แนะนำวิธีปลูกอะโวคาโดว่ามีอะไรบ้าง เช่น วิธีปลูกอะโวคาโดในกระถาง วิธีปลูกอะโวคาโดจากเมล็ด รวมทั้งวิธีเพาะอะโวคาโดด้วยวิธีเพาะเมล็ดอะโวคาโดทำได้อย่างไร
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่เป็นแหล่งวิตามินอีสูงและเต็มไปด้วยไขมันที่ดีต่อร่างกาย เดิมประเทศไทยไม่ใช่แหล่งปลูกอะโวคาโดดั้งเดิม แต่เมื่อผลไม้ชนิดนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับราคาอะโวคาโดที่นำเข้ามาจากต่างประเทศมักมีราคาแพง เราจึงเริ่มทดลองปลูกต้นอะโวคาโดในประเทศไทย และได้ผลผลิตดีในแถบภาคเหนือ และนี่เองที่เป็นผลไม้ที่สายรักสุขภาพขาดไม่ได้เลย
และสำหรับใครที่ชื่นชอบผลไม้ชนิดนี้หรือสนใจปลูกเพื่อหารายได้ คราวนี้เราก็มีวิธีปลูกอะโวคาโดมาฝากกัน โดยเริ่มตั้งแต่วิธีเพาะอะโวคาโด ไปจนถึงวิธีปลูกอะโวคาโดจากเมล็ดให้ได้ลองดูเป็นไอเดียในการปลูกอะโวคาโดกัน
หัวข้อต่างๆ ของบทความนี้
1. ทำความรู้จักกับอะโวคาโด
อะโวคาโดเป็นไม้เนื้ออ่อนยืนต้นที่มีทรงพุ่มเตี้ย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Persea americana Miller. จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับการบูรและอบเชย ต้นอะโวคาโดเป็นไม้ที่มีใบเขียวสดตลอดทั้งปี มีร่วงบ้างตอนใกล้ออกดอก ต้นโตเต็มที่มีความสูงได้ถึง 6 – 18 เมตร มีทั้งทรงลำต้นตรง ลำต้นอวบใหญ่ ลำต้นเป็นทรงพุ่มเตี้ย
สำหรับส่วนที่รับประทานของอะโวคาโดเป็นส่วนของผลซึ่งเป็นผลเดี่ยว รูปผลทรงไข่ไก่หรือผลกลม สีผิวมีทั้งเขียวปนเหลือง เขียวปนม่วง และมักมีลักษณะผิวขรุขระเป็นมัน มีความเหนียวและหนา ห่อหุ้มส่วนที่เป็นเนื้อสีเหลืองอ่อนจนถึงเหลืองที่อยู่ด้านใน ซึ่งถัดเข้าไปจะเป็นเมล็ดที่มีลักษณะกลมใหญ่คล้ายลูกข่างหรือกลมแป้น สามารถนำไปเพาะพันธุ์ต่อได้
สายพันธุ์อะโวคาโดที่นิยมปลูกในไทย
- พันธุ์ปีเตอร์สัน มีลักษณะผลค่อนข้างกลม เป็นพันธุ์เบามีขนาดลูกเล็กถึงกลาง น้ำหนักลูกละ 200 – 300 กรัม เนื้อสีเหลืองอมเขียว รสดี
- พันธุ์บัคคาเนีย ลักษณะผลค่อนข้างกลมรี เป็นพันธุ์ขนาดกลาง น้ำหนักลูกละ 300 – 500 กรัม มีเปลือกหนาขรุขระ เนื้อสีเหลืองอ่อน รสดี เก็บเกี่ยวผลได้เร็วปานกลาง
- พันธุ์บูท7 เป็นพันธุ์ที่ให้ผลขนาดกลางที่น้ำหนัก 300 – 500 กรัม มีเปลือกหนาขรุขระสีเขียว เนื้อสีเหลืองอ่อน รสดี
- พันธุ์บูท8 ให้ผลรูปไข่ เป็นพันธุ์ที่ให้ผลขนาดเล็กถึงกลาง คือน้ำหนักต่อลูกอยู่ที่ประมาณ 270 – 400 กรัม เปลือกหนาสีเขียว เนื้อสีครีมอ่อน รสชาติพอใช้
- พันธุ์ฮอลล์ มีผลรูปทรงคล้ายหลอดไฟ น้ำหนักราว 400 – 500 กรัมต่อลูก ผิวค่อนข้างเรียบสีเขียวเข้ม เนื้อสีเหลืองเข้ม
- พันธุ์แฮสส์ มีผลรูปไข่ น้ำหนักต่อลูกประมาณ 200 – 300 กรัม ผลมีผิวขระขระมากสีเขียวเข้ม เมื่อสุกอาจมีสีม่วงเจือ เนื้อผลสีเหลือง เป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากสายพันธุ์หนึ่งในไทย
2. ธรรมชาติของอะโวคาโด
อะโวคาโดเป็นพืชที่ชอบความชื้น ชอบดินที่อุ้มน้ำได้แต่สามารถระบายน้ำได้ดี ไม่ชอบสภาพที่มีน้ำขังเฉอะแฉะเนื่องจากระบบรากอ่อนแอต่อเชื้อราที่มากับความชื้นในดิน ต้องการแดดดีไม่ถูกบดบังจากต้นไม้อื่น และควรใช้ดินที่อุดมด้วยสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์เพื่อให้ต้นอะโวคาโดเติบโตได้ดี
อะโวคาโดจะเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศแบบอบอุ่นที่หนาวไม่รุนแรง อุณหภูมิที่ต่ำกว่า 1.6 องศาเซลเซียสจะทำให้ต้นอะโวคาโดงอกได้ช้าและเติบโตได้ไม่มากเท่าที่ควร
3. วิธีเพาะอะโวคาโด
สำหรับวิธีปลูกอะโวคาโดนั้นจุดสำคัญอย่างแรกที่จะทำให้เราได้ต้นอะโวคาโดที่สมบูรณ์แข็งแรง ทนทานต่อโรคและสภาพแวดล้อมก็คือต้นกล้าอะโวคาโดที่สมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งเราก็มีวิธีเพาะอะโวคาโดอย่างง่ายแบบบ้าน ๆ มาให้เพื่อน ๆ ลองรำไปใช้ได้ 2 วิธี คือ
วิธีเพาะเมล็ดอะโวคาโดแบบห่อกระดาษทิษชู่
วิธีนี้เริ่มจากการเตรียมเมล็ดอะโวคาโด โดยเลือกเมล็ดจากผลที่แก่จัดแต่ไม่มีรอยโรคที่จะติดไปสู่เมล็ดได้ จากนั้นค่อย ๆ แกะเมล็ดออกจากผลอะโวคาโด หลีกเลี่ยงการใช้มีดผ่าผลอะโวคาโดเนื่องจากมีดอาจทำอันตรายกับเมล็ดอะโวคาโดได้
เมื่อได้เมล็ดอะโวคาโดมาแล้วนำไปล้างด้วยน้ำอุ่น ระวังไม่ให้เมล็ดบอบช้ำแต่พยายามล้างเศษเนื้ออะโวคาโดออกให้หมด แล้วนำขึ้นมาห่อด้วยกระดาษทิษชู่หลาย ๆ ชั้นใส่ลงในถุงพลาสติก เก็บไว้ให้ห่างจากแสงแดด เช่น ในกล่อง หรือ ในตู้
ลองตรวจเมล็ดทุก ๆ 4 วันว่าเริ่มมีรากงอกออกมาบ้างหรือไม่ และกระดาษทิษชู่ที่ห่อเมล็ดไว้ยังเปียกหมาดอยู่หรือเปล่า ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ที่รากจะงอก และเปลือกของเมล็ดจะเริ่มปริแตก ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่เมล็ดบอบบางมากและไม่ควรกระทบกระเทือนให้เมล็ดแตก เพราะจะส่งผลถึงความสมบูรณ์ของต้นกล้าอะโวคาโดในภายหลังได้ และเมื่อรากเริ่มยาวได้ประมาณ 3 นิ้วก็เริ่มนำไปลงปลูกได้
วิธีเพาะเมล็ดอะโวคาโดแบบลอยน้ำ
เช่นเดียวกับวิธีข้างต้น เตรียมเมล็ดอะโวคาโดที่ล้างเนื้อออกแล้วจากนั้นให้นำเมล็ดอะโวคาโดใส่ลงในภาชนะที่หล่อน้ำ โดยให้ส่วนล่างของเมล็ดอะโวคาโดอยู่ใต้น้ำ เพราะส่วนนี้จะเป็นส่วนที่รากงอกออกมา และส่วนที่อยู่ด้านตรงข้ามจะเป็นส่วนที่ต้นอ่อนของอะโวคาโดจะงอกออกมาเช่นกัน
จากนั้นนำไม้จิ้มฟันมาแทงเข้าไปในเนื้อเมล็ดเพื่อค้ำให้ส่วนบนของเมล็ดอะโวคาโดลอยอยู่เหนือน้ำ ขณะที่ส่วนล่างของเมล็ดยังคงจมน้ำอยู่ จากนั้นเติมน้ำลงในภาชนะให้พอหล่อส่วนที่จะงอกรากออกมาได้ เมื่อผ่านไปราว 2 – 8 สัปดาห์ก็จะเริ่มเห็นรากงอกออกมาจากส่วนล่าง และส่วนบนของเมล็ดจะเริ่มเป็นแผ่นหลุดลอกและมีลำต้นงอกออกมา
เมื่อลำต้นงอกออกมาได้ราว 6 นิ้ว และรากยาวได้ประมาณ 4 – 5 นิ้วก็เริ่มเตรียมนำไปลงปลูกในขั้นตอนไปได้
4. วิธีปลูกอะโวคาโดจากเมล็ด : วิธีปลูกอะโวคาโดในกระถาง
สำหรับวิธีปลูกอะโวคาโดจากเมล็ดเมื่อเราเพาะได้กล้าต้นอะโวคาโดมาแล้วก็สามารถนำมาปลูกต่อได้ง่าย ๆ ในบ้านของเราเองด้วยวิธีปลูกอะโวคาโดในกระถางนั่นเอง ซึ่งมีวิธีที่ไม่ยุ่งยากดังนี้
เตรียมดินปลูกพร้อมกระถางขนาด 8 นิ้ว โดยใส่ดินลงไปก่อนประมาณครึ่งกระถาง จากนั้นนำเมล็ดอะโวคาโดที่เราเพาะได้เรียบร้อยแล้วมาวางลงไป โดยต้องวางลงไปแบบระมัดระวังอย่างมากเพื่อไม่ให้รากและเมล็ดได้รับการกระทบกระเทือนจนเสียหาย แล้วใส่ดินที่เหลือกลบตามลงไป แต่ให้เหลือส่วนบนของเมล็ดโผล่พ้นดินออมาเล็กน้อย จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มและอาจโรยรอบกระถางด้วยปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักได้ตามต้องการ
อะโวคาโดชอบน้ำปานกลาง ดังนั้นวันไหนที่อากาศแห้งก็สามารถใช้การสเปรย์ไอน้ำแทนได้ และเมื่ออะโวคาโดเริ่มแตกใบแท้ก็สามารถใส่ปุ๋ยสูตร 7-9-5 ทุก ๆ 3 เดือน เมื่ออะโวคาโดโตขึ้นเราก็ควรเปลี่ยนกระถางต้นอะโวคาโดไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้รากแกร็น จนเมื่อเปลี่ยนเป็นกระถาง 24 นิ้วก็เป็นสัญญาณว่าต้นอะโวคาโดพร้อมสำหรับการออกผลแล้ว
วิธีปลูกอะโวคาโดนั้นไม่ยาก คุณก็ทำได้!
การปลูกต้นไม้เพื่อให้ได้ผลผลิตนับเป็นหนึ่งในความภูมิใจของผู้ปลูก ต้นอะโวคาโดก็เป็นต้นไม้อีกชนิดหนึ่งที่ได้ชื่อว่าปลูกยากดังที่เราเห็นวิธีเพาะเมล็ดอะโวคาโดอันซับซ้อนที่ต้องคอยลุ้นการงอกแล้วหากไม่ท้อเสียก่อนก็สามารถมองว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายได้เหมือนกัน และวิธีปลูกอะโวคาโดที่เราเตรียมมาให้นี้ก็สามารถทำให้เพื่อน ๆ ดูและต้นอะโวคาโดไปจนเก็บผลผลิตได้เลยทีเดียว และหากใครที่ปลูกจนได้ผลอะโวคาโดก็นับว่าคุ้มค่าและน่าภูมิใจไม่น้อยเลย