เคยได้คำนี้ไหม? “สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง” การที่คนเราจะมีสุขภาพที่ดีได้นั้น ต้องเริ่มจากการที่ดูแลตัวเองด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ มีการพักผ่อนอย่างเพียงพอ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และทำจิตใจให้แจ่มใส แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้ชีวิตประจำวันของคนเรานั้น ต้องทำงานและมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย จนบางครั้งไม่สามารถดูแลสุขภาพได้ ซึ่งนั้นก็เป็นสาเหตุที่ส่งผลต่อสุขภาพหรือโรคต่าง ๆ ตามมา อย่างถ้าใครที่มีปัญหาผิวหนัง เล็บ หรือผมร่วงบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายของเรากำลังขาดวิตามิน B7 หรือ ไบโอติน (Biotin) อยู่หรือเปล่า วันนี้ Shopee พาทุกคนมารู้จักกับ ไบโอติน (Biotin) คืออะไร? เมื่อกินไบโอตินแล้วจะช่วยเรื่องอะไรบ้าง พร้อมกับแนะนำ 8ไบโอติน ยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรง มาแนะนำเพื่อให้คุณได้เลือก มาดูกัน
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
รู้จักกับ “ไบโอติน (Biotin)” วิตามินที่ไม่ควรมองข้าม
ไบโอติน (Biotin) ที่หลายคนรู้จักในชื่อวิตามิน B7 หรือเรียกว่า วิตามินเอช เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ละลายในน้ำได้ เป็นวิตามินที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องการบำรุงรักษาเส้นผม ผิวหนัง และเล็บ ซึ่งไบโอตินก็เปรียบเสมือนอาหารของเส้นผม เนื่องจากเส้นผมจะมี “โปรตีนเคราติน” เป็นองค์ประกอบหลัก ดังนั้นการกินไบโอตินจึงช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพแข็งแรง โดยแหล่งของไบโอตินก็พบในอาหารจำพวกโปรตีน เช่น ไข่แดง ธัญพืช ตับวัว และข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี เป็นต้น
ไบโอติน (Biotin) ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
ก่อนที่เราจะอ่านรีวิว ไบโอติน ยี่ห้อไหนดี สิ่งแรกที่ควรรู้คือ ไบโอติน (Biotin) มีสรรพคุณช่วยในเรื่องอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้รู้ว่าตัวเราเองควรต้องกินไบโอตินหรือไม่ หรือถ้ารับกินไบโอตินจะได้รับประโยชน์อย่างไรบ้าง ก็ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลย
- ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดอาการขาดร่วง
- บรรเทาอาการปวดเมื่อยล้าตามกล้ามเนื้อของร่างกาย
- ช่วยป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะล้าน
- ป้องกันและบำรุงรักษาเล็บเปราะบาง ฉีกขาด ให้แข็งแรงมากขึ้น
- ช่วยระบบเผาผลาญของร่างกาย และยังช่วยลดกลูโคสในเลือดได้ด้วย
- ช่วยบรรเบาอาการผดผื่นผิวหนังอักเสบ และผดผื่นคันต่าง ๆ ตามร่างกายได้
ไบโอติน ควรกินตอนไหนให้ผลดีที่สุด
กินไบโอตินตอนไหน เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิต ต้องบอกว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุดในการรับประทานไบโอติน คือ ตอนเช้าหลังจากตื่นนอน เพราะว่าเป็นช่วงเวลาที่ท้องว่างมากที่สุด จะช่วยทำให้เกิดการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เป็นอย่างดีและรวดเร็วมากกว่าปกติ ดังนั้น ถ้าจะให้แนะนำว่าควรกินไบโอตินตอนไหนดี ต้องบอกว่า “ตอนเช้า” เป็นเวลาที่ดีและเหมาะสมมากที่สุด และควรหลีกเลี่ยงการกินไบโอตินก่อนเข้านอน เพราะไบโอตินเป็นหนึ่งในกลุ่มของวิตามินบี เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว อาจจะทำให้นอนไม่หลับได้
ทริกในการเลือกซื้ออาหารเสริม ไบโอติน (Biotin)
ไบโอติน ยี่ห้อไหนดี? คงไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนัก เพราะสิ่งสำคัญจะอยู่ที่ว่าก่อนตัดสินใจซื้อควรจะต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง เพื่อที่ได้อาหารเสริมไบโอติน (Biotin)ที่ดีและปลอดภัยต่อร่างกาย เรามีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกันด้วย ดังนี้
1. ตรวจฉลากและส่วนผสมของอาหารเสริม
ก่อนซื้ออาหารเสริมทุกประเภท สิ่งแรกที่ควรพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเลือกไบโอติน ยี่ห้อไหนดีนั่นก็คือ การอ่านฉลากส่วนผสมของอาหารเสริม Biotin ยี่ห้อนั้น ๆ ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง อย่างถ้าใครมีอาการแพ้กลูเตน ควรหลีกเลี่ยงถั่วเหลือง อาหารเสริม Biotin ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมถั่วเหลือง ฉะนั้น ถ้าใครหาส่วนผสมที่ได้จากธรรมชาติ แนะนำให้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไบโอติน ที่มีส่วนผสมของ ลูทีน สารสกัดจากใบชาเขียว ซีลีเนียมและอื่น ๆ ที่สำคัญควรอ่านสลากก่อนซื้อทุกครั้ง ข้อนี้สำคัญมาก!!!
