หากจะพูดไปแล้วเทรนด์การทำสีผมต่าง ๆ นับว่าเป็นหนึ่งในแฟชั่นที่หลายคนให้ความสนใจกันมาก โดยเฉพาะสาวสายแฟชั่นที่มักจะเปลี่ยนสีผมกันบ่อย ๆ เพิ่มความสวยงาม และเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่รู้กันหรือไม่ว่ากว่าจะได้สีผมสวย ๆ ให้ได้ดั่งใจนั้น ต้องทำการฟอกหรือกัดสีผมเพื่อล้างสีผมเดิมออกให้หมดก่อน ยิ่งใครที่ชอบทำผมสีเทาหม่น หรือสีเข้ม ๆ อย่างสีทอง สีชมพู ก็ยิ่งต้องฟอกหรือกัดสีผมหลายรอบจึงค่อยเปลี่ยนสีผมใหม่ได้ ซึ่งก็ใช้เวลาเกือบทั้งวันกว่าจะเสร็จ แต่สีผมสวยก็มักจะอยู่กับเราได้ไม่ได้นาน มักจะหลุดเร็วเมื่อสระผมสีที่ทำไว้ก็จะหลุดตามไปด้วย จากผมสีสวย ๆ กลายเป็นผมสีเหลืองตามที่ฟอกผมไว้นั่นเอง แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย แชมพูม่วง ซึ่งเป็นแชมพูสำหรับคนทำสีผมโดยเฉพาะ ช่วยให้สีผมติดทนนานขึ้น วันนี้เราจะมาแนะนำ แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี ให้กับสาวสายแฟชั่นที่ชอบทำสีผม ซึ่งเราได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว!
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
รู้จักกับแชมพูม่วงคืออะไร?
สาว ๆ ที่เพิ่งเข้าวงการเทรนด์การทำสีผมใหม่ ๆ เชื่อว่าเมื่อได้ยินถึงแชมพูสีม่วง คงจะยืนงง ๆ ไม่รู้จักไม่รู้ว่าคืออะไร? แล้วแตกต่างกันยังไงกับแชมพูที่ใช้ทั่วไปยังไง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าแชมพูสีม่วงเหมาะสำหรับคนที่ทำสีผมโดยเฉพาะผมสีบลอนด์เป็นอย่างมาก แชมพูสีม่วง จะมีลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นสีม่วง มีคุณสมบัติในการช่วยลดเม็ดสีเหลือง สีส้ม และสีแดงในเส้นผมของเรา ช่วยให้สีผมยังคงติดทนนานยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วการทำสีผมนั้น จะอยู่ได้ไม่นานประมาณ 1-2 สัปดาห์ สีผมจะเริ่มค่อย ๆ หลุดออกจางลง จนกลายเป็นผมสีเหลืองที่ได้กัดหรือฟอกผมไว้นั่นเอง แต่แชมพูสีม่วงนั้นจะเข้าไปช่วยทำหน้าที่ในการชะลอไม่ให้เส้นผมกลับมาเป็นสีเหลือง ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าถ้าใครทำสีผมบ่อย ๆ ต้องกัดหรือฟอกสีผมให้เป็นสีเหลืองก่อนจะเปลี่ยนสีผมนั้น แนะนำให้แชมพูม่วง ใช้ตอนไหนก็ได้ที่สระผมแทนแชมพูทั่วไป เพียงแค่นี้สีผมสวย ๆ ก็จะอยู่กับเราไปได้อีกนาน
จำเป็นหรือไม่คนที่ทำสีผมต้องใช้แชมพูม่วง?
