เมื่อฤดูฝนใกล้เข้ามา นอกจากเราจะต้องเตรียมรับความชุ่มฉ่ำและอุณหภูมิที่เย็นลง แต่ยังต้องเตรียมรับมือและป้องกันการมาถึงของสัตว์มีพิษหลายชนิด ในช่วงฤดูนี้ ปริมาณน้ำฝนและน้ำท่วมที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต้องออกจากถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งมักจะนำเหล่าแมลงที่มากับฝนเข้าใกล้ถิ่นฐานของมนุษย์มากขึ้น การรู้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้คุณได้ป้องกันการเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายเหล่านี้โดยไม่พึงประสงค์ บทความนี้จะเจาะลึกสัตว์มีพิษ และ แมลงมีพิษหน้าฝน ที่พบบ่อยในช่วงหน้าฝน พร้อมให้คำแนะนำวิธีหลีกเลี่ยงและวิธีปฏิบัติเมื่อโดนพิษ
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
สัตว์มีพิษที่พบบ่อยในฤดูฝนของประเทศไทย
1. งู
Cr. Unsplash
สัตว์มีพิษที่น่ากลัวที่สุดชนิดหนึ่งในฤดูฝนคืองู ประเทศไทยเป็นที่อยู่ของงูพิษหลายชนิด รวมถึงงูจงอาง งูเห่า และงูเขียวหางไหม้ งูเหล่านี้จะออกหากินมากขึ้นในช่วงฤดูฝนเนื่องจากพวกมันค้นหาพื้นที่แห้งและเหยื่อ สามารถลดการเผชิญหน้าได้โดยหลีกเลี่ยงการเดินลุยพื้นที่รกพงมีหญ้าสูง กองใบไม้ และสวมรองเท้าบู๊ตและกางเกงขายาวหนาเมื่อเดินผ่านแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมัน
- เจอได้ที่ไหน: งูมักพบในป่าหรือพื้นที่ต้นไม้รก รวมถึงพื้นที่หญ้ารกใกล้แหล่งน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงูจงอาง แต่ในช่วงฤดูฝน พวกมันอาจเข้าไปในสวนและทุ่งนาเพื่อค้นหาพื้นที่แห้งและอาหาร
- การปฐมพยาบาลเบื้องต้น: หากถูกกัด ให้รักษาแขนขาที่ถูกกัดให้อยู่กับที่และอยู่ในระดับหัวใจ หลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายให้มากที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้พิษแพร่กระจาย ใช้ผ้าพันแผลที่สะอาดเพื่อพยุงบริเวณนั้นแต่ต้องไม่แน่น อย่าลืมจำลักษณะหรือถ่ายรูปงูที่กัดเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในภายหลัง
- วิธีการรักษา: ยาแก้พิษเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพเพียงอย่างเดียวสำหรับการถูกงูจงอางกัด จำเป็นต้องไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากพิษอาจถึงแก่ชีวิตได้
- การป้องกัน: หลีกเลี่ยงการเดินผ่านพืชพรรณหนาทึบโดยไม่มีอุปกรณ์เดินเท้าที่เหมาะสม ใช้ไฟฉายในเวลากลางคืนและระมัดระวังบริเวณที่อาจงูซ่อนตัว เช่น กองใบไม้หรือก้อนหิน สวมรองเท้าบูทและกางเกงยีนส์ขายาวเมื่อเคลื่อนที่ผ่านบริเวณที่มีงูเหล่านี้อยู่ทั่วไป ยึดเส้นทางที่ชัดเจนซึ่งมองเห็นพื้นได้ และหลีกเลี่ยงการเดินผ่านพุ่มไม้เตี้ย
2. แมงป่อง
Cr. Unsplash
แมงป่องถือเป็นสัตว์มีพิษอีกชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยมากขึ้นในช่วงฤดูฝน พวกเขามักจะหาที่หลบภัยในพื้นที่แห้งภายในบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้แมงป่องต่อย แนะนำให้เขย่ารองเท้า เสื้อผ้า ผ้าห่ม และเช็คผ้าปูที่นอนก่อนล้มตัวลงนอนหรือเอาผ้ามาห่มหรือสวมใส่ การปิดผนึกรอยแตกและช่องต่างๆ ในบ้านยังช่วยลดโอกาสที่แมงป่องจะเข้ามาภายในบ้านได้อีกด้วย
- เจอหาได้ที่ไหน: แมงป่องอาจหาที่หลบภัยในบ้าน เช่น การหนีเข้าไปอยู่ภายในรองเท้า หรืออาศัยอยู่ภายใน เสื้อผ้าหรือเครื่องนอนเพื่อหนีจากสภาพอากาศที่เปียกชื้นภายนอก
- การปฐมพยาบาล: ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด ใช้น้ำแข็งหรือแผ่นประคบเย็นบริเวณที่ถูกต่อยเพื่อบรรเทาอาการปวดและบวม ถ้าปวดมากสามารถทานพาราเซตามอลบรรเทาอาการปวดได้ หลีกเลี่ยงการเกา และงดบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มหากกลืนลำบาก
- วิธีการรักษา: การรักษาเป็นไปตามอาการ โดยเน้นที่การจัดการความเจ็บปวด ยาแก้พิษมีให้ในกรณีที่รุนแรงแต่ไม่ค่อยจำเป็น
- การป้องกัน: เขย่ารองเท้า เสื้อผ้า และเครื่องนอนก่อนใช้งาน ปิดรอยแตกร้าวและช่องเปิดรอบๆ บ้าน ใช้ยาฆ่าแมลงในบริเวณที่แมงป่องเป็นปัญหาบ่อยครั้ง
3. แมงมุม
Cr. Unsplash
แมงมุมบางชนิด เช่น แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล แมงมุมแม่หม้ายหลังแดง แมงมุมแม่หม้ายดำ และ แมงมุมพิษน้ำตาล จะพบเห็นได้ในประเทศไทย แม้จะพบบ่อยที่สุดในช่วงฤดูหนาว แต่ในช่วงฤดูฝนก็พบได้เช่นกัน แมงมุมเหล่านี้มีพิษสูงและสามารถพบได้ในที่มืด แห้ง รก และไม่ถูกรบกวนในบ้านหรือสวนของคุณ เวลาโดนแมงมุมเหล่านี้กัดผิวบริเวณนั้นจะแดงเป็นจ้ำและรู้สึกชา แต่แมงมุมเหล่านี้โดยส่วนใหญ่แล้วมีพิษปริมาณน้อยไม่ทำให้ถึงตาย ยกเว้นแต่ว่าแผลจะติดเชื้อหรือคุณจะแพ้พิษจนหายใจไม่ออกจึงจะเสียชีวิตได้ด้วยผลข้างเคียง การทำความสะอาดและการตรวจสอบพื้นที่จัดเก็บเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่แมงมุมกัดได้ รวมไปถึงทำความสะอาดบ้านอย่างถี่ถ้วน ใช้ไม้กวาดหยากไย่เพื่อทำลายรังและที่อยู่ของแมงมุมที่ใกล้ตัว
- เจอหาได้ที่ไหน: แมงมุมแม่ม่ายดำมักพบในพื้นที่ที่ไม่ถูกรบกวนและรก เช่น กองไม้ ห้องใต้ดิน พื้นที่ใต้ถุน และห้องใต้หลังคา แมงมุมสีน้ำตาลสามารถพบได้ในพื้นที่แห้งและเงียบสงบ เช่น ตู้เสื้อผ้า มุม กองไม้ และเพิงไม้ พวกเขามีความกระตือรือร้นมากขึ้นในเวลากลางคืน
- การปฐมพยาบาล: ทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยสบู่และน้ำ ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและปวด
- วิธีการรักษา: การรักษาทางการแพทย์อาจรวมถึงยาแก้ปวดและการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การรักษาเกี่ยวข้องกับการทำความสะอาดแผลและการจัดการอาการต่างๆ เช่น ความเจ็บปวดและเนื้อร้ายที่ผิวหนัง ในกรณีที่รุนแรงอาจจำเป็นต้องใช้ยาต้านพิษ
- การป้องกัน: หลีกเลี่ยงการเก็บเสื้อผ้าหรือรองเท้าบนพื้น และใช้ความระมัดระวังในการเคลื่อนย้ายสิ่งของที่จัดเก็บ ทำความสะอาดและดูดฝุ่นบริเวณจุดซ่อนตัวอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้แมงมุมเกาะตัว รักษาพื้นที่รอบๆ บ้านให้สะอาดและไม่เกะกะ ใช้ตู้เก็บของที่ปิดมิดชิดแทนการกองของสุมๆไว้ หมั่นจัดพื้นที่ไม่ให้เก็บฝุ่นโดยเฉพาะตามมุมห้อง ระมัดระวังในการจัดการกล่องและสิ่งของอื่น ๆ ที่เก็บไว้เป็นเวลานาน
3. คางคก
Cr. Unsplash
เราที่เป็นมนุษย์ก็อาจไม่ได้ไปเจอและแตะต้องคางคกให้ได้รับพิษกันมาง่ายๆ แต่หารู้ไม่ว่าหมาหรือแมวสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณอาจจะหาแหล่งที่มาของเสียงและไปกัดเจ้าคางคกและรับพิษมาก็ได้ ดังนั้นให้ระวังแหล่งน้ำกับสัตว์เลี้ยงที่ปล่อยวิ่งนอกบ้านไว้ให้ดี
- เจอหาได้ที่ไหน: คางคกสามารถพบได้ในสวน ใกล้แหล่งน้ำ และในพื้นที่ชื้น ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำ ทะเลสาบ หรือบ่อน้ำขังตามพื้นและพงหญ้า โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน
- การปฐมพยาบาล: หากสัตว์เลี้ยงกัดคางคก ให้นำคางคกออกและล้างปากล้างหน้าสัตว์เลี้ยงด้วยน้ำสะอาดทันที และป้องกันไม่ให้กลืนพิษหรือกลืนน้อยลงโดยการให้ก้มหัวลง
- วิธีการรักษา: ไปพบสัตวแพทย์หากมีอาการเป็นพิษในสัตว์เลี้ยง ในมนุษย์ หากพิษของคางคกเข้าตาหรือผิวหนัง ให้ล้างออกให้สะอาดและไปพบแพทย์หากยังมีอาการระคายเคืองอยู่
- การป้องกัน: สวมสายจูงสัตว์เลี้ยง เช่น สายจูงสุนัข สายจูงแมว และดูแลสัตว์เลี้ยงเมื่ออยู่ข้างนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้กับแหล่งที่อยู่อาศัยของคางคกทั่วไป ล้างมือหลังจากสัมผัสคางคกทันที
5. กิ้งกือ
Cr. Unsplash
หลายคนอาจรู้ว่ากิ้งกือไม่มีพิษ จนสามารถให้เด็กๆไปเอากิ่งไม้จิ้มหรือแม้กระทั่งจับเล่นให้กิ้งกือม้วนตัวก็เป็นได้ หารู้ไม่ว่าแม้กิ้งกือจะไม่กัด แต่ก็มีพิษอยู่รอบตัว ซึ่งถ้าสัมผัสเข้ากับผิวหนังมนุษย์โดยตรงแล้ว ก็อาจจะทำให้เป็นผื่นแพ้ บวมแดงคันได้ หรืออย่างหนักก็ทำให้ฟิวไหม้ได้เลยทีเดียว ทั้งนี้เป็นเพราะกิ้งกือมีพิษจางๆเป็นของเหลงใสไม่มีสีอยู่ตามด้านข้างลำตัวยาวๆของมัน ซึ่งมีไว้เพื่อเป็นพิษฤทธิ์อ่อนที่ฆ่า มด แมลงที่มากับฝนได้เท่านั้น
- เจอหาได้ที่ไหน: กิ้งกือมักพบในบริเวณชื้นใต้ใบไม้ หิน และท่อนไม้ พวกมันจะเคลื่อนไหวมากขึ้นในช่วงกลางคืนและช่วงฝนตก
- การปฐมพยาบาล: หากสารคัดหลั่งของกิ้งกือสัมผัสกับผิวหนัง ให้ล้างบริเวณนั้นด้วยสบู่และน้ำปริมาณมากเพื่อขจัดของเหลวที่มีพิษและลดการสัมผัสพิษที่ผิวหนัง
- วิธีการรักษา: ใช้ยาแก้แพ้บรรเทาอาการคัน หรือ ยาแก้ผื่นคัน ทาครีมไฮโดรคอร์ติโซนเพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองผิวหนัง ปรึกษาแพทย์หากยังมีอาการอยู่
- การป้องกัน: สวมถุงมือเมื่อทำงานในสวนและกำจัดกองใบไม้และเศษซากเพื่อลดแหล่งที่อยู่อาศัยของกิ้งกือ รวมถึงจำกัดบริเวณสัตว์เลี้ยงไม่ให้ไปสัมผัส กัด หรือคาบกิ้งกือ และรับพิษโดยไม่ได้ตั้งใจ