2. ตรวจเช็กส่วนผสมมีไบโอตินในปริมาณที่เหมาะสม
ควรอ่านอาหารเสริม Biotin ให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจซื้อ! มีส่วนประกอบของไบโอตินในปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งร่างกายคนเราต้องการไบโอตินประมาณ 50 mcg เพราะถ้ารับประทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะส่งผลต่อร่างกายได้
3. รูปแบบผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Biotin
อาหารเสริมไบโอติน (Biotin) มีทั้งในรูปแบบที่เป็นเม็ดยา และในรูปแบบเป็นแคปซูล หรือซอฟท์เจล โดยจะมีข้อดีและข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน อย่างถ้าเป็นรูปแบบเม็ดยาทั่วไปราคาไม่แพง รับประทานได้ยากมากกว่า แต่ถ้าในรูปแบบแคปซูลหรือซอฟท์เจล ราคาแพงมาก รับประทานได้ง่ายมากกว่า และค่อย ๆ ดูดซึมอย่างช้า ๆ จึงทำให้ร่างกายเราสามารถรับวิตามินได้อย่างเต็มที่
เปิดลิสต์ 8 ไบโอติน ยี่ห้อไหนดี 2023 ตัวช่วยเรื่องผมให้แข็งแรง
เอาล่ะ! เมื่ออ่านทำความเข้าใจและรู้จักไบโอติน (Biotin) กันไปแล้ว คราวนี้หลายคนเริ่มตั้งคำถามกันแล้วว่าจะเลือกซื้อ Biotin ยี่ห้อไหนดี อาหารเสริมที่จะมาช่วยบำรุงเส้นผม บำรุงเล็บ บำรุงผิวพรรณ ช่วยระบบเผาผลาญเพื่อเพิ่มพลังงานและการทำงานของร่างกาย วันนี้ Shopee คัดมาให้แล้ว 8 ไบโอติน ยี่ห้อไหนดี 2023 มาให้ได้พิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ
1. Blackmores Biotin H+
ถ้านึกถึงอาหารเสริมไบโอติน ยี่ห้อไหนดี ขอแนะนำ Blackmores นับเป็นแบรนด์ยอดนิยมที่หลายคนเลือกซื้อ สำหรับอาหารเสริม Blackmores Biotin H+ ตัวนี้ช่วยในการดูแลบำรุงเส้นผมแบบครบวงจร มั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้ เพราะส่วนผสมได้มาจากสารสกัดจากธรรมชาติและวิตามิน มีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น สาหร่าง เคลป์ สารสกัดเมล็ดข้าวฟ่าง สนหางม้า สารสกัดจากพริก และชาขาว เป็นต้น ยังมีวิตามินซีและวิตามินอี ที่มาช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนการเกิดริ้วรอยแห่งวัย และช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งดูมีออร่า จึงเป็นอาหารเสริมไบโอตินอีกยี่ห้อที่อยากแนะนำให้สำหรับคนที่ปัญหาผมขาดหลุดร่วง ควรต้องลอง!
