แบตเตอรี่รถยนต์ เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญที่จัดเก็บพลังงานและใช้ในการสตาร์ทรถยนต์พร้อมทั้งจ่ายกระแสไฟไปยังส่วนต่างๆ ของรถยนต์ แต่ก็มีโอกาสในการสตาร์ทรถไม่ติดเนื่องจากแบตเตอรี่มีพลังงานที่ลดน้อยลง การมีจั๊มสตาร์ทรถยนต์ติดไว้จะช่วยทำการชาร์จรถในยามฉุกเฉินได้ซึ่งจั๊มสตาร์ทรถยนต์ รุ่นไหนดี ? รุ่นไหนน่าซื้อ พกพาง่าย ใช้งานสะดวกเราคัดมาฝากแล้ว ไปดูกันเลย

cr. freepik.com
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
จั๊มสตาร์ทรถยนต์คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร ?
จั๊มสตาร์ทรถยนต์ เปรียบเสมือนแบตเตอรี่สำรองที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับแบตเตอรี่รถยนต์เป็นหลัก โดยมีหน้าที่ในการจ่ายพลังงานสำรองให้แก่แบตเตอรี่ เนื่องจากการสตาร์ทรถยนต์ในแต่ละครั้งนั้นมีการใช้พลังงานอยู่เรื่อยๆ ผู้ขับขี่เองอาจจะไม่ได้ทันสังเกตว่าแบตเตอรี่มีพลังงานที่ลดน้อยลง การมีจัมสตาร์ทติดไว้จะช่วยในคุณทำการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ในยามฉุกเฉินได้ เช่นรถดับกลางทาง จอดรถนานไม่ค่อยได้ขับทำให้สตาร์ทไม่ติด เป็นต้น
แต่ทั้งนี้การจำสตาร์ทเป็นเพียงการจำเพื่อให้รถสตาร์ทติดเท่านั้นแต่ประจุไฟในแบตเตอรี่ยังอยู่เท่าเดิมซึ่งการเริ่มชาร์จอีกครั้งก็ต่อเมื่อเครื่องยนต์ทำงานแต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและไม่ได้ช่วยยืดอายุอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์
ถ้าหากคุณเป็นคนที่ไม่ได้ค่อยขับรถชอบจอดรถ ทิ้งไว้การใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะไม่ต้องเสียเวลาคอยสตาร์ทรถหรือวนรถไปขับและช่วยป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมและยืดอายุการใช้งานให้มีประสิทธิ มากขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่
รู้จัก 3 อุปกรณ์หลักในการช่วยสตาร์ทรถยนต์
ในการสตาร์ทรถแต่ละครั้งจะมี 3 อุปกรณ์หลักๆ ที่เป็นหัวใจหลักในการช่วยสตาร์ทรถยนต์ ได้แก่
- ไดสตาร์ท หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า มอเตอร์สตาร์ทซึ่งจะทำงานผ่านสวิตซ์สตาร์ท หรือการบิดกุญแจที่จะเปลี่ยนตัวสตาร์ทเตอร์เป็นประจุไฟฟ้าที่อยู่ในแบตเตอรี่มาให้เครื่องยนต์ทำงาน
- ไดชาร์จ จะทำงานต่อหลังจากเครื่องยนต์ทำงานด้วยการผลิตไฟฟ้าและจ่ายไฟไปยังระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟส่องสว่าง เครื่องปรับอากาศในรถ วิทยุ หรือระบบอื่น ๆ ที่ต้องใช้ไฟฟ้าและยังแบ่งพลังงานบางส่วนไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่
- แบตเตอรี่รถยนต์ ทำหน้าที่สำรองไฟจากการหมุนของไดชาร์จและจ่ายไฟไปยังมอเตอร์สตาร์ท ในเวลาที่สตาร์ทรถยนต์
จั๊มสตาร์ท Vs ชาร์จแบต ต่างกันอย่างไร
จั๊มสตาร์ท | ชาร์จแบต | |
คืออะไร | มักใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น รถสตาร์ทไม่ติดระหว่างเดินทาง เนื่องจากมีแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ | เหมาะสำหรับคนที่มีรถแต่ไม่ค่อยได้ขับ จอดทิ้งไว้นาน, คนที่มีรถหลายคัน บางคันนาน ๆ ใช้ที หรือไม่อยากเอารถออกไปวนขับให้เสียเวลา |
ข้อดี | ใช้เวลาไม่นานมาก สามารถใช้รถได้ทันที ค่าบริการไม่แพง | ชาร์จแบตได้เต็มประจุกว่าการจัมพ์สตาร์ท ยืดอายุแบตเตอรี่ได้นานกว่าไม่ทำให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในรถเสีย |
ข้อเสีย | หลังจั๊มสตาร์ทจะต้องมีงานการใช้ต่ออีกเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ไดชาร์จได้ทำการชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ขณะขับขี่หากวันถัดไปไม่ได้ใช้งาน มีโอกาสสูงที่รถจะสตาร์ทไม่ติดอีก | ต้องใช้เวลาชาร์จที่นานกว่าการจั๊มสตาร์ทประมาณ 1 – 3 วัน |

cr. freepik.com
ส่องทริคเลือกซื้อจั๊มสตาร์ทรถยนต์ รุ่นไหนดี ให้ใช้งานได้นาน
จั๊มสตาร์ทรถยนต์มีวางจำหน่ายอย่างหลากหลายรุ่นในปัจจุบันซึ่งในแต่ละรุ่นก็มีความแตกต่างกันตามสเปคและฟังก์ชั่นการใช้งาน การเลือกซื้อเพื่อให้เหมาะกับผู้ใช้จึงมีความสำคัญ แล้วจะเลือกจั๊มสตาร์ทรถยนต์ รุ่นไหนดี มี 5 ข้อหลัก ๆ ที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ ได้แก่
- ความจุแบตเตอรี่ ต้องเหมาะสมกับการใช้งานซึ่งควรทำการตรวจสอบรถยนต์ที่จะใช้งานร่วมก่อนว่าต้องการใช้งานแบบไหน ระดับใด
- ระยะใกล้ แนะนำความจุแบตเตอรี่ประมาณ 10,000 – 12,000 mAh ซึ่งจะเหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานระยะใกล้และใช้พลังงานในการสตาร์ทรถไม่สูงมากประมาณ 100 – 600 แอมป์ซึ่งเป็นพลังงานที่ปลอดภัยต่อการใช้งานจั๊มสตาร์ทในระดับพื้นฐานอีกด้วย
- ระยะไกล แนะนำให้เลือกความจุแบตเตอรี่ประมาณ 15,000 mAh ขึ้นไป จะเหมาะกับผู้ที่เดินทางไกล ออกต่างจังหวัดบ่อย ๆ หรือต้องใช้รถยนต์เดินทางระยะไกลเป็นประจำแต่ก็ต้องระมัดระังมากขึ้นเนื่องจากความจุสูง ขนาดก็ใหญ่ขึ้นและมีโอกาสเกิดความร้อนระหว่างใช้งานได้
- เลือกค่าแอมป์และแรงดันให้เหมาะกับประเภทรถยนต์
- รถยนต์ขนาดเล็ก เช่น Eco Car หรือ City Car เหมาะกับค่าแอมป์ 400 – 600A แรงดันไฟฟ้า 12V เหมาะสำหรับรถยนต์ทั่วไปซึ่งเป็นรถที่ใช้พลังงานในการสตาร์ทไม่มาก จั๊มสตาร์ทขนาดเล็กหรือขนาดพกพาก็เพียงพอต่อการใช้งาน และในส่วนของการชาร์จก็ใช้เวลาไม่นาน โดยจะมีการจ่ายพลังงานไฟฟ้า 1 แอมป์ ในเวลา 1 ชม.
- รถยนต์ขนาดกลาง เช่น Sedan และ SUV ขนาดเล็ก เหมาะกับค่าแอมป์ 600 – 1,000A ซึ่งเป็นค่าที่นิยมมากสุด มสตาร์ทระดับนี้รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ด้วย ทำให้มีความอเนกประสงค์และใช้งานได้หลากหลายและและควรใช้แรงดันไฟฟ้า 12V ซึ่งเหมาะสำหรับรถยนต์ทั่วไป
- รถกระบะ SUV หรือรถบรรทุกที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เนื่องจากต้องการพลังงานสูงขณะสตาร์ทเหมาะกับค่าแอมป์ 1,000 – 1,500A ควรใช้จั๊มสตาร์ท 24V และ หรือแบบที่ปรับระดับ 24V และ 12V เพื่อความหลากหลายในการใช้งาน
- มีระบบด้านความปลอดภัยแบบรอบด้าน ที่จะต้องออกแบบมาให้ปลอดภัยทั้งในการจั๊มสตาร์ทและรถยนต์ที่ใช้เองด้วย เช่น
- ระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นระบบพื้นฐานที่มักมีในรถยนต์ทั่วไป โดยการทำงานคือพบความผิดปกติจะกยุดจ่ายพลังงานทันที และบางรุ่นก็มีการออกแบบมาให้ทนทานกระแสไฟด้วย
- ระบบป้องกันการต่อสายผิดขั้ว ช่วยป้องกันความเสียหาย เพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการคีบขั้วแบตเตอรี่ผิดด้าน
- ระบบป้องกันอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกินไป ช่วยป้องกันไม่ให้อุปกรณ์อุณหภูมิสูงเกินไปและใช้งานได้ต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพที่เหมาะกับคนที่ใช้งานเป็นเวลานาน
- เลือกขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสม การตรวจสอบขนาดและน้ำหนักเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นตามการใช้งาน
- พกติดรถ เหมาะกับจั๊มสตาร์ทที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด สะดวกในการพกพา โดยควรเลือกรุ่นที่น้ำหนักน้อยกว่า 1 กก. แต่ก็ได้ความจุแบตเตอรี่ไม่มาก แต่เพียงพอกับการชาร์จรถยนต์ขนาดเล็ก
- ใช้งานบ่อย หรือใช้ในศูนย์ซ่อม แนะนำให้เลือกจั๊มสตาร์ทที่มีขนาดใหญ่ หรือมีความจุสูงและมีน้ำหนักเยอะซึ่งจะไม่เหมาะกับการพกพา แต่หมาะกับการติดตั้งไว้ที่บ้าน หรืออู่ซ่อมแทน
- ฟังก์ชันเสริมครบครัน เพิ่มประสิทธิภาพ ให้สะดวกมากขึ้นและหลากหลายในการนำมาใช้งาน
- ปรับกำลังไฟได้ จะช่วยให้สามารถใช้งานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้หลากหลาย เช่น สมาร์ทโฟนใช้ 5V คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป หรือแบตเตอรี่รถยนต์ที่ใช้ 12V หรือขนาด 24 V
- มีไฟฉาย LED ในตัว จะช่วยเพิ่มความสะดวกเมื่อจำเป็นต้องใช้จั๊มสตาร์ทในที่แสงน้อย เช่น เวลากลางคืน หรือบริเวณที่เข้าถึงยาก และยังมีส่วนช่วยลดความผิดพลาดในการเชื่อมต่อขั้วแบตเตอรี่
- พอร์ตชาร์จ USB จั๊มสตาร์ทเป็นพาวเวอร์แบงค์กับการชาร์จอุปกรณ์พกพา เช่น มือถือ แท็บเล็ต ผ่านพอร์ต USB โดยบางรุ่นรองรับทั้ง USB-A และ USB-C หรือมีมากกว่าหนึ่งพอร์ตเพื่อให้สามารถชาร์จอุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกัน
- หน้าจอ LCD ฟังก์ชั่นพื้นฐานที่แสดงระดับแบตเตอรี่ของตัวเครื่อง สถานะการชาร์จ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้ใช้ทราบว่าจั๊มสตาร์ทยังมีพลังงานเพียงพอหรือไม่
ทริคในการเลือกซื้อจั๊มสตาร์ทง่าย ๆ ให้เริ่มต้นจากการพิจารณาความจุแบตเตอรี่ให้เหมาะกับประเภทของรถยนต์ พร้อมเลือกแรงดันและค่าแอมป์ให้เหมาะสม รวมถึงระบบความปลอดภัยที่เป็นเรื่องพื้นฐาน นอกจากกนี้ก็ให้เลือกขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสม ส่วนใครมีงบเพิ่มอีกหน่อยก็อาจจะลองเลือกฟังก์ชั่นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
จั๊มสตาร์ทรถยนต์ รุ่นไหนดี
มองหาร้านขายจั๊มสตาร์ทรถยนต์ใกล้ฉันมาช้อปบนช้อปปี้จาก 10 แบรนด์ดังยอดนิยม ที่ให้ราคาดี กดสั่งซื้อง่าย พร้อมส่งถึงหน้าบ้าน ดังนี้
1. Foxsur Bestseller

