ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “เมคเฟรน (Make friend)” กลายเป็นศัพท์ฮิตในโลกออนไลน์และวงสนทนา โดยเฉพาะเวลาแนะนำตัวในงานอีเวนต์ มหาวิทยาลัย หรือแชตกลุ่ม เพื่อนใหม่มักถาม-ตอบกันแบบสั้น กระชับ และเป็นกันเอง บทความนี้พาไปรู้จัก “เมคเฟรน” ตั้งแต่ความหมายจนถึงวิธีใช้ พร้อมไอเดียประโยคเริ่มคุยมากถึง 80 ตัวอย่าง ครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ (สอดแทรกมุมมองจาก MBTI เพื่อช่วยอ่านสไตล์คุยของแต่ละคนได้ดีขึ้น) ระหว่างอ่าน ถ้าชอบคอนเทนต์แนวนี้
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
เมคเฟรนคืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นคำฮิต
ก่อนอื่น “เมคเฟรน” มาจากอังกฤษคำว่า make friend ความหมายตรงตัวคือ “ชวนกันมาเป็นเพื่อน” แต่ในภาษาไทยใช้เป็นคำกริยาแบบสบาย ๆ เช่น “ไปงานวันนี้ เมคเฟรนหน่อยมั้ย” หรือ “เดี๋ยวเมคเฟรนในกลุ่มไลน์” จุดเด่นคือความเป็นกันเอง ไม่เป็นทางการ และเหมาะกับบริบทสั้น ๆ ที่ต้องการ “เปิดบทสนทนา” เพื่อดูทิศทางต่อว่าจะคุยเรื่องอะไรต่อดี
ที่มาของคำว่าเมคเฟรน
คำนี้แพร่หลายจากแคปชันและคอมเมนต์ในโซเชียล เช่น IG, X (Twitter) รวมถึงกลุ่มแชตมหาวิทยาลัย/ที่ทำงาน คนพูดติดปากเพราะออกเสียงง่าย ตลกนิด ๆ และสื่อได้ทันทีว่า “อยากเริ่มคุยแบบเพื่อน” ไม่ผูกมัดหรือเป็นทางการเกินไป
ทำไมถึงนิยมใช้ในปัจจุบัน
ยุคแชตและคอนเทนต์สั้นต้องการ “ประโยคเปิด” ที่ไม่เกร็ง “เมคเฟรน” จึงเป็นเหมือนป้ายไฟชวนคุย เหมาะทั้งงานเน็ตเวิร์กกิง ออนบอร์ดดิ้งพนักงานใหม่ คลาสเวิร์กชอป ไปจนถึงการคอมเมนต์ในไลฟ์สตรีม นอกจากนี้ คนจำนวนมากสนใจเครื่องมือรู้จักตัวเองอย่าง MBTI พอรู้สไตล์ I/E, T/F ก็ยิ่งหา “จุดเริ่มบทสนทนา” ที่เข้ากันได้ง่ายขึ้น
ประโยค เมคเฟรนสำหรับเพื่อนใหม่
การเมคเฟรนที่ได้ผลควร สั้น ชัด อุ่นใจ บอกตัวตนเล็กน้อย + เปิดช่องให้เขาตอบง่าย (เช่น คำถามปลายเปิดระดับตื้น ๆ) ด้านล่างคือไอเดียประโยคเปิดและประโยคต่อบทสนทนาที่ใช้ได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เลือกหยิบให้เข้ากับสไตล์ของคุณและบริบทหน้างานได้เลย หากอยากหาไอเดียของขวัญเล็ก ๆ ไว้พกไป “เมคเฟรน”
ตัวอย่างประโยคเมคเฟรน (40 ไอเดีย)
- สวัสดี เราชื่อ___ มาจากทีม___ เธอล่ะ
- มางานครั้งแรกเหมือนกันไหม
- เราชอบบรรยากาศที่นี่จัง เธอว่าไง
- วันนี้ตั้งใจมาเรียนรู้อะไรเป็นพิเศษไหม
