป็นที่รักของเหล่าสนีกเกอร์เฮดทั่วโลก ด้วยเสน่ห์ที่ยากจะหาใครเทียบ
จุดเด่น:
- รูปทรงสวยงามและสมดุลที่สุดในซีรีส์
- พื้น ENCAP ให้ความมั่นคงและทนทาน
- วัสดุพรีเมียม Made in USA
- เป็นที่ยอมรับในวงการแฟชั่น
ราคาประมาณ: 9,990 – 11,000 บาท
การเลือกรองเท้าผ้าใบใส่สบายเดินเยอะ ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแค่เพื่อน ๆ เข้าใจความต้องการของเท้าตัวเองและรู้จักองค์ประกอบสำคัญของรองเท้า ทั้งเรื่องวัสดุ, เทคโนโลยีพื้น, และการเลือกไซส์ที่ถูกต้อง จากลิสต์ รุ่นที่เราคัดสรรมาให้ มีตั้งแต่รองเท้าไลฟ์สไตล์สุดเท่ไปจนถึงรองเท้าที่เน้นฟังก์ชันการซัพพอร์ตแบบเต็มพิกัด ซึ่งครอบคลุมทุกความต้องการและงบประมาณ
สุดท้ายแล้ว รองเท้าที่ใส่สบายที่สุด ก็คือรองเท้าที่พอดีกับเท้าและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเพื่อน ๆ ได้ดีที่สุด อย่าลืมใช้ข้อมูลจากบทความนี้เป็นแนวทาง และไปลองสวมใส่ของจริงเพื่อหาคู่หูที่จะทำให้ทุกการเดินของคุณเต็มไปด้วยความสุขและความสบายอย่างแท้จริง และเมื่อเจอคู่ที่ใช่แล้ว ก็สามารถเข้ามาเลือกช้อปรองเท้าผ้าใบรุ่นต่าง ๆ ได้เลยที่ Shopee ที่มีให้เลือกครบทุกแบรนด์ดัง!
บทความแนะนำ: