เครื่องปรับอากาศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ้านในยุคปัจจุบัน ด้วยเพราะอากาศที่ร้อนขึ้นทุกปี ทำให้การใช้เพียงพัดลมอาจไม่เพียงพอ เครื่องปรับอากาศหรือแอร์จึงจำเป็นสำหรับการรักษาความเย็นสบายของผู้อยู่อาศัยในสภาพอากาศที่ร้อน ในขณะที่หลายคนคิดว่าการบำรุงรักษาแอร์เป็นเรื่องที่ยาก แต่จริง ๆ แล้วการดูแลรักษานั้นง่ายกว่าที่คุณคิด และเพื่อให้แอร์ในบ้านของคุณเย็นตลอดเวลา และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงควรต้องล้างแอร์เป็นประจำ ซึ่งเราสามารถล้างแอร์เองง่ายๆ ได้ไม่ยาก บทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้ถึง วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเอง แบบไม่ต้องพึ่งช่าง มาดูวิธีทำกันเลย
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
ทำไมถึงจำเป็นต้องล้างแอร์
ตัวกรองเครื่องปรับอากาศนั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อดักจับฝุ่นละออง หากไม่ทำความสะอาดอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ อาจทำให้เกิดการอุดตันได้ และตัวกรองที่อุดตันในเครื่องปรับอากาศจะประกอบด้วยสารปนเปื้อนขนาดเล็กและสารอันตราย เช่น ละอองเกสรและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังสามารถก่อให้เกิดการสะสมของความชื้นที่อาจทำให้เกิดเชื้อราได้ และสปอร์ของราขนาดเล็กจะกระจายไปทั่วบ้านอย่างรวดเร็วโดยพัดลมในเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยเกิดอาการแพ้ที่เป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ เพราะฉะนั้น การล้างแอร์เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ้างช่างมืออาชีพ หรือล้างแอร์ด้วยตัวเอง ด้วยวิธีล้างแอร์ที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่สำคัญนั่นเอง
การทำความสะอาดแอร์เป็นประจำเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาเครื่องปรับอากาศให้ทำงานในสภาพที่เหมาะสม และเพื่อให้อากาศที่เราหายใจเข้าไปสะอาดและปราศจากสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย แม้ว่าการล้างแอร์ด้วยตัวเองจะสามารถทำได้ง่าย ๆ แต่ก็ควรใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งเมื่อถอดชิ้นส่วนหรือจัดการทำความสะอาดด้วยสารเคมี หากมีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้นในระหว่างการทำความสะอาด ให้ขอความช่วยเหลือจากบริษัทผู้ให้บริการเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้ช่างมืออาชีพมาช่วยดูแลรักษาให้แอร์กลับมาใช้งานได้ตามปกติ และนอกจากการล้างแอร์ด้วยตัวเองเป็นประจำจะทำให้บ้านสดชื่นขึ้นแล้ว ยังมีวิธีกำจัดกลิ่นอับในห้องที่ช่วยให้บ้านหอมยิ่งขึ้นอีกด้วย ใครที่อยากรู้วิธีการดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน หรือการจัดการงานบ้านต่าง ๆ นั้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความใน Shopee Blog เลย
อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความสะอาด
- สเปรย์โฟมทำความสะอาดคอยล์เย็น
- เครื่องดูดฝุ่น
- เครื่องเป่าลมไฟฟ้า
- กระบอกฉีดน้ำ
- ไขควง
- แปรงสีฟัน
วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเอง วิธีถอดแอร์
การทำความสะอาดแอร์หรือเครื่องปรับอากาศเป็นประจำนั้น จะช่วยให้เครื่องปรับอากาศมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และรักษาคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นสำหรับบ้านของคุณ ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย สาว ๆ หลายคนอาจคิดว่าวิธีล้างแอร์นั้นดูเหมือนเป็นงานที่ยาก แต่จริง ๆ แล้วการล้างแอร์ด้วยตัวเองง่ายกว่าที่คุณคิด เพราะขั้นตอนการล้างแอร์บ้านไม่ยุ่งยาก ใคร ๆ ก็สามารถทำเองได้ โดยไม่ต้องจ้างช่างมืออาชีพ ช่วยให้คุณประหยัดเงินและมั่นใจได้ว่าเครื่องปรับอากาศของคุณจะอยู่ในสภาพที่ดี และก่อนจะไปดูขั้นตอนในการล้างแอร์ด้วยตัวเองนั้น เรามาดูวิธีถอดแอร์กันก่อนเลย
1. ปิดเบรกเกอร์เพื่อตัดแหล่งพลังงาน