- เห็นถือหนังสือเล่มนั้น น่าสนใจจัง
- เพลงที่เปิดอยู่เพราะเนอะ ชอบแนวนี้ไหม
- เราเพิ่งย้ายมาทำงานแถวนี้ แนะนำร้านกาแฟหน่อยได้ไหม
- เธอรู้จักเจ้าบ้านงานนี้ไหม
- เรากำลังหาคนคุยเรื่องโปรเจกต์___ อยากเมคเฟรนด้วยไหม
- คิวลงทะเบียนยาวเลย เธอมาจากไหน
- ชอบธีมงานวันนี้จัง เธอให้กี่คะแนน
- MBTI เธออะไร เราเป็น___
- เราเห็นเสื้อทีมเธอ ลายเท่มาก ซื้อที่ไหน
- มุมถ่ายรูปตรงไหนสวยสุด เธอมีแนะนำไหม
- เธอเคยมาอีเวนต์ของที่นี่มาก่อนหรือเปล่า
- เราหาที่นั่งคู่ได้ไหม อยากแลกเปลี่ยนไอเดีย
- กำลังอินซีรีส์อะไรอยู่ แนะนำหน่อย
- ชอบทำกิจกรรมแนวไหนวันหยุด
- เธอใช้แอปจดโน้ตอะไรอยู่ เก๋จัง
- เรากำลังเริ่มวิ่ง/ปั่นจักรยาน มีทริกไหม
- เพิ่งลองกาแฟเมนูนี้ อร่อยกว่าที่คิด เธอลองยัง
- เธอมาคนเดียวหรือมากับทีม
- เราตามเพจวิชา/งานสายนี้อยู่ เพิ่งเจอโพสต์ดี ๆ เธอตามไหม
- งานนี้มีเวิร์กชอปไหนน่าลองสุด
- ชอบฟังพอดแคสต์อะไร แนะนำหน่อย
- เราชื่อเล่น___ เรียกสั้น ๆ ก็ได้นะ
- เธอสบายใจถ้าเราขอไอจี/ลิงก์ลิงก์ดินไหม
- เห็นป้ายชื่อเธอ ลายมือสวยมาก
- กำลังหาเพื่อนลองเมนูใหม่ ๆ แถวนี้ ไปด้วยกันไหม
- เธอเริ่มสนใจสายงานนี้ได้ยังไง
- เราเพิ่งย้ายมาเมืองนี้ มีที่ไหนต้องไปบ้าง
- เห็นสติกเกอร์โน้ตบุ๊กเธอ น่ารัก ซื้อที่ไหน
- เราอยากฝึกภาษา/สกิล___ เธอมีแหล่งแนะนำไหม
- ฟังบรรยายเมื่อกี้แล้วคิดยังไง
- เธอเจอปัญหาคล้าย ๆ กันในงานไหม
- ถ่ายรูปให้กันไหม เดี๋ยวสลับกันถ่าย
- เธอชอบทำงานคาเฟ่ไหนบ้าง
- วันนี้ตั้งเป้าหาเพื่อนใหม่หนึ่งคน เราขอเป็นคนนั้นได้ไหม
- เธอสะดวกคุยต่อหลังจบเซสชันไหม
- ขอบคุณที่คุยด้วยนะ ขอเมคเฟรนไว้เป็นเพื่อนไว้แชร์ไอเดียกันไหม
ตัวอย่างตอบ เพื่อต่อประโยคสนทนา (40 ไอเดีย)
- โอเคเลย เราชื่อ___ ยินดีที่ได้รู้จัก
- ใช่เลย เราก็มาครั้งแรกเหมือนกัน
- ร้านกาแฟแถวนี้มี___ อร่อยมาก ลองไหม
- คะแนนเราสัก 8/10 ชอบเวทีหลัก
- เราเป็น INFJ/ENTP ล่ะเธอ
- เสื้อซื้อออนไลน์ เดี๋ยวส่งลิงก์ให้
- มุมถ่ายรูปด้านซ้ายแสงสวย เดี๋ยวพาไป
- เคยมาแล้ว สนุกทุกครั้ง
- ได้นะ เราชอบแลกไอเดีย
- ซีรีส์แนวสืบสวนปะ ชอบเหมือนกัน
- วันหยุดเราทำ___ ถ้าเธอสนใจไปด้วยกันได้
- เราใช้ Notion/Google Keep สะดวกดี
- เริ่มวิ่งเดือนนี้เหมือนกัน จัดกรุ๊ปไหม
- เมนูนี้เด็ด! ต่อคิวอีกแก้วไหม
- มากับทีมเล็ก ๆ ของที่ทำงาน
- ตามเพจ___ อยู่เหมือนกัน โพสต์ล่าสุดดีมาก
- เราเล็งเวิร์กชอปบ่ายสอง ไปด้วยกันไหม