ทำไมต้องใช้แชมพูสีม่วง ? แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี ? ควรใช้แชมพูสระผมตอนไหน ? ล้วนแต่เป็นคำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัย หากถามว่าจำเป็นหรือไม่คนที่ทำสีผมต้องใช้แชมพูสีม่วง? ขอตอบเลยว่า ถ้าอยากให้สีผมที่ทำนั้นติดทนนานก็ควรต้องใช้แชมพูสีม่วง เนื่องจากหลักการทำงานของแชมพูสีม่วงจะสัมพันธ์กับทฤษฎีสี ถ้าหากอยากที่จะลดทอนความเหลืองของสีผม จำเป็นจะต้องเลือกใช้สีตรงกันข้ามกับสีเหลืองนั่นก็คือ “สีม่วง” เพื่อที่ช่วยปรับสีผมให้ไม่ดูเหลืองหรือส้มจนเกินไป และต้องเข้าใจด้วยว่าแชมพูสีม่วงไม่ได้ทำหน้าที่เปลี่ยนสีผม เพียงแค่ช่วยรักษาสีผมให้คงทนนานขึ้นเท่านั้นเอง
แชมพูม่วงเหมาะสำหรับผมสีอะไรมากที่สุด
เมื่อหลายคนเริ่มรู้จักแชมพูสีม่วงกันมาบ้าง จากการได้เห็น รีวิวแชมพูม่วง ตามเว็บไซต์ Facebook Youtube ฯลฯ ก็อาจจะเข้าใจผิดกันว่าแชมพูสีม่วงเหมาะสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ แต่ในความเป็นจริงนั้นต้องขอบอกว่า แชมพูสีม่วงจะเหมาะสำหรับคนที่ผ่านการฟอกหรือกัดสีผมมาอย่างหนักหน่วง เพื่อให้ได้สีผมโทนสว่างอย่างผมสีบลอด์ และใครที่อยากจะลดสีผมโทนสีเหลืองหรือสีส้มก็สามารถใช้แชมพูสีม่วงนี้ได้เช่นกัน แต่ในทางกลับกันคนที่ไม่ได้สีผมหรือไม่ได้ฟอกสีผมหากใช้แชมพูสีม่วง ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากการใช้แชมพูทั่วไป ดังนั้น แชมพูสีม่วง เหมาะสำหรับผมสีบลอด์โดยเฉพาะ
วิธีการใช้แชมพูสีม่วงสระผมต้องทำอย่างไร?
ถ้าถามว่าแชมพูม่วง ใช้ตอนไหน แล้วมีวิธีการใช้ยังไง ซึ่งต้องบอกว่าวิธีใช้นั้นก็ง่าย ๆ เหมือนกับการสระผมด้วยแชมพูทั่วไปเลย เพียงแค่ก่อนจะสระผมไม่ว่าจะเป็นแชมพูม่วงยี่ห้ออะไร ให้อ่านฉลากคำแนะนำและวิธีการใช้ที่ติดอยู่ข้างผลิตภัณฑ์ เนื่องจากบางยี่ห้อจะมีวิธีการใช้ที่ไม่เหมือนกัน อาทิเช่น แชมพูม่วงบางยี่ห้อก็ใช้เหมือนกับแชมพูทั่วไป คือเมื่อสระแล้วก็ล้างออกทันที แต่บางยี่ห้อให้สระแล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อให้ส่วนผสมของแชมพูทำปฏิกิริยากับเส้นผมก่อน นอกจากนี้แชมพูม่วงบางยี่ห้อก็ยังมีครีมนวดหรือทรีทเม้นท์บำรุงผมให้ใช้ควบคู่กัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีได้ทั้งสีผมติดทนนานขึ้น และผมยังนุ่มสลวยสวย ไม่แห้งเสียอีกด้วย
11 แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี ใช้ดี สีติดทนนาน ไม่หลุดลอกง่าย
เอาล่ะ!! สาว ๆ ที่ชอบทำสีผมบลอด์ทอง และอยากให้สีผมสวย ๆ ติดทนนานให้คุ้มค่ากับเวลาและเงินที่หมดไปกับการทำสีผม เตรียมจดลิสต์! 11 แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี กันได้เลย เพราะวันนี้เราจะมารีวิวแชมพูม่วงว่าแต่ละยี่ห้อนั้นมีจุดเด่นอะไรบ้าง น่าสนใจแค่ไหน ตามเราไปดูกันเลยจ้า
1. แชมพูม่วง Dcash