2. ถอดฝาครอบเครื่อง ด้วยการยกแผงด้านหน้าขึ้น ปลดสลักที่ส่วนหน้าของเครื่องปรับอากาศ ใช้มือทั้งสองข้างดึงแผ่นกรองอากาศออกมา
3. ขันสกรูที่ยึดตัวรับสัญญาณรีโมตคอนโทรลของเครื่องออก
4. จากนั้นขันสกรูที่ยึดหน้ากากแอร์แล้วค่อย ๆ ถอดออกมา
5. ถอดฝาครอบกลางออก แล้วขันสกรูที่ล็อคถาดน้ำทิ้ง ถอดมอเตอร์สวิงออกก่อน แล้วถึงถอดถาดน้ำทิ้งออกมาทำความสะอาดได้
6. ถ้าอยากถอดพัดลม ให้ขันสกรูที่ยึดแผงคอยล์เย็นออก แล้วตะแคงแผงคอยล์เย็นเพื่อให้สามารถถอดพัดลมได้
วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเอง ทำเองได้ ไม่ต้องตามช่าง
เครื่องปรับอากาศ หรือแอร์นั้น ทำงานโดยการกรองอากาศและหมุนเวียนสารหล่อเย็นผ่านส่วนประกอบภายในและภายนอกหลายอย่าง ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้จะรวบรวมฝุ่น และสิ่งสกปรก เมื่อเวลาผ่านไป การสะสมของฝุ่นและเศษขยะจะไปขัดขวางการไหลของอากาศตามปกติ และทำให้อายุการใช้งานสั้นลง เพราะเครื่องจะทำงานหนักกว่าปกติ แอร์ที่สกปรกยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณด้วย เนื่องจากสิ่งสกปรกส่งผลต่อคุณภาพอากาศภายในบ้านและอาคาร และทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับสารก่อภูมิแพ้ที่อาจเป็นอันตราย นอกจากแอร์บ้านแล้วอย่าลืมเช็กสาเหตุแอร์รถไม่เย็นกันด้วย
ดังนั้น เพื่อให้ทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ระบบเครื่องปรับอากาศจำเป็นต้องได้รับการทำความสะอาดและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่เรามักจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของช่างมืออาชีพ แต่รู้ไหมว่าเราสามารถล้างแอร์เองง่ายๆ ได้ ด้วยวิธีล้างแอร์บ้านด้วยตัวเองเหล่านี้ ที่จะช่วยให้คุณประหยัดเงินและทำให้แอร์ของคุณอยู่ในสภาพดีเยี่ยมได้ มาดูขั้นตอนและวิธีล้างแอร์ด้วยตัวเองกันเลย
1. ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนแผ่นกรอง
แผ่นกรองอากาศเป็นส่วนสำคัญที่สุดของเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากช่วยขจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกออกจากอากาศ และช่วยกำจัดฝุ่นที่มีแบคทีเรียและสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นอันตรายไม่ให้ไหลเวียนไปทั่วบ้าน การละเลยที่จะทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศเป็นประจำอาจทำให้เชื้อราเติบโตในแผ่นกรอง ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะทางเดินหายใจร้ายแรงได้ ตัวกรองที่สะอาดไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพจากอากาศที่คุณหายใจเข้าไปเท่านั้น แต่ยังทำให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักขึ้นและประสิทธิภาพไม่ลดลงอีกด้วย เราสามารถล้างแอร์ด้วยตัวเองเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของแอร์ได้ด้วยการทำความสะอาดแผ่นกรอง โดยล้างตัวกรองอากาศใต้น้ำไหล หรือใช้ฟองน้ำทำความสะอาดถูเบา ๆ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดอ่อน ๆ จากนั้นล้างออกและผึ่งลมให้แห้ง ควรล้างตัวกรองอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือหากแผ่นกรองมีการชำรุดหรือทรุดโทรม ให้เปลี่ยนใหม่ทันที
2. ทำความสะอาดคอยส์
แผงคอยล์เป็นอีกส่วนที่สำคัญของเครื่องปรับอากาศเพราะช่วยปรับอากาศให้เย็นขึ้น คอยล์ที่สกปรกหรือมีฝุ่นจับจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และทำให้ประสิทธิภาพของแอร์ลดลง เราสามารถล้างแอร์ด้วยตัวเองได้ ด้วยการใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีหัวแปรงปัดฝุ่นหรือสิ่งสกปรกออกเพื่อทำความสะอาดคอยส์ จากนั้นก็ล้างแอร์ด้วยตัวเองง่าย ๆ โดยทำความสะอาดคอยล์เย็นด้วยสเปรย์ล้างคอยล์แบบไม่ต้องล้างออกและปล่อยให้แห้งอย่างน้อย 20 นาที
3. ทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง
ท่อน้ำทิ้งจะช่วยไล่น้ำออกจากเครื่องปรับอากาศ หากอุดตันอาจทำให้น้ำรั่วเข้าบ้านได้ การทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งจึงเป็นหนึ่งในวิธีล้างแอร์ด้วยตัวเองที่ไม่ควรมองข้าม สามารถทำความสะอาดด้วยการเทส่วนผสมของสารฟอกขาวและน้ำลงไป จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรล้างท่อน้ำทิ้งของเครื่องปรับอากาศอย่างน้อยปีละครั้งด้วยการดูดฝุ่น โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบแห้งเพื่อดูดสิ่งสกปรกและเศษขยะออกจากปลายท่อด้านนอก และอย่าลืมถอดฝาครอบออกเมื่องานเสร็จสิ้น
4. ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อราที่แผงคอยล์เพื่อป้องกันเชื้อรา
หนึ่งในขั้นตอนการล้างแอร์ด้วยตัวเองคือการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อราที่แผงคอยล์ ด้วยการใช้สเปรย์ทำความสะอาดเชื้อราเพื่อฆ่าเชื้อด้านหลังเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นที่ที่สารพิษมักจะก่อตัวขึ้น ขั้นตอนการล้างแอร์บ้านด้วยการทำความสะอาดนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้อนุภาคที่เป็นพิษและสปอร์ของเชื้อราเติบโตในตัวเครื่องปรับอากาศได้ หลังจากฉีดน้ำยาแล้วปล่อยให้สเปรย์เซ็ตตัวอย่างน้อย 5 นาที จากนั้นจึงใส่ตัวกรองอากาศกลับเข้าไป และประกอบแอร์ให้เหมือนเดิม
5. ทำความสะอาดภายนอก
หลังจากที่เราล้างแอร์ด้วยตัวเองด้วยวิธีล้างแอร์ทั้งหมดแล้วนั้น อย่าลืมขั้นตอนการล้างแอร์บ้านขั้นตอนสุดท้ายคือการทำความสะอาดภายนอกของเครื่องปรับอากาศ เพราะภายนอกของตัวเครื่องนั้นอาจสกปรกได้เมื่อเวลาผ่านไป วิธีทำความสะอาดคือให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทุก ๆ 2-3 เดือน และหลังจากที่ถอดเครื่องล้างแอร์ด้วยตัวเองด้วย
นอกจากการล้างแอร์ด้วยตัวเองแล้ว การจัดตารางเวลาการบำรุงรักษาประจำปีกับมืออาชีพก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน วิธีนี้จะช่วยให้แน่ใจว่าแอร์ของคุณทำงานอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ต้องซ่อมแซมในภายหลัง เพียงทำตามขั้นตอนการล้างแอร์บ้านง่าย ๆ เหล่านี้ ก็จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างราบรื่นและรับประกันได้ว่าจะอยู่กับคุณได้นานขึ้นด้วย
ล้างแอร์บ้านกี่เดือนครั้ง
ตามหลักแล้วเราควรล้างแอร์บ้าน 6 เดือนต่อหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ระยะเวลาอาจน้อยกว่าหรือมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน สภาพแวดล้อมในที่ที่ติดตั้งแอร์ ทางทีดีควรตรวจเช็กแอร์หากมีฝุ่นเกาะหนาก็สามารถล้างได้ทันที เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน และช่วยประหยัดไฟ ทำให้แอร์ทำงานดีขึ้น เย็นมากขึ้น และอากาศบริสุทธิ์ ลดเชื้อโรคในอากาศเพื่อสุขภาพของคนในบ้าน
เติมน้ำยาแอร์เองได้ไหม
น้ำยาแอร์เป็นสารเคมี หากไม่เชี่ยวชาญ ไม่แนะนำให้ทำเอง ควรเรียกช่างมาดูอาการ รวมถึงอาการอื่น ๆ ของเครื่องปรับอากาศ เช่น แอร์มีน้ำหยด ล้างแอร์แล้วแต่ไม่เย็นเหมือนเก่า ลมไม่ออก ฯลฯ
รู้ถึงวิธีล้างแอร์ด้วยตัวเองกันแล้ว ไปลองทำกันดู
เมื่อต้องทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ การบำรุงรักษาเป็นประจำคือสิ่งสำคัญ และเราสามารถล้างแอร์เองง่ายๆ ได้ เพียงแค่ใช้ความระมัดระวังในการรื้อถอดชิ้นส่วน หรือการจัดการกับสารเคมี และหากคุณสังเกตเห็นร่องรอยความเสียหายบนตัวเครื่องของคุณ ให้ปรึกษาช่างหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการแก้ไข เพื่อให้เครื่องปรับอากาศ กลับมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือต้องทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศของคุณอย่างน้อยปีละครั้ง วิธีนี้จะช่วยดูแลเครื่องปรับอากาศของคุณให้อยู่ในสภาพดีได้นานหลายปี ดังนั้น อย่าลืมให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศประจำปี และทำความสะอาดได้อย่างถูกวิธี และสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศใหม่ หรือต้องการซื้อแอร์เพิ่มเติม แนะนำแอร์ยี่ห้อไหนดี 2022 ที่เรารวบรวมมาให้แล้ว รับรองว่าได้คุณภาพ และช่วยประหยัดไฟอีกด้วย
อ้างอิง: