เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในประเทศไทย เครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ จึงกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน ทั้งในบ้านและที่ทำงาน ซึ่งการทำความรู้จักและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศจะเป็นประโยชน์สำหรับการเลือกซื้อ การบำรุงรักษา และการซ่อมแซม ด้วยเพราะแอร์ในท้องตลาดมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อและหลายรุ่น รวมถึงหลายขนาด จึงจำเป็นที่คุณจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานและสถานที่ และหากคุณกำลังมองหาแอร์บ้านยี่ห้อไหนดีอยู่นั้น ก่อนตัดสินใจซื้อมาอ่านบทความนี้จากเรากันก่อน Shopee มีแอร์ยี่ห้อไหนดีประหยัดไฟที่คุณภาพดีมาแนะนำ พร้อมวิธีเลือกซื้อแอร์ให้เป็นว่าต้องพิจารณาอะไรบ้าง มาดูกันเลยว่า แอร์ยี่ห้อไหนดี 2023 ที่ว่านั้นจะมีรุ่นไหนบ้างที่น่าซื้อน่าใช้ แถมช่วยประหยัดเงินได้อีกด้วย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ แอร์ยี่ห้อไหนดี 2023 ต้องดูอะไรบ้าง ?
1. BTU (หน่วยวัดปริมาณความร้อน)
ก่อนจะเลือกซื้อแอร์บ้านยี่ห้อไหนดีนั้น สิ่งแรกที่ต้องดูเลยคือ BTU หรือหน่วยพลังงานมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ทำความเย็น หนึ่งตันทำความเย็นเท่ากับ 12000 บีทียู/ชม. เราควรเลือกซื้อแอร์ด้วยการเลือก BTU กับขนาดห้องที่เหมาะสม เนื่องจากเครื่องปรับอากาศที่มี BTU สูงมักจะหยุดวงจรคอมเพรสเซอร์บ่อยขึ้น เพิ่มระดับความชื้นในห้อง และทำงานหนักขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่ออุณหภูมิห้องไม่ตรงกับการตั้งค่า จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไป นอกจากไม่ช่วยประหยัดไฟแล้วอาจทำให้ต้องจ่ายค่าไฟมากขึ้นด้วย ตัวอย่างการเลือก คือ หากห้องของคุณมีขนาด 15-17 ตร.ม. ควรเลือกแอร์รุ่นไหนดีที่มี BTU 9500-11000 หากมีห้องขนาด 18-20 ตร.ม. ควรเลือกแอร์ที่มี BTU 12000-13500 หรือถ้าห้องขนาดใหญ่ 34-44 ตร.ม. ก็ต้องเลือกแอร์ที่มี BTU สูงสุดคือ 24000-26500 เป็นต้น
2. เทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์
ระบบปรับอากาศที่ปรับอุณหภูมิห้อง การควบคุมความชื้นให้สมดุล และควบคุมอุณหภูมิโดยอัตโนมัตินั้น จะทำงานภายใต้โปรแกรมไมโครคอมพิวเตอร์ ที่ได้รับการออกแบบมาให้เป็นไปตามการตั้งค่าบนรีโมทคอนโทรลโดยอัตโนมัติ และทำงานตามการตั้งค่าที่เรากำหนด เช่น เมื่ออุณหภูมิห้องถึงระดับที่ตั้งโปรแกรมไว้ คอมเพรสเซอร์จะชะลอความเร็วรอบแทนที่จะหยุดวงจรทั้งหมด คุณภาพนี้ทำให้ระบบอินเวอร์เตอร์เหนือกว่าระบบอื่น ๆ เพราะคอมเพรสเซอร์จะหยุดหมุนเมื่ออุณหภูมิถึงระดับที่ต้องการ และจะเริ่มหมุนอีกครั้งเมื่ออุณหภูมิห้องสูงขึ้น ทำให้ลดการใช้พลังงานได้มาก และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลง ซึ่งเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์นั้นจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน หากต้องการแอร์ยี่ห้อไหนดีประหยัดไฟ ก็ต้องเลือกที่มีเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์
3. เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)
เครื่องหมาย มอก. ย่อมาจาก เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไทย เป็นเครื่องหมายที่รับรองผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นคำแนะนำในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย ทั้งยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีความพร้อมของอะไหล่ในกรณีที่มีการซ่อมแซม และมีมาตรฐานเท่าเทียมกันในการใช้งานและบำรุงรักษา รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มี มอก. นั้นหมายถึงมีคุณภาพสูงและราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อความปลอดภัยในการเลือกซื้อแอร์ยี่ห้อไหนดี อย่าลืมเลือกที่มีเครื่องหมายมอก. เป็นอย่างแรก
4. ตัวกรอง PM 2.5
PM 2.5 เป็นอนุภาคในชั้นบรรยากาศที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร ซึ่งละเอียดมากจนมองไม่เห็นด้วยตา เพื่อให้อากาศภายในบ้านของคุณบริสุทธิ์จึงควรเลือกซื้อแอร์บ้านยี่ห้อไหนดีที่มีตัวกรอง PM 2.5 จะได้รับการพัฒนาสำหรับระบบปรับอากาศแบบอินเวอร์เตอร์ และสามารถกรองอนุภาคสกปรกในบรรยากาศได้ตั้งแต่ฝุ่นละออง ขนสัตว์ ควันบุหรี่ และสารก่อภูมิแพ้จากแบคทีเรีย ที่ล้วนแล้วแต่ส่งผลเสียต่ออาการแพ้และระบบทางเดินหายใจของคุณ เพื่อให้อากาศในบ้านสะอาดและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นควรเลือกที่มีตัวกรองฝุ่น PM 2.5
5. ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5
การจะเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใด ๆ ก็ตาม รวมถึงเครื่องปรับอากาศนั้น ควรเลือกที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เพราะหมายความว่านั่นคือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่ได้มาตรฐานตามที่ กฟผ. และกระทรวงพลังงานกำหนด โดยฉลากประหยัดไฟนั้นจะมีระดับตั้งแต่เบอร์ 1 ถึงเบอร์ 5 และเบอร์ 5 คือระดับที่ประหยัดไฟมากที่สุด การเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 นั้น คือหนึ่งสิ่งที่ผู้บริโภคอย่างเราเอาไว้ตัดสินใจเวลาเลือกซื้อ เพื่อให้การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านประหยัดค่าไฟได้มากที่สุด นอกจากนี้แล้วฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ยังช่วยให้เราคำนวณค่าใช้จ่ายโดยประมาณต่อปีได้ด้วย ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพในการช่วยประหยัดพลังงานได้มากน้อยแค่ไหน ทำให้เราสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น
วิธีเลือก BTU แอร์ตามขนาดห้อง
BTU | ห้องไม่โดนแดด | ห้องโดนแดด |
9000 BTU | 12- 15 ตร.ม. | 11 – 14 ตร.ม. |
12000 BTU | 16 – 20 ตร.ม. | 14 – 18 ตร.ม. |
18000 BTU | 24- 30 ตร.ม. | 21 – 27 ตร.ม. |
21000 BTU | 28 – 35 ตร.ม. | 25 – 32 ตร.ม. |
24000 BTU | 32 – 40 ตร.ม. | 28 – 36 ตร.ม. |
25000 BTU | 35 – 44 ตร.ม. | 30 – 39 ตร.ม. |
การที่เราได้รู้ถึงวิธีในการพิจารณาและตัดสินใจก่อนจะเลือกซื้อแอร์ยี่ห้อไหนดีประหยัดไฟได้นั้น ก็เพื่อให้เราพร้อมที่จะใช้งานและบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศของเราได้อย่างเต็มศักยภาพ และรู้จักพิจารณาข้อสำคัญต่าง ๆ ในการเลือกซื้อ อย่าลืมเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณที่มีด้วย และหากคุณกำลังมองหาแอร์รุ่นไหนดีประหยัดไฟ มาดูกันว่าแอร์ยี่ห้อไหนดีที่มีคุณภาพสูงและราคาสมเหตุสมผล ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน และประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณได้อีกด้วย จะมียี่ห้อไหน รุ่นไหนบ้าง มาดูกันเลย
รีวิว แอร์ยี่ห้อไหนดี 2023 ช่วยประหยัดไฟ
1. Carrier Inverter GEN-Z R32
คุณสมบัติ
- CARRIER แอร์ติดผนังระบบอินเวอร์เตอร์รุ่น INVERTER GEN-Z R32 มาพร้อมระบบ ICE CLEANING ระบบที่ทำความสะอาดตัวเองแบบละลายน้ำแข็ง
- มีการแสดงอุณหภูมิการตั้งค่าที่ตัวเครื่อง
- มาพร้อมการทำงานด้วยระดับเสียงที่เงียบกว่าเดิม สามารถปรับส่งลมอัตโนมัติ ขึ้นลง ซ้ายขวา ได้ 4 ทิศทาง
- ทนทานทุกสภาพอากาศ และช่วยประหยัดพลังงานเพราะมีระบบ Inverter
- มีแผ่นฟอกอากาศชนิดพิเศษ Electrostatic IFD filter ช่วยกรองฝุ่นและให้ความเย็นที่สะอาดได้มากกว่า ให้คุณสัมผัสความเย็นได้อย่างทั่วถึง
- ราคาประมาณ : ขนาด 9800 BTU 10,999 บาท
2. Toshiba Magic Cool R32
คุณสมบัติ
- TOSHIBA แอร์ติดผนังรุ่น MAGIC COOL R32 ที่มีโหมด Hi-Power ทำให้ห้องของคุณเย็นขึ้นอย่างรวดเร็ว
- ระบบ 3D Airflow ส่งลมเย็นได้ทั่วถึงทั้งห้องและทุกจุดที่ต้องการ
- ช่วยกรองอากาศให้สะอาดเพราะมีระบบ Automatic Self-Cleaning ทำความสะอาดตัวเองอัตโนมัติ ด้วยพัดลมที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง 30 นาทีหลังปิดเครื่อง เพื่อไล่ความชื้นและลดกลิ่นอับ ให้เราได้อากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์
- เป็นหนึ่งในแอร์ยี่ห้อไหนดีประหยัดไฟที่อยากแนะนำ เพราะมีฉลากรับประกันเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว ที่ให้ความเย็นที่คุ้มค่า
- ราคาประมาณ : ขนาด 9200 BTU 8,999 บาท
3. Hisense CD Series
คุณสมบัติ
- เครื่องปรับอากาศติดผนัง Hisense รุ่น CD Series Hisense ที่มาในระบบ Super cooling ให้ความเย็นเร็วแม้ว่าอุณหภูมิภายนอกจะสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส ช่วยให้ประหยัดไฟได้ดี
- สามารถปรับระดับความเร็วพัดลมได้ 5 ระดับ และคอยล์เย็นที่ใช้เป็นท่อทองแดงที่ทนทาน ถ่ายเทความเย็นได้ดีกว่า
- มีระบบเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับอุณหภูมิที่รีโมทควบคุม ช่วยตรวจจับอุณหภูมิห้องได้แม่นยำกว่า ให้ห้องเย็นสบาย
- มีระบบป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับชื้น ทำให้ห้องของคุณสะอาดยิ่งขึ้น
- ราคาประมาณ : ขนาด 8797 BTU 8,890 บาท
อ้างอิง: hisense.co.th
4. MDV MDVG-09CRN8-QC6
คุณสมบัติ
- ถ้ากำลังมองหาแอร์รุ่นไหนดีที่ประหยัดไฟและราคาไม่แพง แนะนำ MDV เครื่องปรับอากาศติดผนังระบบ Fixed Speed ที่มั่นใจได้ว่าช่วยประหยัดพลังงาน
- มีมาตรฐานประหยัดไฟเบอร์ 5 มาในดีไซน์สวยงาม
- มีระบบ Turbo Mode ทำความเย็นได้เร็ว ช่วยเพิ่มความสบายได้ยิ่งขึ้น
- มาพร้อมกับระบบการกรอง 2 ชั้น ให้คุณได้อากาศบริสุทธิ์ สะอาด ปกป้องสมาชิกในบ้านของคุณ
- แผงคอยล์เคลือบสารสีทอง ทนทาน ป้องกันฝุ่น และป้องกันการเกิดสนิม ทำให้มีคุณภาพมากกว่าแผงคอยล์ทั่ว ๆ ไป ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นคงที่มากขึ้นในระยะยาวอีกด้วย
- ราคาประมาณ : ขนาด 9000 BTU 5,990 บาท
5. TCLFEBA1 Inverter New Elite Series
คุณสมบัติ
- เครื่องปรับอากาศติดผนัง TCLFEBA1 ระบบ Inverter New Elite Series ที่ช่วยประหยัดไฟสูงสุด และลดการสูญเสียพลังงาน
- มาพร้อมระบบกระจายความเย็นแบบ 3 มิติ 4 ทิศทาง ให้เย็นทั่วถึงทั้งห้อง
- Turbo Cool ระบบเร่งความเย็นให้เร็วขึ้น 47% เพียงปลายนิ้วสัมผัส ช่วยเซฟพลังงานได้
- ทั้งยังมีนาโนฟิลเตอร์ที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์
- มีฟังก์ชันการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ให้ห้องสะอาดและอากาศบริสุทธิ์อีกด้วย
- ราคาประมาณ : ขนาด 9000 BTU 8,690 บาท
6. Central Air IFE-SERIES R32
คุณสมบัติ
- แอร์บ้านยี่ห้อไหนดีที่เป็นที่นิยม แนะนำ CENTRAL AIR แอร์ติดผนังรุ่น IFE-SERIES R32 ที่มาพร้อมมาตรฐานประหยัดไฟ เบอร์ 5 มั่นใจได้ในคุณภาพ
- มีระบบช่วยลดความอับชื้นและการเกิดเชื้อรา ลดการสึกกร่อนของฟิน ทำให้ยืดอายุการใช้งานและยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย
- มาพร้อมแผ่นฟอกอากาศแบบ Catechin Filter เคลือบสารสกัดจากชาเขียว ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและไวรัส ทําให้อากาศภายในห้องสะอาดและสดชื่น
- ราคาประมาณ : ขนาด 9280 BTU 8,799 บาท
7. Hisense Inverter T-Series
คุณสมบัติ
- เครื่องปรับอากาศติดผนัง Hisense Inverter แอร์ดีและมีคุณภาพ หากต้องการแอร์รุ่นไหนดี แนะนำอีกหนึ่งรุ่นคือ T-Series lSuper cooling ที่ให้ความเย็นเร็วแม้ว่าอุณหภูมิภายนอกจะสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส
- มาพร้อมระบบทำความสะอาดตัวเอง ง่าย ๆ เพียงปุ่มสัมผัส
- ประกอบด้วยแผ่นกรอง 4 แบบ สามารถกำจัดฝุ่นละอองเกสรที่มีอนุภาคเล็ก 0.3 ไมครอน และเล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 สามารถกรองได้ถึง 99.97% ให้คุณมั่นใจว่าจะได้อากาศที่สะอาดสดชื่น ช่วยรักษาสุขภาพของทุกคนในครอบครัว
- มีคอยล์เย็นเคลือบสารเคมีซึ่งมีสีทองบนครีบคอยล์ เพื่อช่วยป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำ เกลือ และอากาศที่เป็นกรด เพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ และยังช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมาก
- ราคาประมาณ : ขนาด 9500 BTU 11,490 บาท
อ้างอิง: hisense.co.th
8. Fujitsu Excellence
คุณสมบัติ
- ถ้ามองหาแอร์บ้านยี่ห้อไหนดีที่ช่วยประหยัดไฟและใช้ในห้องขนาดใหญ่ แนะนำ Fujitsu แอร์ญี่ปุ่นที่มาในระบบธรรมดา Excellence แบบเปิดปุ๊บเย็นปั๊บ
- มาพร้อมฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
- มีระบบสวิง 4 ทิศทาง ขึ้นลง ซ้ายขวา ด้วยบานสวิงที่เปิดกว้างทำให้ส่งลมได้ไกล ให้คุณรู้สึกได้ถึงไอเย็นฉ่ำ และรู้สึกเย็นเร็วมากขึ้น
- ทั้งยังมั่นใจได้ในอากาศที่สะอาดและสดชื่น เพราะมีแผ่นฟอกอากาศบริสุทธิ์ ช่วยกำจัดเชื้อโรค แบคทีเรีย และเชื้อรา
- ราคาประมาณ : ขนาด 13900 BTU 11,999 บาท
อ้างอิง: .fujitsu-general.com
9. Mitsubishi Heavy Duty Fighting Inverter
คุณสมบัติ
- MITSUBISHI HEAVY DUTY แอร์ติดผนัง รุ่น Fighting Inverter (YXP) ที่ช่วยให้คุณประหยัดไฟได้ด้วยโหมดประหยัดพลังงาน
- ด้วยการทำงานแบบพลังสูง ทำให้เครื่องสามารถทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 15 นาที ทำให้ได้อุณหภูมิตามที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว เซฟพลังงานได้มาก
- มีระบบ Sleep Timer ที่ลดความสามารถในการทำความเย็นหรือทำความร้อนเพื่อประหยัดพลังงานในขณะที่กำลังนอนหลับอีกด้วย
- ทันสมัยด้วยระบบกระจายลมแบบ JET FLOW เทคโนโลยีเดียวกับใบพัดในเครื่องยนต์เจ็ท ที่ทำให้สามารถส่งลมไปได้ในระยะไกล ให้ความเย็นได้อย่างทั่วถึงทั้งห้องโดยที่ไม่กินไฟ
- ราคาประมาณ : ขนาด 9000 BTU 15,600 บาท
อ้างอิง: mitsubishielectric.com
10. Saijo Denki Smart Cool R32
คุณสมบัติ
- SAIJO DENKI แอร์ติดผนังรุ่น SMART COOL R32 ที่เป็นแอร์ Smart Cool เพราะมีแผงคอยล์ร้อนขนาดใหญ่ช่วยระบายอากาศได้ดี ทำให้แอร์เย็นเร็ว เย็นจัด และช่วยรักษาอุณหภูมิในห้อง แม้อุณหภูมิภายนอกจะสูงถึง 55 องศาเซลเซียสก็ตาม
- มาพร้อมแผงฟอกอากาศที่สามารถกรองฝุ่นละเอียดได้ดี และระบบฟอกอากาศถอดล้างทำความสะอาดง่าย จึงช่วยลดการเกิดฝุ่นที่สกปรกสะสม ให้บ้านของคุณได้อากาศที่สะอาดบริสุทธิ์
- ทั้งยังประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงถึง 2 ดาว ให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นแบบเต็มที่ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยให้ประหยัดไฟได้สูง
- ราคาประมาณ : ขนาด 9563 BTU 8,999 บาท
อ้างอิง: Saijo Denki
หวังว่าคงจะได้คำตอบไปแล้วสำหรับหลายคนที่กำลังมองหาแอร์ราคาถูก และอยากรู้ว่าแอร์ยี่ห้อไหนดี ซึ่งแอร์แต่ละแบรนด์ก็มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่แตกต่างกันไปเพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ประหยัดพลังงาน และใช้งานได้ยาวนานนั่นเอง แต่ที่สำคัญเราจะต้องเลือก BTU เครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับห้องของเราก่อน หากห้องเล็ก ๆ ก็เลือกแอร์ 9000 BTU ก็พอ เพื่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับใครอยากล้างแอร์ด่้วยตัวเอง อ่านวิธีล้างแอร์แบบง่ายๆ ที่ Shopee Blog ได้เลย