- พอดแคสต์ “___” ดีมาก ส่งตอนโปรดให้ได้
- เรียกเราว่า___ ก็ได้
- ให้ไอจีได้ เดี๋ยวฟอลกลับ
- ขอบคุณนะ เดี๋ยวเราแชร์สติกเกอร์ร้านให้
- ยินดีเลย ไปลองเมนูใหม่กัน
- เราเริ่มจากคอร์สออนไลน์ของ___
- เมืองนี้ต้องไป___ บรรยากาศดี
- สติกเกอร์ซื้อจากร้านในแอป เดี๋ยวปักหมุดให้
- ภาษา/สกิล___ เราเรียนจากคอมมูนิตี้นี้ ลองเข้าดู
- เซสชันเมื่อกี้อินไซต์ดีมาก โดยเฉพาะเรื่อง___
- ใช่ เราก็เจอปัญหาคล้าย ๆ ลองวิธี___ แล้วดีขึ้น
- ถ่ายรูปสลับกันได้เลย
- คาเฟ่โปรดเราอยู่ซอย___
- ได้สิ เราชอบรู้จักเพื่อนใหม่
- ดีเลย จบเซสชันค่อยคุยต่อ
- ยินดีมาก ไว้แชร์งาน/ไอเดียกัน
- ชอบสไตล์การคุยเธอ คุยง่ายดี
- ขอบคุณที่เปิดบทสนทนาก่อนนะ
- งั้นเราแลกคอนแท็กกันไว้ก่อน
- เราสนใจเข้ากลุ่มเรียน/ฝึกด้วย
- ไว้นัดคอลสั้น ๆ ได้ไหม 15 นาทีพอ
- ถ้าสนใจหัวข้อ___ เดี๋ยวรวบรวมลิงก์ให้
- ดีใจที่ได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกคน!
เทคนิคตอบให้เข้ากับสถานการณ์ (อ่านสั้น เข้าใจง่าย)
- สะท้อนบางคำของคู่สนทนา (Mirroring) ช่วยให้ลื่นไหล เช่น เขาพูด “เพิ่งเริ่มวิ่ง” คุณตอบ “เริ่มวิ่งตอนไหน ใช้แอปไหนจดระยะ”
- ใช้คำถามปลายเปิดระดับตื้น เน้นงาน กิจกรรม สิ่งของรอบตัว หลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหว
- ใส่บริบทตัวเองนิดเดียว เพื่อให้เขาจับทางต่อ เช่น “เราชอบพอดแคสต์เทคโนโลยี เธอมีแนะนำไหม” (โยงไปคอนเทนต์ แก็ดเจ็ต & เทคโนโลยี)
- เรียกชื่ออีกฝ่ายบ้าง เพิ่มความเป็นส่วนตัวและช่วยจำ
- มี “ทางต่อ” เสมอ ชวนไปมุมถ่ายรูป แลกเพลย์ลิสต์ สลับถ่ายรูป หรือแลกลิงก์งานตัวอย่าง

วิธีเมคเฟรน ใช้ยังไงในชีวิตจริง
การเมคเฟรนในชีวิตจริงแตกต่างจากในแชตตรงที่ “ต้องอาศัยการสังเกตและจังหวะ” มากกว่า เพราะเราจะไม่มีเวลาแก้ข้อความหรือคิดนาน ๆ เหมือนในออนไลน์ ทุกคำพูด ท่าทาง และสายตาล้วนสื่อสารแทนความตั้งใจได้หมด หลักง่าย ๆ ที่ใช้ได้เสมอคือ “สังเกต > เริ่ม > ต่อ > เก็บ” ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ช่วงก่อนคุย ระหว่างคุย และหลังจากจบการพูดคุย หากทำครบทั้ง 4 ขั้นตอนนี้ การเมคเฟรนของคุณจะดูเป็นธรรมชาติและมีโอกาสได้เพื่อนใหม่จริง ๆ มากขึ้น
หลักคือ สังเกต > เริ่ม > ต่อ > เก็บ
1. สังเกต: หาสิ่งร่วม เช่น ป้ายชื่อ เสื้อทีม อุปกรณ์ที่ใช้
ก่อนจะเริ่มบทสนทนา ลองใช้เวลาไม่กี่วินาทีสังเกตสิ่งรอบตัวของอีกฝ่าย เพราะ “จุดร่วม” คือประตูสู่การคุย เช่น ป้ายชื่อที่ระบุอาชีพ เสื้อทีมที่มีโลโก้กิจกรรมเดียวกัน หรืออุปกรณ์ที่ใช้คล้ายกัน เช่น กล้องรุ่นเดียวกัน หรือโน้ตบุ๊กยี่ห้อเดียวกัน การสังเกตเล็ก ๆ แบบนี้ช่วยให้คุณมี “หัวข้อเปิด” ที่เป็นธรรมชาติและดูไม่จงใจเกินไป เช่น “อ้าว ใช้กล้องรุ่นนี้เหมือนกันเลย!” เพียงเท่านี้ก็นำไปสู่บทสนทนาได้ทันที
2. เริ่ม: เปิดด้วยประโยคสั้น ๆ + คำถามหนึ่งข้อ
เมื่อมีจุดร่วมแล้ว ให้เริ่มต้นคุยด้วยประโยคสั้น ๆ ที่เป็นมิตรและไม่เป็นทางการ เช่น “เมื่อกี้บูธนี้คนเยอะมากเลยใช่ไหมครับ” หรือ “เห็นถือหนังสือเล่มนี้อยู่ ดีไหมคะ กำลังเล็งจะซื้ออยู่เหมือนกัน” แล้วตามด้วยคำถามปลายเปิด 1 ข้อ เพื่อให้เขาได้เล่าเพิ่ม การเปิดบทแบบนี้ช่วยทำให้การคุยดูเนียน ไม่รู้สึกเหมือน “พยายามเข้าหา” แต่กลับดูเหมือนเป็นคนเปิดใจอยากรู้จักอย่างจริงใจ
3. ต่อ: เสนอทางเลือกถัดไป (ชวนเดิน ชวนดูบูธ)
เมื่อการคุยเริ่มเข้าที่ อย่าปล่อยให้มันจบลงแค่คำพูดสั้น ๆ ลองต่อบทสนทนาด้วย “ข้อเสนอเล็ก ๆ” เช่น “ไปดูบูธข้าง ๆ กันไหม” หรือ “เดี๋ยวกำลังจะไปฟังพาเนลอีกอัน ไปด้วยกันไหม” การชวนต่อยอดแบบนี้ช่วยให้บทสนทนาไม่สะดุด และสร้างความรู้สึกเป็นทีมได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในกิจกรรมหรือเวิร์กชอปที่ทุกคนมีเป้าหมายคล้ายกัน การเมคเฟรนจะง่ายขึ้นมากเมื่อคุณทำให้เขารู้สึกว่า “เราอยู่ฝั่งเดียวกัน”
4. เก็บ: แลกช่องทางติดต่อและโน้ตสั้น ๆ ไว้จำว่า “เจอที่ไหน คุยเรื่องอะไร”
ตอนจบของการพูดคุยคือช่วงสำคัญที่สุด เพราะเป็นจังหวะที่คุณต้อง “เก็บความสัมพันธ์ไว้ต่อยอด” ลองแลกช่องทางติดต่อ เช่น โซเชียลมีเดีย LinkedIn หรือ Instagram พร้อมโน้ตสั้น ๆ ไว้เตือนความจำ เช่น “เจอที่งานออกแบบ UX / คุยเรื่องเครื่องมือรีเสิร์ช” เพื่อให้ทักครั้งต่อไปง่ายและไม่เกร็ง การจำรายละเอียดเล็ก ๆ จะทำให้การพูดคุยครั้งหน้าไหลลื่นเหมือนเพื่อนเก่าเจอกันอีกครั้ง
วิธีเมคเฟรนในแชต
การเมคเฟรนผ่านแชตเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายคนชอบ เพราะไม่ต้องเจอหน้ากันตรง ๆ และมีเวลาคิดก่อนตอบ แต่ความท้าทายคือจะทำยังไงให้ข้อความแรกดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแปลกหรือรีบรุกเกินไป เคล็ดลับสำคัญคือ “เริ่มจากความจริงใจและมีบริบท” เพราะในโลกออนไลน์ การสื่อสารต้องพึ่งถ้อยคำมากกว่าอารมณ์เสียงหรือท่าทาง ดังนั้นโทน คำ และจังหวะจึงสำคัญมาก มาดูวิธีเปิดบทสนทนาและรักษาการคุยให้น่าสนใจต่อเนื่องกัน
เปิดด้วยบริบทชัด ๆ ว่ามาจากที่ไหน
เริ่มต้นด้วยการบอกให้คู่สนทนารู้ว่าคุณมาจากไหนหรือเจอกันในสถานการณ์ใด จะช่วยลดความรู้สึกแปลกหน้าทันที เช่น “เราเจอกันที่เวิร์กชอป UX เมื่อวาน” หรือ “เห็นคอมเมนต์คุณในโพสต์ดีไซน์เลยอยากทัก” การให้บริบทที่ชัดเจนทำให้ข้อความแรกมีความหมาย ไม่ดูสุ่มทักหรือแปลก ๆ และช่วยสร้างภาพจำในใจอีกฝ่ายได้ง่ายกว่า
ใช้ประโยคสั้น 1–2 บรรทัด/หนึ่งย่อหน้า อ่านง่าย
การส่งข้อความยาวเกินไปตั้งแต่แรกอาจทำให้คนอ่านรู้สึกเหนื่อย หรือไม่รู้จะตอบตรงไหนก่อน การเมคเฟรนในแชตควรเน้น “สั้น กระชับ และมีใจความ” เช่น ทักทาย–ใส่บริบท–ชวนคุยต่อในสองบรรทัดก็เพียงพอ การจัดข้อความให้มีช่องว่างช่วยให้อ่านง่ายขึ้น เหมือนการออกแบบ UX ของการสื่อสาร ที่ให้ “ผู้ใช้” หรือคนอ่าน รู้สึกสบายตาและอยากตอบกลับ
ใช้อิโมจิพอดี ๆ เพื่อใส่น้ำเสียง แต่เลี่ยงสแปม
อิโมจิเป็นเครื่องมือสำคัญในยุคแชต เพราะช่วยสื่ออารมณ์ที่คำพูดไม่พอ แต่ต้องใช้อย่างมีสติ เช่น 😊 😆 หรือ 🙌 ก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องใส่ 10 ตัวติดกัน เพราะอาจดูเหมือนพยายามเกินไป หรือทำให้คู่สนทนาอ่านยาก การใช้อิโมจิพอดี ๆ จะช่วยเพิ่มความเป็นกันเองโดยไม่เสียความมืออาชีพ เหมาะทั้งในบริบทส่วนตัวและกึ่งทางการ เช่น การคุยในคอมมูนิตี้งาน
ถามปลายเปิดพร้อมตัวเลือก
การถามคำถามปลายเปิดช่วยให้บทสนทนาไม่ตันเร็ว เช่น แทนที่จะถามว่า “เสาร์นี้ว่างไหม” ลองเปลี่ยนเป็น “เสาร์หรืออาทิตย์สะดวกกว่า?” การให้ตัวเลือกทำให้คนตอบรู้สึกมีส่วนร่วม และลดแรงกดดันเพราะไม่ต้องคิดคำตอบยาวเอง เทคนิคนี้ยังช่วยให้คุณดูใส่ใจและตั้งใจคุย ไม่ใช่แค่ทักมาเฉย ๆ แล้วหายไป
สรุปด้วย “ทางต่อ” เช่น ส่งลิงก์ รูป หรือโน้ตสรุป
การจบบทสนทนาด้วย “สิ่งที่ต่อยอดได้” เช่น ส่งลิงก์ที่พูดถึง รูปจากกิจกรรม หรือโน้ตสรุปสั้น ๆ จะทำให้คู่สนทนารู้สึกว่าคุณให้คุณค่า ไม่ใช่คุยเล่น ๆ แล้วหายไป นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสดีในการวางแผนเจอกันหรือพูดคุยต่อ เช่น “เดี๋ยวส่งโน้ตที่เราคุยไว้ให้นะ” หรือ “ไว้คุยต่อเรื่องนั้นในอาทิตย์หน้า” ช่วยให้การเมคเฟรนดูต่อเนื่องและมีโอกาสพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ระยะยาว

ตัวอย่างสถานการณ์การใช้เมคเฟรน
ในงานเน็ตเวิร์กกิง ให้เริ่มจากบรรยากาศรอบตัว เช่นเวที บูธ คิวอาหาร ในห้องเรียนเริ่มจากหัวข้อวิชาหรือโปรเจกต์ที่กำลังทำ ในคาเฟ่เริ่มจากเมนูหรือมุมถ่ายภาพ ส่วนบนไลฟ์สตรีม กลุ่มออนไลน์ เริ่มจากคอมเมนต์ที่สร้างประโยชน์ เช่นสรุปไฮไลต์ที่วิทยากรพูด แล้วชวนแลกแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม จากนั้นเก็บคอนแท็กและทักทายซ้ำภายใน 24–48 ชั่วโมง (ถ้าอยากหาไอเดียแต่งมุมพบปะเพื่อนที่บ้าน แวะดู บ้านและไอเดียจัดบ้าน ได้)
เคล็ดลับและวิธีเมคเฟรนแบบง่าย ๆ ได้เพื่อนใหม่แน่นอน
1) เตรียม “อินโทร 10 วินาที”
ก่อนจะเริ่มเมคเฟรน ลองซ้อมพูด “อินโทร 10 วินาที” เกี่ยวกับตัวเองให้กระชับและชัดเจน เพราะการแนะนำตัวที่ดีช่วยให้คู่สนทนารู้ว่าคุณคือใคร สนใจเรื่องอะไร และกำลังมองหาแบบไหน เช่น “เราเป็นดีไซเนอร์อินเตอร์เฟซ สนใจเรื่อง UX Research กำลังหาเพื่อนคุยแลกเครื่องมือที่ใช้กันอยู่” การเตรียมแบบนี้ช่วยให้การเปิดบทสนทนาเป็นธรรมชาติ ไม่ยืดยาว และทำให้คนฟังรู้สึกว่า “อยากรู้จักต่อ” มากกว่าแค่ทักทายทั่วไป
2) กฎ 70/30
หัวใจของการเมคเฟรนที่ดีคือ “ฟังให้มากกว่าพูด” โดยใช้กฎ 70/30 คือ ปล่อยให้คู่สนทนาได้เล่า 70% แล้วคุณพูดเสริมเพียง 30% ด้วยคำถามหรือความคิดเห็นสั้น ๆ วิธีนี้ช่วยให้เขารู้สึกว่าคุณตั้งใจฟังและให้ความสนใจจริง ๆ เช่น พอเขาเล่าเรื่องงานหรือกิจกรรม คุณอาจถามต่อว่า “แล้วตอนนั้นเจอปัญหาไหม?” หรือ “โห ฟังดูน่าสนุกมากเลย” การให้พื้นที่อีกฝ่ายคือกุญแจสำคัญของการสร้างความไว้วางใจ
3) ชมอย่างจริงใจ + ระบุสิ่งที่ชม
คำชมเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเมคเฟรน แต่ต้องมาจากความจริงใจและมีรายละเอียด การพูดชมแบบกว้าง ๆ อย่าง “เก่งจังเลย” มักฟังดูทั่วไปเกินไป ลองระบุสิ่งที่คุณประทับใจ เช่น “สไลด์ที่คุณทำ สรุปข้อสามได้น่าสนใจมาก” หรือ “โทนสีเสื้อกับรองเท้าเข้ากันสุด ๆ” เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าคุณใส่ใจในรายละเอียด คำชมของคุณจะดูมีน้ำหนัก และช่วยเปิดใจให้เขาอยากคุยกับคุณมากขึ้น

4) ใช้พร็อพชวนคุย
บางครั้งการเมคเฟรนไม่จำเป็นต้องเริ่มจากคำพูด แต่อาจเริ่มจาก “สิ่งที่เห็น” รอบตัว เช่น เข็มกลัดลายเท่ ๆ เคสมือถือแปลกตา หรือกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัว สิ่งเหล่านี้ทำหน้าที่เป็น “พร็อพเปิดบทสนทนา” ได้ดี เช่น “เคสมือถือน่ารักจัง ซื้อที่ไหนเหรอ?” หรือ “กลิ่นน้ำหอมนี้หอมมากเลย” การชวนคุยจากสิ่งเล็ก ๆ ทำให้บรรยากาศดูเป็นธรรมชาติและไม่กดดัน อีกฝ่ายก็รู้สึกสบายใจที่จะตอบกลับ
5) จบให้มีทางต่อเสมอ
หนึ่งในเทคนิคที่หลายคนมองข้ามคือ “การจบบทสนทนา” ให้มีจังหวะต่อ การพูดสรุปสั้น ๆ พร้อมนัดหมายเล็ก ๆ เช่น “ดีมากเลย เดี๋ยวคืนนี้ส่งลิสต์พอดแคสต์ให้นะ” เป็นการปิดจบที่มีคุณค่า เพราะคุณไม่ได้ตัดจบ แต่เปิดประตูไว้ให้เจอกันอีก การรักษาคำพูดในสิ่งที่รับปากไว้ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและทำให้ความสัมพันธ์ยั่งยืนมากขึ้น
6) ระบบจำชื่อและบริบท
เคล็ดลับสำคัญของการเมคเฟรนคือ “จำชื่อและรายละเอียดเล็ก ๆ” ให้ได้ เพราะการทักชื่อได้ถูก หรือพูดถึงเรื่องที่เคยคุยไว้ แสดงว่าคุณใส่ใจจริง ๆ หลังเจอกัน ลองจดสั้น ๆ ว่า “ชื่อ–ที่เจอ–หัวข้อที่คุย–สิ่งที่รับปากไว้” วิธีนี้ช่วยให้บทสนทนาครั้งต่อไปเป็นธรรมชาติ ไม่เกร็ง และสร้างความประทับใจได้ตั้งแต่ต้น เช่น “คราวก่อนคุณเล่าว่าชอบดูซีรีส์เกาหลี ตอนนี้ดูเรื่องใหม่ยัง?” เพียงเท่านี้ก็รู้สึกใกล้ชิดขึ้นทันที
7) ปรับตาม MBTI/สไตล์การคุย
คนแต่ละแบบมีวิธีสื่อสารไม่เหมือนกัน ถ้าเจอคนที่เป็น “I” (อินโทรเวิร์ต) ให้ใช้จังหวะคุยแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งถามลึกเร็วเกิน ส่วน “E” (เอ็กซ์โทรเวิร์ต) ชอบการพูดคุยแบบมีพลัง เปิดพื้นที่ให้เขาได้เล่าเยอะหน่อย ถ้าเป็นสาย “T” (คิดเป็นเหตุผล) ใช้ข้อมูลชัดเจน ส่วน “F” (อารมณ์ความรู้สึก) ใช้น้ำเสียงอบอุ่นและเห็นอกเห็นใจ การเมคเฟรนแบบเข้าใจความต่างจะช่วยให้ทุกการสนทนารู้สึกสบายใจและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : MBTI คืออะไร? รู้จัก 16 ประเภทแบบทดสอบบุคลิกภาพ ที่ช่วยให้รู้จักตัวเองมากขึ้น
สิ่งที่ห้ามทำ สำหรับการเมคเฟรน
1) ถามเรื่องส่วนตัวลึกเกินไปตั้งแต่ต้น
การชวนคุยเรื่องส่วนตัวอย่างรายได้ การเมือง ศาสนา หรือความสัมพันธ์ ตั้งแต่ยังไม่สนิท ถือเป็นการละเมิดพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่รู้ตัว การเมคเฟรนที่ดีควรเริ่มจากหัวข้อกลาง ๆ เช่น งานอดิเรก หนัง เพลง หรือเรื่องทั่วไป เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับเข้าสู่ประเด็นส่วนตัว การเคารพขอบเขตของอีกฝ่ายคือพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
2) เปิดมาด้วยการขายของ/ยัดเยียดบริการ