รายละเอียด Blackmores Biotin H+
- ราคา: 785 บาท
- ปริมาณ: 60 เม็ด
- ความเข้มข้นไบโอติน: 150 ไมโครกรัม
- วิธีรับประทาน: วันละ 1 เม็ดพร้อมอาหาร
- ช่องทางการซื้อ: Blackmores Official Shop บน Shopee Thailand หรือร้านอื่น ๆ
2. Vistra L-Cysteine Plus Biotin
Vistra L-Cysteine Plus Biotin ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไบโอตินจากแบรนด์ Vistra ที่ช่วยบำรุงเส้นผม ลดการหลุดล่วงของเส้นผม ป้องกันเล็บเปราะบาง แห้ง ฉีกง่าย ช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรง และผิวพรรณให้มีสุขภาพที่ดี ด้วยส่วนผสมสำคัญ L-Cysteine ที่ทำหน้าที่ในการช่วยดูดซับสารพิษในร่างกาย พร้อมด้วย Zinc สารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเส้นผม กระตุ้นการเจริญของเส้นผม ช่วยในการกำจัดสารพิษต่าง ๆ ที่เข้ามาทำลายเซลล์ในการสร้างเส้นผม และมีไบโอติน ช่วยลดปัญหาผมร่วง เสริมสร้างทำให้ผมแข็งแรงตั้งแต่โคลนจรดปลาย ป้องกันปัญหาผมบาง เปราะขาด และผมแตกปลาย ถ้าจะให้เราแนะนำไบโอติน ยี่ห้อไหนดี ที่ช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้ดี ยี่ห้อ Vistra เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
รายละเอียด Vistra L-Cysteine Plus Biotin
- ราคา: 420 บาท
- ปริมาณ: 30 เม็ด
- ความเข้มข้นไบโอติน: 150 ไมโครกรัม
- วิธีรับประทาน: วันละ 1 เม็ดพร้อมอาหาร
- ช่องทางการซื้อ: Vistra Official Shop บน Shopee Thailand หรือร้านอื่น ๆ
3. CHAMÉ Collagen Tripeptide Plus Biotin
สาว ๆ คนไหนอยากต้องการอาหารเสริมเพื่อบำรุงผิวพรรณ พร้อมดูแลเส้นผมให้แข็งแรง นุ่มสลวยสวย ต้องนี่เลย CHAMÉ Collagen Tripeptide Plus Biotin จากแบรนด์ CHAMÉ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มาในรูปแบบผงพร้อมชงดื่ม เพียงแค่ฉีกซองแล้วเทลงแก้ว เติมน้ำเย็นหรืออุณหภูมิน้ำปกติ 120-150 มล. ชงให้เข้ากันพร้อมดื่มได้ทันที รสชาติหอม อร่อย ไม่คาว แถมมีส่วนผสมสำคัญอย่าง คอลลาเจนไตรเปปไทด์จากญี่ปุ่น 7,000 มก. ที่เปรียบเสมือนเป็นเคราตินที่มาช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เส้นผม ที่ได้ผสมผสานกับกับไบโอติน และวิตามิน แร่ธาตุอื่น ๆ รวมกว่า 18 ชนิด ที่มาช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง สามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ผมเกิดใหม่ ผมมีน้ำหนักเงางาม และยังช่วยลดอาการผมขาดหลุดร่วงได้ อีกทั้งสูตรนี้ยัง 0% ไขมัน ไม่มีน้ำตาล รสชาติอร่อย หอมกลิ่นบลูเบอร์รี่ ไม่คาว ใครที่ไม่ชอบการทานอาหารเสริมแบบเม็ด แนะนำยี่ห้อนี่เลย
รายละเอียด CHAMÉ Collagen Tripeptide Plus Biotin
- ราคา: 1,450 บาท
- ปริมาณ: 30 ซอง
- ความเข้มข้นไบโอติน: 150 ไมโครกรัม
- วิธีรับประทาน: ฉีกซองเทลงใส่ เติมน้ำเย็นหรืออุณหภูมิน้ำปกติ 120-150 มล. ชงดื่มได้เลย
- ช่องทางการซื้อ: CHAMÉ Official Shop บน Shopee Thailand หรือตัวแทนจำหน่าย
4. Neocell Super Collagen + C 6000mg with Biotin