4 แมลงมีพิษหน้าฝน แมลงชุมหน้าฝน มีอะไรบ้าง
Cr. Unsplash 1,2
1. แมลงก้นกระดก หรือ ด้วงก้นกระดก
เจ้าแหลงตัวเล็กที่หน้าตาคล้ายมดตัวใหญ่ ตูดแหลม และมีสีแซมส้มๆใกล้ๆบริเวณก้น ถ้าเจอล่ะก็อย่าคิดเป็นเป็นมดที่เอามือปัดๆหรือเอานิ้วบี้ได้ เพราะแมลงก้นกระดกนี้มีพิษร้ายที่จะทำร้ายคุณได้อย่างสาหัสทีเดียว ผลของผิวหนังมนุษย์สัมผัสพิษของตัวแมลงก้นกระดกแม้จะโดนนิดเดียวตอนเจ้าแมลงบินผ่าน ก็สามารถทำให้เกิดผื่นแดงบวมคัน และลุกลายจนเกิดผื่นเป็นปื้น แผลพุพอง ไหม้แดง ปวดแสบปวดร้อน มีไข้ หรือที่แย่ที่สุดคือพิษเข้าที่ตา ก็อาจทำให้ตาบอดได้เลยทีเดียว
- เจอหาได้ที่ไหน: มักพบอยู่ใต้ก้อนหิน ท่อนไม้ มูลสัตว์ กองไม้ และใบไม้ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ชื้น บางทีอาจบินมาเล่นแสงตามหน้าบ้านเรือนของคน หรืออยู่ใกล้ห้องน้ำเพราะมีสภาพอากาศชื้น เมื่อเจออย่าจับ อย่าบี้
- การปฐมพยาบาล: แมลงก้นกระดกเมื่อสัมผัส มันจะปล่อยของเหลวมีพิษสีเหลืองอ่อนออกมาจากบริเวณขา ให้รีบล้างผิวหนังบริเวณที่ได้รับการสัมผัสหรือรู้สึกคันด้วยสบู่และน้ำทันทีหลังการสัมผัส และเช็ดด้วยแอมโมเนียหรือแอลกอฮอล์ทันที เพื่อลดการระคายเคืองผิวหนัง ไม่ควรเกาหรือสัมผัสบริเวณที่ติดเชื้อหรือคันเพื่อกันแผลลุกลาม
- วิธีการรักษา: รักษาปฏิกิริยาทางผิวหนังด้วยยาสเตียรอยด์เฉพาะที่เพื่อลดการอักเสบ หากเข้าตา ให้ล้างตาด้วยน้ำปริมาณมาก และไปพบแพทย์โดยด่วน
- การป้องกัน: รับรู้รูปร่างหน้าตาของแมลงก้นกระดกและหลีกเลี่ยงการจับต้องเจ้าด้วงก้นกระดก สวมถุงมือและแขนยาวเมื่อทำงานกลางแจ้ง หากอยู่บริเวณบ้านอาจลดแสงที่ทำให้แมลงบินเข้ามาเล่นไฟบริเวณบ้านเรือน
2. มดแดง
แม้จะเป็นแค่มด แต่เมื่อถึงหน้าฝน มดก็อาจจะอพยพจากด้านนอกมาเดินแถวในบ้านเรา สร้างความรำคาญใจแล้วก็ส่วนหนึ่ง แต่อย่าพึ่งคิดว่าเป็นมดจะไม่มีพิษ เพราะหากเป็นมดแดง มดแดงจะสามารถกัดหรือต่อยให้คนได้รับความเจ็บปวดได้อย่างมาก หากคนที่โดนกัดไม่แพ้ก็อาจทนซักพักก็หาย แต่สำหรับบางคนก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงในบุคคลที่มีอาการแพ้มด ปวด บวม แดง ร้อน หายช้า หรือแม้กระทั่ง เวียนหัว หน้ามืด หรือ ทำการส่งผลต่อความดันและช็อกได้เลยทีเดียว มักพบเป็นจำนวนมากหลังฝนตก ซึ่งอาจท่วมรังในระดับพื้นดิน ทำให้พวกมันก้าวร้าวมากขึ้นและบุกรุกบ้านคน
- เจอหาได้ที่ไหน: มดเหล่านี้สร้างกองดินและพบได้ทั่วไปในสนามหญ้า ทุ่งนา และสวนสาธารณะ
- การปฐมพยาบาล: หากถูกกัด ให้ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและปวด
- วิธีการรักษา: ใช้ครีมไฮโดรคอร์ติโซนหรือยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการคันและบวม หากเกิดอาการแพ้ เช่น หายใจลำบาก ให้ไปพบแพทย์ฉุกเฉินทันที
- การป้องกัน: สวมรองเท้าและถุงเท้าเมื่อออกไปข้างนอก และระมัดระวังบริเวณกองมด พิจารณาการรักษาด้วยการควบคุมมดในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
3. ยุง
แม้ว่ายุงจะไม่เป็นพิษทุกชนิด แต่ก็เป็นพาหะนำโรคหลายชนิด เช่น ไข้เลือดออก ไวรัสซิกา และมาลาเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงและหลังฤดูฝน
- เจอหาได้ที่ไหน: พบใกล้แหล่งน้ำนิ่ง ในสวน และใกล้บ้าน โดยเฉพาะช่วงเย็นและกลางคืน
- การปฐมพยาบาล: ใช้น้ำแข็งหรือประคบเย็นบริเวณที่ถูกกัดเพื่อลดอาการบวมและคัน หรือ ทายาแก้แมลงสัตว์กัดต่อย
- วิธีการรักษา: ใช้ครีมแก้คันเฉพาะที่หรือยาแก้แพ้ในช่องปากเพื่อจัดการกับอาการ รักษารอยกัดให้สะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- การป้องกัน: ใช้ยาจุดกันยุง สเปรย์ฉีดกันยุง สติ๊กเกอร์ติดกันยุง เครื่องดักยุง หรือไม้ตียุง สวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว และใช้มุ้งหรือติดมุ้งลวดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกยุงกัด กำจัดแหล่งน้ำนิ่งบริเวณที่อยู่อาศัยเพื่อลดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
4. แมลงวันตา
แม้ว่าจะไม่เป็นพิษโดยตรงผ่านการถูกต่อยหรือสัตว์กัด แต่แมลงวันเหล่านี้แพร่เชื้อโรคได้ในขณะที่พวกมันไปที่อาหารหรือกองขยะที่วางทิ้งไว้และเริ่มเน่าเปื่อย รวมไปถึงที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษและการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าแมลงวันตาดูดกินเลือดหรือน้ำเหลืองบนแผลที่ผิวหนังคนเข้า อาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล ติดเชื้อ และลุกลามใหญ่โตได้ ดังนั้นการป้องกันแมลงวันตา หรือกำจัดแมลงวันเมื่อเห็นมันเข้าบ้านจึงเป็นมาตรการป้องกันที่ควรทำ
- เจอหาได้ที่ไหน: มักพบใกล้ขยะ ของเสีย และอินทรียวัตถุที่เน่าเปื่อย
- การปฐมพยาบาล: รักษาสุขอนามัยเพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดต่อจากการสัมผัสกับแมลงวัน ล้างมือให้สะอาดหลังจากสัมผัสกับพื้นผิวที่มีแมลงวันเข้ามา
- วิธีการรักษา: โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องมีการรักษาโดยตรงเมื่อสัมผัสกับแมลงวันเหล่านี้ แต่การรักษาความสะอาดเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ
- การป้องกัน: ใช้มุ้งกันแมลง ใช้ฝาชีปิดชามอาหาร ปิดผนึกขยะและเศษอาหารอย่างแน่นหนา และรักษาความสะอาดในพื้นที่รับประทานอาหาร ครัว และที่ทิ้งอาหาร เพื่อป้องกันแมลงวันรบกวน
หน้าฝน ควรระวังสัตว์มีพิษเหล่านี้อย่างไรบ้าง
การทำความเข้าใจและเคารพแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษเหล่านี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัยในช่วงฤดูฝน เพื่อความปลอดภัยของคุณเองและคนรอบข้าง เราแนะนำให้ใช้มาตรการป้องกันดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงน้ำท่วม: วิธีนี้สามารถช่วยป้องกันสัตว์และโรคที่มากับน้ำได้
- ตรวจสอบและเขย่าเสื้อผ้า รองเท้า และผ้าเช็ดตัว ก่อนใช้งานทุกครั้ง