เริ่มบทสนทนาด้วยการขายของทันที มักทำให้คู่สนทนารู้สึกไม่จริงใจ เพราะเหมือนถูกมองเป็น “ลูกค้า” ไม่ใช่ “เพื่อน” วิธีที่ดีกว่าคือเริ่มจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ พูดคุยในประเด็นที่อีกฝ่ายสนใจ แล้วค่อยเสนอสินค้าหรือบริการเมื่อมีบริบทและความไว้ใจ การเมคเฟรนจึงต้องเน้นสร้าง connection ก่อน conversion เสมอ
3) พูดแทรก ไม่ฟังให้จบ
การขัดหรือพูดแทรกกลางคันทำให้คู่สนทนารู้สึกไม่ถูกให้เกียรติ การฟังให้จบก่อนตอบคือมารยาทพื้นฐานที่สร้างความรู้สึกปลอดภัย การใช้ภาษากายช่วย เช่น พยักหน้า ยิ้ม หรือพูดเสริมสั้น ๆ อย่าง “อืม”, “เข้าใจเลย” ช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น การฟังอย่างตั้งใจคือสัญญาณของความเคารพและการให้ค่าอีกฝ่าย
4) โยนมุกที่อาจล้อเลียนอัตลักษณ์
หลีกเลี่ยงมุกเกี่ยวกับเพศ เชื้อชาติ รูปร่าง สีผิว หรือภูมิหลัง เพราะแม้คุณจะไม่ได้ตั้งใจ แต่คำพูดเหล่านี้อาจกระทบใจอีกฝ่ายได้ง่าย โลกยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและความเข้าใจในความหลากหลาย การเมคเฟรนควรเริ่มจากอารมณ์ขันที่ปลอดภัย เช่น มุกเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไป ไม่ใช่ตัวตนของคนอื่น
5) Overpromise แล้วหาย
การพูดว่าจะส่งไฟล์ ลิงก์ หรือติดต่อกลับ แล้วไม่ทำ ทำให้ความเชื่อใจหายไปในทันที แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่สะท้อนถึงความรับผิดชอบและความจริงใจ การรักษาคำพูดเป็นสิ่งที่ช่วยให้การเมคเฟรนดูมั่นคงและน่าไว้ใจมากขึ้น ถ้ายังทำไม่ได้ตอนนั้น ให้บอกตามตรง ดีกว่ารับปากแล้วเงียบหาย
6) ส่งข้อความถี่เกิน/ยาวเกิน
การส่งข้อความติดกันหลายบรรทัด หรือพิมพ์ยาวจนอีกฝ่ายอ่านไม่ทัน อาจทำให้เขารู้สึกอึดอัด การเมคเฟรนที่ดีควรให้ “จังหวะหายใจ” ในการตอบโต้ โดยเฉพาะในแชต ควรส่งข้อความที่สั้น กระชับ และมีสาระ ไม่ต้องรีบพูดทุกอย่างในครั้งเดียว เพราะความสบายใจคือหัวใจของมิตรภาพที่แท้จริง
สรุป
“เมคเฟรน” ไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าใจหลัก สังเกต > เริ่ม > ต่อ > เก็บ และมีคลังประโยคสั้น ๆ ติดตัวไว้ คุณจะเริ่มบทสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะ และต่อยอดไปสู่ความร่วมมือหรือมิตรภาพใหม่ ๆ ได้จริง อย่าลืมจบให้มี “ทางต่อ” เช่นแลกลิงก์ พูดคุยนัดสั้น ๆ หรือแลกเพลย์ลิสต์โปรด หากอยากมีพร็อพชวนคุย (เข็มกลัด สติกเกอร์ชื่อ ของขวัญชิ้นเล็ก กลิ่นหอมพกพา) เลือกช้อปง่าย ๆ ผ่านแอป Shopee แล้วไป “เมคเฟรน” อย่างมั่นใจได้เลย
บทความแนะนำ