หลายคนอาจเคยประสบปัญหาฝนตก ถนนเปียก น้ำรอการระบาย ทำให้มีน้ำท่วมขัง ยิ่งฝนตกต่อเนื่องนาน ๆ น้ำก็เริ่มมีระดับสูงขึ้นและหลายคนก็อยากจะรีบกลับบ้าน เพราะกลัวรอนานจะไม่สามารถผ่านเส้นทางได้ แล้วถ้าหากใครต้องขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำ จะทำอย่างไรให้ปลอดภัย รถไม่ดับกลางทางซึ่งเราได้รวม 6 วิธีที่จะช่วยให้คุณขับรถลุยน้ำได้อย่างปลอดภัย พร้อมทริคในการเช็กรถมอเตอร์ไซค์เบื้องต้นหลังจากขับรถลุยน้ำที่สามารถทำเองได้

หน้าฝน น้ำท่วมรถมอเตอร์ไซต์ลุยน้ำได้แค่ไหน
ในช่วงหน้าฝน นอกจากจะต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวังเนื่องจากถนนลื่นเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายเพราะยางไม่อาจจะรีดน้ำได้มีประสิทธิภาพและความสามารถในการยึดเกาะถนนก็น้อย โดยความเร็วที่แนะนำในการขับขี่ คือ ความเร็วไม่ควรเกิน 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและไม่ควรขี่มอเตอร์ไซต์ลุยน้ำท่วมที่สูงเกินกว่า 1 ฟุตจากพื้นถนน หรือท่วมถึงคาบูเรเตอร์ หรือช่องอัดอากาศโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายและก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ถ้าประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยงสูงที่รถจะดับหากขับลุยน้ำแนะนำให้หาที่จอดที่ปลอดภัยและเดินทางโดยวิธีอื่นจะดีกว่าเพราะหากรถพังไม่เพียงแค่เสียเวลา แต่อาจจะต้องจ่ายค่าซ่อมที่สูงตามมาด้วยเช่นกัน
ส่อง 5 วิธี ขับ มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัย รถไม่พัง
แล้วถ้าหากต้องการจะขับมอเตอร์ไซค์ ลุยน้ำท่วมจะทำอย่างไรให้ปลอดภัย เครื่องไม่พังกับ 6 วิธีที่นำมาฝากสามารถทำได้จริง ดังนี้
- เช็กระดับน้ำก่อนลุย สิ่งที่ไม่อยากให้มองข้ามและควรทำเป็นอันดับแรก คือ การเช็กเส้นทางที่จะขับผ่านว่ามีระดับสูงแค่ไหนและควรทำการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นซึ่งโดยปกติหากมีระดับน้ำสูงเกินกว่า 1 ฟุตจากพื้นถนน ท่วมถึงคาบูเรเตอร์ หรือช่องอัดอากาศจะไม่แนะนำให้ลุยน้ำโดยเด็ดขาดเพราะเสี่ยงที่มอเตอร์ไซค์จะดับกลางคันและทำให้รถต้องแช่น้ำเป็นเวลานานซึ่งส่งผลให้เครื่องยนต์พังและค่าซ่อมเครื่องยนต์ราคาค่อนข้างสูง