ใครที่กำลังมองหาอาหารเสริมที่มีส่วนผสมไบโอตินและคอลลาเจน แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อไบโอติน ยี่ห้อไหนดีน้า แนะนำตัวนี้เลย Neocell Super Collagen + C 6000mg with biotin จากแบรนด์ Neocell ซึ่งเป็นแบรนด์จากสหรัฐอเมริกาที่ขึ้นชื่อและขายดีสุด ๆ ตัวนี้ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากคอลลาเจนเป็บไทป์บริสุทธิ์ 100% ที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบไฮโดรไลเสท ที่มีความบริสุทธิ์สูง กรดอะมิโนต่ำ และโมเลกุลขนาดเล็กที่สุด ทำให้สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียน สุขภาพดี ชะลอการเกิดริ้วรอย ยังได้ผสมกับวิตามินซีในการช่วยดูดซึมและสร้างคอลลาเจน พร้อมไบโอตินที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง นุ่มสลวย ดูเงางาม มีเล็บที่แข็งแรงไม่หักเปราะง่าย และทานง่าย ไม่มีกลิ่นคาว ไม่มีรสชาติ
รายละเอียด Neocell Super Collagen + C 6000mg with biotin
- ราคา: 459 บาท
- ปริมาณ: 90 เม็ด
- ความเข้มข้นไบโอติน: ไม่ระบุ
- วิธีรับประทาน: ครั้งละ 3 เม็ด 2 ครั้งต่อวัน ขณะท้องว่าง ก่อนอาหาร 30 นาที
- ช่องทางการซื้อ: Neocell Official Shop บน Shopee Thailand หรือตัวแทนจำหน่าย
5. Now Biotin Veg Capsules
ใครที่มีปัญหาผมหลุดหนักมาก ต้องการจะหาตัวช่วยเพื่อบำรุงผมให้แข็งแรงตั้งแต่โคลนจรดปลายผม ต้องนี่เลย Now Biotin Veg Capsules จากแบรนด์ Now Foods ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ได้รับความไว้วางใจจากคนมาเป็นเวลายาวนาน ออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับที่คนที่ขาดไบโอตินโดยเฉพาะ ด้วยส่วนผสมของไบโอตินที่เข้มข้นสูง 10,000 ไมโครกรัม ยังมีวิตามินบีรวมและวิตามินรวมที่ช่วยทำงานเสริมกันให้กับบี 2 บี 6 ไนอะซิน และวิตามินเอ ในการรักษาสุขภาพผิวพรรณ อีกทั้ง สามารถละลายน้ำได้ดี จึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ในระบบเผาผลาญต่อได้อย่างรวดเร็ว ถ้าใครแพ้ถั่วเหลือง สามารถทานได้ เพราะตัวนี้ไม่มีส่วนผสมข้าวสาลี กลูเตน ถั่วเหลือง นม ไข่ ปลา หอย ถั่วเปลือกแข็ง หรือส่วนผสมงา และถ้าอยากให้เห็นผลรวดเร็ว แนะนำให้ทานติดตามกันอย่างน้อย 3 – 4 สัปดาห์ และคนที่ทานมังสวิรัติสามารถทานได้
รายละเอียด Now Biotin Veg Capsules
- ราคา: 350 บาท / 450 บาท / 650 บาท / 990 บาท
- ปริมาณ: 100 เม็ด / 60 เม็ด / 120 เม็ด / 120 เม็ด
- ความเข้มข้นไบโอติน: 1,000 ไมโครกรัม / 5,000 ไมโครกรัม / 5,000 ไมโครกรัม / 10,000 ไมโครกรัม
- วิธีรับประทาน: วันละ 1 แคปซูลพร้อมอาหาร
- ช่องทางการซื้อ: ร้านแนะนำ บน Shopee Thailand หรือร้านอื่น ๆ
6. DHC Biotin
DHC Biotin อาหารเสริมยอดนิยมจากประเทศญี่ปุ่น ที่คนไทยหลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยแบรนด์ DHC มีอาหารเสริมวางขายให้เลือกหลากหลายชนิด แต่ถ้าใครที่มีปัญหาเรื่องผมร่วง มีผมหงอกก่อนวัย เล็บอ่อนแอฉีกขาดง่าย แนะนำให้ทาน DHC Biotin ซองสีชมพูตัวนี้เลย มาในรูปแบบวิตามินละลายช้า เพื่อช่วยให้ร่างกายได้ดูดซึมไบโอตินได้อย่างเต็มที่ ส่วนผสมของไบโอติน 500 ไมโครกรัม เหมาะกับคนที่มีปัญหาเส้นผมขาดหลุดร่วงเยอะ ผมแห้งแตกปลาย ผมหงอกก่อนวัยอันควร รวมถึงคนที่มีปัญหาเล็บฉีกขาดง่าย นอกจากนี้วิตามินตัวนี้ยังช่วยบำรุงปลายประสาท เสริมการทำงานของระบบเผาผลาญ ลดปัญหาสิว ผิวหนังอักเสบและผดผื่นคันได้ด้วย
รายละเอียด DHC Biotin
