อีกหนึ่งเรื่องสิวๆที่มักเป็นปัญหากวนใจสาวๆก็คือ สิวที่คาง ต้องบอกก่อนว่า สิว มักจะเกิดขึ้นซ้ำๆ และเกิดขึ้นได้ในหลายๆ จุด ซึ่งสิวที่ขึ้นตามจุดต่างๆ บนใบหน้าก็สื่อว่าร่างกายเรามีระบบการทำงานในแต่ละส่วนที่ผิดปกตินั่นเอง และหนึ่งจุดที่สาวๆ หลายคนมักเจอ ก็คือสิวที่คางหรือบริเวณตามขากรรไกร แถมยังเป็นที่ที่มักจะขึ้นซ้ำๆ และรักษายากเลยทีเดียว สาเหตุมาจากไหน ดูแลยากง่ายและแก้ไขยังไงได้นั้นตามมาดูกันเลย
สิวที่คางเกิดจากอะไร
1.ฮอร์โมน
สำหรับสาเหตุหลักๆ ของสิวที่ที่คางนั้นก็คือ สิวฮอร์โมนนั่นเอง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นช่วงที่ภาวะฮอร์โมนของเราแปรปรวน โดยเกิดจากการทำงานผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อซึ่งส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเพศชายหรือแอนโดรเจนเพิ่มสูงขึ้น และไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันที่ใบหน้าผลิตไขมันออกมามากกว่าปกติ จนไปอุดตันรูขุมขนแล้วเกิดสิวตามมา ซึ่งภาวะฮอร์โมนแปรปรวนนี้มักเกิดขึ้นในช่วง 7-10 วันก่อนประจำเดือนมานั่นเอง! ซึ่งสิวที่เกิดที่คางก็จะเป็นลักษณะของสิวอุดตัน และสิวอักเสบ
2.สัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
สิวขึ้นที่คางเพราะสิ่งของรอบ ๆ ตัวเราเนี่ยแหละ คือแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นยอด หากเรานำมือที่หยิบจับเหล่านั้นมาสัมผัสใบหน้าต่อ ยังไงก็หนีปัญหาสิวไม่พ้นแน่นอน และการบีบสิวก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องเลยแม้แต่น้อย เพราะหากบีบแล้วหัวสิวไม่หลุดทั้งหมด จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบ และขึ้นเรื้อรังซ้ำๆ ตรงจุดเดิมเอาได้
3. เสพติดคาเฟอีน
สิวที่คางเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเอฟีนอย่างชาหรือกาแฟเป็นประจำ จะส่งผลให้ไตทำงานหนักจนเกินพอดี และกระตุ้นให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิว ทำให้สิวที่คางมากขึ้นอีกด้วย
4.แพ้ผลิตภัณฑ์บางอย่าง
ไม่ได้มีแต่เครื่องสำอางเท่านั้นที่ทำให้ผิวหน้าเกิดแพ้และระคายเคือง สิวที่คางเกิดจากยาสีฟัน สบู่ล้างหน้า และแชมพูที่อาจมีสารเคมีอันตรายเป็นส่วนประกอบก็เป็นไปได้ ลองนึกภาพตามถึงตอนที่เราแปรงฟันหรือสระผม ผลิตภัณฑ์พวกนี้จะสัมผัสใบหน้าได้อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ซึ่งหากมีสารเคมีที่เราแพ้ขึ้นมา ยังไงก็ต้องเกิดปัญหาสิวขึ้นที่คาง หรือบริเวณรอบปากอย่างแน่นอน
5.มลภาวะ
อีกหนึ่งสาเหตุที่สามารถเป็นสิวที่คางได้เช่นกัน ก็คือมลพิษจากสภาวะแวดล้อม ฝุ่น และการใส่หน้ากากอนามัยซ้ำๆ ซึ่งสาเหตุนี้มักจะเกิดขึ้นจากการมีสิ่งสกปรกสะสมอยู่บริเวณที่คาง และหากล้างหน้าไม่สะอาด ก็อาจทำให้สิวยิ่งอักเสบขึ้นได้
6.อาหารการกิน
สิวที่คางอาจจะเกี่ยวเนื่องกับการกินของเรา กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กทำงานผิดปกติ ซึ่งส่วนใหญ่สิวตรงนี้ เกิดจากการกินอาหารรสจัดมากเกินไป บวกกับกินข้าวตรงเวลา พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะ และการกินอาหารที่ไม่ถูกกับลำไส้ ก็จะทำให้ลำไส้เล็กของเราดูดซึมอาหารไม่เป็นปกติ วิธีแก้ปัญหาก็ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ แค่กินอาหารรสจัดให้น้อยลง ผสมกับกินอาหารที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร เพียงเท่านี้กระเพาะอาหารของเราก็จะแข็งแรง แถมลดเปอร์เซ็นต์การเป็นสิวที่คางได้ด้วย
วิธีรักษาสิวที่คาง
1. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงอย่างน้ำตาลหรือขนมปัง ผลิตภัณฑ์อาหารที่เสริมฮอร์โมนอย่างอาหารรสจัดและอาหารไขมันสูง นมและผลิตภัณฑ์จากนม รวมถึงพวกอาหารแปรรูป ก็จะช่วยลดสิวใต้คางได้ เพราะอาหารเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานมากขึ้นและส่งผลให้ระดับฮอร์โมนผิดปกติ ปรับเปลี่ยนโภชนาการมาเน้นกินผักและผลไม้ ที่มีวิตามินและกากใยสูงจำพวก มะละกอ กล้วย ส้ม ผักโขม หรือบร็อกโคลี เพื่อช่วยชำระสิ่งตกค้างในลำไส้ หากอยากดื่มนมสดควรเลือกชนิดไขมัน 0% ยิ่งถ้าสามารถออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมไปด้วย จะทำให้ฮอร์โมนกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ดียิ่งขึ้นทีเดียว
2. สำหรับคนที่แต่งหน้าเป็นประจำ ต้องมั่นใจว่าใช้คลีนเซอร์เช็ดเครื่องสำอางให้เกลี้ยงเกลาก่อนล้างด้วยสบู่ หรือโฟมล้างหน้าที่ใช้เป็นประจำ ควรล้างหน้าให้สะอาด ด้วยโฟมล้างหน้าหรือคลีนเซอร์ที่ช่วยแก้ปัญหาสิวโดยเฉพาะ ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดสิวก็จะช่วยให้สิวลดลงได้และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวมากไปกว่าเดิม และควรล้างหน้าเป็นลำดับสุดท้าย เพื่อชำระล้างสารเคมีตกค้างจากยาสระผมหรือยาสีฟันให้หมดจด ไม่อย่างนั้นจะเกิดการตกค้างของสารเคมีบนใบหน้าแล้วทำให้เกิดสิวในที่สุด นอกจากนี้ควรเช็ดหรือล้างปากหลังกินอาหารทุกครั้งด้วยนะ
3. แต้มหัวสิวด้วยครีมแต้มสิว เพื่อช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น สำหรับสาวไหนที่ไม่ต้องการให้สิวอักเสบมากไปกว่าเดิม การใช้ครีมแต้มสิวก็จะช่วยให้สิวยุบลงได้
4. ลดการใช้เครื่องสำอางหรือการแต่งหน้าลง แน่นอนว่าการใช้เครื่องสำอางบางชนิดอาจก่อให้เกิดการอุดตันได้ ฉะนั้นควรลดการแต่งหน้าให้น้อยลง หรือหากมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องสำอาง ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน หรือไม่ก่อให้เกิดสิว (non-acnegenic) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedongenic) ก็จะช่วยลดสิวใต้คางได้
5. กดสิวเป็นประจำเพื่อลดการเกิดสิวอุดตัน สิวอักเสบส่วนใหญ่มักจะเกิดมาจากสิวอุดตันที่อักเสบขึ้นค่ะ หากกดสิวออกบ่อยๆ ก็จะลดการเกิดสิวอักเสบได้
6. ไม่สัมผัสใบหน้าบริเวณที่เป็นสิวบ่อยๆ หรือ แกะ เกา บริเวณที่มีสิว เพราะมือของเรามีสิ่งสกปรกและแบคทีเรียต่างๆ ปะปนอยู่ หากจับแล้วอาจทำให้สิวยิ่งอักเสบ และอาจก่อให้เกิดเป็นรอยสิวภายหลังได้
7.ดูความสะอาดข้าวของเครื่องใช้และพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสิ่งของที่สัมผัสใบหน้าเราประจำอย่าง โทรศัพท์มือถือ ปลอกหมอน ผ้าปูเตียง ผ้าเช็ดหน้า ควรล้างมือให้สะอาดก่อนจับใบหน้าทุกครั้ง ส่วนเครื่องสำอาง แชมพู และยาสีฟันที่ใช้ ก็ควรเป็นแบบสูตรอ่อนโยน ปราศจากสารเคมีอันตราย แอลกอฮอล์ และเป็นแบบ Oil-Free ไม่มีน้ำมัน เพื่อลดความมันส่วนเกิน ไม่ระคายเคืองผิว ไม่เกิดอาการแพ้บนใบหน้า
8.ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง สำหรับคนที่งานยุ่งจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองอย่างจริงจัง การพบแพทย์เพื่อรักษาอย่างตรงจุดก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด ซึ่งสมัยนี้ก็มีวิธีรักษาให้สิวหายได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการฉีดยา เลเซอร์ ทรีตเมนต์ หรือกินยาเพื่อควบคุมสมดุลของระดับฮอร์โมน แต่ต้องมั่นใจว่ามีกำลังทรัพย์มากพอ เพราะค่ารักษาและค่ายานั้นค่อนข้างสูงเหมือนกันนะ
เห็นไหมว่าไม่ควรละเลยการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ การทำความสะอาดผิวหน้าแบบละเอียด รวมไปถึงการเลือกใช้สกินแคร์ และเครื่องสำอางที่เหมาะกับผิวหน้าของเราด้วย หากอาการสิวที่คางยังไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้แพทย์ตรวจและแนะนำวิธีการรักษาสิวที่ถูกต้องและเหมาะสม ก็จะสามารถแก้ปัญหาให้เพื่อนๆได้อย่างตรงจุดนะ
Credit:pixabay