- รถดับ ห้ามสตาร์ททันที ในระหว่างที่ขับบขี่แม้ประเมินระดับน้ำมาเบื้องต้นแล้วว่าน้ำไม่สูงเกินกว่า 1 ฟุต แต่ในระหว่างที่ขับลุยน้ำนาน ๆ ก็ยังมีโอกาสที่รถดับกลางทาง หรือขับเร่งไม่ขึ้น รถดับ ซึ่งหากเกิด ห้ามสตาร์ทรถทันที ให้ตั้งสติและเข็นรถมอเตอร์ไซต์ออกไปยังพื้นที่แห้ง หรือพ้นทางน้ำท่วมก่อน แล้วค่อยเช็กที่ท่อไอเสียว่ามีน้ำเข้าหรือไม่ ถ้ามีให้ระบายน้ำออกก่อนแล้วค่อยสตาร์ท ส่วนรถมอเตอร์ไซต์แบบออโต้ให้ทำการสตาร์ทเครื่องด้วยเท้า หากติดให้เร่งเครื่องทิ้งไว้ 3 – 5 นาทีเพื่ออุ่นเครื่องยนต์ให้ร้อนแล้วค่อยไปต่อ แต่หากสตาร์ทไม่ติดแนะนำให้โทรหาศูนย์ หรือเรียกช่างเพื่อตรวจเช็ก
- ขับช้า ๆ ไม่เร่งรีบ แม้เราจะอยากกลับบ้านมากแค่ไหนในช่วงที่มีน้ำท่วม แต่การขับรถลุยน้ำมีโอกาสที่รถจะดับกลางคันเสมอและลดการเกิดอุบติเหตุแนะนำให้ขับลุยน้ำช้า ๆ ไม่ขับเร็วเนื่องจากอาจจะเจอหลุม โคลน เนินหลังเต่า หรือถนนที่ขรุขระระหว่างการขับขี่ที่อาจทำให้เสียหลักและเกิดอุบัติเหตุได้
- เบรกรถเป็นระยะ ๆ ในขณะที่ขับขี่ผ่านน้ำท่วมนอกจากจะรักษาความเร็วที่พอดี ก็ควรเบรกรถโดยการย้ำเบรกเป็นระยะ ๆ เพราะผ้าเบรกนั้นสามารถดูดซับน้ำได้ซึ่งหากขับไปเรื่อย ๆ อาจทำให้เบรกเกิดความเสียหาย หรือขัดข้องจนเบรกไม่อยู่ซึ่งนำไปสู่อุบัติเหตุได้นั่นเอง
- ถึงที่หมาย อย่าดับรถทันที ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่เจอบ่อยหลังจากลุยน้ำท่วมที่มักจะดับเครื่องทันทีเมื่อมาถึงซึ่งไม่แนะนำเพราะอาจทำให้รถมีปัญหา เกิดเป็นสนิม หรือผุกร่อนได้เนื่องจากอาจจะมีน้ำตกค้างอยู่ในท่อไอเสีย ดังนั้นจึงควรสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ต่อประมาณ 5 – 10 นาทีเพื่อไล่น้ำออกจากท่อไอเสียให้หมดก่อนแลัวค่อยดับเครื่อง
เน้นย้ำอีกครั้งว่าให้ประเมินระดับน้ำก่อนลุย หากรถดับ ห้ามสตาร์ททันทีให้เข็นไปยังจุดที่แห้ง หรือพ้นทางน้ำท่วม หากขับได้ก็ขับช้า ๆ ไม่เร่งความเร็ว แต่เน้นเบรกเป็นระยะเพื่อไล่น้ำและเมื่อมาถึงที่หมาย อย่าดับเครื่องทันที ให้ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้สัก 5 – 10 นาทีแล้วค่อยดับเพื่อให้รถมอเตอร์ไซค์คันโปรดอยู่กับคุณไปได้นาน ๆ

หลังขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำ ควรเช็กอะไรบ้าง ?
เมื่อมาถึงจุดหมายหลังจากขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วมกันมา หากมีเวลาก็ให้รีบเช็กอะไหล่และชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบความเสียหายก่อนจะบานปลายที่ทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
- หัวเทียน ชิ้นส่วนสำคัญเปรียบเสมือนหัวใจของมอเตอร์ไซค์ที่ควรเช็กหลังจากมอเตอร์ไซค์ลุย น้ำท่วมมา โดยการเช็กที่ปลั๊กหัวเทียนว่ามีน้ำขังหรือไม่ หากมีให้ถอดมาเป่าเพื่อไล่ความชื้น โดยควรใช้ลมเป่าจะช่วยให้ไล่น้ำออกได้อย่างรวดเร็วและเช็ดให้แห้ง
- โซ่ เป็นส่วนที่สัมผัสน้ำอยู่ตลอด ซึ่งหากลุยน้ำเป็นเวลานานอาจทำให้โซ่แห้ง หรือเสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งานเนื่องจากสารเคลือบได้หลุดไปกับน้ำแล้ว ดังนั้นหลังจากลุยน้ำมาให้รีบหยอดน้ำมันโซ่เพื่อถนอมโซ่และยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ครั้งต่อไป
- น้ำมันเครื่อง เพราะไม่ว่าน้ำจะท่วมสูงหรือไม่ก็มีโอกาสที่เข้าไปในห้องเครื่องยนต์ได้ การตรวจเช็กน้ำมันเครื่องให้ละเอียดจึงเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ควรทำหลังจากลุยน้ำท่วม โดยการสังเกตว่าน้ำมันเครื่องมีสีขาวขุ่นหรือไม่ หากมีให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทันที
- เบรก เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ควรได้รับการตรวจเช็กที่ละเอียด โดยการถอดผ้าเบรกออกมาทำความสะอาดและไล่น้ำออกด้วยการใช้ลมเป่าและเช็ดให้แห้ง ซึ่งหากไล่น้ำออกไม่หมด อาจทำให้เบรกไม่อยู่ หรือเกิดเสียงดังขณะเบรกได้
- ตัวกรองอากาศ ที่อาจจะมีน้ำหลงเหลืออยู่ซึ่งถ้าหากพอมีความรู้ หรือความชำนาญแนะนำให้ถอดหม้อกรองอากาศมาทำความสะอาดเพราะหากทิ้งไว้นานไม่ได้ตรวจเช็ก อาจทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้
- ถังน้ำมัน จะใช้ในกรณีที่รถดับกลางคัน หรือมอเตอร์ไซค์ น้ำท่วมเกินระดับถังน้ำมัน เกือยครึ่งคันซึ่งอาจทำให้น้ำหลุดเจ้าไปในตัวถังได้ สิ่งที่ควรเช็กเบื้องต้น คือ การลองสตาร์ทรถ หากพบว่ามีอาการสะดุด หรือดับให้นำรถไปเข้าศูนย์ หรือร้านซ่อมทันทีเพื่อตรวจเช็กให้ละเอียด
ทั้ง 6 จุดที่แนะนำล้วนมีความสำคัญ! และควรทำการตรวจเช็กทันทีเมื่อมาถึงจุดหมายซึ่งหากไม่มีความรู้ หรือไม่ชำนาญ ไม่สามารถที่จะตรวจเช็กอาการเบื้องต้นเองได้แนะนำให้ติดต่อศูยน์ให้บริการใกล้บ้าน หรือร้านซ่อมเพื่อหาตรวจสอบและหาสาเหตในการแก้ไขได้ทันท่วงทีหากพบความผิดปกติ

การขับขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำนั้นสามารถทำได้ แต่ถึงอย่างไรก็ควรจะประเมินระดับน้ำก่อนจะลุย ว่ารถสามารถที่จะผ่านไปได้ ไม่จมหรือรถดับกลางคัน หรือถ้าดับก็ห้ามสตาร์ททันที ให้เข็นไปยังจุดที่พ้นน้ำท่วม ส่วนใครที่ขับไปได้ก็ขับช้า ๆ ย้ำเบรกเป็นระยะ และพักเครื่องยนต์ทิ้งไว้สัก 5 – 10 นาทีเมื่อถึงจุดหมายและอย่าลืม! ตรวจเช็คจุดสำคัญอย่างหัวเทียน โซ่ น้ำมันเครื่อง เบรก ตัวกรองอากาศ หรือถังน้ำมันให้มั่นใจซึ่งหากใครไม่มีความรู้ หรือความชำนาญก็แนะนำติดต่อร้านซ่อม หรือศูนย์บริการใกล้บ้านมาตรวจเช็กแทน
ส่วนใครที่อยากเปลี่ยนอะไหล่ หรือชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์ก็มาหาซื้อได้ผ่านออนไลน์ที่ Shopee ซึ่งมีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายจากแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ พร้อมทั้งยังอัปเดตสาระดี ๆ ก่อนใคร อาทิ อายุแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ ใช้ได้กี่ปี หรือ 7 อุปกรณ์ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ที่ควรมีไว้ติดบ้านที่สามารถเข้ามาอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ Shopee blog
อ้างอิง: yamaha-motor