- ราคา: 145 บาท / 163 บาท
- ปริมาณ: 30 เม็ด / 60 เม็ด
- ความเข้มข้นไบโอติน: 500 ไมโครกรัม
- วิธีรับประทาน: วันละ 1 เม็ด หลังอาหาร
- ช่องทางการซื้อ: ร้านแนะนำ บน Shopee Thailand หรือร้านอื่น ๆ
7. Nature’s Bounty Extra Strength Hair, Skin and Nails
ไบโอติน ยี่ห้อไหนดี ที่เน้นบำรุงเส้นผมตั้งแต่โคลนจรดปลายผม ลดปัญหาผมร่วง ผมหงอกก่อนวัยอันควร ช่วยบำรุงผิวพรรณ และเล็บมือให้แข็งแรง เราแนะนำวิตามิน Nature’s Bounty Extra Strength Hair, Skin and Nails แบรนด์ดังจากสหรัฐอเมริกา อาหารเสริมตัวนี้จัดเต็มระดับความเข้มข้น Biotin สูง 5,000 ไมโครกรัม ก็อุดมไปด้วยวิตามิน A วิตามิน B1, B2, B6, B12 วิตามิน C วิตามิน D วิตามิน E ซิงค์ (Zinc) และยังมีส่วนผสมอื่น ๆ อย่าง Argan Oil, คอลลาเจน และกรดไฮยา จึงช่วยบำรุงเส้นผมให้เส้นผมแข็งแรง ผมดำเงางามสวยงาม ผิวพรรณชุ่มชื้น เนียนนุ่ม ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และเสริมสร้างให้เล็บมือแข็งแรง ไม่ฉีกขาดง่ายอีกด้วย ถ้าอยากสวยครบจบในเม็ดเดียว ต้องจัดไบโอตินตัวนี้เลย!
รายละเอียด Nature’s Bounty Extra Strength Hair, Skin and Nails
- ราคา: 815 บาท
- ปริมาณ: 250 เม็ด
- ความเข้มข้นไบโอติน: 5,000 ไมโครกรัม
- วิธีรับประทาน: วันละ 3 ซอฟต์เจล ทุกวัน
- ช่องทางการซื้อ: ร้านแนะนำ บน Shopee Thailand หรือร้านอื่น ๆ
8. 21st Century Biotin
ใครต้องการอาหารเสริมบำรุงเส้นผม คุณภาพดีจัดเต็มด้วยความเข้มข้นไบโอติน และราคาย่อมเยา ซื้อไบโอติน ยี่ห้อไหนดี ต้องนี่เลย 21st Century Biotin แบรนด์สหรัฐอเมริกา ที่มาพร้อมความเข้มข้นของไบโอติน ที่มีให้เลือกอยู่ที่ 800, 5,000 และ 10,000 ไมโครกรัม และแคลเซียม 90 กรัม ที่ช่วยลดอาการผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย แก้ปัญหาผมบาง ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เล็บเปราะฉีกขาดง่าย เปลี่ยนจากผิวหนังที่แห้งกร้านให้ผิวนุ่มเรียบเนียม กระดูกและฟันแข็งแรง บรรเทาอาการผื่น ผิวหนังอักเสบ ผดผื่นคัน และช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ด้วย
รายละเอียด 21st Century Biotin
- ราคา: 159 บาท / 298 บาท
- ปริมาณ: 110 เม็ด
- ความเข้มข้นไบโอติน: 800 ไมโครกรัม / 5,000 ไมโครกรัม
- วิธีรับประทาน: วันละ 1 เม็ดพร้อมอาหาร
- ช่องทางการซื้อ: ร้านแนะนำ บน Shopee Thailand หรือร้านอื่น ๆ
เป็นยังไงกันบ้างหลังจากที่ได้อ่าน การรีวิวอาหารเสริมไบโอติน (Biotin) จนครบทั้ง 8 ยี่ห้อที่เราได้คัดมาเลือกนำมาฝากกันในบทความนี้ หวังว่าจะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้แล้วจะเลือกไบไอติน ยี่ห้อไหนดี ซึ่งแต่ละยี่ห้อมีความเข้มข้นของ Biotin แตกต่างกันไป รวมถึงส่วนผสมอื่น ๆ ใครที่รู้ตัวว่าร่างกายขาด Biotin เราแนะนำให้เลือก Biotin ที่มีความเข้มข้นสูงในระดับ 5,000 – 10,000 mcg เลยก็ได้ แต่ถ้าใครที่เน้นบำรุงแนะนำให้เลือกทานยี่ห้อที่มี Biotin ความเข้มข้นน้อย ๆ สำหรับใครต้องการมองหาอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ เราได้รีวิวไว้เพียบ มีทั้ง แนะนำ 10 วิตามินรวมยี่ห้อไหนดี หรือ อาหารเสริม ลดพุง ยี่ห้อไหนดี ติดตามอ่านบทความได้ที่ Shopee Blog