- รักษาพื้นที่อยู่อาศัยของคุณให้สะอาด และไม่เกะกะเพื่อลดจุดซ่อนตัวของแมลงมีพิษหน้าฝนเหล่านี้
- ติดตั้งมุ้งลวดที่หน้าต่างและประตูเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ไม่ได้รับเชิญเข้ามาในบ้านของคุณ
อย่าลืมเรียนรู้ว่าสัตว์มีพิษทั่วไปชนิดใดได้บ้างจะสามารถอยู่ในบริเวณพื้นที่ของคุณ และให้ความรู้แก่ครอบครัวของคุณเกี่ยวกับพวกมัน เพื่อไม่ให้พวกเขาจับต้องหรือสัมฝัสโดยไม่รู้ว่าพวกมันมีพิษ
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเผชิญกับสัตว์มีพิษ
การรู้พื้นฐานของการปฐมพยาบาลสามารถช่วยชีวิตได้ในกรณีที่ต้องเผชิญกับสัตว์และแมลงมีพิษหน้าฝน สิ่งที่ควรทำหากถูกกัดหรือต่อย
- อย่าตกใจจนเกินไป: การตื่นตระหนกจะกระตุ้นและเพิ่มการไหลเวียนของสารพิษในกระแสเลือด
- อย่าดูดพิษ: ตรงกันข้ามกับความเชื่อที่นิยม สิ่งนี้อาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เช่นทำให้พิษเข้าไปในปากของผู้ดูดพิษ
- ขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทันที: เวลาเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสัตว์มีพิษกัดหรือต่อย
ทำอย่างไรถ้าโดนตะขาบกัด
ตะขาบกัดอาจทำให้เจ็บปวดมากและอาจต้องไปพบแพทย์ทันที หากถูกกัด ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้
1. ทำความสะอาดบาดแผล: ล้างบริเวณนั้นด้วยสบู่และน้ำเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
2. บรรเทาอาการปวด: ประคบน้ำแข็งเพื่อลดอาการบวมและทานยาแก้ปวดที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์
3. ติดตามอาการ: สังเกตอาการแพ้หรือการติดเชื้อ หากอาการแย่ลง ควรไปพบแพทย์ทันที
ข้อเท็จจริงและสถิติที่น่าสนใจ
ข้อเท็จจริง | รายละเอียด |
จำนวนเหตุการณ์งูกัดต่อปีในประเทศไทย | ประมาณ 7,000 เคส ต่อปี |
ร้อยละของสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับงูพิษ | ประมาณ 50% หรือ 3,500 เคส ต่อปี |
เวลาที่ตะขาบออกหากินมากที่สุด | ยามค่ำคืนในช่วงฤดูฝน |
บทสรุป
ในช่วงฤดูฝน การปรากฏตัวของสัตว์และแมลงมีพิษเพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดความเสี่ยงอย่างมาก ด้วยการใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสมและให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ คุณสามารถลดอันตราย ใช้ชีวิต เดินทาง และอาศัยอยู่บริเวณเดิมได้อย่างปลอดภัย จำไว้ว่า หากคุณพบกับสัตว์มีพิษ แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดคือรักษาระยะห่างและขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น เก็บหมายเลขฉุกเฉินในพื้นที่ไว้ใกล้มือเสมอ และทราบตำแหน่งของสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด รู้จักหน้าตาของสัตว์มีพิศพวกนี้ไว้คุณจะได้ปลอดภัยจากพวกมัน Shopee ก็ขอให้คุณปลอดภัยจากเหล่าสัตว์ร้ายเหล่านี้กันตลอดหน้าฝนนะ !