jump start ยี่ห้อไหนดี ต้องจั๊มสตาร์ทพกพา FOXSUR รุ่นขายดีมาพร้อมกล่องอุปกรณ์ครบ รับประกันสินค้า 1 ปีที่หยิบไปใช้งานได้สะดวก หลากหลายสถานการณ์ ไม่ต้องเสียบไฟบ้านเวลาใช้งานซึ่งใช้เวลาชาร์จประมาณ 4 ชั่วโมง มาพร้อมสายชาร์จ 3 แบบทั้ง Type C , USB , IPHONE/IPAD ที่สามารถชาร์จแบตไปด้วยได้ พร้อมอุปกรณ์ภายในกล่องอื่น ๆ เช่น ที่คีบขั้วแบตเตอรี่ คู่มือการใช้งานและปั๊มลมไฟฟ้า ที่มาพร้อมระบบไฟฉายฉุกเฉิน 3 ระบบและใช้ได้กับรถทุกประเภท
ราคา: ประมาณ 899 บาท
2. Philips JS3210

เครื่องจั๊มสตาร์ทแบตเตอรี่รถยนต์แบบพกพาจาก “ฟิลลิปส์” ที่มาพร้อมความสามารถในการสตาร์ทอันทรงพลัง ในขนาดกะทัดรัด ครอบคลุมคุณสมบัติความปลอดภัยในการป้องกันในตัวจากการใช้งาน ป้องกันกระแสไฟฟ้ามาไป เซ็นเซอร์จับอุณหภูมิที่สูงเกิน และอื่น ๆ ที่มีเครื่องมือมัลติฟังก์ชันใช้งานได้อย่างมีประโยชน์ ตอบโจทย์การใช้งานและมีไฟฉาย LED 3 โหมดสำหรับใช้งานในที่มืด
ราคา: ประมาณ 3,500 บาท
3. Foxsur Offroad

เครื่องจั๊มสตาร์ทพกพา รุ่นออฟโรดอุปกรณ์ครบ สำหรับเดินป่า ตั้งแคมป์ที่มาพร้อมเข็มทิศและไฟฉุกเฉินพิเศษในตัว มีน้ำหนักเบา ในขนาดที่กะทัดรัด พกพาสะดวก สามารถใช้เป็นพาวเวอร์แบงค์ชาร์จมีมือถือ คอมพิวเตอร์ แล็ปทอป ที่พกพาได้ง่ายไม่ต้องพึ่งการเสียบไฟบ้านที่ใช้ได้กับรถทุกประเภทและตัวแบตเตอรี่หากชาร์จเต็มสามารถใช้จั๊มสตาร์ทได้มากถึง 40 ครั้งเฉพาะแบตเตอรี่ 12V เท่านั้น
ราคา: ประมาณ 949 บาท
4. K-Tops JX27

jump start ยี่ห้อไหนดี ต้อง “K-Tops” รุ่น JX27 อุปกรณ์ช่วยสตาร์ทแบบพกพา ที่มาพร้อมข้อดีในการช่วยสตาร์ทรถยนต์ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 12000 mAh ที่แสดงผลด้วยหน้าจออัจฉริยะสามารถชาร์จแบบดิจิตอล พร้อมพอร์ตชาจ์คู่ USB รองรับ 18 w ป้องกันการชาร์จไฟเกิน ป้องกันการย้อนกลับด้วยอุณหภูมิเริ่มต้นต่ำและยังช่วยป้องกันอุณหภูมิที่สูงเกินไปเนื่องจากเป็นแบตเตอรี่ลิเธียม โพลิเมอร์และมีไฟฉุกเฉินซึ่งช่วยให้ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น
ราคา: ประมาณ 738 บาท
5. SAST 12v/24v

เครื่องจั๊มสตาร์ท ยี่ห้อไหนดี? SAST เป็นอีกหนึ่งแบรนด์จีนที่อยากแนะนำซึ่งมาในขนาด 420000 mAh ซึ่งมีขนาดใหญ่สามารถใช้จั๊มสตาร์ทรถ 12v และ 24v ที่มาพร้อมแหล่งจ่ายไฟฉุกเฉิน ใช้ชาร์จมือถือได้แบบดิจิตอล พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุมไม่ว่าการป้องอุณหภูมิสูง ไฟฟ้าลัดวงจร ชาร์จไฟเกิน ป้องกันขั้วย้อนกลับ เป็นต้นและเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์อัตราสูงทำให้มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน คุ้มค่าคุ้มราคา
ราคา: ประมาณ 4,779 บาท
6. 70mai Jump Starter

70mai Portable Car Jump Starter PS01 จั้มสตาร์ทรถยนต์สามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์ขนาด 12 V และสามารถใช้ไฟไฮไลต์อย่างต่อเนื่องนาน 48 ชั่วโมงที่ง่ายต่อการพกพา ออกแบบอินเตอร์เฟสต้านการไหลย้อนกลับ มาพร้อมพอร์ต USB ให้คุณใช้ชาร์จโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ใช้งานง่านเหมาะกับมือใหม่ควรซื้อเก็บไว้ติดหลังรถ ให้มั่นใจในทุกการเดินทางซึ่งหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินก็จัดการได้เลยทันที
ราคา: ประมาณ 1,599 บาท
7. CLC

เครื่องจั๊มสตาร์ท ยี่ห้อไหนดี ใหม่ CLC จั๊มสตาร์ททรงพลังในขนาด 128000mAh พกพาง่ายออกแบบการใช้งานใรูปแบบมัลติฟังก์ชั่นของแบตเตอรี่แบบ ABS+ ที่มีลิเธียมแบตเตอรี่ในตัวที่ช่วยป้องกันการชาร์จไฟเกิน ป้องกันการคายประจุไฟฟ้าที่มากเกินไป รวมถึงไฟฟ้าลัดวงจร หรืออุณหภูมิสูงให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยด้วยน้ำหนักเพียง 829g ทำให้พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกและสามารถใช้สตาร์ทได้ทั้งรถยนต์และเสียบชาร์จแบบมือถือแบบ 2 in 1
ราคา: ประมาณ 2,199 บาท
8. Toshiba

โตชิบา SciB จั๊มสตาร์ทชาร์จแบต 12V แบบพกพาที่ช่วยสตาร์ทรถยนต์ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยี Toshiba SciB Super Rechargeable Batteries ทำให้ชาร์จได้รวดเร็วเป็นพิเศษ รองรับการชาร์จ 6C ชาร์จได้สูงสุด 90% ในไม่กี่นาที เริ่มทำงานใน 12V ในไม่กี่วิและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 30,000 รอบ ทนต่อการคายประจุเกินที่เหมาะกับการพกพาและมีการใช้งานเป็นประจำเพราะชาร์จไว ใช้ได้หลายครั้งและอายุการใช้งานนาน
ราคา: ประมาณ 1,750 บาท
9. ROVER

หมดปัญหา รถดับสตาร์ทไม่ติด ต้องเรียกช่าง “ROVER MAX 20000MD” อุปกรณ์ช่วยสตาร์ทรถยนต์ด้วยตัวแบตซิฟเฟอร์ไลท์ใหม่ที่เก็บไฟได้เยอ มีความเสถียร ในขนาดความจุแบตที่ 24,000 mAh ซึ่งมาพร้อมเข็มทิศและไฟฉายส่องสว่าง รวมทั้งมีเหล็กทุบกระจกใช้งานได้ทันที เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินและใช้ชาร์จมือถือได้ ไฟเสถียร ชาร์จเร็ว แบตไม่เสื่อมที่สามารถจั๊มมอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบท์และรถยนต์ได้ทุกรุ่น
ราคา: ประมาณ 1,250 บาท
10. Jantech

Jantech จั๊มสตาร์ทขนาด 12V 98800mAh แบบมัลติฟังก์ชั่นสะดวกในการใช้งานมากซึ่งสามารถชาร์จได้ทั้งที่บ้านและในรถยนต์ที่ป้องกันการชาร์จไฟเกิน การลัดวงจร หรือป้องกันอุณหภูมิที่สูงเกินและต่อการชาร์จ 1 ครั้งสามารถจั๊มไฟได้ถึง 30 ครั้ง มีพอร์ตชาร์จ 4 พอร์ตไว้รองรับการชาร์จอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ต่าง ๆ ยังมีไฟ LED ไฟช่วยเหลือ SOS ไฟสัญญาณกระพริบและไฟเตือนที่สานตั้งแคมป์ ออกสนาม หรือทำกิจกรรมกลางคืนควรซื้อติดรถ
ราคา: ประมาณ 1,039 บาท
คงจะพอได้คำตอบกันแล้วว่าจั๊มสตาร์ทรถยนต์ รุ่นไหนดี กับ 10 รุ่นแนะนำซึ่งได้มีการอธิบายถึงความเป็นมา หน้าที่ของจั๊มสตาร์ท และอุปกรณ์หลักอื่น ๆ ในการช่วยสตาร์ทรถยนต์ รวมถึงเทียบความแตกต่างของการจั๊มสตาร์ทที่ง่ายและรวดเร็วกว่าการชาร์จแบตที่ใช้เวลานานกว่า รวมถึงทริคในการซื้อจั๊มสตาร์ทเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากที่สุด นอกจากนี้ยังแปะลิงก์ร้านขายจั๊มสตาร์ทรถยนต์ใกล้ฉันในแต่ละรุ่นให้ได้ตามไปช้อปกันอย่างง่ายดาย
ส่วนใครที่อยากซื้ออุปกรณ์เสริมรถยนต์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปั๊มลม ยางรถยนต์ ที่ทุบกระจก หรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ไว้เตรียมความพร้อม หรือใช้ในยามฉุกเฉินได้ที่ Shopee สำหรับใครที่อยากอัปเดตเทรนด์แฟชั่น หรือสาระดี ๆ อื่นเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นการเช็กสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทาง หรือ หากจอดรถนานสตาร์ทไม่ติดทำยังไงดี มีวิธีแก้ง่าย ๆ ติดตามได้ที่ Shopee blog
อ้างอิง: ruamchokbattery., aprtech