เปิดลิสต์แชมพูม่วงแรกกันที่ยี่ห้อ Dcash เป็นยี่ห้อดังที่คนทำสีผมรู้จักเป็นอย่างดี มีผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมให้เลือกหลากหลายประเภท ตอบโจทย์ทุกเรื่องของเส้นผม และหนึ่งในนั้นจะมี แชมพูม่วง Dcash Salon Expert Platinum Silver ซึ่งได้รับความนิยมจากคนทำสีผมเลือกใช้กันมากเป็นอันดับต้น ๆ เหมาะสำหรับผมทำสีออกโทนสีเทาหรือสีสว่าง ๆ อย่างสีขาว สามารถใช้แชมพูขวดนี้ได้ เพื่อให้ประกายสีเทานั้นติดทนนานยิ่งขึ้น และยังช่วยบำรุงเส้นผมตั้งแต่โคนจรดปลายผมได้อย่างล้ำลึก ด้วยสูตรผสมผสานกับเคราตินที่คืนโปรตีนสู่เส้นผม ช่วยฟื้นฟูบำรุงเส้นผมแห้งเสียหลังจากการทำสี หรือผมแตกปลายให้กลับมาแข็งแรง สุขภาพผมดี แนะนำให้ควบคู่ไปกับคอนดิชั่นเนอร์ทุกครั้งหลังสระผม เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
- ขนาดและราคา: 250 ml 159 บาท
- ราคาต่อ 100 ml: 63.6 บาท
2. Schwarzkopf Goodbye Yellow
ต่อมาเป็นตัวที่นิยมเหมือนกันคือยี่ห้อ Schwarzkopf แชมพูม่วงรุ่น Goodbye Yellow เป็นยี่ห้อดังที่คนทำสีผมรู้จักเป็นอย่างดี แบรนด์ดังจากประเทศเยอรมันนี้มีผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมให้เลือกหลากหลายประเภท และเค้าพัฒนาสินค้าออกมาใหม่เสมอ สำหรับตัวนี้ แชมพูม่วง Schwarzkopf Goodbye Yellow สำหรับคนทำผมสีโทนบลอนด์ด้วยประสิทธิภาพสูงในการปรับสีผมช่วยคงความกระจ่างชัดของสีหรือไฮไลท์บนสีผม มีFibrebond Tecnology Inside ช่วยในการเชื่อมต่อบอนด์ผม บำรุงลึกถึงระดับโครงสร้างเส้นผม ไม่มีซัลเฟตเป็นส่วนผสมที่จะทำให้ผมแห้งเสียเร็ว มีค่าpH4.5 อ่อนโยนสำหรับผู้ที่มีหนังศรีษะแพ้ง่าย และอ่อนโยนมากต่อผมทำสีโทนสว่าง หรือ ผมฟอก สามารถสระได้ทุกวันเหมือนแชมพูปกติ หรือสระแล้วชโลมทิ้งไว้ 20-30นาที เพื่อปรับผมให้มีสีหม่นเทากลับมาได้สัปดาห์ละครั้ง
และสำหรับใครที่ทำผมสีโทนน้ำตาล เค้าก็มี Schwarzkopf Goodbye Orange ให้เลือกซ์้อมาใช้เพื่อเติมเม็ดสีน้ำเงินเขียว ลดไรส้มแดง ด้วยนะ
- ขนาดและราคา: 300 ml 354 บาท
- ราคาต่อ 100 ml: 118 บาท
3. แชมพูม่วง Lolane Pixxel Color
สาว ๆ คนไหนชอบเปลี่ยนสีผมตามเทรนด์ต่าง ๆ ควรต้องมีไอเทมคู่ใจอย่าง แชมพูม่วง Lolane ซึ่งเป็นหนึ่งในยี่ห้อแชมพูม่วงที่หลายคนนิยมเลือกใช้กันมาก ด้วยความที่แชมพู Lolane มีให้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกการทำสีผม ไม่ว่าคุณจะทำผมสีเทา สีโทนม่วง สีโทนฟ้า และสีโทนชมพู หลังจากทำสีผมไปแล้วเริ่มรู้สึกว่าผมสีจางลงไม่เปล่งประกาย สามารถใช้แชมพูม่วง Lolane Pixxel Color Refresh Shampoo เลือกตามสีผมของคุณได้ จะช่วยเติมประกายสีเทาให้กับเส้นผม พร้อมบำรุงผมให้สุขภาพดีขึ้น ปราศจากส่วนผสมของแอมโมเนียและไฮโดรเจน ทำให้สระผมแล้วไม่มีกลิ่นฉุนจากแอมโมเนีย มั่นใจได้ว่าเส้นผมจะปลอดภัย แถมยังแข็งแรงและผมนุ่มสลวยกว่าเดิมอีกด้วย
- ขนาดและราคา: 250 ml 222 บาท
- ราคาต่อ 100 ml: 88.8 บาท
4. แชมพูม่วง Tresemme Color Radiance & Repair
เรามาต่อกันด้วย แชมพูม่วง Tresemme เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่หลายคนถามกันบ่อย ๆ ว่าจะเลือกซื้อแชมพูม่วงยี่ห้อไหนดี Pantip มักจะแนะนำให้เลือกใช้เป็นแชมพูยี่ห้อ Tresemme ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่น ช่วยล็อคสีผมให้สด ติดทนได้นานยิ่งขึ้น สีผมไม่จืดจางและเปลี่ยนเป็นสีเหลือง นอกจากจะช่วยรักษาสีผมให้ติดทนแล้วก็ยังช่วยบำรุงเส้นผมให้ด้วย ถ้าใครผมแห้งเสีย ผมแข็งกระด้าง แตกปลาย โดยสาเหตุมาจากการทำสีผม หรือโดนแสงแดดมากเกินไป ถ้าใช้แชมพูม่วงขวดนี้ ก็สามารถช่วยได้ทั้งล็อคสีผม และยังเป็นตัวบำรุงผมได้อย่างล้ำลึก เนื่องจากแชมพูม่วง Tresemme มีสารสกัดมาจาก Plant Placenta และ Color Radiance Booster ทำให้ช่วยฟื้นฟูบำรุงและลดการเกิดผมเสียได้ถึงรากผม แนะนำให้ใช้ควบคู่กับครีมนวดผม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นทวีคูณ
- ขนาดและราคา: 220 ml 270 บาท
- ราคาต่อ 100 ml: 122 บาท
5. แชมพูม่วง Schwarzkopf Bonacure Color Freeze
มาดูผลิตภัณฑ์อีกตัวดังจากแบรนด์ Schwarzkopf ซึ่งแชมพูม่วง Schwarzkopf Bonacure Color Freeze นี้เค้าพึ่งปรับปรุงใหม่ เห็นได้ชัดจากรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนจากขวดเรียวสีชมพู เป็นขวดเรียวเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนพื้นเป็นสีขาวและใช้ตัวอักษรสีชมพูแทน มีความโดดเด่นตอบโจทย์รักษาสีผมไปทางม่วงเทาของคนทำสีผมได้ดี สำหรับคนที่มีปัญหาเส้นผม การทำฟอกหรือกัดสีผมเพื่อเปลี่ยนให้เป็นโทนสีเทา หรือผมสีโทนสว่าง ด้วยคุณสมบัติของแชมพูที่จะเข้าไปช่วยลดค่าของสีเหลืองน้อยลง แต่จะเพิ่มความประกายให้กับผมโทนสีเทาหรือสีสว่าง ๆ ให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น และสีผมยังติดทนยาวนานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้แชมพูม่วง Schwarzkopf ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ผมแห้งเสียจากการทำสีผมให้กลับมานุ่มลื่น ดูเงางามได้อีกด้วย
- ขนาดและราคา: 250 ml 415 บาท
- ราคาต่อ 100 ml: 166 บาท
6. แชมพูม่วง Dipso Color Pack
ใครเคยเจอปัญหาจากการทำสีผมกันบ้าง? ไม่ว่าจะเป็น สีผมติดทนไม่นาน แป๊บเดียวสีผมก็จางเปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองเหมือนตอนที่ฟอกหรือกัดสีผมซะงั้น หรือผมแห้งกร้านเปราะบาง ขาดหลุดร่วงง่าย ซึ่งใครที่กำลังเจอกับปัญหาเหล่านี้ แชมพูม่วง Dipso ช่วยคุณได้ จัดเป็นไอเทมคู่ใจสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ ซึ่งมาในรูปแบบซองให้พกพาสะดวก โดยแชมพู Dipso มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มประกายสีเงินสว่างให้กับสีผม ทำให้สีผมไม่หลุดร่วงได้ง่าย ใครที่แพ้ง่ายก็ใช้แชมพูม่วงขวดนี้ได้เช่นกัน เพราะเป็นแชมพูแบบออร์แกนิค จึงมั่นใจความปลอดภัยว่าจะไม่ทำร้ายเส้นผมแน่นอน มีแต่จะช่วยบำรุงเส้นผมให้สวยงามและมีสุขภาพผมที่ดี
- ขนาดและราคา: 20 ml 45 บาท
- ราคาต่อ 100 ml: 225 บาท
7. แชมพูม่วง L’Oreal EVERPURE
L’Oreal นับว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ดังคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก มีผลิตภัณฑ์มากมายที่เกี่ยวกับความงาม ตั้งแต่หัวจรดเท้า และแน่นอนว่าผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการดูแลเส้นผม ก็ได้รับความนิยมจากหลายคนไม่น้อย ที่ไว้วางใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ แชมพูม่วง L’Oreal มีให้เลือกด้วยกันหลากหลายสูตร เหมาะสำหรับผมสีต่าง ๆ แต่จะมีคุณสมบัติที่เหมือนกัน ช่วยลดค่าความเข้มของสีเหลืองหรือสีส้มได้เป็นอย่างดี และช่วยรักษาความคงทนของสีผมให้ติดทนได้นานยิ่งขึ้น ด้วยส่วนผสมพิเศษของกรดอะมิโนและแมกนีเซียม ซึ่งจะช่วยรักษาความชัดและความสว่างของสีผมให้ติดนานกว่าเดิม พร้อมกับบำรุงเส้นผมไปในตัว ช่วยให้ผมนุ่มลื่น มีน้ำหนัก แลดูสุขภาพผมดี ที่สำคัญยังใช้สระผมได้ทุกวัน
- ขนาดและราคา: Shampoo & Conditioner รวม 400 ml 559 บาท
- ราคาต่อ 100 ml: 139.75 บาท
8. แชมพูม่วง Yougee Anti Yellow Shampoo
ถ้าอยากได้แชมพูม่วงเน้นราคาถูก ประสิทธิภาพการใช้ดี แนะนำให้เลือกเป็นแชมพูม่วง Yougee มาในรูปแบบซองขนาดเล็ก สามารถใช้ได้ทั้งหลังฟอกสีผมและก่อนทำสีผม หรือใช้สระผมแทนแชมพูทั่วไปได้ทุกวัน เพื่อช่วยรักษาสีผมให้ติดคงทนนานยิ่งขึ้น เพราะแชมพูม่วงตัวนี้จะช่วยลดไรเหลืองของสีผม เพิ่มความประกายของสีผมให้ดูเด่นมากขึ้น เหมาะสำหรับคนทำสีผมโทนเทา หรือโทนออกหม่น ๆ วิธีการใช้ก็ง่าย ๆ เพียงแต่ชโลมแชมพูให้ทั่วผม จากนั้นก็นวดให้ทั่วศีรษะหมักทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที โดยสังเกตว่าประกายเหลืองลดลงแล้ว ให้ใช้น้ำสะอาดล้างออกได้ทันที และถ้าใครถามว่าแชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี pantip แนะนำให้เลือกยี่ห้อ Yougee ทั้งดีและถูกคุ้มค่าราคามาก ๆ
- ขนาดและราคา: 30 ml 20 บาท
- ราคาต่อ 100 ml: 66 บาท
9. แชมพูม่วง Farger Anti-Yellow
สำหรับแชมพูม่วง Farger นับว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ยอดฮิต ที่มีความโดดเด่นในผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม จึงทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลาย และใครที่มีปัญหาสีผมจืดจาง หลุดลอกออกเร็ว แนะนำให้ซื้อแชมพูม่วงติดบ้านไว้ใช้ได้เลย ซึ่งแชมพูม่วง Farger จะมีคุณสมบัติช่วยล้างไรเหลือง ช่วยปรับพื้นที่สีผมให้พร้อมก่อนที่จะย้อมสีผมตามต้องการ เหมาะสำหรับการทำสีผมประกายเทาหรือประกายหม่น ทำให้สีผมติดทนได้นานมากขึ้น และด้วยส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ ทำให้ผมไม่แห้งเสียหลังจากใช้ แต่กลับให้ผมนุ่มลื่น เงางามมากขึ้น ใครกำลังมองหาผลิตภัณฑ์แชมพูม่วงดี ๆ เพื่อดูเส้นผมให้ดูสวยเป็นธรรมชาติ ห้ามพลาด! แชมพูม่วง Farge ลองแล้วคุณจะติดใจ
- ขนาดและราคา: 250 ml 175 บาท
- ราคาต่อ 100 ml: 70 บาท
10. แชมพูม่วง Joico Color Balance Purple
แชมพูม่วงจากแบรนด์ Joico ซึ่งเป็นแบรนด์ที่อยู่ในเครือของ Shiseido และเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่หลายคนรีวิวแชมพูม่วง ด้วยความโดดเด่นของนวัตกรรม Multi-Spectrum Defense Complex™ ที่ช่วยควบคุมความเข้มโทนสีประกายเหลืองหรือทอง แล้วเพิ่มความเข้มให้กับโทนสีผมสีบลอนด์หรือผมประกายเทามีความโดดเด่นชัดมากยิ่งขึ้น สาวคนไหนที่ทำผมลอนด์หรือผมประกายเทา และไม่อยากจะให้ผมจืดจางเร็ว ควรต้องใช้แชมพูม่วงเพื่อช่วยให้สีผมติดทน ช่วยล็อคสีผมให้เหมือนเพิ่งทำสีผมมาใหม่ ๆ และช่วยฟื้นฟูจากผมแห้งเสีย แข็งกระด้าง ให้คืนความนุ่มลื่น สวยงาม กลับมามีสุขภาพผมที่ดีได้อีกด้วย
- ขนาดและราคา: 300 ml 470 บาท
- ราคาต่อ 100 ml: 156 บาท
11. แชมพูม่วง Vikada
สุดท้ายแชมพูม่วงจากแบรนด์ Vikada เหมาะสำหรับลดประกายสีเหลือง สามารถใช้ได้ทั้งในขั้นตอนการฟอกสีผม ป้องกันไรส้มไรเหลือง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจะทำผมสีเทาหรือโทนหม่น นอกจากนี้ยังนำมาใช้สระผมเหมือนแชมพูทั่วไปได้ทุกวันอีกด้วย จะช่วยล็อคความชัดเข้มของสีผมให้ติดคงทนนานยิ่งขึ้น โดยการสระผมนั้นควรต้องหมักทิ้งไว้ประมาณ 5-7 นาที ค่อยล้างด้วยน้ำสะอาด เพียงแค่นี้สีผมก็จะดูชัดเป็นประกายมากขึ้น สาวคนไหนชอบทำสีผมบ่อย ๆ แนะนำให้ซื้อแชมพูม่วงติดบ้านไว้สักขวด รับรองคุ้มกว่าการต้องเสียเวลาและเงินไปทำสีผมใหม่แน่นอน ที่สำคัญคือแชมพูม่วงตัวนี้ ราคาถูก จับต้องได้มากๆ!
- ขนาดและราคา: 275 ml 58 บาท
- ราคาต่อ 100 ml: 21 บาท
แชมพูม่วงยี่ห้อไหนดี ซื้อเลย! สายแฟชั่นชอบทำสีผม ต้องมีติดบ้าน
เมื่อจดลิสต์แชมพูม่วงครบทั้ง 11 ยี่ห้อ ตามที่ Shopee Blog ได้รวบรวมนำมาแชร์ในกันวันนี้ หวังว่าจะช่วยให้สาว ๆ ตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อ แชมพูม่วง ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะสำหรับเส้นผมของตัวเองมากที่สุด ก็ต้องบอกว่าแชมพูม่วงแต่ละยี่ห้อนั้น มีเอกลักษณ์ จุดเด่น และส่วนผสมที่แตกต่างกันไป ใครชอบและถูกใจยี่ห้อไหนก็ไปหากันได้ตามร้านค้าทั่วไปหรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และถ้าสาว ๆ คนไหนอยากมีผมสุขภาพดี นุ่มสวย แนะนำให้เว้นระหว่างการทำสีผม อย่าทำสีบ่อยจนเกินไป อย่างน้อยก็ให้เว้น 1-2 เดือน เพื่อให้เส้นผมได้พักจากสารเคมี และควรหมั่นบำรุงเส้นผมด้วยการหมักด้วยทรีทเม้นท์หรืออบไอน้ำผม หากต้องทำผมโดยใช้ความร้อน ควรใช้ สเปรย์กันความร้อนผม เพื่อปกป้องไม่ให้ผมโดนทำร้ายจนมากเกินไปและเสียเร็ว ส่วนใครที่มีปัญหาผมขาดหลุดร่วงหนักมาก ควรเลือกใช้แชมพูสำหรับผมร่วงโดยเฉพาะ หรือหาตัวช่วยอย่างวิตามินบำรุงผมมารับประทานก็จะช่วยให้ผมแข็งแรงมีสุขภาพดี หรือใครที่ทำสีผมบ่อยแล้วผมร่วงก็ต้องซื้อแชมพูลดผมร่วงมาใช้ก็จะช่วยไปอีกขั้น